วันเวลาปัจจุบัน 08 พ.ย. 2024, 12:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2023, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8258


 ข้อมูลส่วนตัว




15327450_1042548919208072_4674952769716994618_n.jpg
15327450_1042548919208072_4674952769716994618_n.jpg [ 133.86 KiB | เปิดดู 2660 ครั้ง ]
จำแนกองค์มัค ๙ คือ

๑. สัมมาทิฏฐิการเห็นชอบได้แก่ปัญญาเจ ที่ในติเหตุกจิต ๔๗
(ติเหตุกจิต ๔๗ คือ กาม. โสภณสํ ๑๒ มหัคคจิต ๒๗
โลกุตตระ ๘)
๒. มิจฉาทิฏฐิ การเห็นผิดได้แก่ ทิฏฐิเจ ในโลภทิฏฐิคตสํ ๔
๓. สัมมาสังกัปปะ การดำริชอบ ได้แก่ วิตกเจ. ในจินตนาการ ๓๕
(จิต ๓๕ คือ กามโสภณะ ๒๔ ปฐมฌาน ๑๑ )
มิจฉาสังกัปปะ การดำริผิด ได้แก่ วิตกเจ ในอนาคต. ๑๒
๔. สัมมาวาจา วาจาชอบ ได้แก่ วจีสุจวิต ๔ อย่าง คือ ไม่พูด
ปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ได้แก่
จิต ๑๖. (จิต ๑๖ คือ กุ. ๘. โลกุตตระ ๘)
มิจฉาวาจา วาจาผิด ได้แก่ วจีทุจริต ๔ อย่าง คือ พูดปด
พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ที่ไนอกุศลจิตตุปบาท ๑๒
๕. สัมมากัมมันตะ การงานซอบ ได้แก่ การงานสุจริต ๓ อย่าง
คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ล่วงกาม ได้แก่ ส้มมากัมมันตะเจ.
ในจิต ๑๖ (จิต ๑๖ คือ กุ ๘ โลกุตตระ)
มิจฉากัมมันตะ การงานผิด ได้แก่การงานทุจริต ๓ อย่าง คือ
ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ล่วงกาม ที่ในอกุศลจิตตุปบาท ๑๒
๖. สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ ได้แก่กายสุจริต ๓ วจีสุจริต ๔
สัมมาอาชีวะ ใน จิต ๑๖ (จิต ๑๖ คือ กุ. ๘ โลกุตตระ ๘)
มิจฉาอาชีวะ อาชีพผิด ได้แก่ กายทุจริต ๓ วจีทุจริต ๔ ที่
ในอกุศลจิตตุปบาท ๑๒
๗. สัมมาวายามะ ความเพียรชอบได้แก้วิริยะเจ ที่ในโสภณจิต ๕๙
(จิต ๕๙ คือ กามโสภณะ ๒๔ มหัคคตจิต ๒๗ โลกุตตระ ๘)
มิจฉาวายามะ ความเพียรผิด ได้แก่ วิริยะเจ ที่ในอกุ. ๑๒
๘. สัมมาสติ การระลึกชอบ ได้แก่ สติเจ ที่ในโสภณจิต ๕๙
มิจฉาสติ การระลึกผิดได้แก่จิตที่ขาดสติที่ในอกุศลจิตตุปบาท ๑๒

๙. สัมมาสมาธิ การตั้งใจมั่นชอบ ได้แก่ เอกัคคตาเจ ที่ในโสภณจิต ๕๙
มิจฉาสมาธิ การตั้งใจมั่นผิด ได้แก่ เอกัดคตาเจ.
ที่นอน ๑๑ (เว้นเอกัคคตาเจ.ใน โมหวิจิกิจฉา)

องค์มัค ๙ นี้ กล่าวตามองค์ธรรมที่ไม่ซ้ำกัน แต่ถ้านับองค์ธรรม
ที่ซ้ำกันเป็นสัมมามัค ๘ กับมิจฉามัค ๘ ถ้าเป็นองค์มัค ๑๒ ตามนัยอภิธรรม
ได้แก่ สัมมามัค ๘ มิจฉามัค ๔

มิจฉามัค ๔ ได้แก่ มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังกัปปะ มิจฉาวายามะ
มิจฉาสมาธิ เมื่อว่าโดยองค์ธรรมที่ไม่ซ้ำกัน ก็คงได้องค์มัค ๙ นั่นเอง
ถ้านับตามนัยพระสูตร นับมัค ๑๖คือ สัมมามัด ๘ กับมิจฉามัค ๘
องค์ธรรมคงได้ องค์มัด ๙ เท่ากัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2023, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8258


 ข้อมูลส่วนตัว




FB_IMG_1687503424213.jpg
FB_IMG_1687503424213.jpg [ 69.62 KiB | เปิดดู 2594 ครั้ง ]
สำหรับมิจฉามัค ๘ ที่เป็นมิจฉาวาจา มิจฉากัมมันตะ มิจฉา
อาชีวะ และมิจฉาสติ ธรรมเหล่านี้ไม่มีองค์ธรรม ก็ให้เอาจิตตุปบาทที่เป็น
อกุศลนั้นเองเป็นมิจฉามัค
ส่วนมิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังกัปปะมิจฉาวายามะ มิจฉาสมาธิ มีองค์ธรรม

อธิบายสัมมามัค ๘

สัมมามัค ๘ มี ๒ อย่าง คือ
สัมมามัคไปสู่สุคติ กับสัมมามัคไปสู่อคติ คือ พระนิพพาน

สัมมามัคไปสู่สุคติ ต้องมีปัญญาเชื่อกรรม เป็นกัมมสกตาสัมมา
ทิฏฐิ เจริญกุศลกรรมบถ ๑๐ไปสู่มนุษย์ เทวดา เจริญมหัคคตกุศลไปสู่
รูปพรหม อรูปพรหม เจริญศีล สมาธิ ปัญญาทีละอย่าง ละได้แต่กิเลส
อย่างหยาบ อย่างกลาง

สัมมามัคไปสู่อคติ ต้องมีปัญญารู้เหตุผลความจริง เป็นวิปัสสนา
สัมมาทิฏฐิ เจริญสติปัฏฐานเป็น บุพพภาคมัค เป็นมัคเบื้องต้นก่อน เป็น
ปัญจังคิกมัค มัคมีองค์ ๕ มีปรมัตถ์หรือนามรูปเป็นอารมณ์ปัจจุบัน
ศีล สมาธิ ปัญญา เกิดร่วมในอารมณ์เดียวกัน เป็นโลกิยมัค ละอนุสัยกิเลส

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2023, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8258


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นตทังคปหาน เจริญวิปัสสนาต่อไปจนถึงมัคจิต เป็นมัคเบื้องปลาย
เป็นอัฎฐังคิกมัค มัคมีองค์ ๘ มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ มีศีล สมาธิ ปัญญา
เกิดร่วมในอารมณ์เดียวกัน เป็นโลกุตตรมัค ละอนุสัยกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน

๑. ส้มมาทิฏฐิ การเห็นชอบ องค์ธรรมได้แก่ ปัญญา เจ ที่
รู้แจ้งอริยสัจจ์ครบทั้ง ๔ คือ รู้ทุกข์ ละสมุทัย แจ้งนิโรธ เจริญมัน มีพระ
นิพพานเป็นอารมณ์ เป็นสัมมาทิฏฐิในมัคสัจจ์ เป็นโลกุตตรมัค

ถ้าเป็นโลกิยมัค คือเจริญสติปัฏฐาน มีนามรูปเป็นอารมณ์
สัมมาทิฏฐิไปสู่สุคติ เจริญกุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นต้น

๒.๑ สัมมาสังกัปปะ การดำริชอบ องค์ธรรมได้แก่ วิตกเจตสิก
ดำริในธรรม ๓ อย่าง คือ

๒.๑ เนกข้มมสังกัปปะ ดำริออกจากกาม ได้แก่ วิตก ที่
ประกอบกับกุศลทั้งหลาย ชื่อว่าเนกขัมมะ เพราะออกจากกาม เมื่อกุศลกลจิต
กามทั้งหลายก็เกิดไม่ได้

๒.๒ อพยาปาทสังกัปปะ ดำริออกจากความพยาบาท ได้แก่
วิตกที่ประกอบด้วยเมตตา เป็นปฏิปักษ์ต่อพยาบาท

๒.๓ อวิหิงสาสังกัปปะ ดำริออกจากการเบียดเบียน ไดั
แก่วิตกที่ประกอบด้วยกรุณา เป็นปฏิปักษ์ต่อการเบียดเบียน
วิตกดำริชอบ ทำให้พันจากความยินดียินร้าย เพราะมีนามรูปเป็น
อารมณ์ปัจจุบัน จึงทำลายอภิชฌา โทมนัสให้พินาศ ก็ละวิตกในกาม ใน
การพยาบาท ในการเบียดเบียนได้ทั้ง ๓ เป็นตทังคะ เป็นโลกิยมัค
ถ้าเป็นโลกุตตรมัคมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ ก็ละวิตกทั้ง ๓ เป็นสมุจเฉท
ถ้าเป็นสัมมามัคไปสู่สุคติ ก็ละวิตกได้ทีละอย่าง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2024, 09:52 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2885


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร