วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ย. 2025, 23:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 109, 110, 111, 112, 113, 114, 115 ... 151  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ธิดา ๒ ตน เหล่านี้คือ ธิดาของท้าววิรูปักข์มหาราช ชื่อกาลกรรณี ๑
ธิดาของท้าวธตรฐมหาราช ชื่อสิริ ๑ ในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกา
ถือของหอมและดอกไม้จำนวนมาก พากันมายังท่าน้ำสระอโนดาดด้วย
หมายใจว่า พวกเราจักเล่นน้ำในสระอโนดาด.

ก็ในสระอโนดาดนั้น มีท่าน้ำหลายท่าด้วยกัน ในจำนวนท่าน้ำ
เหล่านั้น ที่ท่าสำหรับพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าเท่านั้นทรง
สรงสนาน ที่ท่าสำหรับปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็เฉพาะปัจเจกพุทธเจ้า
ทั้งหลายทรงสรงสนาน ที่ท่าสำหรับภิกษุทั้งหลาย ก็เฉพาะภิกษุ

ทั้งหลายพากันสรงน้ำ ที่ท่าสำหรับดาบสทั้งหลาย ก็เฉพาะดาบสทั้งหลาย
อาบกัน ที่ท่าสำหรับเทพบุตรทั้งหลายในสวรรค์ ๖ ชั้น มีชั้นจาตุม
มหาราชิกาเป็นต้น เทพบุตรทั้งหลายเท่านั้นสรงสนานกัน ที่ท่าสำหรับ
เทพธิดาทั้งหลาย ก็เฉพาะเทพธิดาทั้งหลายสรงสนานกัน.

ในจำนวนเทพธิดาเหล่านั้น เทพธิดาทั้ง ๒ ตนนี้ทะเลาะกัน
ด้วยต้องการท่าน้ำว่า ฉันจักอาบก่อน ฉันก่อนดังนี้. กาลกรรณีเทพธิดา
พูดว่า ฉันรักษาโลก เที่ยวตรวจดูโลก เพราะฉะนั้น ฉันควรจะได้
อาบก่อน. ฝ่ายสิริเทพธิดาพูดว่า ฉันดำรงอยู่ในข้อปฏิบัติชอบ ที่จะ

อำนวยอิสริยยศแก่มหาราช เพราะฉะนั้น ฉันควรจะได้อาบก่อน.
พวกเขาเข้าใจว่า ท้าวมหาราชทั้ง ๔ จักรู้ว่า ในจำนวนเราทั้ง ๒ นี้
ใครสมควรจะอาบน้ำก่อนหรือไม่สมควร. จึงพากันไปยังสำนักของ
ท้าวมหาราชเหล่านั้น แล้วทูลถามว่า บรรดาหม่อมฉันทั้ง ๒ ใคร
สมควรจะอาบน้ำในสระอโนดาดก่อนกัน. ท้าวธตรัฐและท้าววิรูปักข์
บอกว่า พวกเราไม่อาจจะวินิจฉัยได้ จึงได้ยกให้เป็นภาระของท้าว


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
วิรุฬหกและท้าวเวสสุวรรณ. ท่านทั้ง ๒ นั้น บอกว่า ถึงพวกเราก็ไม่
อาจวินิจฉัยได้ จักส่งไปแทบบาทมูลของท้าวสักกะ แล้วได้ส่งเธอทั้ง ๒
ไปยังสำนักของท้าวสักกะ. ท้าวสักกะทรงสะดับคำของเธอทั้ง ๒ แล้ว
ทรงดำริว่า เธอทั้ง ๒ นี้ก็เป็นธิดาของบริษัทของเราเหมือนกัน เรา

ไม่อาจวินิจฉัยคดีนี้ได้. ครั้งนั้น ท้าวสักกะได้ตรัสว่า ในนครพาราณสี
มีเศรษฐีชื่อว่าสุจิปริวาระ ในบ้านของเขาปูอาสนะที่ไม่เปรอะเปื้อนและ
ที่นอนที่ไม่เปรอะเปื้อนไว้. เทพธิดาตนใดได้นั่งหรือได้นอนบนที่นั่ง
ที่นอนนั้น เทพธิดาตนนั้นควรได้อาบน้ำก่อน กาลกรรณีเทพธิดาได้

สะดับเทวโองการแล้ว ในขณะนั้นนั่นเอง ได้นุ่งห่มผ้าสีเขียวลูบไล้
เครื่องลูบไล้สีเขียว ประดับเครื่องประดับแก้วมณีสีเขียวลงจากเทวโลก
เหมือนหินยนต์ ได้เปล่งรัศมีลอยอยู่บนอากาศในที่ไม่ไกลที่นอน ใกล้

ประตูเป็นที่เฝ้าปรนนิบัติแห่งปราสาทของท่านเศรษฐีในระหว่างมัชฌิม-
ยามนั่นเอง. เศรษฐีแลดูได้เห็นนาง พร้อมกับการเห็นนั่นเอง นางไม่
ได้เป็นที่รัก ไม่ได้เป็นที่พอใจของเศรษฐีนั้นเลย. ท่านเมื่อจะเจรจา
กับนาง จึงได้กล่าวคาถาที่ ๑ ว่า:-

ใครมีผิวดำ และเขาก็ไม่น่ารักและไม่น่า
ทัศนา เราจะรู้จักเจ้าได้อย่างไร ? ว่าเจ้าเป็น
ใคร ? เป็นธิดาของใคร ?

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กาเลน ได้แก่สีเขียว. บทว่า
วณฺเณน ความว่า ด้วยสีของร่างกายและสีของผ้าและอาภรณ์. ด้วยบทว่า
น จาสิ ปิยทสฺสนา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายท่องเที่ยวไปโดยทาส และเทพธิดาตนนี้ไม่มี

มารยาท คืออาจาระ เป็นผู้ทุศีล เพราะฉะนั้น เธอจึงไม่เป็นที่รัก
ของท่านเศรษฐี พร้อมกับด้วยการเห็นนั่นเอง ด้วยเหตุนั้นนั่นแหละ
ท่านจึงกล่าวว่า เธอเป็นใคร ? อีกอย่างหนึ่ง ศัพท์ว่า กา จ ตฺวํ
ได้แก่เจ้าเป็นใครล่ะ ? นี้นั่นแหละเป็นปาฐะบาลีเดิม.


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
กาลกรรณีเทพธิดาได้ยินคำนั้นแล้ว จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า:-
ดิฉันเป็นธิดาของท้าววิรูปักษ์มหาราช
เป็นผู้โหดเหี้ยม ดิฉันคือนางกาลีผู้ไร้ปัญญา
เทพทั้งหลายรู้จักดิฉันว่า ชื่อกาลกรรณี ท่าน
เป็นผู้ที่ดิฉันขอโอกาสแล้ว ขอจงให้ดิฉัน
ขอพักอยู่ในสำนักของท่าน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จณฺฑิยา คือมักโกรธ อธิบายว่า
คนทั้งหลายตั้งชื่อดิฉันว่า จัณฑี เพราะเป็นคนมักโกรธ. บทว่า
อลกฺขิกา ได้แก่ผู้ไม่มีปัญญา. บทว่า มํ วิทู ความว่า เทพทั้งหลาย
ในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกา รู้จักดิฉันด้วยประการอย่างนี้. บทว่า
วเสมุ ความว่า วันนี้ดิฉันขออยู่ในสำนักของท่านคืนหนึ่ง ขอท่านจง
ให้โอกาสแก่ดิฉันในการนั่งและนอนบนที่ที่ไม่เปรอะเปื้อนแห่งหนึ่งเถิด
ดังนี้.

พระโพธิสัตว์ ครั้นได้ยินคำนั้นแล้ว จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า:-
เจ้าปลงใจในชายผู้มีปกติอย่างไร มีความ
ประพฤติเสมออย่างไร ? ดูก่อนแม่กาลี เจ้า
ถูกฉันถามแล้ว จงบอกฉัน. พวกฉันจะพึง
รู้จักเจ้าได้อย่างไร ?

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิวิสเส ความว่า ตั้งลง คือ
ประดิษฐานอยู่ในใจของเจ้า.


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ลำดับนั้น นางเมื่อจะกล่าวถึงคุณของตน จึงกล่าวคาถาที่ ๔
ว่า:-
ชายใดลบหลู่คุณท่าน ตีตนเสมอ แข่งดี
ริษยาเขา ตระหนี่และโอ้อวด ชายใดได้
ทรัพย์มาแล้วย่อมพินาศไป ชายนั้นเป็นที่
รักใคร่ของดิฉัน.

คาถานั้นมีเนื้อความว่า ชายใดไม่รู้จักคุณที่ผู้อื่นทำแล้วแก่ตน
เป็นผู้ลบหลู่คุณท่าน เมื่อเขากล่าวถึงเหตุอะไรๆ ของตน ก็ยึดถือเป็น
คู่แข่งว่า ฉันไม่รู้จักสิ่งนั้นหรือ ? เห็นอะไรที่คนเหล่าอื่นทำแล้ว ก็ทำ
เหตุให้เหนือขึ้นไปกว่า ด้วยอำนาจแห่งการแข่งดี เมื่อคนอื่นได้ลาภ

ก็ไม่ยินดีด้วย ปรารถนาว่า คนอื่นอย่ามีความเป็นใหญ่กว่าเรา ขอความ
เป็นใหญ่จงเป็นของเราคนเดียว หวงแหนสมบัติของตนไม่ให้แก่ผู้อื่น
แม้หยดน้ำมันด้วยปลายหญ้า เป็นผู้ประกอบด้วยลักษณะของฝ่ายคน
เกเร ไม่ให้สิ่งของๆ ตนแก่ผู้อื่น กินของๆ คนอื่นอย่างเดียวด้วยอุบาย

วิธีนั้นๆ. ทรัพย์หรือข้าวเปลือกที่ชายใดได้มาแล้ว ย่อมพินาศไปไม่คง
อยู่ คือชายใดเป็นนักเลงสุราบ้าง เป็นนักเลงการพนันบ้าง เป็นนักเลง
หญิงบ้าง ยังทรัพย์ที่ได้มาแล้วให้พินาศไปถ่ายเดียว ชายคนนี้นั้น
ผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เป็นที่ใคร่ คือเป็นที่รักได้แก่เป็นที่ชอบ
ใจของฉัน ฉันให้คนแบบนี้ให้ตั้งอยู่ในดวงใจของฉัน.

ลำดับนั้น นางจึงได้กล่าวคาถาที่ ๕ ที่ ๖ และที่ ๗ ด้วยตน
นั่นแหละว่า:-


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
คนมักโกรธ มักผูกโกรธ พูดส่อเสียด
ทำลายความสามัคคี มีวาจาเป็นเสี้ยนหนาม
หยาบคาย เขาเป็นที่รักใคร่ของดิฉันยิ่งกว่า
นั้นอีก. ชายผู้ไม่เข้าใจประโยชน์ของตนว่า
ทำวันนี้ พรุ่งนี้ ถูกตักเตือนอยู่ก็โกรธ ดูหมิ่น
ความดีของผู้อื่น. ชายผู้ที่ถูกความคนองรบเร้า
พรากจากมิตรทั้งหมด เป็นที่รักใคร่ของดิฉัน
ดิฉันไม่มีความทุกข์ร้อนในเขา.

คาถาเหล่านั้นควรให้พิสดารโดยนัยนี้เถิด. แต่ในที่นี้พึงทราบ
เนื้อความแต่โดยย่อ. บทว่า โกธโน ได้แก่เป็นผู้โกรธแม้ด้วยเหตุเพียง
เล็กน้อย. บทว่า อุปนาหี ได้แก่เก็บความผิดของผู้อื่นไว้ในใจแล้ว
ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่ให้มีประโยชน์แม้นานเท่านาน. บทว่า

ปิสุโณ ได้แก่เป็นผู้มีวาจาส่อเสียด. บทว่า วิเภทโก ได้แก่เป็นผู้ทำ
ลายมิตร แม้ด้วยเหตุเพียงเล็กน้อย. บทว่า กณฺ€กวาโจ ได้แก่เป็น
ผู้มีวาจาเป็นไปกับด้วยโทสะ. บทว่า ผรุโส ได้แก่เป็นผู้มีวาจาหยาบ
คาย. บทว่า กนฺตตโร ความว่า ชายนั้นเป็นที่ใคร่คือเป็นที่รักของ

ดิฉันมากกว่าชายแม้คนก่อน. บทว่า อชฺช สุเว ความว่า ชายใดไม่
เข้าใจคือไม่รู้จักประโยชน์ของตนคือกิจการของตนอย่างนี้ว่า กิจการนี้
ควรทำในวันนี้ กิจการนี้ควรทำพรุ่งนี้ กิจการนี้ควรทำในวันที่ ๓
คือมะรืนเป็นต้น. บทว่า โอวชฺชมาโน ได้แก่ถูกกล่าวตักเตือนอยู่.


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 17:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บทว่า เสยฺยโส อติมฺติ ความว่า ดูหมิ่นคนที่ยิ่งกว่า คือบุคคล
ที่สูงสุดโดยชาติ โคตร ตระกูล ถิ่นที่อยู่และคุณคือศีลและอาจาระว่า
แกจะพอมือข้าหรือ ? บทว่า ทวปฺปลุทฺโธ ความว่า ถูกความคะนอง
ไม่ขาดระยะในกามคุณทั้งหลาย มีรูปเป็นต้น เล้าโลมแล้ว คือครอบ
งำแล้ว ได้แก่ตกอยู่ในอำนาจกามคุณแล้ว. บทว่า ธํสติ ความว่า

เขากล่าวว่า แกจะทำอะไรฉันดังนี้เป็นต้น แล้วพลัดพรากคือเสื่อม
จากมิตรทั้งหมดทีเดียว. บทว่า อนามยา ความว่า ดิฉันคิดว่าบุคคล
ผู้ประกอบด้วยคุณธรรมเหล่านี้จะเป็นผู้ไม่มีทุกข์ไม่มีโศก ได้เขาแล้ว
จะหมดอาลัยในคนอื่นอยู่ดังนี้.

ลำดับนั้น พระมหาสัตว์เมื่อจะตำหนิเขา จึงได้กล่าวคาถาที่ ๘
ว่า:-
นางกาลีเอ๋ย เจ้าจงออกไปจากที่นี้ การ
ทำความรักของเจ้านี้ หามีในเราไม่ เจ้าจงไป
ชนบทอื่น นิคม และราชธานีอื่นเถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อเปหิ ความว่า จงหลีกไป. บทว่า
เนตํ อมฺเหสุ ความว่า การทำความรักของเจ้ามีการลบหลู่คุณท่าน
เป็นต้น นี้หามีในพวกเราไม่ คือไม่มี. ด้วยบทว่า นิคเม ราชธานิโย
พระมหาสัตว์แสดงว่า เจ้าจงไปนิคมอื่นบ้าง ราชธานีอื่นบ้าง ในที่อื่น
คือจงไปในที่ที่ฉันจะไม่เห็นเจ้า.

นางกาลกรรณีได้ฟังดังนั้นแล้ว ผ่านคำนั้นไปได้ จึงกล่าวคาถา
ติดกันไปว่า:-


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
เรื่องนั้นฉันเองก็รู้ว่า เรื่องนั้นหามีใน
พวกท่านไม่ คนไม่มีบุญมีอยู่ในโลก เขา
รวบรวมทรัพย์ไว้มาก เราทั้ง ๒ คือทั้งฉัน
ทั้งเทพผู้เป็นพี่ชายของฉัน พากันผลาญทรัพย์
นั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เนตํ ตุมฺเหสุ ความว่า ฉันเอง
ก็รู้ข้อนี้ว่า การทำความรักอันใดของฉัน มีการลบหลู่คุณท่านเป็นต้น
ฉันประกอบด้วยการทำความรักอันใดมีการลบหลู่คุณท่านเป็นต้น แม้
ด้วยตนเอง การทำความรักเป็นต้นนั้น ไม่มีในท่านทั้งหลาย. บทว่า
สนฺติ โลเก อลกฺขิกา ความว่า แต่คนเหล่าอื่นที่เป็นคนโง่ เป็นผู้

ไม่มีศีล ไม่มีปัญญายังมีอยู่ในโลก. บทว่า สงฺฆรนฺติ ความว่า
คนเหล่านั้นผู้ไม่มีศีล แม้ปัญญาก็ไม่มี รวบรวมทรัพย์ไว้มากมาย
คือเก็บกำไว้เป็นกลุ่มก้อน ด้วยเหตุเหล่านี้มีการลบหลู่คุณท่านเป็นต้น.
บทว่า อุโภ นํ ความว่า แต่เราทั้ง ๒ คน คือทั้งตัวฉันและเทพบุตร

ชื่อว่า เทพผู้เป็นพี่ชายของฉันนั่นเอง รวมหัวกันผลาญทรัพย์นั้นที่คน
เหล่านั้นรวบรวมเก็บไว้. อนึ่ง เทพธิดานั้นกล่าวว่า ในเทวโลกพวกฉัน
ก็มีเครื่องบริโภคที่เป็นทิพย์อยู่มาก ท่านจะให้ที่นอนทิพย์หรือไม่ให้
ก็ตาม ท่านจะมีประโยชน์อะไรเล่าสำหรับฉัน ดังนี้แล้วหลีกไป.


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ในเวลาที่กาลกรรณีเทพธิดานั้นหลีกไปแล้ว สิริเทพธิดามีของ
หอมและเครื่องประเทืองผิวสีเหมือนทองคำ มีเครื่องตกแต่งทองคำ
มาแล้วเปล่งรัศมีสีเหลืองที่ประตูซึ่งสถิตอยู่ใกล้ๆ มีความเคารพได้ยืน
เอาเท้าที่เสมอกันวางบนพื้นดินที่เสมอกัน. พระมหาสัตว์ครั้นเห็นนาง
แล้ว จึงได้กล่าวคาถาที่ ๑ ว่า:-

ใครหนอมีผิวพรรณเป็นทิพย์ ยืนเรียบ
ร้อยอยู่ที่พื้นดิน เราจะรู้จักเจ้าได้อย่างไร ?
ว่าเจ้าเป็นใคร ? เป็นธิดาของใคร ?
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทิพฺเพน ความว่า ประเสริฐคือ
สูงสุด.

สิริเทพธิดาได้ฟังดังนั้นแล้ว จึงได้กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า:-
ดิฉันเป็นธิดาของท้าวธตรฐมหาราชผู้มีสิริ
ดิฉันชื่อสิริลักษมิ์ เทพทั้งหลายรู้จักดิฉันว่า
เป็นผู้มีปัญญากว้างขวาง ท่านเป็นผู้ที่ดิฉันขอ
โอกาสแล้ว ขอจงให้ดิฉันขอพักอยู่ในสำนัก
ของท่าน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สิรี จ ลกฺขี จ ความว่า ดิฉัน
ผู้มีนามอย่างนี้ว่า สิริลักษมิ์ไม่ใช่คนอื่น. บทว่า ภูริปฺาติ มํ วิทู
ความว่า เทพทั้งหลายรู้จักดิฉันในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกาว่า เป็น
ผู้ประกอบด้วยปัญญาไพบูลย์ เสมอด้วยแผ่นดิน. บทว่า วเสมุ ตว
สนฺติเก ความว่า ดิฉันขออาศัยคืนหนึ่งบนที่นั่งที่ไม่เปรอะเปื้อนและ
ที่นอนที่ไม่เปรอะเปื้อน ขอท่านจงให้โอกาสแก่ดิฉัน.


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ต่อจากนั้นพระโพธิสัตว์จึงกล่าวคาถาว่า:-
เจ้าปลงใจในชายที่มีศีลอย่างไร มีอาจาระ
อย่างไร ? เจ้าเป็นผู้ที่เราถามแล้ว จงบอกเรา
โดยที่เราควรรู้จักเจ้า. ชายใดครอบงำความ
หนาวหรือความร้อน ลม แดด เหลือบ และ
สัตว์เลื้อยคลาน ทั้งความหิวและความระหาย
ได้ ชายใดประกอบการงานทุกอย่างเนืองๆ

ตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่ยังประโยชน์ที่มาถึงตาม
กาลให้เสื่อมเสียไปด้วย ชายนั้นเป็นที่ชอบใจ
ของดิฉัน และดิฉันก็ปลงใจเขาจริงๆ. ชายใด
ไม่โกรธ มีมิตร มีการเสียสละ รักษาศีล
ไม่โอ้อวด เป็นคนซื่อตรง เป็นผู้สงเคราะห์
ผู้อื่น มีวาจาอ่อนหวาน มีคำพูดไพเราะ แม้

จะเป็นใหญ่ ก็มีความประพฤติถ่อมตน. ดิฉัน
พอใจในบุรุษนั้นเป็นอย่างมาก ดุจคลื่นทะเล
ปรากฏแก่คนที่มองดูสีน้ำทะเลเหมือนมีมาก.
อีกอย่างหนึ่ง ผู้ใดให้สังคหธรรมให้เป็นไป
อยู่ในบุคคลทั้งที่เป็นมิตร ทั้งที่เป็นศัตรูทั้งที่
ประเสริฐที่สุด ทั้งที่เสมอกัน ทั้งที่ต่ำทราม

ประพฤติประโยชน์หรือสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
ทั้งในที่ลับทั้งในที่แจ้ง ไม่กล่าวคำหยาบใน
กาลไหนๆ. ผู้นั้นตายแล้วและยังมีชีวิตอยู่
ดิฉันก็คบ. ผู้ใดได้อย่างใดอย่างหนึ่ง บรรดา
คุณความดีเหล่านี้แล้ว เป็นผู้มีปัญญาน้อย

มัวเมาสิริอันเป็นที่น่าใคร่. ดิฉันต้องเว้นผู้นั้น
ผู้มีรูปลักษณะร้อนรน ประพฤติไม่สม่ำเสมอ
เหมือนคนเว้นคูถฉะนั้น. คนสร้างโชคด้วย
ตนเอง สร้างเคราะห์ด้วยตนเอง ผู้อื่นจะสร้าง
โชคหรือเคราะห์ให้ผู้อื่นไม่ได้เลย.


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
คำถามเป็นของเศรษฐี. ส่วนคำตอบเป็นของสิริเทพธิดา.
บรรดาบทเหล่านั้นในบทว่า ฑํสสิรึสเป จ เหลือบเขาเรียกว่า
ฑํสะ อีกอย่างหนึ่ง กำเนิดแมลงวันทุกชนิด เทพธิดาประสงค์เอาว่า
ฑํสะ ในที่นี้. กำเนิดสัตว์เลื้อยคลานเรียกว่า สิรึสปะ. ทั้งเหลือบ
ทั้งสัตว์เลื้อยคลาน ชื่อว่า ฑํสสิรึสปะ ในเหลือบและสัตว์เลื้อยคลาน
นั้น. มีคำอธิบายไว้ว่า ชายมหาเศรษฐีคนใด เมื่อมีความหนาว ความ

ร้อน ลม แดด หรือเหลือบและสัตว์เลื้อยคลานถึงถูกอันตรายเหล่านี้
มีความหนาวเป็นต้นเบียดเบียนอยู่ ก็ครอบงำคือย่ำยี อันตรายแม้
ทั้งหมดนี้ คืออันตรายแม้เหล่านี้มีความหนาวเป็นต้น และความ
กระหายมากไว้ได้ ได้แก่ไม่คำนึงถึงอันตรายนี้ เหมือนหญ้าแล้ว
ประกอบ คือประกอบตนเป็นไปในกรรมของตนเนืองๆ มีกสิกรรมและ

พาณิชยกรรมเป็นต้น และในทานและศีลเป็นต้นทั้งคืนทั้งวัน. บทว่า
กาลาคตฺจ ความว่า ไม่ให้กิจทั้งหลายมีกสิกรรมเป็นต้นเสื่อมเสีย
ไปในเวลาทำกสิกรรมเป็นต้น และไม่ให้เสื่อมเสียประโยชน์ ที่จะนำ
ความสุขมาให้ในปัจจุบันและภายภาคข้างหน้า แยกประเภทเป็นการ
บริจาคทรัพย์เป็นต้น ในกาลทั้งหลายมีการบริจาคทรัพย์ การรักษาศีล

และการฟังธรรมเป็นต้น คือทำงานในเวลาที่ควรทำนั่นเอง. ชาย
เศรษฐีคนนั้นเป็นที่พอใจของดิฉันและดิฉันจะอยู่ประจำกับชายคนนั้น.


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 18:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บทว่า อกฺโกธโน ได้แก่ผู้ประกอบด้วยอธิวาสนขันติ คือความอดทนที่
ยับยั้งอารมณ์ไว้ได้. บทว่า มิตฺตวา ได้แก่ผู้ประกอบด้วยกัลยาณมิตร.
บทว่า จาควา ได้แก่ผู้ประกอบด้วยการบริจาคทรัพย์. บทว่า สงฺคาหโก
ได้แก่ผู้ทำการสงเคราะห์มิตร การสงเคราะห์ด้วยอามิสและการสงเคราะห์
ด้วยธรรม. บทว่า สขิโล ได้แก่เป็นผู้มีวาจาอ่อนหวาน. บทว่า

สณฺหวาโจ ได้แก่เป็นผู้มีถ้อยคำสละสลวย. บทว่า มหตฺตปตฺโตปิ
นิวาตวุตฺติ ความว่า ถึงแม้จะดำรงตำแหน่งใหญ่คืออิสริยยศที่กว้าง
ขวาง แต่ก็ไม่ผยองด้วยยศ ถ่อมตนทำตามโอวาทของบัณฑิต. บทว่า
ตสฺสาห โปเส ความว่า ดิฉันเป็นคนกว้างขวางสำหรับชายคนนั้น.
บทว่า วิปุลา ภวามิ ความว่า เราไม่ใช่คนเล็ก ความจริงชายนั้นเป็น

พื้นฐานของสิริอันยิ่งใหญ่. บทว่า อุมฺมี สมุทฺทสฺส ยถาปิ วณฺณํ
ส่องความว่าอุปมาเสมือนหนึ่งว่า ลูกคลื่นที่ทยอยกันมาจะปรากฏแก่
คนที่มองดูสีของมหาสมุทร เหมือนกะใหญ่โต ฉันใด ดิฉันก็ฉันนั้น
เป็นเสมือนใหญ่โตในเพราะคนๆ นั้น. บทว่า อาวี รโห ความว่า

ทั้งต่อหน้าทั้งลับหลัง. บทว่า สงฺคหเมว วตฺเต ความว่า เขาให้
สังคหธรรมทั้ง ๔ อย่างนั่นแหละเป็นไป คือเป็นไปคือทั่วถึงในบุคคล
นั้น แยกประเภทเป็นมิตรเป็นต้น. บทว่า น วชฺชา ความว่า ผู้ใด
ครั้งไร คือในกาลไหนไม่พึงกล่าวคำหยาบ คือเป็นผู้มีถ้อยคำไพเราะ
เท่านั้น. บทว่า มตสฺส ชีวสฺส ความว่า บุคคลนั้นตายแล้วก็ตาม


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
มีชีวิตอยู่ก็ตามดิฉันก็ภักดีต่อ. สิริเทพธิดาแสดงว่า ดิฉันคบหาคน
เช่นนั้นทั้งในโลกนี้ทั้งในโลกหน้า. บทว่า เอเตส โย ความว่า บุคคล
ใดประมาทคือลืมคุณความดีแม้อย่างเดียว บรรดาคุณความดีเหล่านี้ คือ
คุณความดีที่ได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังมีการครอบงำความหนาวได้เป็น
ต้น อธิบายว่า ไม่เพียรประกอบบ่อยๆ ซึ่งคุณนั้น. บทว่า สิริ มี

ปาฐะถึง ๓ อย่าง คือ กนฺตา สิรี, กนฺตสิริ และ กนฺตํ สิรึ แปลว่า
สิริที่น่าใคร่. ด้วยอำนาจปาฐะทั้ง ๓ เหล่านั้น มีการประกอบเนื้อความ
ดังต่อไปนี้ บุคคลใดได้สิริแล้ว คิดว่า สิริของเราที่น่าใคร่ ดำรงอยู่
แล้วตามฐานะ ย่อมประมาทคือลืมคุณความดีอย่างใดอย่างหนึ่ง บรรดา

คุณความดีเหล่านี้. อีกอย่างหนึ่ง บุคคลใดปรารถนาสิริเหมือนคนที่มี
สิริที่น่าใคร่ ได้คุณความดีอย่างใดอย่างหนึ่ง บรรดาคุณความดีเหล่านี้
แล้วจึงประมาท. อีกอย่างหนึ่ง บุคคลใดได้สิริน่าใคร่ น่าชอบใจแล้ว
จึงประมาท คุณความดีอย่างใดอย่างหนึ่ง บรรดาคุณความดีเหล่านี้.
บทว่า อปฺปปฺโ ได้แก่ไม่มีปัญญา. บทว่า ตํ ทิตฺตรูปํ วิสเม จรนฺตํ

ความว่า ดิฉันเว้นคนที่มีสภาพร้อนรนประพฤติไม่สม่ำเสมอ มีกาย
ทุจริตเป็นต้น เป็นประเภทเหมือนมนุษย์หรือบุคคลผู้มีความสะอาด
โดยกำเนิด เว้นหลุมคูถแต่ไกลฉะนั้น. บทว่า อฺโ อฺสฺส
การโก ความว่า เป็นเช่นนี้ชายที่ชื่อว่า สร้างโชคสร้างเคราะห์ให้คน
อื่นไม่มี ผู้ใดผู้หนึ่งก็สร้างโชคหรือเคราะห์ให้แก่ตนดังนี้.


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระมหาสัตว์ครั้นกล่าวถามอย่างนี้ และได้ฟังคำตอบของ
สิริเทพธิดาแล้วชื่นชม จึงได้กล่าวว่า แท่นเตียงนอนนี้เหมาะสมสำหรับ
เธอและที่นั่งก็เหมาะสมสำหรับเธอทีเดียว เพราะฉะนั้น ขอเชิญนั่งบน
ที่นั่งและนอนบนแท่นเถิด. นางอยู่ ณ ที่นั้นแล้วรุ่งเช้าก็ออกไปที่

เทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกา ได้อาบน้ำที่สระอโนดาดก่อน. ที่นอน
แม้แห่งนั้นจึงเกิดมีชื่อว่า สิริสยนะ เพราะว่านางสิริเทพธิดาใช้นอน
ก่อนคนอื่น. นี้คือวงศ์ประวัติของสิริสยนะ คือที่นอนที่เป็นมิ่งขวัญ.
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเรียกกันว่าสิริสยนะ ที่นอนที่เป็นมิ่งขวัญมาจนตราบ
เท่าทุกวันนี้.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประมวล
ชาดกไว้ว่า สิริเทพธิดาในครั้งนั้น ได้แก่พระอุบลวรรณา ในบัดนี้
ส่วนสุจิปริวารเศรษฐีคือเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาสิริกาลกรรณิชาดกที่ ๗

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถากุกกุฏชาดกที่ ๘

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุ
ผู้กระสันจะสึกรูปหนึ่ง ตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า สุจิตฺตปตฺตจฺฉาทน
ดังนี้

ความย่อว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า เหตุไฉน ? เธอ
จึงกระสันอยากสึก. เมื่อเธอทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์
เห็นหญิงคนหนึ่ง ผู้ประดับประดาตกแต่งตัวแล้ว จึงกระสันอยากสึก
ด้วยอำนาจกิเลสดังนี้. แล้วตรัสว่า ธรรมดาผู้หญิงลวงให้ชายลุ่มหลง
แล้วให้ถึงความพินาศ ในเวลาชายตกอยู่ในอำนาจของตนเป็นเหมือน

แมวตัวเหลวไหล แล้วได้ทรงนิ่ง. เมื่อถูกภิกษุนั้นทูลอ้อนวอน จึงทรง
นำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติอยู่ในนคร-
พาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในกำเนิดไก่ในป่า มีไก่หลายร้อยตัวเป็น
บริวารอยู่ในป่า. ฝ่ายนางแมวตัวหนึ่ง ก็อาศัยอยู่ในที่ไม่ไกลพระโพธิ-
สัตว์นั้น. มันใช้อุบายลวงกินไก่ที่เหลือ เว้นแต่ไก่โพธิสัตว์. พระโพธิ-

สัตว์ไม่ไปสู่ป่าชัฏของมัน. มันคิดว่า ไก่ตัวนี้อวดดีเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเรา
เป็นผู้โอ้อวด และเป็นผู้ฉลาดในอุบาย เราควรจะเล้าโลมไก่ตัวนี้ว่า
จักเป็นภรรยาของมัน แล้วกินในเวลามันตกอยู่ในอำนาจของตน. มัน
จึงไปยังควงไม้ที่ไก่นั้นเกาะอยู่ เมื่อขอร้องไก่นั้นด้วยวาจา ที่มีภาษิต
สรรเสริญนำหน้า จึงได้กล่าวคาถาที่ ๑ ว่า:-


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2018, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ดูก่อนพ่อนกน้อยสีแดง ผู้ปกคลุมด้วย
ขนที่สวยงาม เจ้าจงลงมาจากกิ่งไม้เถิด เรา
จะเป็นภรรยาของท่านเปล่าๆ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุจิตฺตปตฺตจฺฉาทน ความว่า ผู้
มีเครื่องห่อหุ้มที่ทำด้วยขนอันสวยงาม. บทว่า มุธา ความว่า เราจะ
เป็นภรรยาของท่าน โดยปราศจากมูลค่า คือโดยไม่รับเอาอะไรเลย.

พระโพธิสัตว์ได้ฟังคำนั้นแล้ว คิดว่า แมวตัวนี้กัดกินญาติของ
เราหมดไปแล้ว บัดนี้มันประสงค์จะล่อลวงกินเรา. เราจักขับส่งมันไป
แล้วกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า:-

เจ้าเป็นสัตว์ ๔ เท้าที่สวยงาม ส่วนฉัน
เป็นสัตว์ ๒ เท้า เนื้อกับนกจะร่วมกันไม่ได้ใน
อารมณ์ เป็นที่รื่นรมย์ใจ เจ้าจงไปแสวงหาผู้
อื่นเป็นสามีเถิด.

พึงทราบวินิจฉัยในคาถานั้นต่อไป พระโพธิสัตว์ กล่าวว่า มิคี
หมายเอาแมว. ด้วยบทว่า อสํยุตฺตา พระโพธิสัตว์แสดงว่าแมวกับไก่
ร่วมกันไม่ได้สัมพันธ์กันไม่ได้ เพื่อเป็นผัวเมียกัน สัตว์ทั้ง ๒ เหล่านั้น
ไม่มีความสัมพันธ์เช่นนี้.

นางแมวนั้น ได้ฟังคำนั้นแล้ว ลำดับนั้น จึงคิดว่า ไก่ตัวนี้
โอ้อวดเหลือเกิน เราจักใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งลวงกินมันให้ได้. แล้ว
ได้กล่าวคาถาที่ ๓ ว่า:-
ฉันจักเป็นภรรยาสาวผู้สวยงาม ร้องไพ-
เราะเพื่อคุณ คุณจะพบฉัน ผู้เป็นพรหมจารินี
ที่สวยงาม ด้วยการเสวยอารมณ์อย่างดี คือ
สุขเวทนา.


* ไม่คิดก่อนชื้อ ไม่คิดก่อนใช้รถ ย่อมยังให้รถติดได้
* ตามใจตนใช่ว่าดี ที่ให้ดีควรตามอย่างพระอริยะเจ้า
* เกลียดความลำบากมาก กับเดินบนเส้นทางสู่ความลำบากช้ำเข้าไปอีก
* เมื่อทุกข์กายแล้วย่อมจะได้ความสุขคือมีสุขภาพแข็งแรง
* เหงื่อออกมีกลิ่นตัวนั้นบอกให้รู้ว่าสารพิษถูกขจัดออกจากร่างกายนั้นเอง
* ออกกำลังย่อมได้กำลังตอบ ดีแต่ใช้นิ้วสั่งงานระวังจะเป็นโรคเอาง่ายๆ
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* ล่วงเขาก็เท่ากับล่วงใจของตน โกหกเขาก็เท่ากับโกหกตนเองด้วย
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 109, 110, 111, 112, 113, 114, 115 ... 151  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร