วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ย. 2025, 04:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 111, 112, 113, 114, 115, 116, 117 ... 151  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ยังห้องในเวลาที่พระราชาทรงบรรทมบนพระยี่ภู่ที่สง่างาม. ในเวลาที่
นาคมาณพเหล่านั้นเข้าไปนั่นเอง พระราชาได้ตรัสถามพระราชเทวีว่า
ดูก่อนน้องนางผู้เจริญ เธอรู้ไหมที่ที่นางนาคมาณวิกาไป ? พระราช-
เทวีทูลว่า หม่อมฉันไม่รู้เพคะ. พระราชาตรัสว่า วันนี้นาคมาณวิกา
นั้นได้ละอัตภาพของตน แล้วทำอนาจารกับงูน้ำตัวหนึ่ง ในเวลา

เล่นน้ำในสระโบกขรณีของเรา เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันจึงได้เอาซีกไม้ไผ่
ตีเขา เพื่อต้องการให้สำเนียกว่า เจ้าอย่าทำอย่างนี้. เขาไปยังนาคพิภพ
คงบอกอะไรอย่างอื่นแก่สหายของเรา แล้วทำลายมิตรภาพเสีย ภัยจัก
เกิดขึ้นแก่เรา. นาคมาณพทั้งหลายได้ฟังดังนั้นแล้ว จึงพากันกลับ
ออกไปจากพระที่นั่งบรรทมนั้น แล้วไปยังนาคพิภพทูลเนื้อความนั้น

แก่นาคราช. ท้าวเธอถึงความสังเวช แล้วได้เสด็จมายังพระที่นั่งบรรทม
ของพระราชา ทูลให้ทราบเนื้อความนั้น ขอขมาพระองค์ แล้วได้
ถวายมนต์ ชื่อว่า สรรพรุตชนนะ คือมนต์รู้เสียงร้องของสัตว์ทุกชนิด
โดยมุ่งหมายว่า นี้เป็นทัณฑกรรมของเรา แล้วทูลว่า ข้าแต่มหาราช

มนต์นี้หาค่าบ่มิได้ ถ้าหากพระองค์จะได้ประทานมนต์นี้แก่ผู้อื่นไซร้
ครั้นทรงประทานแล้วต้องทรงกระโดดเข้ากองไฟสวรรคต. พระราชา
ทรงรับคำว่าดีแล้ว ต่อแต่นั้นมา แม้เสียงมดแดงพระองค์ก็ทรงทราบ.
วันหนึ่งเมื่อพระองค์ประทับนั่งที่ท้องพระโรง เสวยของเคี้ยวจิ้มน้ำผึ้งน้ำ

อ้อย น้ำผึ้งน้ำอ้อยหยดหนึ่งและขนมชิ้นหนึ่งตกลงที่พื้น. มดแดงตัวหนึ่ง
เห็นหยดน้ำผึ้งเป็นต้นนั้น เที่ยวร้องบอกกันว่า ถาดน้ำผึ้งของหลวง
แตกที่ท้องพระโรง หม้อน้ำอ้อย หม้อขนมคว่ำ ท่านทั้งหลายจงกิน
น้ำผึ้งน้ำอ้อยและขนม. พระราชาทรงสดับเสียงร้องบอกของมดแดงแล้ว


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ทรงพระสรวล. พระราชเทวีประทับที่ใกล้เคียงพระราชา ทรงดำริว่า
พระราชาทรงเห็นอะไรหนอ จึงทรงพระสรวล ? เมื่อพระราชานั้น
เสวยของเคี้ยวทรงสรงสนานแล้ว ประทับนั่งบนพระราชบัลลังก์
แมลงวันตัวผู้พูดกับแมลงวันตัวเมีย ตัวหนึ่งว่ามาเถิดน้องเอ๋ย พวกเรา
มาอภิรมย์กันด้วยความยินดีด้วยกิเลส. ลำดับนั้น แมลงวันตัวเมียพูด

กับแมลงวันตัวผู้นั้นว่า คอยก่อนเถอะพี่นาย บัดนี้ ราชบุตรจะนำ
ของหอมมาถวายพระราชา เมื่อพระองค์ทรงลูบไล้ผงของหอมจักตกลง
แทบบาทมูล ฉันจักร่อนถลาไป ณ ที่นั้นแล้วจะมีกลิ่นหอม ต่อจากนั้น
เราก็จักนอนอภิรมย์กัน เบื้องพระปฤษฎางค์ของพระราชา. พระราชา

ทรงสดับเสียงแม้นั้นแล้ว ก็ทรงพระสรวล. ฝ่ายพระเทวีก็ทรงดำริอีก
ว่า พระราชาทรงเห็นอะไรหนอ จึงทรงพระสรวล ? เมื่อพระราชาทรง
เสวยพระกระยาหารเย็นอีก ภัตพิเศษก้อนหนึ่งหล่นที่พื้น. มดแดง
ทั้งหลายก็ร้องบอกกันว่า หม้อพระกระยาหารในราชตระกูลแตกแล้ว

ขอท่านทั้งหลายจงพากันไปรับประทานภัตตาหารเถิด. พระราชาครั้น
ได้ทรงสดับคำนั้นแล้ว ก็ทรงพระสรวลอีก. ฝ่ายพระราชเทวี ทรงถือ
เอาช้อนทองอังคาสพระราชาอยู่ จึงทรงพระวิตกว่า พระราชาทรงเห็น
อะไรหนอ จึงทรงพระสรวล ? ในเวลาเสด็จขึ้นแท่นพระบรรทมกับ

พระราชา พระนางทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ พระองค์ทรงพระสรวล
เพราะเหตุอะไร ? พระองค์ตรัสว่า จะมีประโยชน์อะไรสำหรับเธอ
เพราะเหตุที่ฉันหัวเราะ แล้วถูกพระนางรบเร้าให้ตรัสบอกบ่อยๆ.


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ภายหลังจึงทูลพระองค์ว่า ขอพระองค์จงประทานมนต์ที่ทำให้รู้เสียง
สัตว์ของพระองค์แก่หม่อมฉัน แม้ถูกพระราชาทรงห้ามว่า ไม่อาจให้ได้
ก็ทรงรบเร้าบ่อยๆ. พระราชาจึงตรัสว่า ถ้าหากฉันจักให้มนต์นี้แก่เธอ
ไซร้ ฉันก็จักตาย. พระนางทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ถึงพระองค์จะ
สิ้นพระชนม์ ก็จงประทานแก่หม่อมฉัน. เพราะพระราชาเป็นผู้ชื่อว่า

ตกอยู่ในอำนาจมาตุคาม จึงทรงรับคำว่า ดีละ แล้วทรงตัดสินพระทัย
ว่า เราจักให้มนต์แก่พระราชเทวี แล้วจึงจะเข้ากองไฟ ดังนี้แล้วได้
เสด็จเข้าไปยังพระราชอุทยานด้วยราชรถ. ขณะนั้นท้าวสักกะทรงตรวจดู
สัตวโลกอยู่ ทรงเห็นเหตุการณ์นี้ แล้วทรงดำริว่า พระราชาเขลา

องค์นี้อาศัยมาตุคาม เสด็จไปด้วยหมายพระทัยว่า จักเข้ากองไฟ เรา
จักให้ชีวิตแก่เขา แล้วทรงพาเอาอสุรกัญญา ทรงพระนามว่า สุชา
มายังกรุงพาราณสี ทรงทำให้นางสุชาเป็นแพะตัวเมีย พระองค์เอง
เป็นแพะตัวผู้ แล้วทรงอธิษฐานว่า ขออย่าให้มหาชนเห็น แล้วได้อยู่

ข้างหน้าราชรถ. พระราชาได้ทอดพระเนตรเห็นแพะนั้น และม้าที่
เทียมรถก็เห็นด้วย. แต่ใครคนอื่นไม่เห็น. แพะตัวผู้ทำท่าจะเสพเมถุน
กับแพะตัวเมีย เพื่อจะสร้างเรื่องราวขึ้น. ม้าเทียมรถตัวหนึ่ง เห็นแพะ
นั้น จึงพูดว่า เจ้าเพื่อนแพะเอ๋ย เมื่อก่อนพวกเราได้ยินเขาเล่ากันว่า

พวกแพะโง่ ไม่มีความละอาย และไม่เห็นเรื่องนั้น แต่แกทำอนาจาร
ที่จะต้องทำในที่ลับ ซึ่งเป็นสถานที่ปกปิดต่อหน้าพวกเรามีจำนวนเท่านี้


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ที่กำลังดูอยู่นั่นเอง แกไม่ละอาย คำที่พวกข้าพเจ้าได้ยินมาแต่ก่อนนั้น
สมกับเหตุการณ์ที่ได้เห็นอยู่นี้ แล้วได้กล่าวคาถาที่ ๑ ว่า:-

ได้ทราบว่า เป็นความจริงที่บัณฑิต
ทั้งหลายพูดถึงแพะโง่ว่าอย่างนี้ ดูเถิดสัตว์
ที่โง่ ไม่รู้จักกรรมที่ควรทำในที่ลับและกรรม
ที่ควรทำในที่แจ้ง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กลกํ ได้แก่ แพะ. บทว่า ปณฺฑิตา
ความว่า ผู้สมบูรณ์ด้วยญาณพูดถึงแพะนั้นว่าโง่ ได้ทราบว่าพูดจริง.
บทว่า ปสฺส เป็นคำเรียกเตือน ความหมายว่า จงดูเถิด. บทว่า
น พุชฺฌติ ความว่า ไม่รู้ว่าการกระทำนั้นไม่ควร.
แพะได้ฟังดังนั้นแล้ว ได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า:-

สหายเอ๋ย แกนั่นแหละโง่ ดูก่อนเจ้า
ลูกลาแกจงรู้ตัวเถิด แกถูกเชือกรัดคอไว้
มีริมฝีปากเบี้ยว มีเชือกมัดปากไว้ สหาย
เอ๋ย ความโง่แม้อย่างอื่นของแก คือ ที่แก
ถูกปลดจากแอกแล้ว แต่ไม่หนีไป สหาย
เอ๋ย พระเจ้าเสนกะที่แกลากไปนั่นแหละโง่
กว่าแก.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตฺวํ นุ โข สมฺม ความว่า สหาย
สินธพเอ๋ย แกโง่กว่าฉันมาก. บทว่า ขุรปุตฺต ความว่า ได้ทราบว่า
ม้านั้นเป็นชาติของลา เพราะเหตุนั้น แพะจึงได้กล่าวกะม้านั้นอย่างนี้.
บทว่า วิชานหิ ความว่า แกจงรู้เถิดว่า เรานั่นแหละโง่. บทว่า
ปริกฺขิตฺโต ความว่า แกถูกเขาเอาเชือกรัดคอไว้กับแอก. บทว่า


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
วงฺโกฏฺโ€ ได้แก่ มีริมฝีปากเบี้ยว. บทว่า โอหิโตมุโข ได้แก่ มีปาก
ถูกเชือกมัดปากปิดไว้. บทว่า มุตฺโต น ปลายสิ ความว่า การที่เจ้า
พ้นจากรถ แล้วหนีเข้าป่าไปไม่ได้ ในเวลาพ้นแล้วไม่หนีไปเป็นคนโง่
แม้อีกอย่างหนึ่ง. บทว่า โส จ พาลตโร ความว่า พระเจ้าเสนกะ
ผู้ที่แกลากไปนั้น โง่กว่าแกอีก.

พระราชาทรงเข้าพระทัยถ้อยคำของสัตว์ทั้ง ๒ ตัวนั้น เพราะ
ฉะนั้น เมื่อทรงสดับคำนั้น จึงทรงให้ขับรถไปค่อยๆ. ฝ่ายม้าสินธพ
ได้ฟังคำของแพะแล้ว จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า:-

สหายอชราชเอ๋ย ข้าโง่ด้วยเหตุใดหนอ
เหตุนั้นแกก็รู้ แต่พระเจ้าเสนกะโง่ เพราะ
เหตุใด แกถูกข้าถามแล้ว จงบอกเหตุนั้น
แก่ข้า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยํ เป็นปฐมาวิภัติใช้ในความหมาย
ของตติยาวิภัติ. บทว่า นุ เป็นนิบาต ใช้ในความหมายว่าตามฟัง.
มีคำอธิบายไว้ว่า ดูก่อนสหายอชราช ก่อนอื่นฉันโง่ เพราะเหตุ คือ
ความเป็นสัตว์เดียรัจฉานอันใด แกรู้เหตุอันนั้น ข้อนี้แกอาจรู้ได้*(ปาฐะว่า เยน

ตาว ติรจฺฉานคโต ภทฺเรน การเณน อหํ พาโล ตํ ตวํ.)
เพราะว่าฉันเป็นผู้โง่เขลา เพราะเป็นสัตว์เดียรัจฉานนั่นเอง เพราะ
ฉะนั้น แกเมื่อกล่าวว่า ลูกลาเป็นต้นกะฉัน ก็ชื่อว่ากล่าวดีถูกต้อง
แต่พระเจ้าเสนกะนี้โง่ เพราะเหตุอะไร ? แกถูกข้าถามแล้ว จงบอก
ข้อนั้นแก่ข้า ดังนี้.


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
แพะเมื่อจะบอกเหตุนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๕ ว่า:-
ผู้ใดได้มนต์ชั้นยอดแล้วจักให้แก่ภรรยา
เพราะการให้นั้น ผู้นั้นจะสละตนทิ้งเสีย และ
เขาก็จักไม่มีภรรยานั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุตฺตมตฺถํ ได้แก่ มนต์เป็นเหตุ
รู้เสียงร้องของสัตว์ทุกชนิด. บทว่า เตน ความว่า เพราะเหตุ กล่าวคือ
การให้มนต์แก่ภรรยานั้น เขาครั้นให้มนต์นั้นแล้ว ก็จักสละตนทิ้งกระ-
โดดเข้ากองไฟ เขาก็จักไม่มีภรรยาคนนั้นเลย เพราะฉะนั้น ผู้นั้นคือ
พระเจ้าเสนกะผู้ไม่สามารถรักษายศที่ได้แล้วไว้ได้ จึงเป็นผู้โง่กว่าแก
ดังนี้.

พระราชา ครั้นทรงสดับคำนั้นแล้ว จึงตรัสว่า อชราชเอ๋ย
ก็เจ้าแม้เมื่อจะทำความสวัสดีแก่เรา จักทำสิ่งนั้น ก่อนอื่นขอเจ้าจงบอก
สิ่งที่ควรแก่สิ่งที่จะต้องทำแก่เรา. ครั้งนั้น อชราชจึงทูลกะพระราชา
นั้นว่า ข้าแต่มหาราชไม่มีผู้อื่นที่ชื่อว่า เป็นที่รักของสัตว์ทั้งหลาย
เหล่านี้ยิ่งกว่าตน. คนไม่ควรให้ตนพินาศ ไม่ควรละทิ้งยศที่ได้แล้ว
เพราะอาศัยของรักอย่างเดียวดังนี้แล้ว ได้กล่าวคาถาที่ ๖ ว่า:-

ข้าแต่จอมนรชน ผู้เช่นกับด้วยพระองค์
ทรงทอดอาลัยตน ไม่คบหาของรักทั้งหลายว่า
สิ่งนี้เป็นที่รักของเรา ตนเท่านั้นประเสริฐกว่า
สิ่งที่ประเสริฐอย่างยิ่งทีเดียว ผู้มีตนสั่งสม
บุญไว้แล้ว จะพึงได้หญิงที่รักในภายหลัง.

พึงทราบวินิจฉัยในบทเหล่านั้นต่อไป บทว่า ปิยมฺเม ตัดบท
เป็น ปิยํ เม คือเป็นที่รักของเรา ปาฐะเป็นอย่างนี้ทีเดียวก็มี. มีคำ
อธิบายว่า ข้าแต่จอมนรชนบุคคลผู้ดำรงอยู่ในความยิ่งใหญ่ด้วยยศ เช่น
พระองค์ ทอดอาลัยตน คือทอดทิ้งตน ไม่คบหาของรักเหล่านั้นเลยว่า
สิ่งนี้เป็นที่รักของเรา เพราะอาศัยหญิงที่เป็นภัณฑะที่รักคนหนึ่ง.


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
เพราะเหตุไร ? เพราะตนเองประเสริฐกว่าคนที่ประเสริฐอย่างยอด
อธิบายว่า เพราะเหตุที่ตนเองประเสริฐ คือล้ำเลิศ ได้แก่สูงสุดกว่า
สิ่งที่ประเสริฐอย่างยิ่ง คือเป็นภัณฑะเป็นที่รักกว่าอย่างอื่น ที่ยอดเยี่ยม
คือสูงสุด โดยการคูณด้วยร้อย คูณด้วยพัน. จริงอยู่ แม้ ว อักษร
ในคำว่า อตฺตาว นี้ พึงเห็นว่า เป็นนิบาตใช้ในความหมายว่าเหตุ.

บทว่า ลพฺภา ปิยา โอจิตตฺเตน ปจฺฉา ความว่า เพราะว่าธรรมดา
ว่าบุรุษผู้มีตนสั่งสมบุญไว้แล้ว คือมีตนเจริญแล้วอาจได้หญิงที่รักใน
ภายหลัง บุคคลไม่ควรให้ตนฉิบหายไป เพราะเหตุแห่งหญิงที่รักนั้น
ดังนี้.

พระมหาสัตว์ได้ถวายโอวาทแด่พระราชา ด้วยประการอย่างนี้.
พระราชาทรงพอพระทัย แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนอชราช ท่านมาจาก
ที่ไหน ?

ท้าวสักกะตรัสตอบว่า ข้าแต่มหาราช เราคือท้าวสักกะมาด้วย
ความอนุเคราะห์ท่าน เพื่อจะปลดเปลื้องท่านจากความตาย.
รา. ข้าแต่เทวราช ข้าพระองค์ได้ลั่นวาจาออกไปแล้วว่า ข้า-
พระองค์จักให้มนต์แก่พระเทวี บัดนี้ ข้าพระองค์จะกระทำอย่างไร ?

สัก. ดูก่อนมหาราช ภารกิจด้วยความพินาศจะไม่มีแก่ท่าน
ทั้ง ๒ ถ้าท่านกล่าวว่า อุปจารแห่งศิลปะมีอยู่ แล้วให้คนคนหนึ่ง
เฆี่ยนพระราชเทวี ๒-๓ ครั้ง ด้วยอุบายนี้ นางจักไม่เรียน. พระราชา
ทรงรับเทพดำรัสว่า ดีแล้ว. พระมหาสัตว์ถวายโอวาทพระราชาแล้ว

ได้เสด็จไปยังสถานที่ของพระองค์นั่นเอง. พระราชาเสด็จไปถึงพระ-
ราชอุทยานแล้ว ตรัสสั่งให้หาพระราชเทวีมา แล้วตรัสถามว่า น้อง
นางเอ๋ย เธอจักเรียนมนต์หรือ. พระนางทูลว่า เพคะ ข้าแต่สมมติ
เทพ.


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
รา. ถ้ากระนั้น เราจะทำอุปจาระแห่งศิลปะ.
เท. อุปจาระเป็นอย่างไร ?
รา. เมื่อเฆี่ยนที่หลัง ๑๐๐ ครั้ง เธอไม่ควรส่งเสียงร้อง.
พระนางทรงรับพระราชดำรัสว่า สาธุ เพราะอยากได้มนต์.

พระราชาตรัสสั่งให้เรียกเจ้าหน้าที่ฆ่าโจร คือเพชฌฆาตมาแล้ว
ให้รับเอาหวายไปเฆี่ยนทั้ง ๒ ข้าง. พระนางทรงทนทานการเฆี่ยน
๒-๓ ครั้งได้ ต่อจากนั้นไป ทรงร้องว่า หม่อมฉันไม่ต้องการมนต์.
ครั้งนั้นพระราชา จึงตรัสกะพระนางว่า เธอประสงค์จะเรียนมนต์
โดยให้ฉันตายไป แล้วทรงให้ถลกหนังที่พระขนองทิ้งออกไป. จำเดิม
แต่นั้นมา พระนางไม่อาจกราบทูลอีก.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มา ทรงประกาศ
สัจธรรมทั้งหลาย แล้วทรงประมวลชาดกลงไว้. ในที่สุดแห่งสัจธรรม
ภิกษุผู้กระสันอยากสึก ได้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. พระราชาในครั้ง
นั้น ได้เป็นภิกษุผู้กระสันอยากสึกในบัดนี้ พระราชเทวีเป็นภรรยาเก่า
ของภิกษุนั้น ม้าเป็นพระสารีบุตร ส่วนท้าวสักกเทวราชเป็นเราตถาคต
นั่นเอง ดังนี้แล.
จบ อรรถกถาขุรปุตตชาดกที่ ๑

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาสูจิชาดกที่ ๒

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ปัญญาบารมีแล้ว จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อกกฺกสํ ดังนี้. เรื่อง
จักมีแจ้งชัดในมหาอุมมังคชาดก.

ก็ในคราวครั้งนั้น พระศาสดาได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา แล้ว
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่เฉพาะแต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาล
ก่อน ตถาคตก็เป็นผู้มีปัญญา เป็นผู้ฉลาดในอุบายทีเดียว. แล้วได้ทรง
นำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร
พาราณสี พระโพธิสัตว์ถือกำเนิดในตระกูลช่างเหล็ก ในแคว้นกาสี
เติบใหญ่แล้วได้เป็นผู้สำเร็จศิลปะ. แต่มารดาบิดาของท่านเป็นคนยาก
จน. ในที่ไม่ไกลจากบ้านของมารดาบิดาของท่านนั้น มีหมู่บ้านช่าง
เหล็กหมู่อื่นพันหลังคาเรือน ช่างเหล็กผู้เป็นหัวหน้าช่างเหล็กพันหลัง-

คาเรือนในหมู่บ้านนั้น เป็นราชวัลลภผู้มั่งคั่งมีทรัพย์มาก. เขามีธิดา
คนหนึ่ง มีรูปโฉมสวยสุด เทียมสาวสวรรค์ ประกอบด้วยลักษณะของ
นางงามชนบท. คนทั้งหลายในหมู่บ้านรอบๆ บ้านพากันมาถึงหมู่บ้าน
นั้น เพื่อต้องการจ้างตีมีดตีขวาน และหล่อผาลไถนา โดยมากก็เห็น


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
หญิงสาวคนนั้น. พวกเขากลับไปบ้านของตนๆ แล้วสรรเสริญรูปโฉม
ของนาง ในที่นั่งและที่ยืนเป็นต้น. พระโพธิสัตว์ได้ยินคำชมนั้นแล้ว
ติดใจ เพราะเกี่ยวข้องกับการได้ยิน จึงคิดว่า เราจักเอานางกุมาริกา
นั้นมาเป็นบาทบริจาริกา คือภริยา. แล้วได้เอาเหล็กเนื้อดีที่สุด ทำให้
เป็นเล่มเข็มเล็ก สุขุมเล่มหนึ่ง เจาะห่วงก้นเข็ม แล้วถ่วงไว้ในน้ำ ทำ

กลักเข็มนั้นแบบเข็มนั่นแหละ อีกอันหนึ่งเจาะห่วงไว้ ได้ทำกลักเข็มนั้น
โดยทำนองนี้ ๗ ชั้น. ไม่ควรพูดว่า ทำได้อย่างไร ? ด้วยว่าเหตุการณ์
สำเร็จได้ เพราะพระโพธิสัตว์มีความรู้มาก. พระโพธิสัตว์นั้น สอด
เข็มนั้นไว้ในตลับ เก็บไว้ในชายพกแล้วไปหมู่บ้านนั้น ถามถึงถนน

ที่อยู่ของหัวหน้าช่างเหล็ก ไปถึงที่นั้นแล้วยืนที่ประตู กล่าวว่า ใคร
ต้องการซื้อเข็มที่มีรูปร่างอย่างนี้ จากมือของข้าพเจ้าด้วยมูลค่าดังนี้. เมื่อ
จะพรรณนาถึงเข็ม จึงได้ยืนใกล้ประตูเรือนหัวหน้าช่างเหล็กแล้วกล่าว
คาถาที่ ๑ ว่า:-

ใครต้องการซื้อเข็มที่ไม่ขรุขระ ไม่หยาบ
ขัดด้วยหินแข็ง มีรูสำหรับร้อยด้ายดี ทั้งเล่ม
เล็ก ทั้งมีปลายคม.

คาถานั้นมีเนื้อความว่า ใครต้องการซื้อเข็มของเรา ที่ชื่อว่าไม่
ขรุขระ เพราะไม่มีปม ไฝฝ้าหรือรอย. ชื่อว่า ไม่หยาบ เพราะเกลี้ยง-
เกลา. ชื่อว่า ขัดด้วยของแข็ง เพราะขัดแล้วด้วยของแข็ง คือของที่
แก่น ได้แก่หิน. ชื่อว่า มีรูสำหรับร้อยด้ายดี เพราะประกอบด้วยห่วง
คือรูร้อยที่ดีงาม คือหมดจดดี ชื่อว่า เล็ก เพราะละเอียด ชื่อว่า มี
ปลายคม เพราะคมที่ปลาย จากมือของเราโดยให้มูลค่าราคา.


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ก็แล ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว เมื่อจะพรรณนาถึงเข็มนั้นอีก จึง
ได้กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า:-
ใครต้องการซื้อเข็ม ที่ขัดดีแล้ว มีรูร้อย
ด้ายเรียบร้อย ที่ให้เป็นไปดีแล้วตามลำดับ ที่
กัดทั่งทะลุและแข็งแกร่ง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุมชฺชํ ความว่า ที่ขัดแล้วด้วยดี
ด้วยผงที่ได้จากแคว้นกุรุ. บทว่า สุปาสํ ความว่า ชื่อว่า มีห่วง คือ
รูก้นเข็มดี เพราะเจาะด้วยสว่านเจาะรูที่ละเอียด. บทว่า ฆนฆาติมํ
ความว่า เข็มที่ถูกตีทะลุทั่งเข้าไปตามลำดับ นี้เรียกว่า ฆนฆาติมา
อธิบายว่า เป็นเช่นนั้น. บทว่า ปฏิตฺถทฺธํ ความว่า แข็ง คือ ไม่อ่อน.

ขณะนั้น นางกุมาริกานั้น กำลังใช้พัดใบตาลพัดบิดา ผู้รับ-
ประทานอาหารเช้าแล้วนอนอยู่บนที่นอนเล็ก เพื่อระงับความไม่สบาย
ได้ยินเสียงที่ไพเราะของพระโพธิสัตว์ เหมือนเอาก้อนเนื้อสดฟาดหัวใจ
และเหมือนถูกดับด้วยความร้อนอบอ้าว ด้วยน้ำพันหม้อ สงสัยว่า นั่น

ใครหนอร้องขายเข็มที่หมู่บ้านเป็นที่อยู่ของช่างเหล็ก ด้วยเสียงไพเราะ
นัก ? เขามาด้วยกิจกรรมอะไรหนอ ? เราจักรู้จักเขา แล้ววางพัดใบตาล
ไว้ ออกจากบ้านไปยืนที่เฉลียงข้างนอก พูดกับพระโพธิสัตว์นั้น. ตาม
ธรรมดาความปรารถนาย่อมสำเร็จแก่พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย. เพราะว่า

ท่านมาหมู่บ้านนั้น ก็เพื่อความต้องการหญิงสาวคนนั้นนั่นเอง. นาง
นั่นแหละ เมื่อจะพูดกับพระโพธิสัตว์นั้น จึงพูดว่า ข้าแต่มาณพ ชาว


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
รัฐทั่วๆ ไป มาหมู่บ้านนี้เพื่อต้องการเข็มเป็นต้น แต่คุณมาเพื่อจะขาย
เข็มในบ้านช่างเหล็ก เพราะความโง่ ถ้าแม้นว่า คุณกล่าวสรรเสริญ
เข็มตลอดทั้งวันไซร้ ก็จักไม่มีใครรับเอาเข็มนั้นจากมือของคุณ ถ้าหาก
คุณอยากได้มูลค่าไซร้ ก็จงไปหมู่บ้านอื่น แล้วได้กล่าวคาถา ๒ คาถา
ว่า:-

เดี๋ยวนี้ เข็มและเบ็ดทั้งหลายเป็นสินค้า
ออกไปจากบ้านนี้ นี้ใครต้องการขายเข็ม ใน
หมู่บ้านช่างเหล็ก ศัสตราทั้งหลายไปจากหมู่
บ้านนี้ การงานมากอย่างต่างๆ ชนิด เป็นไป
ในหมู่บ้านนี้ นี้ใครควรจะขายเข็มในหมู่บ้าน
ช่างเหล็ก.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อิโต ทานิ ความว่า เข็ม เบ็ด
และเครื่องอุปกรณ์อื่นๆ ในรัฐนี้ ในขณะนี้ออกไปจากหมู่บ้านช่างเหล็ก
นี้. บทว่า ปตายนฺติ ความว่า ออกไป คือแผ่ไปตลอดวันนั้นๆ. บทว่า
โกยํ ความว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครต้องการจะขายเข็มที่หมู่บ้านช่าง

เหล็กนี้. บทว่า สตฺถานิ ความว่า แม้ศัสตรานานาชนิด ที่มาสู่เมือง
พาราณสี ก็ไปจากหมู่บ้านนี้นั่นเอง. บทว่า วิวิธา ปุถู ความว่า
การงานนานาประการตั้งมากมาย เป็นไปอยู่ เพราะเครื่องอุปกรณ์ทั้ง-
หลายที่ผู้อยู่ในรัฐทั้งสิ้น เอามาจากหมู่บ้านนี้เอง.

พระโพธิสัตว์ได้ยินคำของนางแล้ว จึงกล่าวว่า น้องนางเอ๋ย
น้องไม่รู้ เพราะไม่รู้จึงพูดอย่างนี้ แล้วได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า:-


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ผู้ฉลาดจะต้องขายเข็ม ในหมู่บ้านช่าง-
เหล็ก อาจารย์ช่างทั้งหลาย จึงจะเข้าใจงาน
ว่าทำดีหรือไม่ดี. น้องนางเอ๋ย บิดาของเธอ
คงรู้เข็มเล่มนี้ที่เราทำแล้ว และคงจะเชื้อเชิญ
เราด้วยตัวเธอ และทรัพย์อย่างอื่นที่มีอยู่ใน
เรือน.

ศัพท์ว่า สูจึ ในคาถานั้น ท่านกล่าววิภัติคลาดเคลื่อน คือ
กล่าวปฐมาวิภัติเป็นทุติยาวิภัติไป. มีคำอธิบายว่า ขึ้นชื่อว่า เข็ม ต้อง
คนฉลาด คือเป็นบัณฑิต จึงจะขายในหมู่บ้านช่างเหล็กได้นั่นแหละ.
เพราะเหตุไร ? บทว่า อาจริยา ปชานนฺติ กมฺมํ สุกตทุกฺกฏํ ความ

ว่า ก็อาจารย์ช่างศิลปประเภทนั้น จึงจะรู้งานที่ทำดีหรือไม่ดีในศิลป
ประเภทนั้นๆ ถ้าหากเรานั้นไปบ้านคฤหบดีทั้งหลาย ผู้ไม่รู้งานของช่าง
เหล็ก จักให้เขารู้ได้อย่างไรว่าเราทำเข็มดีหรือไม่ดี ? แต่ในบ้านนี้
ฉันจักให้ช่างทั้งหลายรู้กำลังของฉัน. พระโพธิสัตว์พรรณนากำลังของ

ตน ด้วยคาถานี้อย่างนี้. บทว่า ตยา จ มํ นิมนฺเตยฺย ความว่า
น้องนางเอ๋ย ถ้าบิดาของเธอพึงรู้เข็มเล่มที่ฉันทำนี้ว่า เข็มชนิดนี้หรือ
เล่มนี้เด่นอย่างนี้แล้วไซร้ ท่านคงจะเชิญฉันด้วยตัวเธออย่างนี้ว่า ฉัน
จะให้ธิดาคนนี้เป็นบาทบริจาริกาของคุณ ขอจงรับเอานาง ดังนี้ด้วย.

บทว่า ยฺจตฺถฺญํ ฆเร ธนํ ความว่า ทรัพย์อย่างอื่นอันใดที่มี
วิญญาณก็ตาม ไม่มีวิญญาณก็ตาม มีอยู่ในเรือน บิดาของเธอคงเชื้อเชิญ
ฉันด้วยทรัพย์นั้นด้วย. ปาฐะว่า ยฺจสฺสฺํ บ้าง ดังนี้ก็มี มีความ
หมายว่า ทรัพย์อย่างอื่นในเรือนของเขามีอยู่.


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
หัวหน้าช่างเหล็กได้ยินถ้อยคำของคนทั้ง ๒ นั้นแล้ว จึงร้องเรียก
ธิดาว่า แม่หนูๆ แล้วถามว่า หนูเจรจากับใคร ?

พ่อ หนูเจรจากับชายคนหนึ่งที่ขายเข็ม ธิดาตอบ.
ลูกจงเรียกเขามาหาพ่อ พ่อสั่ง นางจึงไปเรียก พระโพธิสัตว์นั้น
จึงเข้าไปในบ้าน ไหว้หัวหน้าช่างเหล็กแล้วได้ยืนอยู่. ลำดับนั้น หัวหน้า
ช่างเหล็กนั้น จึงถามว่า พ่อคุณเป็นคนชาวบ้านไหน ?

ผมเป็นคนชาวบ้านโน้น เป็นลูกของช่างเหล็กชื่อโน้น พระ-
โพธิสัตว์ตอบ.
เหตุไฉนคุณจึงมาที่นี้ หัวหน้าช่างเหล็กซัก.
มาเพื่อขายเข็มครับ พระโพธิสัตว์ตอบ.
ขอดูเข็มของคุณซิ หัวหน้าช่างเหล็กพูด.

พระโพธิสัตว์ต้องการจะประกาศคุณของตน ท่ามกลางช่างทั้ง-
หมด จึงถามว่า การดูท่ามกลางช่างทั้งหมดดีกว่าดูเป็นคนๆ ไปไม่ใช่
หรือครับ ? หัวหน้าช่างเหล็กตอบว่า ดีแล้วคุณ จึงสั่งให้ช่างเหล็กทั้ง-
หมดมาประชุมกัน มีช่างเหล่านั้นแวดล้อมแล้วพูดว่า เอาออกมาเถอะ

คุณ พวกผมจะดูเข็มของคุณ. พระโพธิสัตว์ขอร้องว่า อาจารย์ครับ
ขอให้นำทั่งมา ๑ อันกับถาดสัมฤทธิ์มีน้ำเต็มมา ๑ ใบ เขาก็ให้คนนำมา
ให้. พระโพธิสัตว์จึงนำ ตลับเข็มออกมาจากชายพกแล้ว ได้มอบให้ไป.
หัวหน้าช่างเหล็กนำเข็มออกจากตลับนั้นแล้ว ถามว่า พ่อคุณ นี้หรือ

เข็ม ? นี้ไม่ใช่เข็มนั่นเป็นกลักเข็ม พระโพธิสัตว์ตอบ. เขาพิจารณา
ดูแล้วไม่เห็นก้นไม่เห็นปลายเข็มเลย. พระโพธิสัตว์จึงให้นำมาแล้วเอา
เล็บแคะกลักออกไป แสดงให้มหาชนเห็นว่า นี้เข็ม นี้กล่องเข็ม แล้ว
วางเข็มไว้ที่มือของอาจารย์ วางกล่องไว้ใกล้เท้า. ท่านถูกอาจารย์นั้น

ถามอีกว่า นี้เห็นจะเป็นเข็มนะพ่อคุณ จึงบอกว่า นี้ก็ไม่ใช่เข็ม เป็น
กลักเข็มเหมือนกัน แล้วพลางเอาเล็บสะกิดออกวางกลักเข็ม ๖ กลักไว้
ใกล้เท้าของช่างเหล็กตามลำดับแล้ว จึงวางเข็มไว้บนมือเขาโดยบอกว่า
นี้เข็ม. ช่างเหล็กพันคนพากันดีดนิ้วปรบมือ ? การชูผ้า เป็นไปแล้ว
คือโบกผ้า. ลำดับนั้น หัวหน้าช่างเหล็ก จึงได้ถามพระโพธิสัตว์นั้นว่า
เข็มนี้มีกำลังอย่างไร ?


* อีกไม่นานก็คงต้องตาย แล้วจะละอายทำความดีกันอีกทำไม
* กราบเท้าพ่อแม่คงไม่ทำให้ชีวิตตนต้องแย่ยิ่งกว่าเดิมหรอกน่ะ
* รักที่แท้จริงยิ่งสิ่งใดนั้นจะเท่ารักของ พ่อ และแม่
* จะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด แม่ก็ยังอภัยให้ลูกได้เสมอ
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ดีแต่ว่าเค้าไม่ส่องดูตัวเราเองบ้างเลย ว่าเราทำได้อย่างเค้าไหม?
* ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่มี คนกล่าวเหล่านี้ ติ ชม เฉย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2018, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระโพธิสัตว์ ข้าแต่ท่านอาจารย์ ขอให้ท่านใช้ให้ผู้ชายที่มีกำลัง
ยกทั่งขึ้นแล้วให้วางถาดน้ำไว้ใต้ทั่งแล้วตอกเข็มนี้ลงกลางทั่งเถิด. เขาให้
คนทำอย่างนั้นแล้วตอกปลายเข็มลงกลางทั่ง. เข็มนั้นทะลุทั่งลงไป วาง
ขวางอยู่เหนือหลังน้ำ ไม่สูงไม่ต่ำ แม้ประมาณเท่าปลายผม. ช่างเหล็ก

ทั้งหมดพูดว่า ชั่วเวลาถึงปานนี้พวกเราไม่เคยได้ยินได้ฟังเลยว่า ขึ้น
ชื่อว่าช่างเหล็กทั้งหลาย เช่นนี้มีอยู่ แล้วพากันปรบมือ ชูผ้าขึ้นเป็น
พันๆ. หัวหน้าช่างเหล็กเรียกธิดาให้มาหา และประกาศท่ามกลางบริษัท

นั้นเองว่า กุมาริกานี้สมควรแก่คุณเท่านั้น แล้วได้หลั่งน้ำใส่มือมอบให้.
ในเวลาต่อมาพระโพธิสัตว์นั้น ได้เป็นหัวหน้าช่างเหล็กแทนในหมู่บ้าน
นั้น โดยที่หัวหน้าช่างเหล็กล่วงลับไปแล้ว.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศ
สัจจะแล้วทรงประชุมชาดกว่า ธิดาของหัวหน้าช่างเหล็กในกาลครั้งนั้น
ได้เป็นมารดาพระราหุลในบัดนี้ ส่วนหัวหน้า คือเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาสูจิชาดกที่ ๒

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 111, 112, 113, 114, 115, 116, 117 ... 151  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร