วันเวลาปัจจุบัน 01 ส.ค. 2025, 21:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 52, 53, 54, 55, 56, 57, 58 ... 151  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภพระโกกาลิกะตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
สีหงฺคุลี สีหนโข ดังนี้.

ได้ยินว่าวันหนึ่งพระโกกาลิกะ เมื่อพระผู้เป็นพหูสูตหลาย
รูปกำลังสนทนาธรรมกันอยู่ ตนเองประสงค์จะกล่าวบ้าง. เรื่อง
ทั้งหมดพึงพิสดารโดยนัยที่กล่าวแล้วในหนหลังนั้นแล.

พระศาสดาครั้นทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว จึงรับสั่งว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย โกกาลิกะเปิดเผยด้วยเสียงของตนมิใช่ในบัดนี้
เท่านั้น แม้แต่ก่อนก็เปิดเผย แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.

ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์ถือกำเนิดเป็นราชสีห์อยู่
อาศัยในหิมวันตประเทศ สมจรกับนางสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง
จึงได้ลูก. ลูกตัวนั้นเหมือนกับพ่อด้วยอาการเหล่านี้คือ นิ้ว เล็บ
สร้อยคอ สี และสัณฐาน แต่เสียงเหมือนแม่. อยู่มาวันหนึ่ง

เมื่อฝนตกขาดเม็ดแล้ว พวกราชสีห์. เมื่อเหล่าราชสีห์บรรลือ
สีหนาทเล่นหยอกกันอยู่ มันก็ต้องการบรรลือสีหนาทในระหว่าง
เหล่าราชสีห์นั้นบ้าง จึงเปล่งเสียงเหมือนแม่สุนัขจิ้งจอก. ครั้น
ฝูงราชสีห์ได้ฟังเสียงของมัน จึงพากันนิ่ง. ลูกราชสีห์ร่วมชาติ
ของพระโพธิสัตว์อีกตัวหนึ่ง ได้ยินเสียงของมันแล้ว จึงพูดว่า

พ่อราชสีห์ตัวนี้เหมือนเราด้วยสีเป็นต้น แต่เสียงของมัน ไม่ยัก
เหมือน มันเป็นสัตว์ประเภทไหน เมื่อจะถามจึงกล่าวคาถาแรกว่า :-

ราชสีห์ตัวนั้น นิ้วก็นิ้วราชสีห์ เล็บก็เล็บ
ราชสีห์ ยืนก็ยืนด้วยเท้าราชสีห์ มีอยู่ตัวเดียว
ในหมู่ราชสีห์ ย่อมบรรลือด้วยเสียงอีกอย่างหนึ่ง.
ในบทเหล่านั้น บทว่า สีหปาทปติฏฺฐิโต ได้แก่ ยืนด้วย
เท้าของราชสีห์นั่นเอง. บทว่า เอโก นทติ อญฺถา ความว่า
ตัวเดียวเท่านั้น ออกเสียงเหมือนสุนัขจิ้งจอก ไม่เหมือนพวก
ราชสีห์เหล่าอื่น ชื่อว่าบรรลือด้วยเสียงอีกอย่างหนึ่ง.

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระโพธิสัตว์ได้สดับคำนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า ดูก่อนลูกสัตว์
นี้เป็นพี่น้องของลูก เป็นลูกของนางสุนัขจิ้งจอก มีรูปเหมือนเรา
มีเสียงเหมือนแม่ แล้วจึงเรียกลูกนางสุนัขจิ้งจอกมาสั่งสอนว่า
นี่แน่ลูก ตั้งแต่นี้ไป เมื่อเจ้าจะอยู่ในที่นี้ จงอยู่เงียบ ๆ ถ้าเจ้า
เปล่งเสียงอีก ราชสีห์ทั้งหลายจะรู้ว่าเจ้าเป็นสุนัขจิ้งจอก จึง
กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-

ดูก่อนเจ้าผู้เป็นบุตรราชสีห์ เจ้าอย่า
บรรลือเสียงอีกเลย จงมีเสียงเบา ๆ อยู่ในป่า
เขาทั้งหลายพึงรู้จักเจ้าด้วยเสียงนั้นแหละ เพราะ
เสียงของเจ้าไม่เหมือนกับเสียงราชสีห์ผู้เป็นพ่อ.

ในบทเหล่านั้น บทว่า ราชปุตฺต คือ ลูกพญาสีหมฤค.
ก็และลูกสุนัขจิ้งจอกนั้นครั้นฟังคำสอนนี้แล้วก็ไม่กล้าเปล่งเสียง
อีกต่อไป.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดก. สุนัขจิ้งจอกในครั้งนั้นได้เป็น โกกาลิกะ ในครั้งนี้. ลูก
ราชสีห์ร่วมชาติได้เป็นราหุล ส่วนพญามฤค คือเราตถาคต
นี้แล.
จบ อรรถกถาสีหโกฏฐุกชาดกที่ ๘

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภพระโกกาลิกะนั่นแล ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้น
ว่า เนตํ สีหสฺส นทิตํ ดังนี้.

ในเวลานั้นพระโกกาลิกะประสงค์จะกล่าว สรภัญญะ.
พระศาสดาทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว จึงทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.

ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลชาวนา ครั้นเจริญ
วัย หาเลี้ยงชีพด้วยกสิกรรมนั่นเอง. ในกาลนั้นมีพ่อค้าคนหนึ่ง
เที่ยวทำการค้าด้วยการบรรทุกสินค้าบนหลังลา. พ่อค้านั้นขน

สินค้าลงจากหลังลาในที่ที่ไปถึง แล้วเอาหนังราชสีห์คลุมลา
ปล่อยไปหากิน ที่นาข้าวสาลีและข้าวเหนียว. คนรักษานาเห็น
แล้ว ไม่อาจเข้าใกล้ด้วยเข้าใจว่าเป็นราชสีห์. อยู่มาวันหนึ่ง
พ่อค้านั้น พักอยู่ที่ประตูบ้านแห่งหนึ่ง หุงอาหารเช้า แต่นั้นจึง
เอาหนังราชสีห์คลุมหลังลา ปล่อยไปหากินในนาข้าวเหนียว.

พวกเฝ้านาเห็นมันเข้าก็ไม่อาจเข้าใกล้มันได้ ด้วยสำคัญว่า
เป็นราชสีห์ จึงพากันกลับไปเรือน. พวกชาวบ้านทั้งหมด ต่าง
ถืออาวุธ เป่าสังข์ รัวกลอง โห่ร้องไปยังที่ใกล้นา. ลากลัวตาย
จึงเปล่งเสียงเป็นเสียงลา. ครั้นพระโพธิสัตว์รู้ว่ามันเป็นลา จึง
กล่าวคาถาแรกว่า :-

นี่มิใช่เสียงบรรลือของราชสีห์ ไม่ใช่เสียง
บรรลือของเสือโคร่ง ไม่ใช่เสียงบรรลือของเสือ
เหลือง ลาผู้ลามกคลุมตัวด้วยหนังราชสีห์บรรลือ
เสียง.

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ในบทเหล่านั้น บทว่า ชมฺโม แปลว่า ลามก. แม้พวก
ชาวบ้านก็รู้ว่ามันเป็นลา จึงพากันโบยให้ล้มลง กระดูกหัก
แล้วเอาหนังราชสีห์ไป. ครั้นพ่อค้านั้นมาเห็นลาถึงความบอบช้ำ
จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-

ลาเอาหนังราชสีห์คลุมตัว เที่ยวหากิน
ข้าวเหนียวนานมาแล้ว ร้องให้เขารู้ว่าเป็นลา
ได้ประทุษร้ายตนเองแล้ว.

ในบทเหล่านั้น บทว่า ตํ เป็นเพียงนิบาต. อธิบายว่า
ลานี้ไม่ให้เขารู้ว่าตัวเป็นลา จึงเอาหนังราชสีห์มาคลุม กิน
ข้าวเหนียวอ่อนมาเป็นเวลานาน. บทว่า รวมาโน ว ทูสยิ ความ
ว่า เมื่อร้องเสียงเป็นลาก็ประทุษร้ายตนเอง. มิใช่ความผิด
ของหนังราชสีห์.

เมื่อพ่อค้านั้นกล่าวอย่างนี้เสร็จแล้ว ลาก็นอนตายในที่
นั้นเอง. แม้พ่อค้าก็ทิ้งลากลับบ้าน.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดก. ลาในครั้งนั้นได้เป็นพระโกกาลิกะในครั้งนี้. ส่วนชาวนา
บัณฑิต คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาสีหจัมมชาดกที่ ๙

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภอุบาสกผู้มีศรัทธาคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
เริ่มต้นว่า นสฺส สทฺธาย สีลสฺส ดังนี้.

ได้ยินว่า อุบาสกนั้นเป็นอริยสาวกผู้มีศรัทธา เลื่อมใส
วันหนึ่งเดินไปยังพระวิหารเชตวัน ถึงฝั่งแม่น้ำอจิรวดีในตอนเย็น
เมื่อคนเรือจอดเรือไว้ที่ฝั่งไปฟังธรรม ไม่พายเรือที่ท่าน้ำ จึงยึด
ปีติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ให้มั่นลงสู่แม่น้ำ. เท้าของเขา
หาจมน้ำไม่. เขาเห็นคลื่นเวลาเดินไปกลางน้ำ คล้ายกับเดิน

เหนือพื้นดิน. ครั้นปีติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ของเขาอ่อนลง.
เท้าของเขาก็เริ่มจะจม. เขาจึงประคองปีติมีพระพุทธเจ้าเป็น
อารมณ์ให้มั่น เดินไปหลังน้ำ ถึงพระเชตวัน ถวายบังคมพระ-
ศาสดา นั่ง ณ ส่วนหนึ่ง. พระศาสดาทรงทำปฏิสันถารกับเขา

ตรัสถามว่า ดูก่อนอุบาสก ท่านเดินทางมาถึงโดยเหน็ดเหนื่อย
น้อยกระมัง เมื่อเขากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ข้าพระองค์
ยึดเอาปีติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ จึงได้ที่พึ่งเหนือหลังน้ำ
คล้ายกับเหยียบแผ่นดินมา จึงรับสั่งว่าอุบาสก มิใช่ท่านเท่านั้น

ที่ระลึกถึงพระพุทธคุณแล้วได้ที่พึ่ง แม้แต่ก่อนอุบาสกทั้งหลาย
ก็ระลึกถึงพระพุทธคุณได้ที่พึ่ง เมื่อเรืออับปางกลางสมุทร เมื่อ
เขาทูลอาราธนาจึงทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.

ในอดีตกาล ครั้งศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระอริยสาวกผู้เป็นโสดาบัน โดยสารเรือไปกับกุฎุมพีช่างกัลบก
คนหนึ่ง. ภรรยาของช่างกัลบกนั้นมอบหมายช่างกัลบกแก่เขา
ว่า นาย สุขทุกข์ของสามีของดิฉัน ขอมอบให้เป็นภาระของท่าน.

ครั้นถึงวันที่เจ็ดเรือของกุฎุมพีช่างกัลบกอับปางลงในกลางสมุทร.
ชนทั้งสองเกาะแผ่นกระดานแผ่นหนึ่ง ลอยมาถึงเกาะแห่งหนึ่ง.
ช่างกัลบกนั้นจึงฆ่านกปิ้งกินแล้วให้อุบาสก. อุบาสกไม่ยอม
บริโภค โดยกล่าวว่า อย่าเลยสำหรับเรา. อุบาสกคิดว่า ในที่นี้
นอกจากพระรัตนตรัยแล้ว ไม่มีที่พึ่งอื่นสำหรับเรา. เขาจึง

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ระลึกคุณของพระรัตนตรัย. ลำดับนั้น เมื่อเขากำลังระลึกถึง
พญานาคซึ่งเกิดในเกาะนั้น จึงเนรมิตร่างของตนเป็นเรือลำใหญ่
มีเทวดาประจำสมุทรเป็นมาณพต้นหนเรือ. เรือเต็มไปด้วย
รตนะเจ็ดประการ. เสากระโดงทั้งสาม สำเร็จด้วยแก้วมณีสี
อินทนิล ใบเรือสำเร็จด้วยทอง เชือกสำเร็จด้วยเงิน คันใบสำเร็จ
ด้วยทอง. เทวดาประจำสมุทรยืนอยู่บนเรือประกาศว่า ผู้จะไป

ชมพูทวีปมีไหม. อุบาสกตอบว่า เราจะไป. ถ้าเช่นนั้นจงมาขึ้น
เรือเถิด. อุบาสกขึ้นเรือแล้วเรียกช่างกัลบกขึ้นด้วย. เทวดา
ประจำสมุทรกล่าวว่า ได้แต่ท่านเท่านั้น คนนั้นไม่ได้. อุบาสก
ถามว่า เพราะเหตุไรเล่า. เทวดาประจำสมุทรตอบว่า เขา

ไม่มีคุณ คือศีลและอาจาระ เหตุเป็นดังนั้น ข้าพเจ้านำเรือมา
เพื่อท่าน มิใช่ผู้นี้. เอาละเราให้ส่วนแก่คนนี้ด้วยทานที่ตนให้
ด้วยศีลที่ตนรักษา ด้วยภาวนาที่ตนอบรม. ช่างกัลบกตอบว่า
ข้าพเจ้าขออนุโมทนา. เทวดากล่าวว่า ข้าพเจ้าจักพาไปเดี๋ยวนี้

แล้วอุ้มเขาพาไปทั้งสองคน ออกจากสมุทรไปถึงกรุงพาราณสี
ทางแม่น้ำ บันดาลให้ทรัพย์อยู่ในเรือนของเขาทั้งสอง ด้วย
อานุภาพของตน เมื่อจะกล่าวถึงคุณของการสังสรรค์กับบัณฑิต
ว่า ควรทำความสังสรรค์กับบัณฑิตทั้งหลาย หากว่าช่างกัลบก
คนนี้ไม่ได้สังสรรค์กับอุบาสกนี้ จักพินาศในท่ามกลางสมุทร
นั้นเอง จึงกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-

จงดูผลของศรัทธา ศีล จาคะ นี้เถิด
พญานาคเนรมิตเพศเป็นเรือ พาอุบาสกผู้มี
ศรัทธาไป.
บุคคลพึงสมาคมกับสัตบุรุษเถิด พึงทำ
ความสนิทสนมกับสัตบุรษเถิด ด้วยช่างกัลบก
ถึงความสวัสดีได้ก็เพราะการอยู่ร่วมกับสัตบุรุษ
ทั้งหลาย.

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ในบทเหล่านั้นบทว่า ปสฺส ได้แก่ เรียกว่า จงดูเถิด
ไม่กำหนดใคร ๆ. บทว่า สทธาย คือด้วยโลกิยศรัทธา และ
โลกุตตรศรัทธา. แม้ในศีลก็มีนัยนี้เหมือนกัน. บทว่า จาคสฺส
ได้แก่ บริจาคไทยธรรมและบริจาคกิเลส. บทว่า อยํ ผลํ ได้แก่
นี้เป็นผล คือเป็นคุณ เป็นอานิสงส์. อีกอย่างหนึ่งพึงเห็นความ
อธิบายในบทนี้อย่างนี้ว่า จงดูผลของการบริจาคเถิด พญานาค

นี้แปลงเพศเป็นเรือ. บทว่า นาวาย วณฺเณน คือด้วยสัณฐานเรือ.
บทว่า สทฺธํ คือ มีศรัทธาตั้งอยู่ในพระรัตนตรัย. บทว่า สพฺภิเรว
คือ พวกบัณฑิตนั่นเอง. บทว่า สมาเสถ ได้แก่ พึงกระทำ.
บทว่า สนฺถวํ ได้แก่ สนิทสนมฐานมิตร. แต่ไม่ควรทำความ
สนิทสนมด้วยตัณหากับใคร ๆ. บทว่า นหาปิโต ได้แก่ กุฎุมพี
ช่างกัลบก. บาลีว่า นฺหาปิโต ก็มี.

เทวดาประจำสมุทร ยืนอยู่บนอากาศ แสดงธรรมกล่าว
สอนอย่างนี้แล้ว จึงพาพญานาคกลับไปวิมานของตน.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศ
สัจธรรม แล้วทรงประชุมชาดก. ในเวลาจบสัจธรรมอุบาสก
ตั้งอยู่ในสกทาคามิผล. อุบาสกโสดาบันในกาลนั้น ครั้นเจริญ
มรรคให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปก็นิพพาน. พญานาคได้เป็นสาริบุตร ส่วน
เทวดาประจำสมุทร คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาสีลานิสังสชาดกที่ ๑๐
รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. อสทิสชาดก ๒. สังคามาวจรชาดก ๓. วาโลทกชาดก
๔. คิริทัตตชาดก ๕. อนภิรติชาดก ๖. ทธิวาหนชาดก ๗. จตุ-
มัฏฐชาดก ๘. สีหโกฏฐุกชาดก ๙. สีหจัมมชาดก ๑๐. สีลา-
นิสังสชาดก.
จบ อสทิสวรรคที่ ๔

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถารุหกชาดกที่ ๑

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภการเล้าโลมของภรรยาเก่า ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
เริ่มต้นว่า อมฺโภ รุหกจฺฉินฺนาปิ ดังนี้. เรื่องราวจักมีแจ้งใน
อินทริยชาดกในอัฏฐกนิบาต.

ก็ในเรื่องนี้พระศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ
หญิงคนนี้ทำความพินาศให้แก่เธอ แม้เมื่อก่อนหญิงคนนี้ก็ได้
ทำอาการให้เธออาย ในท่ามกลางบริษัทพร้อมทั้งพระราชา
แล้วออกจากเรือนไป แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.

ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ทรงบังเกิดในครรภ์ของพระอัครมเหสี
ของพระองค์ ครั้นทรงเจริญวัย เมื่อพระชนกสวรรคตแล้ว
ทรงดำรงอยู่ในราชสมบัติ ทรงครองราชย์โดยธรรม. พระองค์
มีปุโรหิตคนหนึ่งชื่อ รุหกะ. ภรรยาของรุหกะชื่อ ปุรณีพราหมณี.

พระราชาพระราชทานม้า ประดับเครื่องอลังการแก่พราหมณ์.
เขาขี่ม้าไปทำราชการ. ลำดับนั้น ประชาชนผู้ยืนอยู่ในที่นั้น ๆ
เห็นเขานั่งบนหลังม้าที่ประดับแล้วผ่านไปมาอยู่ จึงสรรเสริญ
ม้าเท่านั้นว่า แม่เจ้าโวยม้านี้งามอย่างประหลาด. รุหกปุโรหิต
มาถึงเรือน ขึ้นเรือนเรียกภรรยามาพูดว่า นี่น้องม้าของเรา

งามเหลือเกิน ประชาชนที่ยืนอยู่ทั้งสองข้าง สรรเสริญแต่ม้า
ของเราเท่านั้น. ฝ่ายพราหมณีนั้นเป็นหญิง ค่อนข้างจะเป็น
ชาตินักเลง เหลาะแหละ เพราะฉะนั้นนางจึงตอบเขาอย่างนี้ว่า
นายท่านไม่รู้เหตุที่ทำให้ม้างาม ม้าตัวนี้งามเพราะอาศัยเครื่อง

ม้าที่ประดับไว้ที่ตัว. หากท่านประสงค์จะงามเหมือนม้า จง
ประดับเครื่องม้าแล้วขึ้นไประหว่างถนน แล้วซอยเท้าเหมือนม้า
ไปเฝ้าพระราชา. แม้พระราชาก็จักยกย่องท่าน แม้พวกมนุษย์

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ก็จักสรรเสริญท่านเท่านั้น. รุหกปุโรหิตเป็นพราหมณ์ค่อนข้าง
บ้า ๆ บอ ๆ ฟังคำของพราหมณี ก็ไม่รู้ว่านางพูดกะเราเพราะ
เหตุนี้ มุ่งแต่จะงามจึงได้ทำตามนั้น. พวกมนุษย์ที่เห็นต่างพากัน
พูดเย้ยหยันว่า อาจารย์งาม. ส่วนพระราชารับสั่งกะเขาเป็นต้น
ว่า อาจารย์จิตใจไม่ปกติไปแล้วหรือ เป็นบ้าไปแล้วหรือ แล้ว
ทรงทำให้ปุโรหิตละอาย.

ในกาลนั้นพราหมณ์ละอายว่า เราทำสิ่งอันไม่สมควรเสีย
แล้ว จึงเกรี้ยวกราดนางพราหมณีว่า เราถูกนางทำให้ได้อาย
ในระหว่างเสนากับพระราชานั้น เราจักโบยตีนางแล้วขับไล่นาง
ไปเสีย แล้วกลับไปเรือน นางพราหมณีนักเลงรู้ว่า สามีโกรธ
กลับมา จึงออกไปทางประตูเล็กก่อนแล้วไปพระราชวัง พัก

อยู่ในพระราชวังสี่ห้าวัน. พระราชาทรงทราบเหตุนั้น จึงรับ
สั่งให้เรียกปุโรหิตมาตรัสว่า อาจารย์ ธรรมดาสตรีย่อมมี
ความผิดได้เหมือนกัน ควรยกโทษให้นางเสียเถิด เพื่อให้ปุโรหิต
ยกโทษ จึงตรัสคาถาแรกว่า :-

ดูก่อนรุหกะ สายธนูถึงขาดแล้วก็ยังต่อ
กันได้อีก ท่านจงคืนดีเสียกับภรรยาเก่าเถิด อย่า
ลุอำนาจความโกรธเลย.
ความย่อในคาถานั้นมีดังนี้

รุหกะผู้เจริญ สายธนูแม้ขาดแล้ว ก็ยังยัง
คือทำให้ติดกันได้มิใช่หรือ ท่านก็เหมือนกันควร
สมัครสมานกับภรรยาเก่าเสียเถิด อย่าลุอำนาจ
ความโกรธเลย.
รุหกะได้สดับพระราชดำรัสดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า

เมื่อป่านอ่อนยังมีอยู่ ช่างทำก็ยังมีอยู่
ข้าพระบาทจักกระทำสายอื่นใหม่ พอกันที
สำหรับสายเก่า.

ใจความแห่งคาถานั้นว่า ข้าแต่มหาราช เมื่อป่านอ่อน
ยังมีและเมื่อช่างทำยังมี ข้าพระองค์จักทำสายอื่น ไม่ต้องการ
สายเก่าที่ขาดแล้วนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับข้าพระองค์.
ก็และครั้นปุโรหิตกราบทูลอย่างนี้แล้ว จึงไล่นางพราหมณี
ออกไป นำนางพราหมณีอื่นมา.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศ
สัจธรรม แล้วทรงประชุมชาดก. เมื่อจบสัจธรรม ภิกษุกระสัน
ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล. นางปุราณีในครั้งนั้น ได้เป็นภรรยาเก่า
ในครั้งนี้ รุหกะได้เป็น ภิกษุกระสัน ส่วนพระราชาพาราณสี
คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถารุหกชาดกที่ ๑
สิริกัณณิชาดกนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อิตฺถี สิยา รูปวตี ดังนี้
จักมีแจ้งในมหาอุมมังคชาดก.
จบ อรรถกถา สิริกาฬกัณณิชาดกที่ ๒

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภภิกษุผู้กระสัน ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
อยเมว สา อหมฺปิ โส อนญฺโญ ดังนี้.

เรื่องราวจักมีแจ้งในอุมมาทันตีชาดก.
ก็ในเรื่องนี้ ภิกษุนั้นเมื่อพระศาสดาตรัสถามว่า ได้ยินว่า
เธอกระสันจริงหรือ กราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัสถามว่า
ก็ใครทำให้เธอกระสันเล่า กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้า-
พระพุทธเจ้าเห็นมาตุคามคนหนึ่ง ตกแต่งอย่างสวยงาม แล้วตกอยู่
ในอำนาจกิเลสจึงกระสัน พระศาสดาจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ

ขึ้นชื่อว่ามาตุคามมักอกตัญญู ประทุษร้ายมิตร มีดวงใจกระด้าง
แม้โบราณกบัณฑิต ให้ดื่มโลหิตที่เข่าขวาของตน บริจาคทาน
ตลอดชีวิต ยังไม่ได้ดังใจของมาตุคาม แล้วทรงนำเรื่องอดีตมา
ตรัสเล่า.

ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ทรงอุบัติในพระครรภ์ของพระ-
อัครมเหสีของพระองค์. ในวันขนานพระนาม ได้รับพระราชทาน
นามว่า ปทุมราชกุมาร. พระปทุมราชกุมาร ได้มีพี่น้องอีกหก

พระองค์. ทั้งเจ็ดพระองค์นั้น เจริญพระชนม์ขึ้นโดยลำดับ
ครองฆราวาส ทรงประพฤติเยี่ยงพระราชา.

อยู่มาวันหนึ่งพระราชาประทับทอดพระเนตรพระลาน-
หลวง ทรงเห็นพระราชกุมารพี่น้องเหล่านั้น มีบริวารมาก
พากันมาปฏิบัติราชการ ทรงเกิดความระแวงว่า ราชกุมาร
เหล่านี้จะพึงฆ่าเราแล้วชิงเอาราชสมบัติ จึงตรัสเรียกพระ-

ราชกุมารเหล่านั้นมารับสั่งว่า ลูก ๆ ทั้งหลาย พวกเจ้าจะอยู่
ในพระนครนี้ไม่ได้ จงไปที่อื่น เมื่อพ่อล่วงลับไปแล้ว จงกลับมา
รับราชสมบัติอันเป็นของประจำตระกูลเถิด.

พระราชกุมารเหล่านั้น รับพระดำรัสของพระชนกแล้ว
ต่างทรงกันแสง เสด็จไปยังตำหนักของตน ๆ ทรงรำพึงว่า
พวกเราจักพาพระชายาไปหาเลี้ยงชีพ ณ ที่ใดที่หนึ่ง แล้วเสด็จ
ออกจากพระนคร ทรงดำเนินทางถึงที่กันดารแห่งหนึ่ง เมื่อไม่ได้
ข้าวและน้ำ ไม่สามารถจะกลั้นความหิวโหยไว้ได้ จึงตกลง

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระทัยปลงพระชนม์ของพระชายาของพระเจ้าน้อง ด้วยทรง
ดำริว่า เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ก็จักหาหญิงได้ แล้วแบ่งเนื้อออกเป็น
สิบสามส่วนพากันเสวย. พระโพธิสัตว์เก็บไว้ส่วนหนึ่ง ในส่วน
ที่ตนและพระชายาได้ ทั้งสองเสวยแต่ส่วนเดียว. พระราชกุมาร
ทั้งหลายทรงปลงพระชนม์พระชายาทั้งหกแล้วเสวยเนื้อได้หกวัน
ด้วยประการฉะนี้.

ฝ่ายพระโพธิสัตว์ทรงเหลือไว้วันละส่วนทุก ๆ วัน เก็บ
ไว้ได้หกส่วน. ในวันที่เจ็ด เมื่อพูดกันว่าจักปลงพระชนม์พระ-
ชายาของพระเจ้าพี่. พระโพธิสัตว์จึงประทานเนื้อหกส่วนเหล่า
นั้นแก่น้อง ๆ แล้วตรัสว่า วันนี้พวกท่านจงเสวยหกส่วนเหล่านี้
ก่อน พรุ่งนี้จักรู้กัน ในเวลาที่พระราชกุมารน้อง ๆ เหล่านั้น

เสวยเนื้อแล้วหลับไปก็ทรงพาพระชายาหนีไป. พระชายานั้นเสด็จ
ไปได้หน่อยหนึ่งแล้วทูลว่า ข้าแต่พระภัสดา หม่อมฉันไม่อาจ
เดินต่อไปได้. ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์จึงทรงแบกพระชายา
ออกจากที่กันดารไปในเวลารุ่งอรุณ. เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นพระนาง

ทูลว่า หม่อมฉันหิวเหลือเกิน. พระโพธิสัตว์ตรัสว่า น้ำไม่มี
เลยน้อง. เมื่อพระนางพร่ำวิงวอนบ่อยเข้า ด้วยความสิเนหา
ต่อพระนาง จึงเอาพระขรรค์เชือดพระชานุ (เข่า) เบื้องขวา
แล้วตรัสว่า น้ำไม่มีดอกน้อง น้องจงนั่งลงดื่มโลหิตที่เข่าขวา

ของพี่. พระชายาได้กระทำตามพระประสงค์. ทั้งสองพระองค์
เสด็จถึงแม่น้ำใหญ่โดยลำดับ ทรงดื่ม ทรงอาบ และเสวยผลาผล
ทรงพักในที่สำราญ แล้วทรงสร้างอาศรมบทใกล้แม่น้ำแห่งหนึ่ง.

อยู่มาวันหนึ่ง ด้านเหนือแม่น้ำ ราชบุรุษลงโทษโจร
ผู้ทำผิดพระราชอาญา ตัด มือ เท้า หู และจมูก ให้นอนในเรือ
โกลนลำหนึ่ง เสือกลอยไปในแม่น้ำใหญ่. โจรนั้นร้องเสียง
ครวญคราง ลอยมาถึงที่นั้น. พระโพธิสัตว์ทรงสดับเสียงร้อง

อันน่าสงสารของโจรนั้น ทรงดำริว่า เมื่อเรายังอยู่สัตว์ผู้ได้รับ
ความลำบากอย่าได้พินาศเลย จึงเสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำ ช่วย
ให้เขาขึ้นจากเรือ แล้วนำมายังอาศรมบท ได้ทรงกระทำการ

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
เยียวยาแผลด้วยการชำระล้างและทาด้วยน้ำฝาด. ฝ่ายพระชายา
ของพระองค์ครั้นทรงทราบว่า พระสามีทรงปรนนิบัติคนเลวทราม
ซึ่งลอยน้ำมาถึงปานนั้น ก็ทรงรังเกียจคนเลวทรามนั้น แสดง
กิริยากระฟัดกระเฟียดอยู่ไปมา. ครั้นแผลของโจรนั้นหายสนิท
แล้ว พระโพธิสัตว์จึงให้เขาอยู่ในอาศรมบทกับพระชายา ทรง

แสวงหาผลาผลจากดงมาเลี้ยงดูโจรและพระชายา. เมื่อทั้งสอง
อยู่กันอย่างนี้ สตรีนั้นก็มีจิตปฏิพัทธ์ในบุรุษชั่วนั้น ประพฤติ
อนาจารร่วมกับเขา ต้องการจะฆ่าพระโพธิสัตว์ด้วยอุบายอย่าง
หนึ่ง จึงกราบทูลอย่างนี้ว่า เมื่อหม่อมฉันนั่งบนบ่าของพระองค์
ออกจากทางกันดาร มองเห็นภูเขาลูกหนึ่งจึงบนบานว่า ข้าแต่

เทพเจ้าผู้สิงสถิตบนยอดเขา หากข้าพเจ้ากับพระสวามีปลอดภัย
ได้ชีวิต ข้าพเจ้าจักทำพลีกรรมแก่ท่าน บัดนี้เทวดานั้นทำให้
หม่อมฉันหวาดสะดุ้ง หม่อมฉันจะทำพลีกรรมแก่เทวดานั้น.
พระโพธิสัตว์ไม่ทรงทราบมายาทรงรับสั่งว่าดีแล้ว ทรงเตรียม

เครื่องเซ่น ให้พระชายาถือภาชนะเครื่องเซ่น ขึ้นสู่ยอดภูเขา.
ครั้นแล้วพระชายาจึงกราบทูลพระสวามีอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระ-
สวามี พระองค์ก็เป็นเทวดาของหม่อมฉัน ทั้งชื่อว่าเป็นเทวดา
ผู้สูงส่ง เบื้องแรกหม่อมฉันจักบูชาพระองค์ด้วยดอกไม้ในป่า

ก่อน และกระทำประทักษิณถวายบังคม จักทำพลีกรรมเทวดา
ในภายหลัง. พระนางให้พระโพธิสัตว์หันพระพักตร์เข้าหาเหว
ทรงบูชาด้วยดอกไม้ในป่า ทำเป็นปรารถนาจะทำประทักษิณ
ถวายบังคม สถิตอยู่ข้างพระปฤษฎางค์ แล้วทรงประหารที่

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระปฤษฎางค์ผลักไปในเหว ดีพระทัยว่าเราเห็นหลังข้าศึกแล้ว
จึงเสด็จลงจากภูเขา ไปหาบุรุษเลว. ฝ่ายพระโพธิสัตว์ตกลง
จากภูเขากลิ้งลงไปตามเหว ติดอยู่ที่พุ่มไม้มีใบหนา ไม่มีหนาม
แห่งหนึ่ง เหนือยอดต้นมะเดื่อ. แต่ไม่สามารถจะลงยังเชิงเขาได้.
พระองค์จึงเสวยผลมะเดื่อ ประทับนั่งระหว่างกิ่ง. ขณะนั้น

พญาเหี้ยตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ขึ้นจากเชิงเขาชั้นล่าง กินผลมะเดื่อ
อยู่ ณ ที่นั้น. มันเห็นพระโพธิสัตว์ในวันนั้นจึงหนีไป. รุ่งขึ้น
มากินผลไม้ที่ข้างหนึ่งแล้วหนีไป. พญาเหี้ยมาอยู่บ่อย ๆ อย่างนี้
ก็คุ้นเคยกับพระโพธิสัตว์ ถามพระโพธิสัตว์ว่าท่านมาที่นี้ได้

อย่างไร เมื่อพระโพธิสัตว์บอกให้รู้แล้ว จึงกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น
ท่านอย่ากลัวเลย ให้พระโพธิสัตว์นอนบนหลังของตน ไต่ลง
ออกจากป่าให้สถิตอยู่ที่ทางใหญ่ แล้วส่งไปด้วยคำว่า ท่านจงไป
ตามทางนี้แล้วก็เข้าป่าไป. พระโพธิสัตว์ไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อ

อาศัยอยู่ในบ้านนั้น ก็ได้ข่าวว่าพระชนกสวรรคตเสียแล้ว จึง
เสด็จไปยังกรุงพาราณสี ทรงดำรงอยู่ในราชสมบัติอันเป็นของ
ประจำตระกูล ทรงพระนามว่า พระปทุมราชา ทรงครอบครอง
ราชย์โดยธรรม มิให้ราชธรรมกำเริบ รับสั่งให้สร้างโรงทาน

หกแห่งที่ประตูพระนครทั้งสี่กลางพระนคร และประตูพระราช-
นิเวศน์ ทรงบริจาคทรัพย์บำเพ็ญมหาทานวันละหกแสน.

หญิงชั่วแม้นั้นก็ให้ชายชั่วนั่งขี่คอออกจากป่า เที่ยว
ขอทานในทางที่มีคนรวบรวมข้าวยาคูและภัตรเลี้ยงดูชายชั่ว
นั้น. เมื่อมีผู้ถามว่าคนนี้เป็นอะไรกับท่าน นางก็บอกว่า ฉันเป็น
ลูกสาวของลุงของชายผู้นี้ เขาเป็นลูกของอาฉัน พ่อแม่ได้ยกฉัน

ให้ชายผู้นี้. ฉันต้องแบกสามีซึ่งต้องโทษเที่ยวขอทานเลี้ยงดูเขา.
พวกมนุษย์ต่างพูดกันว่า หญิงนี้ปรนนิบัติสามีดีจริง. ตั้งแต่นั้น
มาก็พากันให้ข้าวยาคูและภัตรมากยิ่งขึ้น. คนอีกพวกหนึ่งพูด

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
กันว่า ท่านอย่าเที่ยวไปอย่างนั้นเลย พระเจ้าปทุมราชเสวย
ราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี ทรงบริจาคทานเล่าลือกันไปทั่ว
ชมพูทวีป. พระเจ้าปทุมราชทรงเห็นแล้วจักทรงยินดีพระราชทาน
ทรัพย์เป็นอันมาก เจ้าจงให้สามีของเจ้านั่งในนี้พาไปเถิด แล้ว
ได้มอบกระเช้าหวายทำให้มั่นคงไปใบหนึ่ง. นางปราศจากยางอาย
ให้ชายชั่วนั่งลงในกระเช้าหวาย แล้วแบกกระเช้าเข้าไปกรุง-
พาราณสีเที่ยวบริโภคอาหารอยู่ในโรงทาน.

พระโพธิสัตว์ประทับเหนือคอคชสารที่ตกแต่งด้วยเครื่อง
อลังการ เสด็จถึงโรงทาน ทรงบริจาคทานด้วยพระหัตถ์เอง แก่
คนที่มาขอแปดคนบ้าง สิบคนบ้าง แล้วเสด็จกลับ. หญิงไม่มี
ยางอายนั้น ให้ชายชั่วนั่งในกระเช้าแล้วแบกกระเช้าผ่านไป
ในทางเสด็จของพระราชา. พระราชาทอดพระเนตรเห็นดังนั้น

จึงตรัสถามว่า นั่นอะไร. ราชบุรุษทั้งหลายกราบทูลว่า ขอเดชะ
หญิงปฏิบัติสามีคนหนึ่ง พระเจ้าข้า. ลำดับนั้นพระองค์รับสั่ง
ให้เรียกนางมา ทรงจำได้ รับสั่งให้เอาชายชั่วออกจากกระเช้า
แล้วตรัสถามว่า ชายนี้เป็นอะไรกับเจ้า. นางกราบทูลว่า เขา

เป็นลูกของอาของหม่อมฉันเองเพคะ เป็นสามีที่พ่อแม่ยกหม่อมฉัน
ให้เขาเพคะ. พวกมนุษย์ไม่รู้เรื่องราวนั้นต่างพากันสรรเสริญ
หญิงผู้ไร้อายนั้นเป็นต้นว่า น่ารักจริง เธอเป็นหญิงปฏิบัติสามีดี.
พระราชาตรัสถามต่อไปว่า ชายชั่วผู้นี้เป็นสามีตบแต่งของเจ้า

หรือ. นางจำพระราชาไม่ได้จึงกล้ากราบทูลว่า เป็นความจริง
เพคะ. พระราชาจึงตรัสว่า ชายผู้นี้เป็นโอรสของพระเจ้ากรุง-
พาราณสีหรือ เจ้าเป็นธิดาของพระราชาองค์โน้น มีชื่ออย่างโน้น
เป็นชายาของปทุมราชกุมาร ดื่มโลหิตที่เข่าของเราแล้วมีจิต

ปฏิพัทธ์ในชายชั่วผู้นี้ ผลักเราตกลงในเหว บัดนี้เจ้าบากหน้า
มาหาความตาย สำคัญว่า เราตายไปแล้ว จึงมาถึงที่นี่ ตรัสว่า
เรายังมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ ตรัสเรียกอำมาตย์ทั้งหลาย แล้วรับสั่ง
ว่า ท่านอำมาตย์ทั้งหลาย พวกท่านถามเรา เราได้บอกพวกท่าน

ไว้อย่างนี้แล้วมิใช่หรือว่า น้องหกองค์ของเราได้ฆ่าสตรีหกคน
บริโภคเนื้อ. แต่เราได้ช่วยชายาของเราให้ปลอดภัยพาไปสั่ง

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
แม่น้ำคงคาอาศัยอยู่ในอาศรมบท ได้ช่วยชายเลวคนหนึ่งที่ต้อง
ราชทัณฑ์มาเลี้ยงดู. หญิงคนนี้มีจิตปฏิพัทธ์ในชายชั่วนั้น ผลัก
เราตกลงไปในเหวภูเขา เรารอดชีวิตมาได้เพราะตนมีจิตเมตตา
หญิงที่ผลักเราตกจากเขามิใช่อื่นคือ หญิงชั่วคนนี้เอง และชายชั่ว
ที่ต้องราชอาญาก็มิใช่อื่น คือคนนี้นี่แหละ แล้วได้ตรัสคาถา
เหล่านี้ว่า :-

หญิงคนนี้แหละคือหญิงคนนั้น แม้เราก็
คือบุรุษคนนั้นมิใช่คนอื่น ชายคนนี้แหละที่หญิง
คนนี้อ้างว่าเป็นผัวของนางมาตั้งแต่เป็นกุมารี
ก็คือชายที่ถูกตัดมือ หาใช่คนอื่นไม่ ขึ้นชื่อว่า
หญิงทั้งหลายควรฆ่าให้หมดเลย ความสัตย์ไม่มี
ในหญิงทั้งหลาย.

ท่านทั้งหลายจงฆ่าชายผู้ชั่วช้าลามกราว
กับซากผี มักทำชู้กับภรรยาผู้อื่นคนนี้เสีย ด้วย
สาก จงตัดหู ตัดจมูกของหญิงผู้ปรนนิบัติผัวชั่ว
ช้าลามกคนนี้เสียทั้งเป็น ๆ เถิด.

ในบทเหล่านั้น บทว่า ยมาห โกมาริปติโก มมนฺติ ความว่า
หญิงนี้กล่าวว่า ชายนี้เป็นผัวของนางมาตั้งแต่เป็นกุมารี คือ
เป็นผัวตบแต่ง ก็คือหญิงคนนี้แหละ แม้เราก็คือบุรุษคนนั้น
มิใช่อื่น. บาลีว่า ยมาห โกมาริปติ ก็มี. เพราะท่านเขียนบทนี้
ไว้ในคัมภีร์ทั้งหลาย. ความก็อย่างเดียวกัน. แต่ในบทนี้พึงทราบ

ความคลาดเคลื่อนของคำ. ก็พระราชาตรัสคำใดไว้ คำนั้นแหละ
มาแล้วในที่นี้. บทว่า วชฺฌิตฺถิโย ความว่า ขึ้นชื่อว่าหญิงทั้งหลาย
ควรฆ่าให้หมด.

บทว่า นตฺถิ อิตฺถีสุ สจฺจํ ได้แก่ ชื่อว่าความสัตย์ในหญิง
เหล่านี้ไม่มีสักอย่างเดียว. บทว่า อิมญฺจ ชมฺมํ เป็นต้น ท่าน
กล่าวด้วยการลงโทษชายเหล่านั้น. ในบทเหล่านั้น บทว่า ชมฺมํ
คือ ลามก. บทว่า มุสเลน หนฺตฺวา ได้แก่ เอาสากทุบตีทำให้
กระดูกหักเป็นชิ้น ๆ. บทว่า ลุทฺทํ คือ หยาบช้า. บทว่า ฉวํ
ได้แก่ คล้ายคนตาย เพราะไม่มีคุณธรรม. บทว่า นํ ในบทว่า

* เมื่อยังเห็นประโยชน์ในการดื่มเหล้าเบียร์อยู่ ใจย่อมจะไม่ยอมออกห่าง
* เมื่อจะเลิกควรมองให้เห็นโทษ ท่องคิดพิจารนาบ่อยๆ จะเกิดความกลัว ความเบื่อหน่าย
คลายกำนัด และกำจัดทิ้งไป
• อ่านหนังสือไปแล้ว ท่านได้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วรู้อะไรบ้าง?
อ่านแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน?
อ่านแล้วนำไปใช้งานได้มากน้อยเพียงใด?
อ่านแล้วใจผ่องใสขึ้นบ้างหรือไม่?
อ่านแล้วยังไม่เข้าก็คงต้องแล้วอ่านอีก
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 52, 53, 54, 55, 56, 57, 58 ... 151  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร