วันเวลาปัจจุบัน 19 ส.ค. 2025, 03:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2024, 06:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว




Screenshot_20241030_105942_TikTok.jpg
Screenshot_20241030_105942_TikTok.jpg [ 158.78 KiB | เปิดดู 1096 ครั้ง ]
ยึดโดยความไม่เที่ยงแล้วออกโดยความไม่เที่ยงเป็นต้น

[๗๘๗] โยคาวจรทำนหนึ่ง ทีแรกทีเดียวพิจารณกสังขารโดยควานไม่เที่ยง แต่
เพราะเหตุที่วุฏฐานะ จะมีโดยเพียงการพิจารณาโดยความไม่เที่ยงเท่านั้น ก็หามิได้ ต้อง
พิจารณาโดยเป็นทุกข์บ้าง โดยเป็นอนัตตาบ้าง ฉะนั้น โยคาวจรจึงพิจารณาโดยเป็นทุกข์
บ้าง โดยเป็นอนัตตาบ้าง เมื่อโยคาวจรนั้นปฏิบัติอย่างนี้ วุฏฐานะก็มีในเวลาที่พิจารณา
โดยความไม่เที่ยง โยคาวจรนี้ ชื่อว่า ยึดโดยความไม่เที่ยงแล้วออกโดยความไม่เที่ยง.
แต่ถ้าในเวลาที่เธอพิจารณาโดยความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา วุฏฐานะก็มีขึ้น
โยคาวจรนี้ ชื่อว่า ยึดโดยความไม่เที่ยงแล้วออกโดยความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา.

แม้ในการยึดความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา โยคาจรนี้ก็ชื่อว่า ยึดโดยความ
ไม่เที่ยง แล้วออกโดยลักษณะที่เหลือ ก็มีนัยนี้.

[๗๘๗] (ฎีกาไม่ได้แสดงไว้)

อธิบายตัวอย่างยึดออกโดยพระไตรลักษณ์

[๗๘๘] ก็ในบรรดาชนผู้ออกจากความยึดเหล่านี้ แม้ชนใดยึดโดยความไม่เที่ยง
แม้ชนใดยึดโดยความเป็นทุกข์ แม้ขนใดยึดโดยความเป็นอนัตตา แต่ในเวลาที่ออกมีวุฎ"
ฐานะโดยควานไม่เที่ยง ขนทั้ง ๓ เป็นผู้มากด้วยอธิโมกย์ ย่อมได้เฉพาะศัทธินทรีย์ หลุดพัน
ด้วยอนิมิตตวิโมกข์ ย่อมเป็นสัทธานุสารีในขณะแห่งปฐมมรรค เป็นสัทธาวิมุตต์ในฐานะ
ทั้ง ๗ แต่ถ้ามีวุฏฐานะมีโดยความเป็นทุกข์ไซรั ขนทั้ง ๓ เป็นผู้มากด้วยปัสสัทธิ ย่อมได้
เฉพาะสมาธินทรีย์ ย่อมหลุดพันด้วยอัปปณิหิตวิโมกข์ ย่อมเป็นกายสักขีโดยทุกฐานะ ก็
ในบรรดาเหล่านั้น ขนใดมีอรูปฌานเป็นบาท ขนนั้นย่อมเป็นอุภโตภาควิมุตต์ในผลอันเลิศ
ทีนั้นวุฏฐานะมีแก่ชนเหล่านั้นโดยความเป็นอนัตตา ขนทั้ง ๓ เป็นผู้มากด้วยเวท (ความรู้)
ย่อมได้เฉพาะปัญญินทรีย์ หลุดพ้นด้วยสูญญตวิโมกข์ เป็นธัมมานุสารีในขณะแห่งปฐม-
มรรค เป็นทิฏฐิปัปัตตะใน ๖ ฐานะ เป็นปัญญาวิมุตต์โนผลอันเลิศ แล

(๗๘๘) (๓๐๖) ก็ในอธิการนี้การยึดมิใช่เหตุสำคัญ วุฏฐานะนั่นเองเป็นประมาณ
เพราะหตุนั้น เพื่อจะแสดงว่า แม้การจำแนกวิโมกข์และพระอริยบุคลที่ได้กล่าวแล้วใน
หนหลัง ก็ย่อมมีด้วยอำนาจแห่งวุฏฐานะ ท่านอาจารย์จึงเริ่มคำว่า เอตฺถ จ โยปี เป็นต้น
ความว่า ก็ในบรรดาชนผู้ออกจากความยึดหล่านี้ แม้ชนใด. ในบรรดาเหล่านั้น คำนั้น คําว่า
ขนทั้ง ๓ ท่านอาจารย์กล่าวไว้ โดยถือเอาความต่างที่ได้ด้วยอำนาจความยึดนั่นเอง แม้เมื่อ
ยังไม่มีความต่างด้วยอำนาจวุฏฐานะ.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร