วันเวลาปัจจุบัน 16 ก.ค. 2025, 17:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2021, 07:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8576


 ข้อมูลส่วนตัว


ลักษณะการปกปิดของสันตติ

ตัวอย่างเช่นในกรณีของผู้ที่ไม่ได้กำหนดรู้แยกแยะอาการต่างๆ เช่น (อาการอยากดู อาการดู อาการที่เห็น อาการที่พิจารณา) ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นในขณะที่เห็น ย่อมสำคัญผิดคิดว่า อาการทั้งหมดเหล่านั้นเป็นสิ่งเดียวกัน เป็นกลุ่มเดียวกัน อาการที่ปรากฏเช่นนี้แหละ ท่านเรียกว่า สันตติฆนะ เมื่อใดที่สันตติฆนะเกิดขึ้น บุคคลที่จะเกิดสภาวธรรมเป็นกลุ่มเป็นก้อนเดียวกัน ท่านเรียกว่า ถูกสันตติฆนะปกปิดไม่ให้เห็นตามสภาพตามความเป็นจริง ซึ่งจะทำให้เกิดความสำคัญผิดคิดว่า ตนเองสามารถดูหรือเห็นได้ตามที่ตนต้องการพิจารณาหรือรู้ได้ตามความต้องการ และในที่สุดก็จะเกิดอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นว่า อัตตาตัวตนที่ทำให้เป็นไปตามความปรารถนานั้นมีอยู่

ที่กล่าวมานี้เป็นตัวอย่างในกรณีของรูปเท่านั้น ส่วนในกรณีของการได้ยินเสียง ดมกลิ่น เป็นต้น ก็พึงทราบโดยนัยทำนองเดียวกันนี้ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ไม่ได้กำหนดรู้ขั้นตอนของอาการซึ่งเกี่ยวกับอิริยาบถต่างๆ เช่นในขณะกำลังยืน เดิน นั่ง นอน เป็นต้น ในอาการเหล่านี้ ถ้าไม่สามารถกำหนดแยกแยะอาการของนามคืออาการอยากยืน หรืออาการอยากเดินออกจากอาการของรูปคือ อาการยืน หรืออาการเดินแล้วละก็จะทำให้ผํนั้นเกิดความสำคัญผิดคิดว่าเป็นอาการเดียวกัน คือสำคัญว่า สามารถยืนได้ตามความต้องการ หรือเดินได้ตามความต้องการจนในที่สุดก็เกิดทำให้อุปาทานยึดมั่นว่า อัตตาตัวตนที่ทำได้ตามความต้องการนั้นมีอยู่ซึ่งนี่ก็เป็นผลของการที่ไม่สามารถกำหนดรู้ขั้นตอนของนามและรูปซึ่งเกิดขึ้นคนละขณะ นทำให้ถูกสันตติฆนัปิดบังมิให้เห็นอนัตตลักษณะตามควาทเป็นจริงได้

ถ้าทำลายสันตติได้ อนัตตลักษณะก็จะปรากฏ

เมื่อนักปฏิบัติสามารถกำหนดรู้นามรูปเป็นอย่างๆ ไปไม่ปะปนกัน เป็นต้นว่าความอยากดู อยากเห็นก็เป็นอีกอย่าง การดู การเห็นก็เป็นอีกอย่างไม่ใช่สิ่งเดียวกันไม่ว่านักปฏิบัติจะเห็นหรือได้ยิน หรือเกิดอาการอื่นๆ เขาก็ไม่สำคัญธรรมทั้งหลายว่าเป็นสิ่งเดียวกัน หรือว่าวัตถุเดียวกัน นี้ชื่อว่า สันตติฆนะ ได้สลายไปจากจิตของเขาแล้ว และเมื่อสันตติฆนะได้ถูกทำลายลงแล้วเขาย่อมเกิดความเข้าใจได้อย่างถูกต้องว่าธรรมแต่ละอย่างล้วน ทำหน้าที่ของตนๆ อาการอยากเห็นไม่สามารถทำหน้าที่การเห็นได้ และการเห็นก็ไม่อาจยังกิจคืออาการอยากให้สำเร็จได้ ดังนี้เป็นต้น เมื่อเข้าใจดังนี้แล้ว ย่อมทำให้เกิดญาณปัญญาสามารถรู้แจ้งอนัตตลักษณะว่า"ไม่มีอัตตาตัวตน ซึ่งเป็นผู้สามารุดูได้-เห็นได้-พิจารณาได้-รูได้ ตามความต้องการ จะมีก็เฉพาะแต่สภาวธรรมที่เกิดขึ้น เมื่อมีเหตุปัจจัยอันเหมาะสมเท่านั้น" แม้ในกรณีนี้ของการได้ยินได้ฟัง ก็พึงทราบโดยนัยเดียวกันนี้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร