วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 14:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 20:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2011, 13:20
โพสต์: 12


 ข้อมูลส่วนตัว


หลังจากสวดมนต์แล้ว เกตุดาราสังเกตว่ารุ้งระวีนั้นหลับไปแล้ว แต่น่าแปลกที่เธอเองก่อนที่จะอาบน้ำ ก็รู้สึกง่วง แต่พอได้อาบน้ำ สวดมนต์เพื่อเตรียมนอน เธอกลับไม่รู้สึกง่วงเลย ใจนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำ ยังจำได้ถึงชายหนุ่มนิรนามที่มาปรากฏกายให้เห็นแม้เพียงสองสามนาที แต่เธอกลับมีความรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกันมานานแสนนาน นึกถึงดวงตาคมกริบเมื่อประสานสายตากัน เขาเป็นใครกันนะ แล้วยังพญานาคที่ได้เจอ อีกทั้งงูเหลือมตัวใหญ่ ทุกเหตุการณ์ต่างๆเหมือนมีคนจงใจทำให้เกิดขึ้น อีกทั้งเธอยังรู้สึกหลงใหลในความมหัศจรรย์ของ บั้งไฟพญานาคเสียเหลือเกิน เคยสนใจมานานแล้วตั้งแต่ได้อ่านข่าวปรากฏการณ์นี้ตามหน้าหนังสือพิมพ์ในหลายปีที่ผ่านมา ครั้นพอได้มาเห็นจริง ๆก็ยิ่งประทับใจมากยิ่งขึ้น อยากจะศึกษาที่มาตามความเชื่อของคนหนองคายให้มากกว่านี้ ท้ายที่สุด เกตุดาราจึงตัดสินใจลุกออกจากห้องนอน เปิดประตู มายืนมองพระจันทร์คืนวันขึ้นสิบห้าค่ำที่ระเบียงบ้านเงียบๆอยู่คนเดียว

“ คุณยังไม่นอนอีกหรือ? ไม่สบายหรือเปล่า?” เจ้าของโฮมสเตย์ผู้อารีเอ่ยทักทำลายความเงียบขึ้น เกตุดาราถึงกลับสะดุ้ง หันมาตามเสียงทัก พอเห็นผู้มาเยือนยามวิกาลคือ ป้าเจ้าของบ้านที่เธอและเพื่อนมาเช่าพักนั่นเอง จึงชวนสนทนา
“ หนูนอนไม่หลับค่ะ อยากจะรู้เรื่อง บั้งไฟพญานาคให้มากกว่านี้ คุณป้าพอรู้เรื่องนี้บ้างไหมค่ะ?”
“ ป้าเห็นบั้งไฟพญานาคครั้งแรก ประมาณสิบกว่าปีมาแล้ว เห็นมาหลายปี และป้าก็เชื่อว่าพญานาคมีจริง หนูรู้จักหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตหรือเปล่า ท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า พญานาคมาขอบวชกับพระพุทธเจ้า”
“ แสดงว่า พญานาคตนนั้นเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก”
“ ใช่แล้ว หลวงปู่มั่นท่านเล่าว่า มีพญานาคตนหนึ่ง อยากบวช จึงแปลงกายเป็นมนุษย์ไปบวชกับพระในวัดหนึ่ง พอมาถึงกุฏิทีไร ก็กลายเป็นพญานาค พอนานเข้าภิกษุทั้งหลายรู้ จึงไปทูลบอกพระพุทธเจ้า เพราะเกรงกลัวอำนาจของพญานาคไม่กล้าไล่เอง พระพุทธเจ้าทรงรับรู้ จึงมาโปรด พญานาคตนนั้นก็ยังแปลงร่างเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในรูปพระสงฆ์”
“ แล้วพระพุทธเจ้าท่านเทศน์โปรดให้ฟังหรือเปล่าค่ะ”
“ ท่านเทศน์โปรดว่า กุลบุตรที่จะมาบวชในพระพุทธศาสนา ต้องเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐเท่านั้น จะเป็นกึ่งเทพกึ่งสัตว์ไม่ได้ ถือว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะบวช กลับจะเป็นบาปถ้าฝืน พญานาคเชื่อฟังจึงกลายร่างเป็นพญานาคเหมือนเดิม แต่จะไปสร้างบารมี ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยการถือศีล ฟังธรรม เพื่อจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วขอบวชใหม่”
“ แล้วทำไมเราจึงเรียกคนที่จะบวชเป็นพระว่า นาค เล่าค่ะ”

“ เพราะพุทธเจ้าท่านทรงยกย่องพญานาคตนนั้นว่า ขนาดเขาเป็นกึ่งเทพกึ่งสัตว์ เขายังมีศรัทธาอยากบวชในพระพุทธศาสนา แต่มนุษย์บางคน กลับไม่เคยสนใจในพระพุทธศาสนา ดังนั้น ต่อไป กุลบุตรคนใด ที่จะเข้ามาขอบวชในพระพุทธศาสนา ให้เรียกว่า “นาค” เพื่อเป็นการยกย่องคุณงามความดีของพญานาค”
“ แสดงว่าป้าเชื่อเรื่อง พญานาค และเชื่อว่าดอกไม้ไฟน้ำเกิดจากพญานาค”
“ ไม่ใช่แต่ป้าที่เชื่อ คนหนองคายส่วนใหญ่ก็เชื่อ ที่วัดไทย ตำบลจุมพล อำเภอโพนนิสัย มีการจัดทำพิธีบวงสรวงบูชา พญานาคด้วย เขามีการตั้งโต๊ะเครื่องบวงสรวงทั้งบนดินและลอยน้ำถวายพญานาค เพื่อสักการบูชา ตามความศรัทธาของชาวหนองคายที่มีต่อพญานาค โดยนำเครื่องสักการบูชามาแห่ไปบวงสรวง ผู้คนที่ถือเครื่องสักการบูชา พร้อมใจกันนุ่งขาวห่มขาว มีขบวนฟ้อนของเหล่าสาวงามชาวอำเภอโพนพิสัยที่สวยงามมาก มีชายหนุ่มหล่อและสาวงามที่แต่งกาย

เป็นพญานาคในร่างของมนุษย์และเหล่าบริวารตามจินตนาการของผู้ออกแบบในงานพิธีบวงสรวงบูชาพญานาค ที่งดงามน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง มีพิธีบายศรี สู่ขวัญด้วย เพราะเชื่อว่าพญานาคนั้นมีฤทธิ์อำนาจ ที่สามารถอำนวยความเจริญรุ่งเรือง และความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธ์ธัญญาหาร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการบวงสรวงต่อพญานาคทุกๆปีเป็นประจำ”

เกตุดาราตั้งใจฟังอย่างเพลิดเพลิน พร้อมกับนึกคล้อยตามความศรัทธาของชาวหนองคาย อีกทั้งชื่นชมในความตั้งใจจริงและพร้อมใจกันจัดงานบวงสรวงอย่างยิ่งใหญ่
“ แล้วชาวบ้านยังเชื่อกันว่า ในวันนี้พญานาคจะโผล่ขึ้นมาเพราะพญานาคเป็นผู้ปกครองของแม่น้ำโขง เพื่อให้ ชาวบ้านได้อธิษฐานขอพร ขอให้เจริญรุ่งเรือง และอุดมสมบูรณ์ ในบางปีจะ มีการจัดงานนำเสนอละครพื้นบ้านของแม่น้ำโขง เกี่ยวกับตำนานพญานาค มีการแข่งเรือยาวของชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านในแม่น้ำโขงตามที่มีตำนานเล่าว่า พญานาคมาขอให้จัดงานแข่งเรือยาวขึ้นในวันนี้ ชาวบ้านจะผูกพันกับแม่น้ำโขงอย่างลึกซึ้งและที่ โบสถ์ของวัดหายโศก เล่ากันต่อๆมาว่า มีพญานาคขึ้นมาจากลำน้ำโขง มานั่งฟังเทศน์ฟังธรรมร่วมกับพระบ่อยๆ ในร่างของมนุษย์”
“ มิน่า หนูเห็นที่วัดหลายวัดเลย โดยเฉพาะวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ จะมีราวบันไดโบสถ์ สร้างเป็นรูปพญานาค โดยเฉพาะที่วัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย มีราวบันใดสร้างเป็นตัวพญานาควิจิตรงดงามเหลือเกิน หนูเคยไปมาแล้ว” เกตุดาราเล่าบ้าง
“ มีหลายวัดมากเลยที่มีราวบันใดโบสถ์และวิหารเป็นตัวพญานาค ทีวัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี ภาคกลาง ก็สร้างราวบัดไดทางขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นพญานาคสามตัวงดงามมาก”
“ แสดงว่าไม่ใช่เฉพาะคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือที่เชื่อว่าพญานาคมีจริง คนภาคกลางก็เชื่อด้วยนะค่ะ”
“ ก็เพราะว่ามีเรื่องของพญานาคปรากฏอยู่ในพระพุทธศาสนา ป้าว่าไม่เฉพาะแต่คนไทยเท่านั้นที่เชื่อว่า พญานาคมีจริง คนลาว พม่า กัมพูชา ส่วนใหญ่ก็น่าจะเชื่อว่ามีจริง”

ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเพลิดเพลิน จนเวลาฝ่านไปนานพอสมควร คุณป้าเจ้าของบ้านพักจึงบอกให้เกตุดาราไปนอน เพราะเช้าจะต้องเดินทางกลับ เธอจึงปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย
เมื่อสวดมนต์อีกครั้งหนึ่งเสร็จ แล้ว เกตุดาราก็หลับไป ขณะที่หลับสนิท นั้น เธอได้ฝันไปว่า เห็นตัวเองเดินอยู่คนเดียวบนท้องทุ่งเวิ้งว้าง ทว่าโปร่งโล่งเป็นลานเขียวขจี เพราะปกคลุมไปด้วยทิวหญ้าสด กว้าง ยาวไปจนจรดทิวเขาที่เขียวชอุ่ม อุดมด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ เบื้องหน้าตรงไป ปรากฏเป็นหน้าผาสูงชัน มองลงไปเบื้องล่าง มีแม่น้ำโขงไหลผ่านเป็นทางคดเคี้ยวสุดสายตา เธอเพลิดเพลินชมธรรมชาติยามเช้า จนมิได้สังเกตเลยว่า ขณะนี้ที่ข้างกายของเธอนั้น มีพญางูใหญ่ตัวโตเท่าต้นหมาก เลื้อยมานอนสงบอยู่ มารู้ตัวก็เพราะ มีความรู้สึกว่า มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เธอ เมื่อเหลียวมา ก็พบว่า ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายเป็นสีแดงจ้า ทว่าฉายแววของความเสน่หา และอ่อนโยน จนเธอไม่นึกกลัว ทั้งๆที่ เจ้าของดวงตา มีลำตัวเป็นเกล็ดสีมรกต เลื่อมพราย พญางูมองเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็ผงกหัวคล้ายจะพูดว่า

“ ตามเรามาซิ เราจะพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่ง เธอคงยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน”
พญางูใหญ่เลื้อยนำไปช้า ๆ น่าแปลกที่เกตุดาราก็ตัดสินใจเดินตามไปอย่างง่าย เมื่อมาถึงช่องทางเดินลอดใต้เงื้อมหินสูงจึงพาลอดไป พอถึงที่โล่งมีทางแยก ก็เลี้ยวขวา ผ่านหมู่แมกไม้ แล้วมาโผล่ที่หุบเขาแห่งหนึ่ง พาลัดเลาะไปตามหลืบเขาแคบๆ คดเคี้ยวทอดยาวไปไกล บรรยากาศตอนนี้ เงียบเหงา เปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง หนทางที่ทอดยาวไกลแสนไกล แต่น่าแปลกที่ใช้เวลาสั้นนิดเดียว จนถึงทางชันข้างหน้าแต่มีบันไดหินตามธรรมชาติ ทอดยาวลงไปในถ้ำ ปากทางเข้าถ้ำทางขวามือ มีรูเป็นทางเข้าออกเล็กๆ ของสัตว์บางจำพวก ได้ยินเสียงร้องคำรามดังออกมาจากรูถ้ำนี้ด้วย เมื่อเธอผงะ ตกใจกับเสียงคำราม พญางูใหญ่ก็เหลียวมามองปลอบใจ พร้อมกับส่ายหัวอันใหญ่โตไปมา เหมือนจะบอกว่า
“ ไม่มีอันตรายใดๆ อย่าตกใจไปเลย”

พญางูเลื้อยนำลงไปในถ้ำ บรรยากาศข้างในวิเวกมาก ภายในมีพระพุทธรูปทองคำสวยงามหลายองค์ ตั้งเรียงรายกัน เธอได้ยินเสียงสวดมนต์ดังกังวานแว่วอยู่ในถ้ำด้วย ความรู้สึกบอกตัวเองว่า
“ เสียงสวดมนต์ที่ได้ยิน จะต้องเป็นเสียงของเหล่าเทพเทวดา และเทพธิดาเป็นแน่”
เมื่อคิดเช่นนั้น เธอจึงรู้สึกอบอุ่นใจขึ้น และไม่นึกเกรงภัย ภยันตรายใดๆ อีก

สุดปลายทางของถ้ำ มีทางออกแคบๆนำไปสู่ตลิ่งลาดลงไปสู่แก่งน้ำใส กว้าง แต่น้ำตื้นพอที่จะเดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้ สองฝากฝั่งเป็นทิวแมกไม้เขียวขจี ริมตลิ่งประดับด้วยกอหญ้าเขียวสดแซมด้วยดอกหญ้าสีเข้มจัดจ้าหลากหลายสี แว่วเสียงเหล่าวิหค ทั้งหลาย ร้องเพรียกเรียกหากัน ฟังแล้วเพลิดเพลิน เป็นทำนองไพเราะยิ่งนัก เมื่อมองไปยัง แก่งหินที่ดารดาษเล็กใหญ่กลางสายธาร ซึ่งมีน้ำใสไหลเซาะไปตามเกาะแก่ง มองเห็นฝูงปลาสวย หลากสีสัน หลายเผ่าพันธุ์ แหวกว่ายทวนน้ำขึ้นไปเป็นฝูง ตามกันไปเป็นสาย สร้างความสดชื่น รื่นรมย์ จนต้องหยุดพัก ชื่นชมความงามของธรรมชาติรอบข้าง สายลมเย็นพัดมาปะทะผิว

กาย ลมเย็นอ่อนๆชวนให้เคลิบเคลิ้ม จนต้องหย่อนกายลงนั่งบนเนินหินก้อนหนึ่งที่มีน้ำใส เย็นไหลฝ่าน ถอดรองเท้าออก เอาเท้าทั้งสองข้างแช่น้ำ ยื่นมือไปไล่คว้าจับปลาที่ว่ายมาเป็นฝูง พอจับได้ มันก็ดิ้นหลุดมือไปหมด ตัวมันลื่นๆ นิ่ม ๆ น่ารัก ทำให้อยากจะจับมันมาเล่น ก็เลยกระโดดไล่คว้าจะจับให้ได้ จนพลาดตกลงไปในน้ำ เปียกไปหมดทั้งตัว ทั้งที่อยู่คนเดียว แต่กลับรู้สึกสนุกเสียจน ถึงกับหัวเราะเสียงดัง ขำตัวเอง แต่พยายามเท่าไร ก็จับไม่ได้สักตัวจนเผลอ บ่นอยู่คนเดียวดังๆ
“ เฮ้อ ทำไมจับไม่ได้สักตัว”

หมดสนุกกับฝูงปลา ก็เหลียวหามัคคุเทศก์จำเป็นของเธอ เหลียวซ้าย แลขวา หันไป หันมา ก็พลันสบตากับเจ้าของดวงตาสีแดงจ้า โผล่มาเฉพาะแค่ส่วนศีรษะ ลำตัวแช่อยู่ในน้ำ สายตาที่จับจ้องมองมาที่เธอ กึ่งขำกึ่งเอ็นดูหญิงสาวเสียเหลือเกิน พร้อมกับผงกหัวอีกชวนให้ตามไปต่อ สายตาคู่นั้นเชิญชวนยิ่งนัก คล้ายกับจะบอกว่า
“ รีบตามมาเถอะ ข้างหน้ายังมีสิ่งที่น่าสนใจ มีสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจรอเธออยู่อีกมากมาย”
เกตุดารารีบสวมรองเท้าอย่างว่าง่าย พอสวมเสร็จก็รีบก้าวกระโดดข้ามสายน้ำ ไปยืนบนก้อนหินก้อนน้อยใหญ่ ก้อนแล้วก้อนเล่า ตามพญางูไปเรื่อยๆ จนข้ามไปยังตลิ่งอีกฝั่งหนึ่งได้ในที่สุด

ทว่าตลิ่งฝั่งนี้กลับมีบรรยากาศที่แตกต่างจากฝั่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง จนรู้สึกได้ถึงความสงบ สงัด วิเวก วังเวง ทำให้ความรู้สึกรื่นรมย์เมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นความเหงา ว้าเหว่ อ้างว้าง อย่างหาที่สุดมิได้

ฉับพลันเธอก็สะดุ้งสุดตัว เพราะเสียงคำรามที่ดังกึกก้อง เสียงนั้นดังต่อเนื่องอยู่ชั่วครู่ เมื่อมองไปยังต้นเสียง ก็เหมือนมีมนต์สะกด ทำให้ เธอยืนตะลึง นิ่งไม่ไหวติง มีเพียงสายตาเท่านั้นที่จับจ้องไปยังที่มาของเสียง ซึ่งก็คือเสือโคร่งตัวมหึมา ซึ่งมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ พญาเสือแสดงกิริยาอาการต่างๆ นาๆ ยืดตัวไปยืดตัวมา คล้ายๆจะกระโจนเข้าขบกัดเธออย่างนั้นแหละ กลัวสุดชีวิต แต่ในที่สุดเธอก็บอกกับตัวเอง
“ ถ้าชาติก่อนเราเคยสร้างกรรมต่อกันมา ชาตินี้ท่านพญาเสือโคร่ง จะตามมาเอาชีวิตก็ไม่ว่ากัน”

พอตั้งสติได้ ความกลัวก็ค่อยๆลดลง แต่เอะ ! ทำไมเสือตัวนั้นกลับยืนนิ่งเสียอย่างนั้น เธอสงสัยอยู่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น ก็ได้คำตอบว่าที่เจ้าสัตว์ร้ายไม่คาบเอาเธอไปกิน ก็เป็นเพราะ เมื่อเหลียวหลังกลับไปมองตามสายตาของเจ้าเสือที่กำลังจ้องมองไปข้างหน้า ใจที่ห่อเหี่ยวก็กลับโล่ง ตื้นตันมาแทนที่ ก็พญางูใหญ่ของเธอนั่นเอง ที่กำลังจ้องเขม็งมาที่เจ้าเสือ พร้อมทำท่าทางส่ายหัวไปมา แสดงอาการขับไล่เสือให้หลีกทาง และดูท่าว่าทั้งสองจะสื่อความหมายกันได้ อย่างเข้าใจกันดี เพราะเจ้าเสือรีบก้มหน้า หลบตา ทำกิริยาน่าขันเหมือนกิริยาของคน โดยแสดงท่าทางยำเกรงสูงสุด แล้วจึงค่อยๆ หันหลังกลับ ก้มหน้า ก้มตา เดินเซื่องๆ หนีไปเงียบๆ

เกตุดาราดีใจจนสุดประมาณ ลืมตัวถลาเข้าหาพญางูใหญ่ของเธอ ใจคิดอยากจะกอดสักทีเพื่อแสดงความขอบคุณ แต่พอเข้าไปใกล้จนมือที่ยื่นออกไปสัมผัสกับเกล็ดมรกตแข็งกระด้าง ก็ได้สติ ถอยหลังมาตั้งหลัก ยิ้มกว้าง ก้มหัวคำนับแสดงความขอบคุณ ขณะที่ก้มศีรษะนั่นเอง เธอรู้สึกว่าได้เห็นเงาของเทพบุตรสุดหล่อปานเทพเจ้าอพอลโลของเธอ ยืนอยู่ตรงที่ที่พญางูใหญ่ปรากฏกาย แต่พอเงยหน้าขึ้นมา เงานั้นก็จางหายไป คงเป็นพญางูใหญ่ที่หันหลังกลับ เลื้อยนำเธอเดินทางต่อไป

พญางูใหญ่เลื้อยนำหน้า ทิ้งระยะห่างพอประมาณ เหมือนกลัวว่าจะมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นกับเธออีก เธอจะได้อุ่นใจไม่ต้องตกใจกลัวเหมือนเมื่อครู่นี้ เกตุดาราก็รับรู้ถึงความอาทร ห่วงใยลึกซึ้งของพญางู พร้อมกับรู้สึกว่า ชะรอยเธอกับพญางูใหญ่ น่าจะเคยได้ช่วยเหลือค้ำชูกันมาแต่อดีตชาติ เพราะยิ่งได้ใกล้ชิด ก็ยิ่งคุ้นเคยเหมือนในชาติก่อนเคยเกิดในภพภูมิเดียวกัน และเคยผูกสมัครรักใคร่กันมาแสนนาน

จากนั้นพญางูก็เลื้อยนำไปทางขวามือ แล้วหันมาผงกหัวขึ้นๆลงๆ เป็นเชิงให้ตามเข้าไปในถ้ำซึ่งอยู่เร้นลับ เพราะถูกซ่อนอยู่ลับตา เนื่องจากมีพุ่มไม้ใบหนาปกคลุมจนมองไม่เห็นทางเข้า ขณะเดินอยู่ในนั้น เธอมีความรู้สึกว่า มีสายตาของงูใหญ่ใจร้ายอีกตัวหนึ่ง คอยจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา แต่มิได้ปรากฏตัวให้เห็น คราวนี้เธอไม่หวาดกลัวอีกแล้ว เพราะพญางูใหญ่ของเธอมาเลื้อยนำทางอยู่ข้างๆ กายตลอดเวลา พอเลี้ยวขวาอีกครั้ง เบื้องหน้าปรากฏว่ามีหินงอกและหินย้อยสวยงามมาก ตรงซอกผนังถ้ำ มีช่องทางเดินแคบๆ ขนาดคนธรรมดาเดินผ่านได้ ทว่าข้างในมืดสนิท พญางูใหญ่ผงกหัวอีกครั้งนำทางให้เดินไปตามทางแคบๆนั้น จากนั้นก็เลื้อยนำทางเธอไป

เมื่อเดินทะลุผ่านช่องทางที่มืดและอับชื้น ก้าวเข้าสู่ลานหินกว้าง บริเวณนี้กลับสว่างไสวอย่างไม่น่าเชื่อ จนมองเห็นทางที่เดินอยู่ราบ เลียบ สะอาด เกลี้ยงเกลา ทั้งนี้เพราะ เพดานและผนังอุโมงค์มีอัญมณีหลากหลาย ทั้ง เพชร นิลจินดา โกเมน บุษราคัมและอื่น ๆ ฝังอยู่ในเพดานและผนังถ้ำ ประกายแสงของอัญมณีเปล่งแสงระยิบระยับ สว่างพร่างพรายไปหมด คล้ายแสงของดวงดาวนับแสนดวงบนท้องฟ้า สวยงามแปลกตาจนเกตุดาราตะลึง กวาดสายตามองแล้วมองอีก ทางข้างหน้าลาดต่ำลงเรื่อยๆ เบื้องหน้าปรากฏเป็นคูหาถ้ำกว้างขวางใหญ่โต แต่วิจิตรงดงาม แปลกตาด้วยมีหินย้อยย้อยลงเป็นหลืบฉากคล้ายท้องพระโรง มีแสงสว่างมลังเมลือง วิบวับ ระยิบระยับ อันเกิดจากอัญมณีที่ฝังอยู่ที่เพดานและผนังถ้ำ งดงามเหมือนอยู่ในสรวงสวรรค์ พอเดินเลยเข้าไปข้างในอีก ก็มองเห็นเพดานอุโมงค์ข้างบน เป็นหินสีขาวใสกระจ่าง เหมือนกระจก เมื่อมองทะลุขึ้นไปเบื้องบน ปรากฏมีแม่น้ำใหญ่ไหลเอื่อย อีกทั้งมีท้องฟ้าใส สีครามสวยอยู่เหนือน้ำ ด้วยเพราะเธอเป็นคนที่มีสัมผัสที่หก เธอรู้ได้ในทันทีว่า สายน้ำเบื้องบน คือแม่น้ำโขง และเธอกำลังอยู่ในอุโมงค์แก้วของเมืองบาดาล ใต้มหานทีแม่น้ำโขงนั่นเอง

เกตุดาราตื่นเต้น ลิงโลดใจสุดประมาณอุทานเบาๆว่า

“ โอ ในที่สุดเราก็ได้มาเห็นเมืองบาดาล ใต้มหานทีแม่น้ำโขง สายน้ำที่มีเสน่ห์ เหมือนมีมนต์ขลัง ดึงดูดใจให้อยากค้นหาสิ่งเร้นลับมากมายที่ซุกซ่อนอยู่ใต้สายน้ำ”

เธอสุดแสนดีใจระคนตื่นเต้น จนเปล่งเสียง “ ไชโย” ออกมา ดังๆอย่างลืมตัว ผวาวิ่งวนอยู่ในอุโมงค์เพื่อ ชมความงามอย่างไม่รู้เบื่อ จนเผลอตัว ศรีษะชนโครมเข้ากับแง่หินที่อยู่ในระดับสายตาพอดี รู้สึกถึงความเจ็บปวดแปลบ จนตาพร่างพรายเห็นเป็นดาวระยิบระยับ อีกทั้งยังตกใจ จึงเผลอร้องเสียงดังลั่น แล้วผวาตื่นจากฝันทันที
เสียงร้องนั้น ไม่ได้ดังอยู่แต่ในความฝันเท่านั้น แต่ยังดังก้องอยู่ในห้องนอน ดังจนทำให้ รุ้งระวีที่กำลังหลับสนิทตกใจตื่น งัวเงียแล้วลุกขึ้นมาเขย่าตัวเธอ
“ เกด เกดฝันร้ายหรือ? ทำไมร้องเสียงดังลั่นจนเราตกใจตื่นเลย ?”

เมื่อหายตกใจ เกตุดาราก็เล่าความฝันให้เพื่อนฟังย่อๆ ว่า ในฝันเธอได้เจอกับพญางูใหญ่ และงูใหญ่ในฝันของเธอได้พาเธอไปท่องเมืองบาดาลใต้ลำน้ำโขง แต่เธอตื่นเต้นชื่นชมความงามในถ้ำเลยวิ่งชนเข้ากับแง่หินอย่างแรง เจ็บมากเลยร้องเสียงดัง แล้วก็ตกใจตื่น และตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่เลย
รุ้งระวีได้ฟังเพื่อนเล่าจบ ก็ออกอาการขำกลิ้ง แล้วสรุปว่าเพื่อนประสาทกิน
แต่เกตุดาราขำไม่ออก เอามือคลำศีรษะเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปควานหายาหม่องตราเสือ ที่วางไว้ที่หัวนอนตอนก่อนจะหลับไป
“ รุ้ง เราเจ็บจริงๆนะ เลือดออกหรือเปล่าก็ไม่รู้ คลำดูรู้สึกหัวจะโนด้วย สุ้มเสียงอ้อนเพื่อน จนรุ้งระวีทนไม่ได้ ต้องลุกขึ้นไปเปิดไฟ ทั้งที่เริ่มง่วงเจียนจะหลับต่อเสียให้ได้ แต่ด้วยความรักเพื่อน จึงข่มใจช่วยหายาหม่อง พอเจอก็นั่งลงข้างๆ เตรียมจะช่วยทายาให้ ทั้งๆที่อยากจะนอนมากกว่า แต่ทันทีที่เห็นบริเวณที่เกตุดาราบอกว่า สงสัยหัวจะโน รุ้งระวีก็พลันหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เพราะเห็นหัวเพื่อนบวมปูดขนาดลูกมะนาวผลย่อมๆ แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ บนแผลมีเลือดไหลซึมออกมา
“ เกด หัวโนจริงๆ ด้วย สงสัยจัง ก็ฝันไป แล้วทำไม พอตื่นขึ้นมา เกดถึงหัวโนจริงๆ หรือเกดนอนดิ้น จนหัวไปชนเตียงหัวปูด” รุ้งระวีตั้งข้อสังเกต ส่วนมือก็ทายาให้เพื่อนเบาๆ
“ ไม่น่าจะใช่ แต่จริงๆ นะรุ้ง เกดรู้สึกเหมือนว่า เกด ไปท่องเมืองบาดาลมาจริงๆ ไม่ใช่ความฝัน ทำไมเป็นอย่างนั้นก็ไม่รู้”
“ งั้นเอาไว้พรุ่งนี้ เกดเล่าให้นพฟังดีกว่า เผื่อนพจะหาคำตอบได้ ตอนนี้จะตีสามแล้ว เรานอนต่อกันก่อนเถอะนะ”


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร