วันเวลาปัจจุบัน 05 ส.ค. 2025, 20:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 97, 98, 99, 100, 101, 102, 103 ... 151  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มนุสฺสินฺทํ ได้แก่ พระเจ้า
พาราณสีผู้เป็นจอมแห่งมนุษย์. บทว่า กถํ นุ ภควา เกสี ความว่า
เพราะอุบายอะไรหนอ เกสวดาบสผู้มีโชคของพวกเรารูปนี้ จึงยินดี
อยู่ในอาศรมของกัปปดาบส. นารทอำมาตย์ทำทีเสมือนเจรจากับคน
อื่น ถามถึงเหตุในความยินดียิ่งของเกสวดาบส ด้วยประการอย่างนี้.
เกสวดาบสได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-

ดูก่อนนารทอำมาตย์ สิ่งอันน่ารื่นรมย์
ใจซึ่งยังประโยชน์ให้สำเร็จมีอยู่ หมู่ไม้อัน
ทำใจให้รื่นรมย์มีอยู่ แต่ถ้อยคำอันเป็น
สุภาษิตของกัปปดาบส ย่อมทำให้เราอภิรมย์
ยินดี.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วกฺขา ได้แก่ ต้นไม้. แต่ใน
บาลีเขียนไว้ว่า รุกฺขา. บทว่า สุภาสิตานิ ความว่า ถ้อยคำสุภาษิต
ที่กัปปดาบสกล่าว ย่อมทำเราให้อภิรมย์ยินดี.

ก็แหละ เกสวดาบสครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงกล่าวว่า กัปป-
ดาบสทำเราให้ยินดีอยู่อย่างนี้ จึงให้เราดื่มยาคูที่หุงด้วยข้าวฟ่างและ
ลูกเดือยอันระคนด้วยผักที่ลาดด้วยน้ำ ซึ่งไม่เค็มและไม่ได้อบกลิ่น
พยาธิในร่างกายของเราสงบระงับเพราะข้าวยาคูนั้น เราเป็นผู้หาย
โรคแล้ว. นารทอำมาตย์ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-

พระคุณเจ้าบริโภคข้าวสุกแห่งข้าวสาลี
ที่ปรุงด้วยเนื้อสะอาดมาแล้ว ไฉนข้าวฟ่าง
และลูกเดือยอันหารสมิได้ จึงทำให้พระคุณ-
เจ้ายินดีได้เล่า.


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ภุญฺเช แปลว่า บริโภคแล้ว.
อีกอย่างหนึ่ง บาลีก็อย่างนี้เหมือนกัน. บทว่า นาทยนฺติ ได้แก่
ให้ยินดี คือให้อิ่มเอิบชอบใจ ก็เพื่อสะดวกในการประพันธ์คาถา ท่าน
จึงลงนิคหิต. ท่านกล่าวคำอธิบายไว้ว่า ไฉนข้าวฟ่างและลูกเดือย
อันหารสเค็มมิได้นี้ จึงทำท่านผู้บริโภคภัตแห่งข้าวสาลีอันปรุงด้วย
มังสะที่สะอาด สมควรแก่พระราชาในราชสกุล ให้อิ่มเอิบ ยินดีได้
คือว่า ไฉนท่านจึงชอบใจอย่างนี้.

เกสวดาบสได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :-
ของบริโภคจะดีหรือไม่ดีก็ตาม จะน้อย
หรือมากก็ตาม บุคคลผู้คุ้นเคยกันแล้ว
บริโภคในที่ใด การบริโภคในที่นั้นแหละดี
เพราะรสทั้งหลายมีความคุ้นเคยเป็นเยี่ยม.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยทิวาสาธุํ ตัดเป็น ยทิวา
อสาธุํ แปลว่า ไม่มีก็ตาม. บทว่า วิสฺสฏฺโ€ ความว่า เป็นผู้ปราศจาก
ความรังเกียจ ถึงความคุ้นเคยกัน. บทว่า ยตฺถ ภุญฺเชยฺย ความว่า
พึงบริโภคอย่างนี้ในนิเวศน์ใด โภชนะชนิดใดชนิดหนึ่งซึ่งบริโภค

แล้วอย่างนี้ในนิเวศน์นั้น เป็นดีทั้งนั้น. เพราะเหตุไร ? เพราะรส
ทั้งหลายมีความคุ้นเคยกันเป็นยอดเยี่ยม อธิบายว่า รสทั้งหลายชื่อว่า
มีความคุ้นเคยเป็นเยี่ยม เพราะความคุ้นเคยเป็นยอดเยี่ยม คือสูงสุด
แห่งรสทั้งหลายเหล่านี้. เพราะขึ้นชื่อว่ารสจะเสมอกับรสคือความ

คุ้นเคยกันย่อมไม่มี เหตุนั้นโภชนาหารแม้มีรสอร่อย ๔ อย่างที่คนผู้
ไม่คุ้นเคยจัดให้ ย่อมไม่ถึงค่าน้ำส้มและน้ำข้าวที่คนผู้คุ้นเคยกันจัดให้
แล้ว.

นารทอำมาตย์ได้ฟังคำของเกสวดาบสนั้นแล้ว จึงไปยังราช-
สำนักกราบทูลว่า เกสวดาบสกล่าวคำชื่อนี้.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึง
ทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็นพระอานนท์ นารท-
อำมาตย์ในครั้งนั้น ได้เป็นพระสารีบุตร เกสวดาบสในครั้งนั้น ได้
เป็นพกมหาพรหม ส่วนกัปปดาบส คือเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาเกสวชาดกที่ ๖

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาอยกูฏชาดกที่ ๗

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
การประพฤติประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้
มีคำเริ่มต้นว่า สพฺพายสํ กูฏํ ดังนี้. เรื่องปัจจุบันจักมีแจ้งในมหา
กัณหชาดก. ส่วนเรื่องในอดีตมีดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร
พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของ
พระเจ้าพรหมทัตนั้น. เจริญวัยแล้ว เรียนศิลปศาสตร์ได้แล้ว เมื่อ
พระราชบิดาสวรรคตแล้ว ได้ดำรงอยู่ในราชสมบัติ ทรงครองราชย์

โดยธรรม. ในครั้งนั้น คนทั้งหลายเป็นผู้ถือเทวดาเป็นมงคล พากัน
ฆ่าแพะเป็นต้นมากมาย กระทำพลีกรรมแก่เทวดาทั้งหลาย. พระโพธิ-
สัตว์ให้เที่ยวตีกลองประกาศว่า ไม่ควรฆ่าสัตว์มีชีวิต. ยักษ์ทั้งหลาย
เมื่อไม่ได้พลีกรรมจึงโกรธพระโพธิสัตว์ ได้ไปยังสมาคมยักษ์ในหิม-
วันตประเทศ ให้ส่งยักษ์ตนหนึ่งผู้หยาบช้าไป เพื่อต้องการฆ่าพระ-

โพธิสัตว์. ยักษ์นั้นถือพะเนินเหล็กร้อนอันใหญ่ประมาณเท่าช่อฟ้า มา
ด้วยตั้งใจว่า จักประหารพระโพธิสัตว์นั้นด้วยพะเนินเหล็กนี้ให้ตาย
จึงได้ยืนอยู่ที่หัวนอนพระโพธิสัตว์ ในระหว่างมัชฌิมยาม. ขณะนั้น
อาสนะของท้าวสักกะแสดงอาการร้อน ท้าวเธอทรงรำพึงอยู่ ได้ทรง

ทราบเหตุนั้น จึงทรงถืออินทวชิราวุธเสด็จไป แล้วได้ประทับยืน
เบื้องบนยักษ์. พระโพธิสัตว์ได้เห็นยักษ์แล้วคิดว่า ยักษ์นี้ยืนอารักขา
เราหรือว่ายืนประสงค์จะฆ่าเรา เมื่อจะเจรจากับยักษ์นั้นจึงกล่าวคาถา
ที่ ๑ ว่า :-


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ท่านผู้ใดยืนถือพะเนินเหล็กล้วนอัน
ใหญ่โตเหลือขนาดอยู่ในอากาศ ท่านผู้นั้นมา
จัดแจงเพื่อจะคุ้มครองเราในวันนี้หรือ หรือ
ว่าจะพยายามฆ่าเรา.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วิหิโตนุสชฺช ตัดบทเป็น วิหิโตนุสิ
อชฺช.

ก็พระโพธิสัตว์ เห็นแต่ยักษ์เท่านั้นไม่เห็นท้าวสักกะ. ยักษ์
ไม่อาจประหารพระโพธิสัตว์ เพราะกลัวท้าวสักกะ. ยักษ์นั้นได้ฟังถ้อยคำ
ของพระโพธิสัตว์ จึงกล่าวว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ข้าพเจ้ามิได้ยืน

คุ้มครองท่าน แต่ข้าพเจ้ามาด้วยหวังใจว่า จักเอาพะเนินเหล็กอัน
โชติช่วงนี้ประหารทำท่านให้ตาย ข้าพเจ้าไม่อาจประหาร เพราะกลัว
ท้าวสักกะ เมื่อจะแสดงเนื้อความนี้ จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-

ดูก่อนพระราชา ข้าพเจ้าเป็นทูตของ
พวกยักษ์ ถูกพวกยักษ์เหล่านั้นส่งมาที่นี้
เพื่อฆ่าพระองค์ แต่พระอินทร์เทวราชคุ้ม
ครองพระองค์อยู่ เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึง
ผ่าพระเศียรของพระองค์ไม่ได้.

พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้นจึงกล่าว ๒ คาถานอกนี้ว่า :-
ก็ถ้าท้าวมัฆวาฬเทวราชผู้เป็นจอมเทพ
พระสวามีของนางสุชาดา คุ้มครองข้าพเจ้า
อยู่ มิฉะนั้น พวกปีศาจคงจะคุกคามสัตว์
ทั้งหลายเป็นแน่ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้สะดุ้งกลัว
ต่อพวกยักษ์เลย.


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พวกกุมภัณฑ์และพวกปีศาจทั้งมวล จะ
คร่ำครวญกันไปก็ตามเถิด พวกปีศาจไม่อาจ
ต่อยุทธ์กับข้าพเจ้า กิริยาที่หลอกหลอนพวก
ยักษ์ซึ่งทำให้น่ากลัวต่างๆ นั้น มีอยู่เป็นอัน
มาก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่กลัว.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รกฺขสิยา ปชาย ความว่า
เหล่าสัตว์คือรากษส ได้แก่ พวกสัตว์ที่เป็นรากษส. บทว่า กุมฺภณฺฑา
ได้แก่ พวกยักษ์ท้องพลุ้ย มีอัณฑะเท่าหม้อ. บทว่า ปํสุปิสาจกา

ได้แก่ พวกปีศาจในที่ทิ้งหยากเยื่อ. บทว่า นาลํ ความว่า ขึ้นชื่อว่า
พวกปีศาจไม่สามารถจะต่อยุทธกับข้าพเจ้า. บทว่า มหตี สา วิเภสิกา
ความว่า ก็ยักษ์เหล่านี้ประชุมกันแสดงกิริยาน่ากลัวต่างๆ อันใด
กิริยาที่น่ากลัวต่างๆ อันนั้นถึงจะมากมาย ก็เป็นเพียงแสดงอาการ
น่ากลัวแก่เราเท่านั้น แต่เราหากลัวไม่.

ท้าวสักกะทรงขับยักษ์ให้หนีไป โอวาทพระมหาสัตว์แล้วตรัส
ว่า ดูก่อนมหาราช พระองค์อย่าได้ทรงกลัวเลย จำเดิมแต่นี้ไป การ
คุ้มครองพระองค์ เป็นหน้าที่ของข้าพเจ้า แล้วเสด็จสู่สถานที่ของ
พระองค์ทีเดียว.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึง
ทรงประชุมชาดกว่า ท้าวสักกะในครั้งนั้น ได้เป็นพระอนุรุทธะ
ส่วนพระเจ้าพาราณสี ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาอยกูฏชาดกที่ ๗

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาอรัญญชาดกที่ ๘

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
การประเล้าประโลมของกุมาริกาอ้วนคนหนึ่ง จึงตรัสพระธรรม-
เทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อรญฺา คามมาคมฺม ดังนี้.

เรื่องปัจจุบันจักมีแจ้งในจุลลนารทกัสสปชาดก. ส่วนเรื่องใน
อดีตมีดังต่อไปนี้.

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร-
พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ เจริญวัยแล้ว
เรียนศิลปศาสตร์ในเมืองตักกศิลาแล้ว เมื่อภรรยาถึงแก่กรรมแล้ว
ได้พาบุตรไปบวชเป็นฤาษีอยู่ในหิมวันตประเทศ ให้บุตรอยู่ใน

อาศรมบท. ส่วนตนไปเพื่อต้องการผลาผล. ครั้งนั้น เมื่อพวก
โจรปล้นปัจจันตคามแล้วพาพวกเชลยไป กุมาริกาคนหนึ่งหนีไปถึง
อาศรมบทนั้น ประเล้าประโลมดาบสกุมารให้ถึงศีลวินาศแล้วกล่าวว่า
มาเถิด พวกเราพากันไป. ดาบสกุมารกล่าวว่า จงรอให้บิดาของเรา

มาก่อน เราพบบิดาแล้วจักไป. กุมาริกากล่าวว่าถ้าอย่างนั้น ท่าน
พบบิดาแล้วจงมา แล้วได้ออกไปนั่งอยู่ที่ระหว่างทาง. เมื่อบิดามาแล้ว
ดาบสกุมาร จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-

ข้าแต่พ่อ ฉันออกจากป่าไปสู่บ้านแล้ว
จะพึงคบคนที่มีศีลอย่างไร มีวัตรอย่างไร
ฉันถามแล้ว ขอท่านจงบอกข้อนั้นแก่ฉันด้วย.


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อรญฺา คามมาคมฺม ความว่า
ข้าแต่พ่อ ฉันจากป่านี้ไปยังถิ่นมนุษย์ เพื่อจะอยู่ ถึงบ้านที่อยู่แล้ว
จะกระทำอะไร.
ลำดับนั้น บิดาเมื่อจะให้โอวาทแก่บุตรนั้น จึงกล่าวคาถา
๓ คาถาว่า :-

ลูกเอ๋ย ผู้ใดพึงคุ้นเคยกะเจ้าก็ดี พึง
อดทนความคุ้นเคยของเจ้าได้ก็ดี เชื่อถือ
คำพูดของเจ้าก็ดี งดโทษให้เจ้าก็ดี เจ้าไป
จากที่นี้แล้วจึงคบหาผู้นั้นเถิด.

ผู้ใดไม่มีกรรมชั่วด้วยกาย วาจาและ
ใจ เจ้าไปจากที่นี้แล้วจงคบหาผู้นั้น ทำตน
ให้เหมือนบุตรผู้เกิดจากอกของผู้นั้นเถิด.
ลูกเอ๋ย คนที่มีจิตเหมือนน้ำย้อมขมิ้น
มีจิตกลับกลอก รักง่ายหน่ายเร็ว เจ้าอย่า
คบหาคนเช่นนั้นเลย ถึงหากว่าพื้นชมพูทวีป
ทั้งสิ้นจะไม่มีมนุษย์ก็ตาม.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โย ตํ วิสฺสาสเย ความว่า
บุรุษใดพึงคุ้นเคย คือ ไม่รังเกียจเจ้า. บทว่า วิสฺสาสญฺจ ขเมยฺย เต
ความว่า อนึ่ง บุคคลใดพึงคุ้นเคยแก่เจ้าซึ่งเจ้ากระทำตน ไม่
รังเกียจ อดทนความคุ้นเคยนั้นได้. บทว่า สุสฺสูสี ความว่า อนึ่ง

บุคคลใดต้องการฟังคำกล่าวด้วยความคุ้นเคยของเจ้า. บทว่า ติติกฺขี
ความว่า อนึ่ง บุคคลใดอดกลั้นความผิดที่เจ้ากระทำได้. บทว่า


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ตํ ภเชหิ ความว่า เจ้าพึงคบคือพึงเข้าไปนั่งใกล้บุรุษนั้น. บทว่า
โอรสีว ปติฏฺ€าย ความว่า บุตรผู้เกิดแต่อกเจริญเติบโตอยู่ใน
อ้อมอกของบุคคลนั้น ฉันใดเจ้าพึงเป็นเสมือนบุตรผู้ตั้งอยู่ในอ้อมอก
เช่นนั้น พึงคบหาบุรุษเห็นปานนั้น ฉันนั้น. บทว่า หลิทฺทราคํ

ได้แก่ ผู้มีจิตไม่มั่นคงดุจย้อมด้วยขมิ้น. บทว่า กปิจิตฺตํ ได้แก่
ชื่อว่ามีจิตเหมือนลิง เพราะเปลี่ยนแปลงเร็ว. บทว่า ราควิราคินํ
ได้แก่ มีสภาพรักและหน่ายโดยชั่วครู่เท่านั้น. บทว่า นิมฺมนุสฺสมฺปิ

เจ สิยา ความว่า พื้นชมพูทวีปทั้งสิ้น ชื่อว่าพึงปราศจากมนุษย์
เพราะไม่มีมนุษย์ผู้เว้นจากกายทุจริตเป็นต้น แม้ถึงเช่นนั้น เจ้าอย่า
ได้ซ่องเสพคนผู้มีจิตใจเบาเช่นนั้นเลย จงค้นหาถิ่นมนุษย์แม้ทั่ว ๆ ไป
แล้วซ่องเสพคนผู้สมบูรณ์ด้วยคุณดังกล่าวในหนหลังเถิด.

ดาบสกุมารได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า ข้าแต่บิดา ฉันจักได้
บุคคลผู้ประกอบด้วยคุณเหล่านี้ ณ ที่ไหน ? ฉันจะไม่ไป จักอยู่ใน
สำนักของท่านบิดาเท่านั้น ครั้นกล่าวแล้วก็หวนกลับมา. ลำดับนั้น
บิดาจึงได้บอกกสิณบริกรรมแก่ดาบสกุมารนั้น. ดาบสทั้งสอง มีฌาน
ไม่เสื่อมได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรง
ประชุมชาดกว่า บุตรและกุมาริกาในครั้งนั้นได้เป็นคนเหล่านี้ ส่วน
ดาบสผู้บิดาในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาอรัญญชาดกที่ ๘

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
อรรถกถาสันธิเภทชาดกที่ ๙

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
เปสุญญสิกขาบท จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า เนว
อิตฺถีสุ สามญฺํ ดังนี้.

ได้ยินว่า สมัยหนึ่งพระศาสดาได้ทรงสดับว่า ภิกษุฉัพพัคคีย์
นำความส่อเสียดป้ายร้ายเข้าไปให้ จึงรับสั่งให้เรียกภิกษุฉัพพัคคีย์
เหล่านั้นมาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนำความ
ส่อเสียดป้ายร้ายเข้าไปให้แก่พวกภิกษุผู้บาดหมาง ทะเลาะวิวาทกัน

จริงหรือ ? เพราะเหตุนั้น ความบาดหมางที่ยังไม่เกิดขึ้น และความ
บาดหมางที่เกิดขึ้นแล้วก็ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญยิ่งขึ้น เมื่อพวก
ภิกษุฉัพพัคคีย์ทูลรับว่าจริงพระเจ้าข้า จึงทรงติเตียนภิกษุเหล่านั้น
แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าวาจาส่อเสียดคมกล้าประดุจ-
ประหารด้วยศาตรา ถึงความคุ้นเคยที่เหนียวแน่นมั่นคงก็แตกสลายไป

ได้โดยรวดเร็ว เพราะวาจาส่อเสียดนั้น ก็แหละชนผู้เชื่อถือวาจา
ส่อเสียดนั้นแล้วทำลายไมตรีของตนเสีย ย่อมเป็นเช่นกับราชสีห์และ
โคผู้ทีเดียว แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร-
พาราณสี พระโพธิสัตว์เป็นโอรสของพระเจ้าพาราณสีนั้น เจริญวัย
แล้ว เล่าเรียนศิลปะในเมืองตักกศิลาเสร็จแล้ว เมื่อพระบิดาสวรรคต
แล้ว ได้ครองราชสมบัติโดยธรรม. ครั้งนั้น นายโคบาลคนหนึ่ง

เลี้ยงโคทั้งหลายในตระกูลทั้งหลาย เมื่อจะมาจากป่า ไม่ได้นึกถึงแม่
โคตัวหนึ่งซึ่งมีครรภ์ จึงทิ้งไว้แล้วไปเสีย แม่โคนั้นเกิดความคุ้นเคย
กับแม่ราชสีห์ตัวหนึ่ง. แม่โคและแม่ราชสีห์ทั้งสองนั้นเป็นมิตรกัน
อย่างมั่นคงเที่ยวไปด้วยกัน. จำเนียรกาลนานมา แม่โคจึงตกลูกโค

แม่ราชสีห์ตกลูกราชสีห์. ลูกโคและลูกราชสีห์ทั้งสองนั้นก็ได้เป็นมิตร
กันอย่างเหนียวแน่น ด้วยไมตรีซึ่งมีมาโดยสกุล จึงเที่ยวไปด้วยกัน.


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ครั้งนั้น พรานป่าคนหนึ่งเข้าป่าเห็นสัตว์ทั้งสองนั้นคุ้นเคยกัน จึงถือ
เอาสิ่งของที่เกิดขึ้นในป่า แล้วไปเมืองพาราณสี ถวายแด่พระราชา
อันพระราชาตรัสถามว่า สหาย ท่านเคยเห็นความอัศจรรย์อะไร ๆ
ในป่าบ้างไหม ? จึงกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์ไม่ได้เห็น

อะไรๆ อย่างอื่น แต่ได้เห็นราชสีห์ตัวหนึ่งกับโคผู้ตัวหนึ่ง สนิทสนม
กันและกันเที่ยวไปด้วยกัน. พระราชาตรัสว่า เมื่อสัตว์ตัวที่สามเกิด
ขึ้นแก่สัตว์ทั้งสองเหล่านั้น ภัยจักบังเกิดมี เมื่อใดท่านเห็นสัตว์ตัว
ที่สามเพิ่มขึ้นแก่สัตว์ทั้งสองนั้น เมื่อนั้นท่านพึงบอกเรา. นายพราน

ป่านั้นทูลรับว่า ได้พระเจ้าข้า. ก็เมื่อพรานป่าไปเมืองพาราณสีแล้ว
มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเข้าไปบำรุงราชสีห์และโคผู้. นายพรานป่าไปป่า
ได้เห็นสุนัขจิ้งจอกนั้นคิดว่า จักกราบทูลความที่สัตว์ตัวที่สามเกิดขึ้น
แล้วแก่พระราชา จึงได้ไปยังพระนครพาราณสี. สุนัขจิ้งจอกคิดว่า

เว้นเนื้อราชสีห์และเนื้อโคผู้เสีย ขึ้นชื่อว่าเนื้ออื่นที่เราไม่เคยกิน ไม่มี
เราจักยุยงทำลายสัตว์ทั้งสองนี้แล้วกินเนื้อสัตว์ทั้งสองนี้. สุนัขจิ้งจอก
นั้นจึงยุยงสัตว์ทั้งสองนั้นให้ทำลายกันและกันโดยพูดว่า ผู้นี้พูดอย่าง
นี้กะท่าน ผู้นี้พูดอย่างนี้กะท่าน ไม่นานนัก ก็ได้ทำให้ถึงแก่ความตาย

เพราะทำการทะเลาะกัน. ฝ่ายพรานป่ามาถึงแล้วกราบทูลแก่พระราชา
ว่า ข้าแต่สมมติเทพ สัตว์ตัวที่สามเกิดขึ้นแล้วแก่ราชสีห์และโคผู้
เหล่านั้น พระราชาตรัสถามว่า สัตว์ตัวที่สามนั้น คืออะไร ? พราน
ป่ากราบทูลว่า สุนัขจิ้งจอกพระเจ้าข้า. พระราชาตรัสว่า สุนัขจิ้งจอก

จักยุยงทำลายสัตว์ทั้งสองนั้นให้ตาย พวกเราจักไปทันในเวลาสัตว์
ทั้งสองนั้นจะตาย จึงเสด็จขึ้นทรงราชรถเสด็จไปตามทางที่พรานป่าชี้
แสดงให้ เสด็จไปทันในเมื่อสัตว์ทั้งสองนั้นทำการทะเลาะกันและกัน
แล้วถึงแก่สิ้นชีวิตไป. สุนัขจิ้งจอกมีใจยินดีกินเนื้อราชสีห์ครั้งหนึ่ง


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
กินเนื้อโคผู้ครั้งหนึ่ง พระราชาทรงเห็นสัตว์ทั้งสองนั้นถึงความสิ้น
ชีวิตไปแล้ว ทรงประทับยืนอยู่บนรถนั่นแล เมื่อจะตรัสเจรจากับ
นายสารถี จึงตรัสคาถาเหล่านี้ว่า :-

ดูก่อนนายสารถี สัตว์ทั้งสองนี้ไม่ได้มี
ความเสมอกันเพราะสตรีทั้งหลาย ไม่ได้มี
ความเสมอกันเพราะอาหาร คือต่างก็มีสัตว์
ตัวเมียและอาหารคนละชนิดไม่เหมือนกัน
ภายหลัง เมื่อสุนัขจิ้งจอกยุยงทำลายความ
สนิทสนมจนถึงให้ตาย ท่านจงเห็นเหตุนั้น
ซึ่งฉันคิดไว้ถูกต้องแล้ว.

พวกสุนัขจิ้งจอกพากันกัดกินโคผู้และ
ราชสีห์ เพราะคำส่อเสียดใด คำส่อเสียด
นั้น ย่อมเป็นไปถึงตัดมิตรภาพ เพราะเนื้อ
คือสุนัขจิ้งจอกเป็นเหตุ ดุจดาบคม ฉะนั้น.
ดูก่อนนายสารถี ท่านจงดูการนอนตาย
ของสัตว์ทั้งสองนี้ ผู้ใดเชื่อถือถ้อยคำของ
คนส่อเสียด ผู้มุ่งทำลายความสนิทสนม ผู้
นั้นจะต้องนอนตายอย่างนี้.

ดูก่อนนายสารถี นรชนเหล่าใดไม่เชื่อ
ถือถ้อยคำของคนส่อเสียด ผู้มุ่งทำลายความ
สนิทสนม นรชนเหล่านั้นย่อมได้ประสบ
สุขเหมือนคนไปสวรรค์ ฉะนั้น.


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เนว อิตฺถีสุ ความว่า ดูก่อน
นายสารถีผู้สหาย สัตว์ทั้งสองนี้ไม่มีความเสมอกันในเพราะสตรี และ
ในเพราะอาหาร เพราะราชสีห์ย่อมเสพสตรีเฉพาะอย่างหนึ่ง โคผู้
ย่อมเสพสตรีอีกอย่างหนึ่ง คนละอย่าง อนึ่ง ราชสีห์ย่อมกินภักษา-
หารอย่างหนึ่ง และโคผู้ย่อมกินภักษาหารอีกอย่างหนึ่ง ไม่เหมือน

กัน ในบทว่า อถสฺส นี้ มีอธิบายว่า เมื่อเหตุที่จะทำให้ทะเลาะ
กันแม้จะไม่มีอยู่อย่างนี้ ภายหลังสุนัขจิ้งจอกชาติชั่วตัวนี้ผู้ทำลายความ
สนิทสนมกันฉันมิตร คิดว่า จักกินเนื้อของสัตว์ทั้งสอง จึงฆ่าสัตว์
ทั้งสองนี้ ท่านจงเห็นดังที่เราคิดไว้ดีแล้ว. ในบทว่า ยตฺถ นี้ ท่าน
แสดงความว่า เมื่อความส่อเสียดใดเป็นไปอยู่ พวกสุนัขจิ้งจอกผู้ฆ่า

เนื้อ ย่อมเคี้ยวกินโคผู้และราชสีห์ ความส่อเสียดนั้นย่อมตัดมิตรภาพ
ไปในเพราะเนื้อ เหมือนดาบอันคมกริบฉะนั้น. ด้วยบทว่า ยมิมํ
ปสฺสสิ นี้ ท่านแสดงว่า ดูก่อนสารถีผู้สหาย ท่านจงดูการนอนตาย
ของสัตว์ทั้งสองเหล่านี้ บุคคลแม้อื่นใดรู้สึก คือเชื่อถือวาจาส่อเสียด

ของผู้ส่อเสียดผู้ทำลายความสนิทสนม บุคคลนั้นย่อมนอนเช่นนี้ คือ
ตายอย่างนี้ทีเดียว. บทว่า สุขเมธนฺติ ความว่า ย่อมประสบคือได้
ความสุข. บทว่า นรา สคฺคคตาริว ความว่า ชนเหล่านั้นย่อม
ประสบความสุข เหมือนนรชนผู้ไปสวรรค์พรั่งพร้อมด้วยโภคะอันเป็น

ทิพย์ฉะนั้น. บทว่า นาวโพเธนฺติ ความว่า ย่อมสำรวมระวังจาก
สิ่งที่ไม่ใช่สาระแก่นสาร คือได้ฟังคำแม้เช่นนั้นแล้วก็ทักท้วง ให้สำนึก
ไม่ทำลายไมตรี คงตั้งอยู่ตามปกติดังเดิม.

พระราชาครั้นตรัสคาถานี้แล้ว รับสั่งให้เก็บเอาหนัง เล็บ
และเขี้ยวของไกรสรราชสีห์ แล้วเสด็จไปยังพระนครทีเดียว.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรง
ประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาสันธิเภทชาดกที่ ๙

อรรถกถาเทวตาปัญหาชาดกที่ ๑๐
ข้อปุจฉาของเทวดานี้ มีคำเริ่มต้นว่า หนฺติ หตฺเถหิ ปาเทหิ
แปลว่า ประหารผู้อื่นด้วยมือและเท้า ดังนี้ จักมีแจ้งในมหาอุมังค-
ชาดกแล.
จบอรรถกถาเทวตาปัญหาชาดกที่ ๑๐
รวมชาดกที่มีในวรรนี่คือ
๑. กุณฑลิกชาดก ๒. วานรชาดก ๓. กุนตินีชาดก ๔. อัมพ-
ชาดก ๕. คชกุมภชาดก ๖. เกวสชาดก ๗. อยกูฏชาดก ๘. อรัญญ-
ชาดก ๙. สันธิเถทชาดก ๑๐. เทวตาปัญหาชาดกฯ
จบ จุลลกุณาลวรรคที่ ๕
รวมวรรคที่มีในจตุกกนิบาตนี้ คือ
๑. กาลิงควรรค ๒. ปุจิมันทวรรค ๓. กุฏิทูสกวรรค
๔. โกกิลวรรค ๕. จุลลกุณาลวรรคฯ
จบ จตุกกนิบาต

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 19:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ปัญจกนิบาต
อรรถกถามณิกุณฑลวรรคที่ ๑
อรรถกถามณิกุณฑลชาดกที่ ๑


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
อำมาตย์ชั่วผู้จัดประโยชน์ทั้งปวง ในภายในพระราชวังของพระเจ้า
โกศล จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ชินฺโน รฏฺ€สฺส-
มณิกุณฺฑเล จ ดังนี้.

เรื่องปัจจุบันได้ให้พิสดารไว้แล้วในหนหลังนั่นแล. ส่วนใน
ชาดกนี้ พระโพธิสัตว์ได้เป็นพระเจ้าพาราณสี. อำมาตย์ชั่วนำพระเจ้า-
โกศลมายึดเอากาสิกรัฐ จองจำพระเจ้าพาราณสีใส่ไว้ในเรือนจำ.
พระเจ้าพาราณสีทำฌานให้เกิดขึ้นแล้วนั่งขัดสมาธิในอากาศ. ความ

เร่าร้อนเกิดขึ้นในร่างกายของราชาผู้เป็นโจร. พระราชาโจรนั้นเข้า
ไปหาพระเจ้าพาราณสี แล้วกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-

พระองค์ทรงละทิ้งแว่นแคว้น ม้า
กุณฑล แก้วมณี อนึ่ง ยังทรงละทิ้งราชบุตร
และเหล่าสนม เมื่อโภคสมบัติทั้งสิ้น ของ
พระองค์ไม่มีเหลือเลย เพราะเหตุไร พระองค์
จึงไม่ทรงเดือดร้อนในคราวเศร้าโศกเล่า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ชินฺโน รฏฺ€สฺสมณิกุณฺฑเล จ
ความว่า ข้าแต่มหาราช พระองค์ทรงละทิ้งแว่นแคว้น ม้า และกุณฑล
แก้วมณีทั้งหลาย. บาลีว่า รถมณิกุณฺฑเล จ ดังนี้ก็มี. บทว่า
อเสสเกสุ แปลว่า ไม่เหลือเลย.
พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถา ๒ คาถานี้ว่า :-

โภคสมบัติย่อมละทิ้งสัตว์ไปเสียก่อน
ก็มี บางทีสัตว์ก็ละทิ้งโภคสมบัติเหล่านั้น
ไปก่อนก็มี ดูก่อนพระองค์ผู้ใคร่ในกาม
โภคสมบัติที่บริโภคกันอยู่เป็นของไม่แน่นอน
เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงไม่เดือดร้อนใน
คราวที่ควรเศร้าโศก.


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระจันทร์อุทัยขึ้นเต็มดวง และจะหาย
ไป อนึ่ง พระอาทิตย์กำจัดความมืด ทำโลก
ให้เร่าร้อน แล้วอัสดงคตไป ฉันใด โภค-
สมบัติทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นและพินาศไป ฉัน
นั้น ดูก่อนพระองค์ผู้เป็นศัตรู โลกธรรมทั้ง
หลายหม่อมฉันชนะแล้ว เพราะฉะนั้น หม่อม
ฉันจึงไม่เศร้าโศกในคราวที่ควรเศร้าโศก.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุพฺเพว มจฺจํ ความว่า โภคะ
ทั้งหลายย่อมละสัตว์ไปในเบื้องต้น คือก่อนทีเดียวบ้าง สัตว์ย่อมละ
โภคะเหล่านั้นไปก่อนกว่าบ้าง. พระโพธิสัตว์เรียกพระราชาที่เป็นโจร
ปล้นราชสมบัติ กามกามิ . อธิบายว่า ดูก่อนพระองค์ผู้ใคร่กาม
ทั้งหลาย ชื่อว่ากามกามิ ธรรมดาคนผู้มีโภคสมบัติเป็นผู้ไม่แน่นอน

ในโลก คือ เมื่อโภคสมบัติทั้งหลายฉิบหายไปแล้ว ถึงจะมีชีวิตอยู่
ก็เป็นผู้ไม่มีโภคสมบัติ หรือตนละทิ้งโภคสมบัติฉิบหายไปเอง เพราะ
ฉะนั้นหม่อมฉันจึงไม่เศร้าโศก แม้ในคราวเศร้าโศกของมหาชน.
พระโพธิสัตว์เรียกราชาโจรด้วยคำว่า ดูก่อนพระองค์ผู้เป็นศัตรู โลก-

ธรรมทั้งหลายหม่อมฉันชนะแล้ว ดังนี้. อธิบายว่า ดูก่อนพระองค์
ผู้เป็นศัตรู โลกธรรมทั้งหลายมีอาทิว่า มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อม
ยศ ดังนี้ หม่อมฉันชนะแล้ว เหมือนอย่างว่าพระจันทร์อุทัยขึ้น
เต็มดวง และกลับสิ้นไป ฉันใด และเหมือนพระอาทิตย์ขจัดความมืด

ทำภูมิภาคของโลกอันใหญ่โตให้ร้อน แล้วกลับถึงการตั้งอยู่ไม่ได้ คือ
อัสดงคตไปไม่ปรากฎในตอนเย็น ฉันใด โภคสมบัติทั้งหลายก็ฉันนั้น
เหมือนกัน ย่อมเกิดขึ้นและย่อมฉิบหายไป จะประโยชน์อะไร ด้วย
การเศร้าโศกในเรื่องนั้น เพราะฉะนั้นหม่อมฉันจึงไม่เศร้าโศก.


* โทษของเหล้าเบียร์มีมากมาย ควรจะมีความละอาย และเกรงกลัวในการดื่มกันบ้าง
* เราปราถนาพบคนดีฉันใด บุคคลอื่นก็ปราถนาจะพบคนดีเหมือนกันฉันนั้น
* งด เว้น ละเลิก สิ่งที่ไม่เป็นสาระในชีวิตแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีที่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
* เมื่อเราเริ่มด้วยการแนะนำแบ่งปัน ความแบ่งปันก็เริ่มขยายตัวสู่คนหมู่มาก
* ความตระหนี่ก่อให้เกิดความแตกแยก ความเอื้อเฟื้อนั้นและจะประสานรอยร้าว
ความตระหนี่มีแต่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้เสพ แม้เสพอยู่จ่มอยู่หารู้ไม่ว่าตนทุกข์เพราะความตระหนี่
* เห็นโทษในสิ่งนั้นตามเป็นจริงย่อมจะงด เว้น ละเลิกได้จริง
* ทานน้อยจึ่งค่อยได้ให้ทาน ทานนานๆย่อมยังทรัพย์ให้เกิดได้
ทานแบบเกินรายได้ ย่อมจะได้หนี้สินติดตัวมา ย่อมยังชาตาชีวิตให้ตกต่ำ
:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2018, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
พระมหาสัตว์แสดงธรรมแก่พระราชาผู้เป็นโจรอย่างนี้แล้ว บัดนี้
เมื่อจะติเตียนพระราชาโจรนั้นนั่นแหละ จึงกล่าวว่า :-
คฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม เกียจคร้านไม่ดี
บรรพชิตไม่สำรวม ไม่ดี พระราชาไม่ทรง
ใคร่ครวญแล้วกระทำ ไม่ดี การเป็นบัณฑิต
ขี้โกรธก็ไม่ดี.

ท่านผู้เป็นใหญ่ในทิศ กษัตริย์พึงใคร่
ครวญก่อนแล้วจึงกระทำ ยังมิได้ใคร่ครวญ
แล้วไม่ควรทำ ยศและเกียรติย่อมเจริญแก่
พระราชาผู้ทรงใคร่ครวญแล้วทำ.
ก็คาถาทั้งสองนี้ ได้พรรณาให้พิสดารในหนหลังแล้วแล.

พระราชาโจรขอษมาพระโพธิสัตว์แล้ว มอบราชสมบัติให้ทรง
รับไว้แล้ว เสด็จไปยังชนบทของพระองค์เอง
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรง
ประชุมชาดกว่า พระเจ้าโกศลในครั้งนั้น ได้เป็นพระอานนท์ ในบัดนี้
ส่วนพระเจ้าพาราณสี ในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถามณิกุณฑลชาดกที่ ๑

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 97, 98, 99, 100, 101, 102, 103 ... 151  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร