วันเวลาปัจจุบัน 06 ส.ค. 2025, 17:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 100, 101, 102, 103, 104, 105, 106 ... 151  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ข้าพเจ้าขอไหว้พระยาช้างผู้มีกำลัง
เสื่อมโดยกาลที่มีอายุได้ ๖๐ ปี ผู้อยู่ในป่า
เป็นเจ้าโขลง เพรียบพร้อมด้วยบริวารยศนั้น
ข้าพเจ้าขอทำอัญชลีท่านด้วยปีกทั้งสอง ขอ
ท่านอย่าได้ฆ่าลูกน้อย ๆ ของข้าพเจ้าผู้ยังมี
กำลังทุรพลอยู่เลย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สฏฺ€ิหายนํ ได้แก่ ผู้มีกำลังกาย
เสื่อมโดยเวลามีอายุ ๖๐ ปี. บทว่า ยสสฺสึ ได้แก่ ผู้เพรียบพร้อม
ด้วยบริวาร. บทว่า ปกฺเขหิ ตํ อญฺชลิกํ ความว่า ข้าพเจ้าขอ
กระทำอัญชลีท่านด้วยปีกทั้งสอง.

พระมหาสัตว์กล่าวว่า ดูก่อนนางนกไส้ เจ้าอย่าได้คิดเสียใจ
เลย เราจักรักษาบุตรน้อย ๆ ของเจ้า แล้วจึงยืนคล่อมอยู่เบื้องบน
ลูกนกทั้งหลาย เมื่อช้างแปดหมื่นเชือกผ่านไปแล้วจึงเรียกนางนกไส้
มาพูดว่า ดูก่อนนางนกไส้ มีช้างเชือกหนึ่งซึ่งมีปกติเที่ยวไปผู้เดียว

จะมาข้างหลังพวกเรา ช้างนั้นจักไม่กระทำตามคำของเราทั้งหลาย
เมื่อช้างนั้นมาถึง เจ้าพึงอ้อนวอนช้างแม้นั้น กระทำความปลอดภัย
แก่ลูกน้อยทั้งหลาย ดังนี้แล้วหลีกไป. ฝ่ายนางนกไส้นั้นก็กระทำการ
ต้อนรับช้างนั้นเอาปีกทั้งสองกระทำอัญชลี แล้วกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ข้าพเจ้าขอไหว้พระยาช้างผู้เที่ยวไป
ผู้เดียว ผู้อยู่ในป่า เที่ยวหาอาหารกินตาม
เชิงเขา ข้าพเจ้าขอทำอัญชลีท่านด้วยปีก
ทั้งสอง ขอท่านอย่าได้ฆ่าลูกน้อย ๆ ของ
ข้าพเจ้า ซึ่งยังมีกำลังทุรพลอยู่.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปพฺพตสานุโคจรํ ความว่า
ผู้หาอาหารที่ภูเขาหินทึบและที่ภูเขาดินร่วน.
พระยาช้างนั้นได้ฟังคำของนางนกไส้นั้นแล้ว จึงกล่าวคาถา
ที่ ๓ ว่า :-
แน่ะนางนกไส้ เราจะฆ่าลูกน้อยของ
เจ้าเสีย เจ้ามีกำลังน้อยจักทำอะไรเราได้
เราจะขยี้นกไส้อย่างเจ้าตั้งแสนตัวให้ละเอียด
ด้วยเท้าข้างซ้าย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วธิสฺสามิ เต ความว่า พระยา
ช้างกล่าวว่า เพราะเหตุไร เจ้าจึงวางลูกน้อยทั้งหลายไว้ในทางเป็น
ที่เที่ยวไปของเรา เพราะเหตุที่เจ้าวางไว้ ฉะนั้น เราจึงจักฆ่าลูกน้อย
ทั้งหลายของเจ้า. บทว่า กึ เม ตุวํ กาหสิ ความว่า เจ้าเป็น
ผู้ทุรพลจักกระทำอะไรแก่เราผู้มีเรี่ยวแรงมากมาย. บทว่า โปถเปยฺยํ*
ความว่า แม้เราจะพึงทำนางนกไส้เช่นเจ้าตั้งแสนตัวให้แหลกละเอียด
ด้วยเท้าซ้าย ก็จะป่วยกล่าวไปใยถึงเท้าขวา.

ก็แล ครั้นช้างนั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็ทำลูกน้อยของนางนก
ไส้นั้นให้แหลกละเอียดด้วยเท้า แล้วทำให้ลอยไปด้วยน้ำมูตร ร้อง
บันลือเสียงแล้วก็หลีกไป. นางนกไส้จับอยู่ที่กิ่งไม้จึงกล่าวว่า แน่ะช้าง
บัดนี้ เจ้าจงบันลือไปก่อน ต่อล่วงไป ๒-๓ วัน เจ้าจักเห็นการ


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 08:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
กระทำของเรา เจ้าย่อมไม่รู้ว่ากำลังความรู้ยิ่งใหญ่กว่ากำลังกายข้อนั้น
จงยกให้เรา เราจักให้เจ้ารู้กำลังความรู้นั้น เมื่อจะคุกคามช้างนั้น
จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :-

๑. บาลี เป็น โปถเยยฺยํ.
กิจที่จะพึงทำด้วยกำลังกายย่อมสำเร็จ
ไม่ได้ในที่ทั้งปวง เพราะกำลังกายของคน
พาล ย่อมมีเพื่อฆ่าคนอื่น แน่ะพระยาช้าง
ท่านผู้ใดฆ่าลูกน้อย ๆ ของเราผู้มีกำลังทุรพล
เราจักทำสิ่งที่ไม่ใช่ความเจริญให้แก่ท่านผู้
นั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า พเลน ได้แก่ กำลังกาย. บทว่า
อนตฺถํ ได้แก่ ความไม่เจริญ. บทว่า โย เม ความว่า ท่านผู้ใด
ฆ่าคือพิฆาตลูกน้อย ๆ ผู้ยังทุรพลของเรา.

นางนกไส้นั้นครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงอุปัฏฐากกาตัวหนึ่ง
อยู่ ๒-๓ วัน อันกานั้นยินดีแล้วจึงกล่าวว่า เราจะกระทำอะไร
ให้แก่ท่าน จึงกล่าวว่า นาย กิจอย่างอื่นที่ท่านจะพึงทำแก่ข้าพเจ้าไม่มี
แต่ข้าพเจ้าหวังให้ท่านเอาจงอยปากประหารนัยน์ตาทั้งสองข้างของช้าง

ที่มีปกติเที่ยวไปผู้เดียวเชือกหนึ่งให้แตก. นางนกไส้นั้นอันกานั้นรับ
คำว่า ได้ จึงไปอุปัฏฐากแมลงวันหัวเขียวตัวหนึ่ง อันแมลงวัน
หัวเขียวแม้นั้นก็กล่าวว่า เราจะทำอะไรให้แก่ท่าน จึงกล่าวว่า เมื่อ
นัยน์ตาทั้งสองข้างของช้างที่มีปกติเที่ยวไปผู้เดียว แตกไปเพราะเหตุ


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 08:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
นี้แล้ว ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านหยอดไข่ขังลงในนัยน์ตาทั้งสองข้าง
นั้น เมื่อแมลงวันหัวเขียวแม้นั้นกล่าวว่า ได้ จึงไปอุปัฏฐากกบตัวหนึ่ง
อันกบนั้นกล่าวว่า เราจะทำอะไรให้แก่ท่าน จึงกล่าวว่า ในกาลใด
ช้างตัวหนึ่งที่มีปกติเที่ยวไปผู้เดียว เป็นช้างตาบอดแล้วเที่ยวแสวงหา
น้ำดื่ม ในกาลนั้น ท่านพึงเกาะอยู่ที่ยอดเขาแล้วส่งเสียงร้อง เมื่อ

ช้างนั้นขึ้นถึงยอดเขา พึงลงมาส่งเสียงร้องอยู่ที่เหว ข้าพเจ้าหวัง
การกระทำมีประมาณเท่านี้จากสำนักของท่าน. กบนั้นได้ฟังคำของ
นางนกไส้นั้นแล้ว จึงรับคำว่า ได้. อยู่มาวันหนึ่งกาเอาจงอยปาก
ทำลายตาทั้งสองข้างของช้างแตกแล้ว. แมลงวันจึงหยอดไข่ขังลงไป

ที่นัยน์ตา. ช้างนั้นถูกตัวหนอนทั้งหลายชอนไชอยู่ ได้รับทุกขเวทนา
อยากจะดื่มน้ำเป็นกำลัง จึงเที่ยวแสวงหาน้ำดื่ม. ในกาลนั้น กบจึง
เกาะอยู่บนยอดเขาส่งเสียงร้อง ช้างคิดว่า น้ำดื่มจักมี ณ ที่นี้ จึงขึ้น
ไปยังภูเขา. ลำดับนั้น กบจึงลงมาเกาะอยู่ที่เหวส่งเสียงร้อง. ช้าง

คิดว่า น้ำดื่มจักมี จึงบ่ายหน้าไปทางเหว ได้ลื่นพลัดตกลงไปที่
เชิงเขาถึงสิ้นชีวิต. นางนกไส้รู้ว่าช้างนั้นตายแล้ว จึงร่าเริงดีใจว่า
เราเห็นหลังปัจจามิตรแล้ว จึงเดินไป ๆ มา ๆ บนร่างของช้างนั้น
แล้วก็ตามยถากรรม.

พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าเวร ไม่ควร
ทำกับใคร ๆ สัตว์ทั้ง ๔ เหล่านี้ ร่วมกันแล้ว ทำช้างผู้ถึงพร้อมด้วย
กำลัง ให้ถึงสิ้นชีวิตได้ แล้วตรัสอภิสัมพุทธคาถานี้ว่า :-


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ท่านจงดูกา นางนกไส้ กบ และ
แมลงวันหัวเขียว สัตว์ทั้ง ๔ เหล่านี้ได้ร่วม
ใจกันฆ่าช้างเสียได้ ท่านทั้งหลายจงเห็นคติ

แห่งเวรของคนผู้มีเวรทั้งหลาย เพราะเหตุ
นั้นแล ท่านทั้งหลายอย่าพึงกระทำเวรกับ
ใคร ๆ แม้ผู้ไม่เป็นที่รักใคร่เลย.
ครั้นตรัสแล้ว จึงทรงประชุมชาดก.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปสฺส นี้ เป็นคำเรียกซึ่งไม่
กำหนดแน่นอนลงไป. แต่เพราะตรัสหมายเอาภิกษุทั้งหลาย จึงเป็น
อันตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทั้งหลายจงเห็น. บทว่า เอเต
ได้แก่ สัตว์ทั้ง ๔ ได้รวมกัน. บทว่า อฆาเตสุํ ได้แก่ ฆ่าช้างนั้น.
บทว่า ปสฺส เวรสฺส เวรินํ ความว่า ท่านทั้งหลายจงเห็น
คติแห่งเวรของคนที่มีเวรกัน.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรง
ประชุมชาดกว่า ช้างตัวที่มีปกติเที่ยวไปผู้เดียว ในกาลนั้น ได้เป็น
พระเทวทัต ส่วนช้างจ่าโขลงในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาลฏุกิกชาดกที่ ๗

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 08:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาจุลลธรรมปาลชาดกที่ ๘

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร ทรงปรารภ
การพยายามของพระเทวทัต เพื่อจะปลงพระชนม์พระองค์ จึงตรัส
พระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อหเมว ทูสิยา ภูนหตา ดังนี้.

ในชาดกอื่นๆ พระเทวทัตไม่ได้อาจเพื่อจะทำ แม้มาตรว่าความ
สะดุ้งแก่พระโพธิสัตว์. ส่วนในจุลลธรรมปาลชาดกนี้ พระเทวทัตให้
ตัดมือ เท้า และศีรษะและให้ทำกรรมกรณ์ชื่ออสิมาลกะ*(*กรรมกรณ์ ชนิดโยนซาก
ศพขึ้นบนอากาศแล้วรับด้วยปลายดาบ ในฎีกาว่า เอาดาบสับให้เนื้อละเอียด.)

ในเวลาที่พระโพธิสัตว์มีอายุ ๗ เดือน. ในทัททรชาดก พระเทวทัตหักคอให้
ตายแล้วปิ้งเนื้อบนเตากิน. ในขันติวาทีชาดก ให้เอาแช่หวายสองเส้น
เฆี่ยนพันครั้ง ให้ตัดมือ เท้า หู และจมูก แล้วจับที่ชฎาดึงมาให้
นอนหงาย กระทืบที่อกแล้วไป. พระโพธิสัตว์ถึงความสิ้นชีวิต ใน
วันนั้นเอง. ในจุลลนันทิกชาดกก็ดี ในมหากปิชาดกก็ดี ได้แต่ฆ่า

ให้ตายเท่านั้น. พระเทวทัตนี้ พยายามปลงพระชนม์อยู่ตลอดกาลนาน
ด้วยประการอย่างนี้ในครั้งพุทธกาล ได้พยายามอยู่เหมือนกัน. อยู่
มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า อาวุโส
ทั้งหลาย พระเทวทัตกระทำอุบายเพื่อปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าเท่า

นั้น พระเทวทัตคิดว่า จักปลงพระชนม์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึง
ประกอบนายขมังธนูกลิ้งศิลา และให้ปล่อยช้างนาฬาคิรี. พระศาสดา
เสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งสนทนาด้วย


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 08:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
เรื่องอะไรในบัดนี้ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบว่า เรื่องชื่อ
นี้พระเจ้าข้า จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้
ในกาลก่อน พระเทวทัตก็พยายามฆ่าเราเหมือนกัน แต่ว่า ในบัดนี้
พระเทวทัตไม่อาจทำแม้สักว่าความสะดุ้งตกใจ ในกาลก่อน ในเวลา
ที่เราเป็นธรรมปาลกุมาร พระเทวทัตทำเราผู้เป็นบุตรของตนให้ถึง
ความสิ้นชีวิต แล้วให้ทำกรรมกรณ์ชื่อ อสิมาลกะ ครั้นตรัสแล้ว
ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้ามหาปตาปะ ครองราชสมบัติอยู่ใน
นครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในพระครรภ์ของพระนางจันทาเทวี
อัครมเหสีของพระเจ้ามหาปตาปราชนั้น พระญาติทั้งหลายขนานนาม
พระโพธิสัตว์นั้นว่า ธรรมปาละ. ในเวลาที่ธรรมปาลกุมารนั้นมีอายุ

ได้ ๗ เดือน พระมารดาให้สรงสนานธรรมปาลกุมารนั่นนั้น โดยน้ำ
ผสมด้วยของหอม แต่งพระองค์แล้วประทับนั่งให้เล่นอยู่. พระราชา
เสด็จมายังสถานที่พระเทวีนั้นประทับอยู่. พระเทวีนั้นให้พระโอรส
เล่นอยู่เป็นผู้ทรงเปี่ยมด้วยความสิเนหา แม้ได้เห็นพระราชาก็

มิเสด็จลุกขึ้นรับ. พระราชานั้นทรงดำริว่า เดี๋ยวนี้ นางจันทานี้
กระทำมานะถือตัวเพราะอาศัยบุตรก่อน ไม่สำคัญเราในเรื่องไรๆ ก็
เมื่อบุตรเติบโตขึ้น นางจักไม่กระทำความสำคัญเราว่าเป็นมนุษย์ก็ได้
เราจักฆ่าเสียในบัดนี้แหละ. ท้าวเธอจึงเสด็จกลับไปประทับนั่งบน

ราชอาสน์ แล้วรับสั่งให้เรียกเพชฌฆาตมา โดยพระโองการว่า เพชฌ-
ฆาตจงมาโดยพิธีธรรมเนียมของตน. เพชฌฆาตนั้นจึงนุ่งห่มผ้าย้อม
น้ำฝาด ทัดทรงดอกไม้แดง แบกขวาน ถือท่อนไม้สำหรับวางพาดมือ
และเท้า มีปุ่มเป็นที่รองรับมาถวายบังคมพระราชากราบทูลว่า เทวะ

ข้าพระพุทธเจ้าจะกระทำอะไร ครั้นกราบทูลแล้ว ได้ยืนคอยรับ
พระบัญาชาอยู่. พระราชารับสั่งว่า ท่านจงเข้าไปยังห้องอันมีสิริ


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ของพระเทวี แล้วนำธรรมปาลกุมารมา. ฝ่ายพระเทวีทรงทราบว่า
พระราชาทรงกริ้วแล้วเสด็จกลับไป จึงให้พระโพธิสัตว์นอนแนบพระ-
อุระ ประทับนั่งทรงพระกรรแสงอยู่. นายเพชฌฆาตมาถึงเอามือตบ
พระปฤษฎางค์พระเทวีนั้นแล้ว ชิงพระกุมารไปจากพระหัตถ์ พามายัง

สำนักของพระราชาแล้วกราบทูลว่า เทวะ ข้าพระพุทธเจ้าจะกระทำ
อะไร. พระราชารับสั่งว่า ท่านจงให้นำเอาแผ่นกระดานมาแล้วให้
เรียบลงข้างหน้า แล้วให้กุมารนั้นนอนบนแผ่นกระดานนี้. นาย
เพชฌฆาตนั้นได้กระทำตามรับสั่งอย่างนั้น. พระนางจันทาเทวีทรง

ปริเทวนาการร่ำไรมาข้างหลังพระโอรสนั่นแล. เพชฌฆาตกราบทูล
อีกว่า เทวะ ข้าพระพุทธเจ้าจะกระทำอะไร. พระราชารับสั่งว่า จง
ตัดมือทั้งสองของธรรมปาลกุมาร. พระนางจันทาเทวีกราบทูลว่า ข้า
แต่มหาราชบุตรของหม่อมฉันเพิ่งมีอายุได้ ๗ เดือน ยังอ่อนอยู่ ไม่

รู้อะไร บุตรของหม่อมฉันนั้น ไม่มีโทษผิด ก็โทษผิดแม้จะยิ่งใหญ่ก็
ควรจะมีในหม่อมฉัน เพราะฉะนั้น ขอพระองค์จงรับสั่งให้ตัดมือทั้ง
สองของหม่อมฉันเถิด เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนี้ จึงกล่าวคาถา
ที่ ๑ ว่า :-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 12:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
หม่อมฉันผู้เดียวที่ตัดความเจริญ กระทำ
ความผิดต่อพระเจ้ามหาปตาปะ ข้าแต่สมมติ-
เทพ ขอพระองค์ได้ทรงโปรดปล่อยธรรม-
ปาลกุมารนี้เสียเถิด โปรดรับสั่งให้ตัดมือทั้ง
สองของหม่อมฉันเถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทูสิยา ได้แก่ ผู้ทำให้เสียหาย
อธิบายว่า เห็นพระองค์แล้วไม่ลุกขึ้นรับ ชื่อว่าผู้กระทำผิด. บาลีว่า
ทูสิกา ดังนี้ก็มี เนื้อความก็อย่างนี้เหมือนกัน. บทว่า ภูนหตา ได้แก่
ขจัดความเจริญ อธิบายว่า กำจัดความเจริญ. บทว่า รญฺโ พึง

ประกอบกับบทว่า ทูสิยา. ในข้อนี้มีอธิบายดังนี้ว่า หม่อมฉันทำความ
ผิดต่อพระเจ้ามหาปตาปะ มิใช่กุมารนี้ เพราะฉะนั้น ขอพระองค์โปรด
ปลดปล่อยธรรมปาละ ผู้ยังอ่อนหาความผิดมิได้นี้เสียเถิด ก็ถ้าพระ-
องค์ประสงค์จะตัดมือทั้งสอง ข้าแต่สมมติเทพ ขอพระองค์จงตัดมือ
ทั้งสองของหม่อมฉัน ผู้กระทำผิด.

พระราชาทรงแลดูนายเพชฌฆาตๆ จึงกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติ-
เทพ ข้าพระองค์จะกระทำอย่างไร. พระราชาตรัสว่า ท่านอย่าชักช้า
จงตัดมือทั้งสองเสีย. ขณะนั้น นายเพชฌฆาตถือขวานอันคมกล้า
ตัดมือทั้งสองของพระกุมารเหมือนตัดหน่อไม้อ่อนฉะนั้น. เมื่อนาย
เพชฌฆาตตัดมือทั้งสองอยู่ ธรรมปาลกุมารนั้น ไม่ร้องไห้ ไม่ร่ำไร
กระทำขันติและเมตตาให้เป็นปุเรจาริก อดกลั้นอยู่. ส่วนพระนาง-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 12:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
จันทาเทวีถือเอาปลายมือที่ขาดใส่ไว้ในพก มีโลหิตไหลอาบพระองค์
ทรงเที่ยวปริเทวนาการอยู่. นายเพชฌฆาตทูลถามอีกว่า ข้าแต่สมมติ
เทพ ข้าพระองค์จะทำอะไร. พระราชาตรัสว่า จงตัดเท้าทั้งสองเสีย.
พระนางจันทาเทวีได้สดับดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า

หม่อมฉันผู้เดียวที่ตัดความเจริญ กระทำ
ความผิดต่อพระเจ้ามหาปตาปะ ข้าแต่สมมติ-
เทพ ขอพระองค์ได้ทรงโปรดปล่อยธรรม-
ปาลกุมารนี้เสียเถิด โปรดรับสั่งให้ตัดเท้า
ของหม่อมฉันเถิด.
อธิบายในคาถาที่ ๒ นั้น พึงทราบโดยนัยคาถาแรกนั่นแล.

ฝ่ายพระราชาทรงสั่งบังคับเพชฌฆาตอีก. นายเพชฌฆาตนั้น
ได้ตัดเท้าทั้งสองขาด. พระนางจันทาเทวีถือเอาปลายเท้าใส่ไว้ในพก
มีโลหิตโซมกาย ทรงร่ำไห้กราบทูลว่า ข้าแต่พระเจ้ามหาปตาปะผู้เป็น
พระสวามี ทารกชื่อว่ามีมือและเท้าอันพระองค์ให้ตัดแล้ว อันมารดา

จำต้องเลี้ยงดูมิใช่หรือ หม่อมฉันจักรับจ้างเลี้ยงบุตรของหม่อมฉัน ขอ
พระองค์จงประทานบุตรนั่นแก่หม่อมฉันเถิด. นายเพชฌฆาตกราบ
ทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์กระทำตามพระราชอาชญาแล้ว
กิจของข้าพระองค์เสร็จแล้วหรือ ? พระราชาตรัสว่า ยังไม่เสร็จก่อน.

นายเพชฌฆาตกราบทูลว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าพระองค์จะทำอะไร.
พระราชาตรัสว่า จงตัดศีรษะธรรมปาลกุมารนี้. ลำดับนั้น พระนาง-
จันทาเทวี จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
หม่อมฉันผู้เดียวที่ตัดความเจริญ กระทำ
ความผิดต่อพระเจ้ามหาปตาปะ ข้าแต่สมมติ-
เทพ ขอพระองค์ได้ทรงโปรดปล่อยธรรม-
ปาลกุมารนี้เสียเถิด โปรดรับสั่งให้ตัดศีรษะ
ของหม่อมฉันเถิด.

ก็แหละครั้นตรัสแล้ว พระนางจึงน้อมศีรษะเข้าไป. เพชฌฆาต
กราบทูลถามพระราชาอีกว่า ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์จะกระทำ
อะไร ? พระราชาตรัสว่า จงตัดศีรษะของธรรมปาลกุมารนั้นเสีย. นาย
เพชฌฆาตนั้นครั้นตัดศีรษะแล้ว จึงกราบทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ
ข้าพระองค์กระทำตามพระราชอาชญาแล้วหรือ. พระราชาตรัสว่า ยัง

ไม่ได้กระทำก่อน. นายเพชฌฆาตกราบทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ
เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าพระองค์จะกระทำอะไรอีก ? พระราชาตรัสว่า ท่าน
จงเอาปลายดาบรับร่างธรรมปาลกุมารนั้น กระทำกรรมกรณ์ชื่อ อสิ-
มาลกะ. นายเพชฌฆาตนั้นจึงโยนร่างของธรรมปาลกุมารนั้นขึ้นไปใน

อากาศ แล้วเอาปลายดาบรับร่างของธรรมปาลกุมารนั้น กระทำกรรม-
กรณ์ชื่อ อสิมาลกะ แล้วโปรยลงที่ท้องพระโรง. พระนางจันทาเทวีจึง
ใส่เนื้อของพระโพธิสัตว์ไว้ในพก ทรงร้องไห้คร่ำครวญได้กล่าวคาถา
เหล่านี้ว่า :-

ใครๆ ผู้เป็นมิตรและอำมาตย์ของพระ-
ราชานี้ ที่มีใจดี คงจะไม่มีแน่นอน ผู้ที่จะ
ทูลห้ามพระราชาว่า อย่าทรงปลงพระชนม์
พระราชบุตรซึ่งเกิดแต่พระอุระเลย ก็ไม่มี.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 13:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ใครๆ ผู้เป็นมิตร และพระญาติของ
พระราชานี้ ที่มีใจดี คงจะไม่มีแน่นอน ผู้ที่
จะทูลห้ามพระราชาว่า อย่าทรงปลงพระชนม์
พระราชบุตรซึ่งเกิดแต่พระอุระเลย ก็ไม่มี.
แขนของธรรมปาลกุมารผู้เป็นทายาท
แห่งแผ่นดิน อันลูบไล้ด้วยแก่นจันทร์แดง
มาขาดไปเสีย ข้าแต่สมมติเทพ ชีวิตของ
หม่อมฉันก็คงจะดับไป.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มิตฺตามจฺจา จ วิชฺชเร ความว่า
ใครๆ ผู้เป็นมิตรสนิทของพระราชานี้ หรืออำมาตย์ผู้ร่วมในกิจทั้งปวง
หรือผู้ที่ชื่อว่ามีใจดี เพราะมีหทัยอ่อนโยน จะไม่มีแน่นอน. บทว่า เย
น วทนฺติ ความว่า ชนเหล่าใดมาทันเวลา ไม่พูด คือ ห้ามพระราชา

นี้ว่า อย่าปลงพระชนม์พระปิโยรสของพระองค์ ชนเหล่านั้น เรา
เข้าใจว่า ไม่มีเลย. บทว่า าตี ในคาถาที่ ๒ ได้แก่ญาติหลายคน.
ก็พระนางจันทาเทวี ครั้นกล่าวคาถา ๒ คาถานี้แล้ว จึงกล่าว
คาถาที่ ๓ ว่า : -

พระพาหาทั้งสองของธรรมปาลกุมารผู้
เป็นทายาทแห่งแผ่นดิน อันลูบไล้ด้วยแก่น
จันทร์แดง มาขาดไป ข้าแต่สมมติเทพ ชีวิต
ของหม่อมฉันก็คงจะดับไป.


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 13:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทายาทสฺส ป€พฺยา ความว่า
พระนางจันทาเทวีรำพันคำมีอาทิอย่างนี้ว่า มือของทายาทแห่งแผ่นดิน
มีมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขต อันเป็นของพระบิดา ซึ่งไล้ทาด้วย
แก่นจันทร์แดงขาดไป เท้าขาด ศีรษะขาดทั้งถูกลงกรรมกรณ์ชื่ออสิมา
ลกะ บัดนี้ พระองค์ได้ตัดวงศ์ของพระองค์เอง ดังนี้ จึงตรัสอย่างนั้น
บทว่า ปาณา เม เทว รุชฺฌติ ความว่า ข้าแต่สมมติเทพ เมื่อ
หม่อมฉันไม่อาจสามารถกลั้นความโศกนี้ได้ ชีวิตคงจะดับไป.

เมื่อพระนางทรงร่ำไห้อยู่อย่างนั้น พระหทัยก็แตกไป เหมือน
ไม้ไผ่ถูกไฟไหม้อยู่อย่างนั้นฉะนั้น พระนางได้ถึงความสิ้นพระชนม์
ลง ณ ที่นั้นเอง. ฝ่ายพระราชาก็ไม่อาจดำรงอยู่บนบัลลังก์ได้ จึงตก
ลงไปที่ท้องพระโรง. พื้นที่อันเรียบสนิทแยกออกเป็นสองภาค. พระ-

เจ้ามหาปตาปะนั้นพลัดตกจากพื้นเรียบแม้นั้นถึงพื้นดิน. แต่นั้น แผ่น
ดินทึบหนาถึงสองแสนสี่หมื่นโยชน์ ไม่อาจรองรับโทษผิดของพระ-
ราชานั้นได้ จึงได้แยกให้ช่อง. เปลวไฟตั้งขึ้นจากอเวจีมหานรก หอบ

เอาพระเจ้ามหาปตาปะไปโยนลงในอเวจีมหานรก ประดุจหุ้มด้วยผ้า
กัมพลที่ตระกูลมอบให้ฉะนั้น. ส่วนพระนางจันทาเทวี และพระโพธิ-
สัตว์ อำมาตย์ทั้งหลายได้ปลงพระศพให้แล้ว.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึง
ทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็นพระเทวทัต พระ-
นางจันทาเทวี ได้เป็นพระมหาปชาบดีโคตมี ส่วนธรรมปาลกุมาร
ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาจุลลธรรมปาลชาดกที่๘

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาสุวรรณมิคชาดกที่ ๙

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
กุลธิดาคนหนึ่ง ในกรุงสาวัตถี จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่ม
ต้นว่า วิกฺกม เร มหามิค ดังนี้.
ได้ยินว่า นางนั้นเป็นธิดาของสกุลอุปัฏฐากแห่งพระอัครสาวก

ทั้งสอง ในกรุงสาวัตถี เป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใส นับถือพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ สมบูรณ์ด้วยมารยาท เป็นผู้ฉลาด ยินดียิ่งใน
บุญมีทานเป็นต้น. ตระกูลบุคคลมิจฉาทิฏฐิอื่นที่มีชาติเสมอกัน ใน
นครสาวัตถีนั้นแล ได้มาขอนางนั้น. ลำดับนั้น บิดามารดาของนาง
กล่าวว่า ธิดาของเรามีศรัทธาเลื่อมใส นับถือพระรัตนตรัย ยินดียิ่ง

ในการบุญมีทานเป็นต้น ท่านทั้งหลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ จักไม่ให้ธิดา
ของเราแม้นี้ให้ทาน ฟังธรรม ไปวิหาร รักษาศีล หรือทำอุโบสถ-
กรรม ตามความชอบใจ เราจะไม่ให้ท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจง
สู่ขอเอานางกุมาริกาจากตระกูลมิจฉาทิฏฐิที่เหมือนกับตนเถิด. ชนที่
มาขอเหล่านั้นถูกบิดามารดาของนางกุมาริกานั้นบอกคืนแล้ว จึง

กล่าวว่า ธิดาของท่านทั้งหลายไปเรือนของพวกเราแล้วจงกระทำกิจ
ทั้งปวงตามความประสงค์เถิด พวกเราจักไม่ห้าม ขอท่านจงให้ธิดานั้น
แก่พวกเราเถิด ผู้อันบิดามารดาของนางกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น ท่าน
ทั้งหลายจงเอาไปเถิด. เมื่อถึงฤกษ์ดี จึงกระทำมงคลพิธีแล้วนำนางไป
เรือนของตน. นางกุลธิดานั้นได้เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยความประพฤติ

และมารยาท มีสามีเป็นดังเทวดา. วัตรปฏิบัติสำหรับพ่อผัว แม่ผัว และ
สามีย่อมเป็นอันทำแล้วอย่างครบถ้วน. วันหนึ่ง นางกล่าวกะสามีว่า


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ข้าแต่ลูกเจ้า ดิฉันปรารถนาจะให้ทานแก่พระเถระประจำสกุลของพวก
เรา. สามีกล่าวว่า ดีละนางผู้เจริญ เธอจงให้ทานตามอัธยาศัยเถิด.
นางจึงให้นิมนต์พระเถระทั้งสองมาแล้วกระทำสักการะใหญ่ ให้ฉัน
โภชนะอันประณีตแล้วนิมนต์ให้นั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง กล่าวว่า ท่าน
ผู้เจริญ ตระกูลนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีศรัทธา ไม่รู้คุณของพระรัตน-

ตรัย ข้าแต่พระคุณเจ้าทั้งหลาย ดังดิฉันขอโอกาส ขอพระคุณเจ้า
ทั้งหลายจงรับภิกษาหารในที่นี้แหละจนกว่าตระกูลนี้จะรู้คุณของพระ-
รัตนตรัย. พระเถระทั้งหลายรับนิมนต์แล้วฉันเป็นประจำอยู่ในตระ-
กูลนั้น. นางกล่าวกะสามีอีกว่า ข้าแต่ลูกเจ้า พระเถระทั้งหลายมา
เป็นประจำ ณ ตระกูลนี้ เพราะเหตุไร ท่านจึงไม่ไปดูพระเถระเล่า.

สามีกล่าวว่า เราจักไปดู. วันรุ่งขึ้น นางจึงบอกแก่สามีนั้น ในตอน
พระเถระทั้งหลาย ทำภัตกิจเสร็จแล้ว. สามีของนางนั้นเข้าไปหา
แล้วทำปฏิสันถารกับพระเถระทั้งหลายแล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง. ลำดับ
นั้น พระธรรมเสนาบดีจึงกล่าวธรรมกถาแก่สามีของนางนั้น เขา
เลื่อมใสในธรรมกถาและอิริยาบถของพระเถระ ตั้งแต่นั้น จึงให้ปูลาด

อาสนะเพื่อพระเถระทั้งหลาย กรองน้ำดื่ม ฟังธรรมกถาในระหว่างภัต.
ในกาลต่อมา มิจฉาทิฏฐิของเขาก็ทำลายไป. อยู่มาวันหนึ่ง พระเถระ
เมื่อกล่าวธรรมกถาแก่สามีภรรยาแม้ทั้งสองนั้น จึงประกาศสัจจะ ๔ .
ในเวลาจบสัจจะ สามีภรรยาทั้งสอง ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. จำเดิม


* สิ่งดีๆมีไว้เพื่อแบ่งปัน นั้นย่อมนำความสุขมาให้ทุกคน
* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* หลงอำนาจหลงกำลังตน ย่อมจะยังตนให้ตกต่ำ และอาจตายได้
* รูปร่างใหญ่ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป แม้ตัวเล็กน้อยแต่มีปัญญาย่อมชนะได้เช่นกัน
* อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด หยุดใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้ได้ย่อมมีความสุขได้
* บอกตัวเองเสมอๆว่าระวังกิเลสจะชักนำเราไปสู่ทางที่เป็นอกุศล
* แนะนำบอกคนอื่นดี แต่แนะนำบอกสอนตัวเองดียิ่งกว่า
* รู้น้อยแต่ลงมือทำ ยังดีกว่ารู้จำมากแต่มิทำอะไรเลย
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 100, 101, 102, 103, 104, 105, 106 ... 151  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร