วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 08:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2009, 22:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ตอนที่ ๒๗ เซียงญาณดมตดเจ้าของ

มีท้าวอั่นนึง คนเอิ้นเลาว่า เซียงญาณ เป็นคนเมืองธานี พุ่นล่ะ เซียงญาณ ได้ยินชื่อเสียงเลียงนามของเซียงเมี่ยง ว่าเป็นคนฉลาด มีปัญญาหลักแหลม ไหวดี บ่มีผู้ได๋ตั๋วได้
“ บ๋า เซียงเมี่ยงกะเป็นเซียง เฮากะเป็นเซียง เซียงคือกันนี่ล่ะ สิไปตั๋วเซียง”
เซียงญาณ คึดจั่งซั่นแล้ว กะเลยออกเดินทางจากเมืองธานี มาเมืองทวาลี สิมาตั๋วเซียงเมี่ยง ว่าซั่นเถาะ

เซียงญาณ เลาเอาบักน้ำเต้าแห้ง ที่เอานัยออกเหมิดแล้ว มาตดใส่เด้ ตดเหม็น ๆ ใส่กระบอกน้ำเต้า แล้วกะอัดไว้ เตรียมสิเอากลิ่นทิพย์เจ้าของ ไปให้เซียงเมี่ยงดมนั่นล่ะ
พอมาฮอดเมืองทวาลี กะถามหาเซียงเมี่ยง บอกว่ามีธุระด่วนกับเซียงเมี่ยงพะนะ คนที่ฮู้จักเซียงเมี่ยง กะบอกว่า ตอนนี้เซียงเมี่ยงบ่อยู่บ้าน เลาออกไปนา ว่าซั่น แล้วกะชี้บอกว่า นาเซียงเมี่ยงอยู่ทางพู้น ….
เซียงญาณ เลากะบ่เคยเห็นหน้าเซียงเมี่ยงเนาะ... พอได้ข้อมูลแล้ว กะย่างไป ตามทิศทาง ที่ชาวบ้านชี้บอก เพื่อสิไปหาเซียงเมี่ยง
ย่างออกท่งไปดนเติบ กะเห็นผู้ชายคนนึงดำนา จั๊บ จั๊บ อยู่ กะเลยฮ้องถามว่า
“ อ้าย ๆ ฮู้จักนาเซียงเมี่ยงบ่ ไปทางได๋ ”
“ ฮู้จักยุ.. พู้น.. เด้อ.. ย่างต่อไปทางพุ่น ” ว่าซั่น
เซียงญาณ ถือน้ำเต้าย่างต่อ เห็นผู้ชายคนนึง กำลังคราดนา ก๊าด ก๊าด อยู่ กะเลยฮ้องถามว่า
“ อ้าย ๆ นาเซียงเมี่ยง ไปทางได๋ ”
“ พู้น..ย่างต่อไปทางพุ่นเด้อ ” ว่าซั่น
เซียงญาณ กะถือน้ำเต้าย่างต่อ เห็นผู้ชายคนนึง (กะเซียงเมี่ยงนั่นล่ะ) กำลังปั้นคันแท ตั๊บตั๊บ อยู่ ย่อนเซียงญาณ บ่เคยเห็นหน้าเซียงเมี่ยง นั่นล่ะ ... กะเลยถามว่า
“ อ้าย ๆ นาเซียงเมี่ยงอยู่ไส ”
เซียงเมี่ยงสังเกตเห็น ท่าทางบ่ค่อยน่าไว้ใจ แถมยังมาถามหาจะของอีกต่างหาก กะเลยว่า
“ นาเซียงเมี่ยงวะติ ..พุ่น อยู่พุ่น ” เซียงเมี่ยง ชี้ไปนาจะของที่อยู่อีกฟากนึง แล้วกะถามต่อว่า
“ เจ้ามีธุระหยังสำคัญกับเซียงเมี่ยงติ ”
“ แมนล่ะ ข้อยมีธุระสำคัญสิประลองปัญญา กับเซียงเมี่ยง ”
“ ประลองแบบได๋ล่ะ บอกได้บ่? ”
“ บ่ได้ประลองอีหยังหลายดอก แค่สิเอาตดมาให้เซียงเมี่ยงดม ซื่อ ๆ ดอก”
“ เขาลือกันว่า เซียงเมี่ยงเป็นคนหัวดี ทันคน เจ้าสิมาตดให้เซียงเมี่ยงดม เซียงเมี่ยง สิหลงกลดมให้เจ้าง่าย ๆ ซั่นบ้อ”
“ โฮ้ย.. ข้อยกะบ่โง่ปานนั้นดอก ข้อยวางแผนมาเรียบร้อยแล้ว นี่ นี่ มันอยู่ในนี้ ข้อยสิตั๋วให้เซียงเมี่ยง ดมกลิ่นที่อยู่ในนี้ ” เซียงญาณ ยกน้ำเต้าขึ้น เอามือซี้
“ โฮ้...แจ๋ว แจ๋ว.. เจ้านี่กะหัวดีคัก... คันกลิ่นตดยังอยู่ เซียงเมี่ยงต้องเสียทีแน่นอน.. แต่ว่า เจ้าตดใส่ไว้แต่ดนแล้ว กลิ่นตด มันสิยังบ่ล่ะ บ่แมนมันระเหยออกเหมิดแล้วติ”
เซียงญาณ กะเลยเปิดจุกออกดมเบิ่ง
เหม็นตึบ.....วะนึง
“ โฮ้..ยังอยู่ ยังอยู่ ”
“ หว่างฮั้น เจ้าเปิดออกดมแล้ว บ่แม่นมันเหมิดแล้วติ ”
เซียงญาณ กะเปิดจุกออกลองดมเบิ่งอีก
เหม็นตึบ...วะนึง
“ ยังอยู่ ยังอยู่ อ้าย ”
“ ตดเจ้า คือสิเหม็นคักเนาะ ”
“ ตดข้อย นี่สุดยอดแล้ว ข้อยเตรียมมา สำหรับเซียงเมี่ยงโดยเฉพาะเลย.. เดี่ยวข้อยสิฟ้าวไปหาเซียงเมี่ยง ก่อนเด้อ”
“ บ่ต้องไปดอก... ข้อยนี่ล่ะคือเซียงเมี่ยง โตจริง ของแท้ แน่นอน”
แป่วววววว (เซียงญาณมึนตึบ)...
“ เป็นจั่งได๋ล่ะ ได้ดมตดเหม็น ๆ เจ้าของ คือสิมีแฮงดีเนาะ ”
เซียงญาณ กะแพ้ปัญญาเซียงเมี่ยง เสียทีเซียงเมี่ยง เทิงได้ดมตดเจ้าของพร้อม สะล่ะล่ะ


ตอนที่ ๒๘ ตั๋วเอาปลา

มีท้าวอั่นนึง เลาบวชดนจนได้เป็นจารย์ สึกออกมา แล้วกะได้เมียผู้สาวงาม ๆ ผู้นึง เด้ (เอิ้นเลาว่าจารย์เถิงซะเนาะ) จารย์เถิงเลาอยู่กินกับเมีย บ่ทันดน เมียเลากะมีท้อง (เอ๋า...หัวตะมีท้องซั่นบ้อ... เอาหยังใส่แนวกินน้อนอ..) ....หมายถึงว่า มีลูกอยู่ในท้องนั่นล่ะ... ท้องใหญ่ใกล้คลอดแล้วมั้ง..
มื้อนึงจารย์เถิง เลาไปสาปลา สิหาปลามาสู่เมียกินนั่นล่ะ สาปลาอยู่
บ๋อม จ่อก บ๋อม จ่อก ๆๆๆๆๆๆ
จนน้ำใกล้แห้งแล้วเด้
พอดี้ เซียงเมี่ยง ออกจากบ้านมา กำลังสิไปนาเด้ ย่างผ่านมาเลาะนั้น ได้ยินเสียง บ๋อม จ่อก บ๋อม จ่อก อยู่ เกิดความสงสัย กะเลยเลาะเลียบไปเบิ่ง เห็นจารย์เถิงกำลังสาปลาอยู่ ซั่นแหล่ว
น้ำแห้งพอดี จารย์เถิงกะลงมือจับปลาใส่ข้อง นั่นแหล่ว ปลากะหลายคัก มีเทิงปลาดุก ปลาค่อ ปลาเข็ง ปลาจิเดิด เด้ เลากะจับเอาจับเอา กะยังว้ากะยังว่า
กำลังจับปลาม่วน ๆ เซียงเมี่ยง ผัดโผล่ป่อดล่อดออกมา
“ เอ้า พ่อลุง เฮ็ดหยังอยู่น้อนอ ”
“ อ้าว... เซียงเมี่ยงติ ....กะตามที่เห็นนั่นล่ะ” จารย์เถิงตอบอย่างไว้ภูมิ เด้
“ โฮ้ บวกนี้ ปลาหลายคักน้อ ลุงน้อ ”
“ ปลาหลาย กะหั่งว่าอยู่ดอก... ของแนวนี้ หาเอาไผเอามันตั้ว ” จารย์เถิงเว้าแบบกั๊กไว้เนาะ
“ กะบ่ได้ว่าหยังเด้ล่ะ ” เซียงเมี่ยงว่า
“ เอ้อ..เซี่ยงเมี่ยง.. เขาคือลือคือซากันคักแท้ ว่าเจ้าตั๋วเก่ง คันว่าตั๋วเก่งอีหลี ลองตั๋วเอาปลาข้อยเบิ่งกะดู้”
“ สิมาตั๋ว มาเต๋อหยังอยู่หนี่ เมียเจ้าเจ็บท้องออกลูกอยู่บ้าน ฟ้าวเข้าไป เบิ่งเมียเจ้านั่นปาหยัง อุตส่าห์สิมาบอกข่าว มาชวนคุยอยู่ได้”
จารย์เถิง ได้ยินคำว่า “ เมียเจ็บท้องออกลูก ” ท่อนล่ะ ด้วยความเป็นห่วงลูกเมีย ลืมฮอดปลา ฟ้าวแล่นเข้าบ้านอย่างหันเลย
พอแล่นฮอดเฮือน เห็นเมียนั่งเล่นสำบายเสยอยู่ บ่มีอาการเจ็บท้องออกลูก จักหน่อย จั่งค่อยฮู้ว่า ถืกเซียงเมี่ยงตั๋วแล้ว
คนเฮากะดายเนาะ ฮาลังเทื่อ สิเว้าจั่งได๋กะบ่เชื่อ ฮาลังเทื่อผัดเชื่อง้ายง่าย เด้บะได๋....


ตอนที่ ๒๙ เซียงเมี่ยงนุ่งซ่งดากขาด

อันว่าชีวิตคนเฮานี้ มันกะบ่เที่ยงแท้แน่นอนเนาะ คือจั่งเพิ่นว่า
ความแน่นอน คือความบ่แน่นอน
ความบ่แน่นอน คือความแน่นอน
ความบ่แน่นอน นั่นล่ะ ที่บ่แน่นอน ..... แล้วแต่ผู้ได๋สิเว้าสิว่า ล่ะหวา
เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องธรรมดา สำหรับคนบ่ธรรมดา
เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องบ่ธรรมดา สำหรับคนธรรมดา ....
เอ้า... แวเข้ามาฟังเรื่องเซียงเมี่ยงต่อเนาะ... หลวงพ่อวัดหลวง เพิ่นกะอายุหลายแล้ว โรคชรามาเบียดเบียน เพิ่นกะเลย อำลาพาจากสังขารร่างกาย ที่เสื่อมโทรมไปเนาะ .. กะตายนั่นล่ะ.. จั่งแม่นเว้ายืดยาวเนาะ ผู้เว้ากะดาย....
เอ้อ...นั่นล่ะ... หลวงพ่อเลาตอยจ้าย ตายจ้อย พระราชากะเป็นเจ้าภาพ จัดงานศพเด้ ฮาลังมื้อพระราชากะไปเอง ฮาลังมื้อกะบ่ได้ไป
มีมื้อนึง พระราชาเลาบ่ได้ไป กะเลยจัดให้เซียงเมี่ยง เป็นคนนำทีม พานางสนมกำนัลไปพิตี๋ (เสแสร้ง) ฮ้องไห้ในงานศพ ว่าซั่นเถาะ
“ ไป ไป เซียงเมี่ยง พาสนมกำนัล ไปซ่อยฮ้องไห ้งันงานศพหลวงพ่อเด้อ มื้อนี้”
เซียงเมี่ยง เลาบ่ค่อยถืกกันกับ พวกสนมกำนัลอยู่แล้วเนาะ
พอไปฮอดหม่องจัดงานศพ นางสนมกำนัล กะพากัน นั่งอยู่หน้าโลงศพ ฮ้องไห้ซิมซิ ซิมซิ กะมี ไห้หงืก หงืก กะมี ไห้งือ งือ กะมี น้ำตาบ่ไหล กะทำเป็นเซ็ดๆ ถูๆ เด้เดียวหนิ แสดงคื้อคือ ปานคณะหมอลำหมู่ เอาโลด กะยังว่า
เซียงเมี่ยงคึดม่วน กะเลยหาทางแกล้งสนมกำนัล ซั่นแหล่ว เซียงเมี่ยง ลุกออกมา แล้วกะหาหม่องบ่มีคนเห็น ถอดซ่งออก แล้วกะ เอามีดปาดดากซ่ง ให้เป็นซ่งขาดดาก เอามานุ่งใหม่ แล้วกะย่างกลับคืนมาในงาน
เซียงเมี่ยง กะคลานก่อมก้อย ก่อมก้อย เข้าไปต่อหน้าโลงศพ ผ่านหน้าสนมกำนัลทั้งหลาย.... หมู่เจ้ากะคึดเบิ่งเอานั่นเถาะ คนนุ่งซ่งขาดดาก คุกเข่าคลาน หันดากหาท่านผู้ชมทั้งหลาย มันสิเป็นภาพจั่งได๋ ....

สนมกำนัลทั้งหลาย เหลียวเห็นเซียงเมี่ยง นุ่งซ่งขาดดาก กะอยากหัว อดหัวบ่ไหว กะเลยพากันหัวร่อเด้ ผู้แรกหัวขึ้น ผู้ที่สองกะหัวนำ ผู้ที่สามกะหัวสมทบล่ะตี้ ผู้ที่สี่ ห้า หก เจ็ด..... จนเหมิดซุคน พากันหัวร่อคิก ๆ คัก ๆ หัวร่ออั๊ก ๆ กะยังว้ากะยังว่า
กะย่อนว่าสนมกำนัลทั้งหลาย บ่ได้เศร้าโศกเสียใจอีหลีเนาะ ฮ้องไห้กะแค่ พิตี๋ไห้ซื่อๆ เจอมุขตลกเซี่ยงเมี่ยงเข้า กะเลยอดหัวบ่ไหว ซั่นแหล่ว
พองานแล้วแล้ว เซี่ยงเมี่ยง กะเลย เอาแส้มาตีโบย ลงโทษสนมกำนัลทั้งหลาย พวกสนมกำนัล บ่พอใจ กะเลยไปฟ้องพระราชา ว่าถืกเซียงเมี่ยงตี ให้พระราชาลงโทษ เซียงเมี่ยงให้แหน่ ว่าซั่น
เซี่ยงเมี่ยง กะทำทรงถามพระราชาว่า
“ คนที่ขัดคำสั่งของพระองค์ บ่เฮ็ดตามคำสั่งของพระองค์ สมควรถืกตีโบย แม่นบ่ พระเจ้าค่า”
“ แมนยุ ” พระราชาว่า
“ที่ตีโบยสนมกำนัลไป กะย่อน สนมกำนัลพวกนี้ ขัดคำสั่งพระองค์ นั่นล่ะ พะเจ้าค่า”
“ ขัดคำสั่งจั่งได๋ ว่ามาเบิ่งดู้ ” พระราชาถาม
“ พระองค์ให้คุมสนมกำนัลทั้งหลาย ไปฮ้องไห้ ในงานศพ แต่ว่าสนมกำนัลพวกนี้ บ่เซื่อฟังพระองค์ ขัดคำสั่งพระองค์ บังอาจหัวร่อคิก ๆ คัก ๆ ในงานศพ เป็นการบ่สมควรอย่างยิ่ง"
พระราชาหันหน้าไปทางสนมถามว่า
“ พวกเจ้าได้หัวร่อ ในงานศพอีหลีบ่? ”
“ ได้หัวยุ ... กะมันเป็นตาอยากหัว... ไผสิอดหัวได้..” สนมว่า
เซียงเมี่ยง กะเลยเว้าต่อ
“ คันจั่งซั่น ที่ข้าพระองค์ ตีโบยไป กะถืกต้องแล้ว แม่นบ่ พระเจ้าค่า”
พระราชา บ่ฮู้ว่าสิเอาผิดเซียงเมี่ยงจั่งได๋ กะเลยปล่อยเลยตามเลย ให้แล้ว ๆ กันไป สะล่ะล่ะ
นางสนมกำนัลทั้งหลาย กะเสียทีเซียงเมี่ยง อีกตามเคย ซั่นแหล่ว

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ตอนที่ ๓๐ ยอดตาล

มื้อนึง พระราชา เพิ่นเสด็จประพาสทางชลมารค พร้อมทั้งพวกเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย... นั่งเฮือไปเที่ยว ตางหาเบิ่งทุกข์สุข ของชาวบ้านชาวเมือง นำนั่นล่ะ... เซียงเมี่ยง กะได้ไปนำขาเจ้าคือกันเด้
นั่งเฮือไปเรื่อย เว้านัวหัวม่วนกันไปนำ แนมเบิ่งสองข้างฝั่งน้ำไปนำ เบิกบานสำราญใจกันไปน้อ... นั่งไปนั่งมา นั่งมานั่งไป กะไปฮอดหม่อง หม่องนึง.. แนมไปไกล ๆ เห็นเป็นทิวลิบลับอยู่ ... พระราชากะเลยถามเสนาอำมาตย์ทั้งหลายว่า
“ ที่แนมเห็นอยู่ไกล ๆ พุ้นน่ะ มันแมนอีหยังล่ะหือ?”
เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย เคยเทียวไปเทียวมาอยู่แล้ว กะฮู้ดีว่า มันคืออีหยัง กะเลยตอบว่า
“ ต้นตาล พะเจ้าค่า ”
เซียงเมี่ยงได้ยินจั่งซั่นกะเลยเถียงว่า
“ บ่แมนต้นตาลดอกพะเจ้าค่า ”
พระราชา กะเลยถามพวกเสนาอำมาตย์ทั้งหลายซ้ำอีกว่า มันแมนหยังกันแท้
เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย กะตอบเป็นเสียงเดียวกันเหมิดว่า
“ ต้นตาล ของแท้แน่นอน ”
เซียงเมี่ยงกะเถียงคือเก่าว่า
“ บ่แม่นต้นตาล เด็ดขาด ”
พระราชากะเลยว่า
“ คันจั่งซั่น พนันกัน ดีบ่ ผู้ได๋แพ้ ต้องถืกจับโยนลงน้ำ ดีบ่.."
ทุกคน ตอบตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กะให้คนพาย พายเฮือไปเบิ่งใกล้ๆ .... พอเข้าไปฮอดใกล้ ๆ
“ น่าน..น่าน..ต้นตาลอีหลี... เสร็จแน่ ๆ เซียงเมี่ยง คราวนี้ เสร็จแน่ๆ"
พวกเสนาอำมาตย์ ส่งเสียงดีใจเด้ แล้วกะทูลพระราชาว่า
“ มันกะคือต้นตาล ตามที่พวกข้าพระองค์บอก นั่นล่ะ พะเจ้าค่า”
“ ว่าจั่งได๋เซียงเมี่ยง มีอีหยังสิเถียงบ่ ” พระราชาถาม
เซียงเมี่ยง กะเลยว่า
“ ที่เห็นอยู่หม่องนี้ ตอนนี้ มันกะแมนต้นตาลอีหลียุ บ่เถียงดอก.... แต่ว่า พระราชาถามว่า ‘ ที่แนมเห็นอยู่ไกล ๆ พุ้นน่ะ มันแมนอีหยัง ' แมนบ่ล่ะ..... แล้วกะอั่นที่เห็นจากหม่องพุ้น แนมเบิ่งจากหม่องพุ้น น่ะ มันเห็นเฉพาะยอดตาลเด้ บ่เห็นต้นตาล แมนบ่..”
ทุกคน พากันเฮ็ดหน้างง แนมเบิ่งหน้ากันไปกันมา เฮ็ดตาล่อกแล่ก ปากบ่ออกจักควม
“ ฉะนั้น พวกเสนาอำมาตย์ทั้งหลายที่ตอบว่า ต้นตาล น่ะ ผิด... กะบอกแล้วว่า มันบ่แมนต้นตาล มันบ่แมนต้นตาล กะบ่เซื่อกันน้อ หมู่เจ้ากะดาย”
พระราชา กะเห็นตามคำอธิบาย ของเซียงเมี่ยง ตัดสินให้ พวกเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย แพ้พนัน
เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย กะเลยถืกจับโยนลงน้ำ ทั้งชุดงาม ๆ นั่นล่ะ เปียกมอดยอดไปตาม ๆ กัน สะล่ะล่ะ
เล่นกับไผบ่เล่น มาเล่นกับเซียงเมี่ยง ... น้อ...


ตอนที่ ๓๑ ติช้างพระราชา

มื้อนึง นายพรานซ้าง ค้องได้ซ้างเผือกพลายงาม งางอโง้ง เงางดงาม กะเลยนำซ้างโตนั้น มาถวายพระราชา ให้เป็นซ้างคู่บารมี ของพระราชา เด้
หลังจากนายควาญซ้าง (คนเลี้ยงซ้าง ฝึกสอนซ้างนั่นล่ะ) รับทราบเรื่องแล้ว กะไปเข้าเฝ้าพระราชา ทูลเชิญให้เสด็จไปเบิ่ง ซ้างเผือกพลายงาม ว่าซั่นเถาะ
พระราชา พร้อมทั้งเสนาอำมาตย์ใหญ่ กะพากันไปเบิ่งซ้าง เซียงเมี่ยง กะได้ไปนำขาเจ้า คือเก่านั่นล่ะ พอพระราชา ไปฮอดแล้ว กะพิจารณาซอมเบิ่งซ้างเผือกเนาะ.... เบิ่งแล้วเบิ่งอีก เบิ่งหม่องนั้นกะงาม เบิ่งหม่องนี้กะงาม เบิ่งหม่องได๋กะงาม ตรงตามคชลักษณะ ทุกประการ หาหม่องติบ่ ได้เอาโลด ปากกะว่า
“ โฮ้...ซ้างเผือกโตนี้ งามคักงามแน่ งามแท้ งามหลาย”
เสนาอำมาตย์ทั้งหลายกะว่า
“ ซ้างเผือกโตนี้ งามคัก งามบ่มีหม่องติ สมเป็นซ้างคู่พระบารมีของพระองค์ อีหลี พะเจ้าค่า”
ผู้นั้นกะซม ผู้นี้กะซม ผู้นั้นกะยอ ผู้นี้กะย่อง เด้... เหลือแต่เซียงเมี่ยงผู้เดียว บ่ปากอีหยังนำเขาจักควม พระราชาเลยถามว่า
“ เซียงเมี่ยงล่ะ เห็นว่าจั่งได๋ ”
เซียงเมี่ยงกะเลยว่า
“ ซ้างโตนี้ กะงามดียุ เสียอย่างเดียว โตใหญ่ ผัดตาตีบ ตาน้อย บ่สมโต” พะนะเลาว่า
พระราชาได้ฟังกะคึดในใจ “อ้ย..บัก....เอ้ย.... จักแมนอึดคำติเนาะ... กะธรรมชาติมันเป็นจั่งซั่น” แต่กะเว้าออกมาว่า
“ เอ้อ.. มันกะตาน้อยคือเจ้าว่า อีหลีเด้ล่ะเนาะ บะได๋”

ตอนที่ ๓๒ ให้หาซ้างเผือกงาดำ

พระราชา ถืกเซียงเมียงติซ้างเผือกงาม ว่าตาน้อยบ่สมโต ในใจกะบ่พอใจเซียงเมี่ยง กะเลยสิหาทางเล่นงานเซียงเมี่ยงเด้ พระราชากะสั่งเซียงเมี่ยงว่า
“ คันจั่งซั่น ให้เซียงเมี่ยง ไปหาซ้างเผือกงาดำ มาให้เฮาโตนึง ภายในสามมื้อ นับจากมื้อนี้ คันครบกำหนดแล้วหามาบ่ได้ ต้องถืกลงโทษ”
เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย กะหัวย่ามในใจ ว่า “ซ้างเผือกงาดำ มันบ่มีดอก เซียงเมี่ยง ต้องถืกลงโทษคักๆ"
“ เอาอีกแล้ว พระราชาหาทางเล่นงานเฮาอีกแล้ว... ซ้างเผือกงาดำ จักวะมันอยู่หม่องได๋เหล่ว เฮาสิไปหามาแต่ไสน้อนอ” เซียงเมี่ยงคิดไปนำ ย่างเมือเฮือนไปนำ
ระหว่างทางเมือเฮือน เซียงเมี่ยงฮู้สึกออกฮ้อนท้อง กะเลยสิหาซื้อขนมกินฮองท้องเด้ พอดี ย่างไปเห็นแม่ค้าขายขนม เป็นตาแซบ กะเลยซื้อไปกินนำทาง ว่าซั่นเถาะ
ขนมที่เซียงเมี่ยงซื้อกิน เป็นขนมที่เฮ็ดจากเผือกเนาะ... กินไปกินมา... กะเลยคึดออก สะล่ะล่ะ...
มื้อลุนมา เซียงเมี่ยง กะไปหาซื้อเผือกหัวบักใหญ่มาเด้ แล้วกะเอาไปให้ช่างแกะสลัก เป็นซ้างโตน้อย ๆ งางามโตนึง จากนั้น เซียงเมี่ยง กะเอานัยงาดำ มาปักเสียบไว้ ตามงาซ้างเผือก จนงาซ้างเผือก ดำจุ่มกุ่ม ซั่นแหล่ว
เสร็จเรียบร้อย กะเอาไปวางไว้หัวเสา เด่นเป็นสง่า อยู่เดิ่นหน้าบ้านเลานั่นล่ะ จากนั้น กะไปเข้าเฝ้าพระราชา เชิญให้เสด็จมาเบิ่งซ้างเผือกงาดำ
“ ข้าพระองค์ หาซ้างเผือกงาดำได้แล้ว ตอนนี้เอาไว้เดิ่นหน้าบ้านของข้าพระองค์ ขอเชิญพระองค์เสด็จไปเบิ่งโลดเด้อ พะเจ้าค่า”
พระราชา กะคึดในใจว่า “ ซ้างเผือกงาดำ มันบ่น่าสิมีอยู่ในโลกนี้ บักเซียงเมี่ยง มันสิไปหามาแต่ไส หรือว่า มันหาทางออกได้แล้ว.... บ๋า จั่งได๋กะต้องไปพิสูจน์เบิ่ง ให้เห็นกับตา ก่อนน๊า”
พระราชา พร้อมทั้งเสนาอำมาตย์ กะด่วนย่างไปจนฮอดเฮือนเซียงเมี่ยง
“ ไสล่ะ เซียงเมี่ยง ซ้างเผือกงาดำ ที่เจ้าว่า”
“ นั่น พะเจ้าค่า งอยต่องหม่อง อยู่เทิงหัวเสา นั่นพะเจ้าค่า”
“ ซ้างเผือกงาดำ มันโตน้อยปานนี้บ้อ ”
จากนั้นพระราชา กะย่างเข้าไปเบิ่งใกล้ ๆ ลองเอามือซูนเบิ่ง บายเบิ่ง ซ้างเผือก กะบ่ติงคิงเลย ยืนเสย พระราชาเริ่มสิสูนเด้ กะเลยว่า
“ นี่มันซ้างบ่มีชีวิตตั้วหนิ บักเซียงเมี่ยง มึงเอาซ้างของปลอม มาหลอกตั๋วกูติ กูสั่งให้มึงหาซ้างเผือกงาดำ มึงไปหาซ้างอีหยังมาหนิ”
“ ใจเย็น ๆ ก่อนเด้อ พะเจ้าค่า... ขนมที่เฮ็ดจากเผือก เอิ้นว่า ขนมเผือก แมนบ่?”
“ แมน ”
“ ซ้างโตนี้เฮ็ดจากเผือก กะเอิ้นว่า ซ้างเผือก แล้วกะ นี่ อั่นสีดำ ๆ ที่อยู่งาซ้างนี่ กะคือ งาดำ .... รวมกันแล้ว กะเป็น ซ้างเผือกงาดำ ตรงตามที่พระองค์ สั่งให้หาทุกประการ พะเจ้าค่า”

:b8: :b8: :b8:




.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 21:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ตอนที่ ๓๓ ให้หาม้าสีฟ้า

พระราชา บ่สามารถลงโทษเซียงเมี่ยงได้ กะคึดในใจว่า
“ ฮื้อน้อ... กูน่าสิสั่งให้มันชัดเจนกั่วนี้ น่าสิระบุไปเลยว่า ต้องเป็นซ้างเป็นๆ มีชีวิต ย่างได้ ขึ้นขี่ได้.... เฮาบ่น่าใช้คำว่า ซ้างเผือก เล้ย น่าสิว่า ซ้างด่อน หรือซ้างขาว.... ฮื้อน้อ..... บ่เป็นหยัง เทื่อนี้ มันใช้ปัญญาหามาได้ เทื่อต่อไป อย่าหวังว่าสิหามาได้... เฮอะ..เหย..เจิ๊ด..” แล้วพระราชากะเลยเว้าว่า
“ เรื่องซ้างเผือกงาดำ กูยอมมึง กูบ่ลงโทษมึงกะได้... แต่ว่า มึงต้องหา ม้าสีฟ้าเป็น ๆ ที่มีชีวิต ย่างได้ ขึ้นขี่ได้ มาให้กู ภายในสามมื้อ นับแต่มื้อนี้ คันหามาบ่ได้ มึงต้องถืกลงโทษ”
พวกเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย กะหัวย่ามในใจ “คราวครั้งนี้ บ่รอดแน่ๆ เซียงเมี่ยงเอ๋ย”
“ เอาอีกแล้ว พระราชาหาทางเล่นงานเฮาอีกแล้ว... ม้าสีฟ้า จักวะมันอยู่หม่องได๋เหล่ว เฮาสิไปหามาแต่ไส น้อนอ”
ฮอดยามแลง เซียงเมี่ยง พยายามคิดหาทางออก นอนมือก่ายหน้าผาก อยู่นอกชาน ตากะเหลียวเบิ่งดาว ไปพร้อมเด้

อีเกิ้งเดือนดาว ผู้สาวตำข้าว ผู้เฒ่าเป่าแคน ตั๊กแตนเป่าปี่ แมงหมี่สูบยา แมงดาฝั่นเชือก ฝั่นเชือกแล้ว สนเคาแมงหมี่ เต้นขึ้นขี่ เอาน้องกอดแอว เสียงแซวๆ เด็กน้อยแล่นเล่น...

“ หรือว่า สิไปหาม้าขาวมา แล้วกะหาสีมาย้อม...”
คึดออกแล้ว คึดออกแล้ว ....
มื้อลุนมา เซียงเมี่ยง กะออกจากบ้านแต่เซ้า ย่างเลาะหาม้าสีฟ้า ตามคอกม้า เทิงย่างหานำหม่องขาเจ้าเลี้ยงม้าขาย เด้
ย่างไปย่างมา (ย่างไปอย่างเดียว ดอกบะได๋) กะไปฮอดหม่องเลี้ยงม้า หม่องนึง มีม้าหลายคักเติบยุ เซียงเมี่ยง กะเข้าไปเลาะเบิ่ง เห็น ม้านิลผู้พ่วงพี พวมท่าว โตนึง ขนสีดำเหมิดตนเหมิดโต หนังกะดำนำ กะเลยขอซื้อม้านิลโตนั้น แล้วกะขี่กลับเมือเฮือน อาบน้ำ กินข้าว นอนขาขึ้นห้าง สำบายใจเฉิบ
พอดีมื้อนั้น กะเป็นข้างแรม คืนเดือนมืดเนาะ พอฮอดกลางคืน ไฟฟ้ากะบ่ทันมี มันกะมืดตึบ นั่นแหล่ว เซียงเมี่ยงกะจุดขี้กะบอง จูงม้าไปหาพระราชา เอาม้าผูกไว้นอกวัง แล้วกะเข้าไปเอิ้นพระราชา มาเบิ่งม้าสีฟ้า
“ ข้าพระองค์หาม้าสีฟ้าเป็น ๆ ได้แล้ว ตอนนี้ เอาไว้เดิ่นหน้าวังของพระองค์ ขอเชิญพระองค์ เสด็จไปเบิ่งโลดเด้อ พะเจ้าค่า”
พระราชา กะคึดในใจว่า “ ม้าสีฟ้า มันบ่น่าสิมีอยู่ในโลกนี้ บักเซียงเมี่ยง มันสิไปหามาแต่ไส หรือว่า มันหาทางออกได้แล้ว.... บ๋า จั่งได๋กะต้องไปพิสูจน์เบิ่ง ให้เห็นกับตา ก่อนน๊า”
พระราชา พร้อมทั้งเสนาอำมาตย์ สนมนางกำนัล กะด่วนย่างไป
“ ไสล่ะ เซียงเมี่ยง ม้าสีฟ้า ที่เจ้าว่า ”
“ นั่นเด้ พะเจ้าค่า ยืนเคี้ยวเอื้องงับๆ อยู่นั่นเด้ ”
“ นั่นมันม้าสีดำตั้วนั่นน่ะ... กูให้มึงหาม้าสีฟ้าเป็นๆ บ่แมนม้าสีดำเป็นๆ เด้เดียวหนิ”
“ ใจเย็นก่อน พะเจ้าค่า ... พระองค์แนมขึ้นไป เทิงพุ่นเบิ่งดู้” เซียงเมี่ยง เว้าแล้ว กะซี้มือแจ่แด่ ขึ้นเทิงฟ้า
ทุกคน กะเงยหน้า ขึ้นแนมเบิ่งฟ้า... แล้วเซียงเมี่ยง กะถามต่อว่า
“ ตอนนี้ ฟ้า เป็นสีหยัง พะเจ้าค่า? ”
“ สีดำ ”
“ ฟ้ากะสีดำ ม้ากะสีดำ... ฟ้ากับม้า สีเดียวกันเลย.... ม้าโตนี้ล่ะพะเจ้าค่า คือม้าสีฟ้าเป็นๆ มีชีวิต ขึ้นขี่ได้ ย่างได้ ตรงตามที่พระองค์ สั่งให้หา ทุกประการ พะเจ้าค่า”


ตอนที่ ๓๔ เอาปัญญาไว้ไส

พระราชา ได้ฟังคำอธิบาย ของเซียงเมี่ยงแล้ว กะต้องยอมจำนน ต่อเหตุผลของเซียงเมี่ยง แล้วกะชมเชย ในปัญญาของเซี่ยงเมี่ยง
“ เซียงเมี่ยง หัวดี ปัญญาหลาย เอาโตรอดเก่ง สมคำล่ำลืออีหลี … ผู้ลังคนน้อ เข้าตำรา ‘มีความฮู้ เต็มพุงเพียงปาก โตสอนโตบ่ได้ ไผสิย่องว่าดี' คนแบบนี้ กะมีอยู่ดาดดื่น น้อ”
จากนั้นกะถามว่า
“ เซียงเมี่ยง เจ้ามีปัญญาหลายจั่งซี้ มันบ่เต็มพุงล้นปาก พุ่นบ้อ เจ้าเอาโตปัญญา เก็บไว้หม่องได๋”
เซียงเมี่ยง เข้าใจว่าพระราชาถามแบบ เว้านัวหัวม่วน กะเลยตอบไปแบบเล่นๆ เว้านัวหัวม่วนว่า
“ กะเอาเก็บไว้ในท้อง จนเต็มท้องนี่ล่ะ พะเจ้าค่า ส่วนที่เหลือ กะเลี้ยงไว้บ้าน เอาไว้ท่ากินมื้อหลัง พะเจ้าค่า”
“ คันจั่งซั่น มื้อหลัง กะเอาโตปัญญาที่เจ้าเลี้ยงไว้ มาฝากสนมกำนัลหมู่นี้ แหน่เด้อ สิได้มีปัญญาหลายๆ คือเซียงเมี่ยง”
“ ได้อยู่ พะเจ้าค่า มื้อลุน สิเอาโตปัญญา มาฝากดอก”
จากนั้น ทุกคน กะแยกย้ายกันกลับเมือเฮือน พักผ่อน
นางสนมกำนัลทั้งหลาย กะดีใจที่สิได้กินโตปัญญา ของเซียงเมี่ยง สิได้หัวดีขึ้น สิได้ซ่อยกันคึดหาทาง เล่นงานเซียงเมี่ยง นั่นหนา
ฝ่ายเซียงเมี่ยง ตื่นเซ้ามา กะไปหาตัดลำไม้ไผ่ ลำน้อยๆ ที่มีโกนพร้อมเนาะ ตัดออกเป็นบั้งๆ เตรียมไว้หลายบั้งอย่างคัก จากนั้น เลากะถือข้องพิเศษ ไปย่างเลาะหา ฮังเผิ้งโกนเด้ พอพ้อแล้ว กะเอาปากข้องกวมฮูเผิ้ง... หม่องป่องที่เผิ้ง บินเข้าบินออกนั่นล่ะ... แล้วกะเอาค้อนเคาะไม้ ป๊ก ป๊ก ไล่ให้เผิ้งบินออกมา จนได้เผิ้งพอสมควรแล้ว กะปิดปากข้องพิเศษ พายย่างกลับบ้าน
จากนั้น เลากะค่อยเอาเผิ้งใส่บั้งไม้ไผ่ บั้งล่ะสองสามสี่โต (แล้วแต่มันสิบินเข้านั่นล่ะ) แล้วกะเอาผ้าบางๆ มัดปิดปากไว้ เด้
หลังจากบรรจุโตปัญญา ลงบั้งเรียบร้อยแล้ว กะเอาใส่ย่าม สะพายเข้าวัง สิเอาไปให้สนมกำนัลกิน ว่าซั่นเถาะ พอฮอดแล้ว กะเอิ้นนางสนมกำนัล มารับแจกโตปัญญา
นางสนมกำนัลทั้งหลาย คอยคองท่าอยู่แล้ว กะฟ้าวเอิ้นกันมารับแจก พอมารวมกันเหมิดแล้ว เซียงเมี่ยงกะเว้าว่า
“ โตปัญญานี้ มันบินหนีได้เร็วคัก ฉะนั้น การกิน ต้องค่อยๆ เปิดผ้าออก แล้วกะ ให้เอาปากกะบอกไม้ไผ่ ไว้เลาะๆ ปาก ถ้ามันสิบินหนี กะให้มันบินเข้าปาก หรือคันให้ดี ควรสิเอาปาก อมไว้เลย แล้วกะค่อยๆ เคาะให้โตปัญญา ไหลเข้าปาก เด้อ”
นางสนมกำนัลทั้งหลาย กะมารับเอาไปผู้ล่ะบั้ง ผู้ล่ะบั้ง เซียงเมี่ยง กะแจกไป เว้าไปว่า
“ ของดีมีหน่อย จนใจผู้สิแบ่ง เด้อ... ของดีๆ ต้องปันกันอยู่กันกินเด้อ... เอาไปผู้ล่ะบั้ง กะเหลือเฟือแล้ว เด้อ..”
นางสนมกำนัล ได้รับบั้งโตปัญญาแล้ว ย่านผู้อื่นมายาดกิน กะแอบไปหาหม่องเฉพาะโต ลี้กินไผกินมัน เด้เดียวหนิ
บ่ทันดน ได้ยินเสียงฮ้องว้ายๆ เจ็บปวด แตกแซวๆ ฮ้องไห้กะพ่องกัน นางสนมแต่ล่ะคน พากันเอามือกุมปาก ฮ้องแล่นออกมา จากหม่องลี้
พากันถืกเผิ้งตอด ซั่นตี้ล่ะ
จั่งค่อยฮู้ว่า เสียฮู้เซียงเมี่ยง ถืกเซียงเมี่ยงตั๋ว

ตอนที่ ๓๕ เซียงเมี่ยงติดคุกมด

นางสนมกำนัลทั้งหลาย พากันกุมปากกุมแก้ม ไปเข้าเฝ้าพระราชา ฟ้องพระราชาว่า ถืกเซียงเมี่ยงตั๋ว ให้กินโตปัญญา จนเผิ้งตอดปาก ตอดสีสบ ตอดหน้า ตอดแก้ม โปล่กป่ก ไค่อึ่งลึ่ง เจ็บปวด เหมิดเอาโลด ให้พระราชา ลงโทษเซียงเมี่ยง ให้แหน่ ว่าซั่น
พระราชาเห็นจั่งซั่น กะเอิ้นเซียงเมี่ยงมาเข้าเฝ้า มาเบิ่งผลงานของเจ้าของ ที่ใช้ปัญญารังแกผู้อื่น เซียงเมี่ยงกะพยายามอธิบาย แบบมุดน้ำขุ่นๆ แบบหม่นเฮอะหนามไป อยู่ดอกหวา... แต่ว่างวดนี้ พระราชาเห็นว่า เซียงเมี่ยงเฮ็ดเกินไปโพด... การใช้ปัญญา กะควรสิอยู่ในขอบเขต.. บ่ควรสิเฮ็ดให้ผู้อื่น บาดเจ็บหรือเจ็บปวด จั่งซี้... คันสิบ่ลงโทษ เดี๋ยวสิได้ใจ... กะเลยสั่งลงโทษเซียงเมี่ยง เพื่อสิให้ได้รับความเจ็บปวดคือกัน สิได้เข็ดหลาบ
“ เอาบักเซียงเมี่ยง ไปขังไว้ในคุกมด เป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม เดียวนี้”
คุกมด เป็นหม่องขังนักโทษ ที่มีขวยมดแดงง่าม เต็มไปเหมิดเด้ เป็นการลงโทษ ให้มดกัดนักโทษที่ถืกขัง นั่นล่ะ ผู้ที่ถืกขังคุกมดแดงง่าม ออกจากคุกมา กะได้ตุ่ม ตึ่ง เทิงโป เต็มตนเต็มโต เด้
ปกติแล้ว ผู้ได๋ได้ยินคำตัดสิน ให้ถืกขังคุกมดแดงง่าม กะต้องย่านอย่างคัก หน้าถอดสีพุ่นล่ะไป๋ แต่ว่าเซียงเมี่ยง เลาเฮ็ดหน้าเสย คือจั่งบ่ย่าน คุกมดแดงง่ามนี่ล่ะ
ช่วงที่กำลังถืกนำโต ไปเข้าคุกมด บักเซียงเมี่ยง กะบอกทหารว่า อยากกินอ้อย กะเอาเงินให้ทหาร ไปซื้ออ้อยมามัดบักใหญ่นึง ว่าสิเอาไปนั่งกินในคุก พะนะ
พอไปฮอดคุก เซียงเมี่ยง กะแบกอ้อยย่างเข้าไป... หลังจากทหาร ใส่กุญแจเรียบร้อย เซียงเมียง กะเอาอ้อยมาปอกกิน แล้วกะคายขี้อ้อย กองไว้มุมนึง
มดมันกะดังดีคัก มีกลิ่นอีหยังนิดๆ หน่อยๆ กะได้กลิ่นเหมิด กะยังว้ากะยังว่า จนเพิ่นว่า “ดังดีปานมด” (ผู้ลังคนกะว่า ดังดีปานระฆัง.. ดังดีปานฆ้อง... กะมีดอกว้า)
ทีแรก มีผู้บุกรุกเข้ามา มันกะสิไปกัด ผู้บุกรุกซึ่งกะคือเซียงเมี่ยงนั่นล่ะว้า แต่พอมดมันได้กลิ่นอ้อย กะย่างล่ายๆ ไปดูดกินน้ำอ้อยเสย บ่สนใจบักเซียงเมี่ยงอีก พร้อมกับส่งเสียง ฮ้องเอิ้นหมู่พวก ที่อยู่ในขวย ให้ขึ้นมากิน ของแซบของนัวเด้อ ว่าซั่น มดกะดาย
บักเซียงเมี่ยง ปอกอ้อย หย่ำอ้อย มัดบักใหญ่นึง จนเจ็บแข้วเหมิด กะยังว้ากะยังว่า เจ็บแข้ว กะยังดีกั่วถืกมดกัดดอกว๋า
โฮ้ เทิงเปียกอ้อย เทิงขี้อ้อยร วมกันแล้ว มันกะกองใหญ่เติบน้อ มดกะไปรวมกันอยู่ฮั่นล่ะ
ตอนที่อยู่ในคุกมดนั้น ย่อนอ้อยนั่นล่ะ เซียงเมี่ยง เลยบ่ถืกมดกัด รอดโตได้ อย่างสบายซั่นแหล่ว
พอทหารมาเปิดประตู เห็น มดง่าม เฮ็ดแดงจึ่งคึ่ง กองโจ้โก้อยู่ กะยังว่าเนาะ เซียงเมียง นอนหลับ กรนต่อดต่อดเสย เด้เดียวหนิ พวกทหาร กะปลุกเซียงเมี่ยง แล้วกะพาเซียงเมี่ยง ไปเฝ้าพระราชา ก่อนสิปล่อยโตกลับ
พระราชาคาดหวังว่า เซียงเมี่ยง มันต้องถืกมดกัด จนคิงแดงตึ่งโปไปเหมิด เด้...... พอเซียงเมี่ยงมาฮอด เห็นเซียงเมี่ยงบ่เป็นหยังเลย บ่มีตุ่มมดจักตุ่มเลย กะสงสัย ... หลังจากฮู้ว่า เซียงเมี่ยงใช้อ้อยล่อมด กะคึดในใจ.. (ผู้ได๋พาคึดออกเสียงเดียวหนิ)..ว่า
“ บักเซียงเมี่ยงนี่ มันสำมะคันแท้ๆ ”
จากนั้น กะกำหนดว่า
“ คุกมด ห้ามเอาของรสหวานเข้าไปเด็ดขาด ”
แล้วกะปล่อยโตเซียงเมี่ยงกลับเมือเฮือน

:b8: :b8: :b8:



.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2010, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

หายไปนานเลยครับ

ตอนที่ ๓๖ เก็บหมากพริก

มื้อนึง พระราชาพร้อมทั้งเสนาอำมาตย์ สนมนางกำนัลทั้งหลาย พากันไปเที่ยว สวนอุทยาน เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ ว่าซั่นเถาะ เซียงเมี่ยง กะได้ไปนำขาเจ้าคือเก่านั่นล่ะ
กะพากันย่างชมสวน ชมนก ชมไม้ เว้านัวหัวม่วนไปเรื่อย ๆ เด้

พาเจ้าเข้า ไปชมหมู่นก ฮ้องป๊กป๊ก เขาว่านกสบ จักแมนมันจบ นกแจนปากแหย่ ฮ้องแต่แต่ แมนนกกะทา อีนกกะทา ดากลายพ้อยๆ มันฮ้องอ่อย เอาแต่ตั๊กแตน นกแจนแวน เสียงขันแจ๊กๆ หมู่นกแทด ดากแดงฮวนๆ มันอยู่ตามสวน ตามห้วยตามเหล่า หมู่นกเค้า เค้าหูดเค้าหู บ่เป็นตาดู แมนนกเค้าบักกอก มันฮ้องว่า หอกสัก หอกสัก จับอยู่หลัก เค้าโมนโตน้อย แหลวขี้อ่อย ขี้อ่อยเอาหนู นกเขาคู ขันม่วนก้องป่า นกจอกฟ้า ฮังงามอ้อนต้อน เป็นตาสะออน เสียงกาเหว่าฮ้อง มันฮ้องมา กาเหว่าหาคู่ นกอีจู้ โตเหลืองอ่อยห่อย ... (ซุมเด็กน้อย อย่าไปยิงมันเด้อ จื่อเอา จำไว้)...

พอย่างมาฮอด เดิ่นหญ้าหม่องนึง พระราชากะชวนเสนาอำมาตย ์เล่นตีคลีกันเนาะ เซียงเมี่ยงกับพวกสนมกำนัล บ่ได้เล่นนำเขาดอก เป็นกองเชียร์ตั้ว
บัดได๋ที่พระราชาตีได้ดีๆ คนทั้งหลายกะพากัน ตบมือยอย่อง แต่ว่าเซียงเมี่ยงบัด ยืนเสย (บ่พอใจที่ถืกขังคุก กะบ่จัก)
บัดได๋ที่พระราชาตีบ่ดี หรือตีหลุย คนทั้งหลายกะเงียบ แต่ว่า เซียงเมี่ยงบัดตบมือ หัวเราะชอบใจ (เป็นทำนองเยาะเย้ยนั่นล่ะ)
พระราชาสังเกตเห็นอยู่เด้ ... (โหย.. บ่สังเกตกะเห็นเดิ้ก แสดงออกชัดเจนปานนั้น) ... กะฮู้สึกบ่ค่อยพอใจเซียงเมี่ยง แต่ว่ากะเก็บความฮู้สึกไว้ บ่แสดงออก คอยหาโอกาส เล่นงานมันทีหลัง นั่นล่ะ
หลังจากตีคลีกันจนพอใจแล้ว กะย่างต่อเข้าไปนั่งพักอยู่ศาลา เว้านัวหัวม่วนกันต่อ เว้าไปเว้ามา เว้ามาเว้าไป กะโสโหล่กันเรื่องอาหารการกิน เฮ็ดให้พระราชาอยากกิน แจ่วพริกดิบ (ใส่แมงดา) เด้ นางสนม ที่ดูแลอาหารการกิน กะเลยทูลว่า
“ แจ่วพริกดิบน่ะ เฮ็ดบ่ยากดอก แต่ว่าตอนนี้ อยู่ในครัว บ่มีพริกดิบเลย คันสิเฮ็ด กะต้องให้คน ไปเก็บหมากพริกมา สาก่อน” พะนะ
พระราชา บ่ค่อยพอใจเซียงเมี่ยงอยู่แล้ว กะเลยให้เซียงเมี่ยง เป็นคนไปเก็บหมากพริก
“ ไป เซียงเมี่ยง เจ้าไปเก็บหมากพริก มาให้แม่ครัวเฮ็ดแจ่ว ไป”
พระราชา ใช้ไปเฮ็ดงาน สิบ่ไปกะบ่ได้ จั่งได๋กะต้องไป ฉะนั้น เซียงเมี่ยง กะเลยต้องจำใจไป ทั้งๆ ที่บ่อยากไป
“ ผู้อื่น มีตั้งวะหลายคน เป็นหยังบ่ใช้ เรื่องง่ายๆ แค่เก็บหมากพริก ส่ำนี้ ใช้ผู้อื่นผู้ได๋ไป กะได้เดิก”
เซียงเมี่ยง คึดแบบคนบ่พอใจเด้
หลังจากย่างไปดนเติบ จนวะฮอดสวนหมากพริก พุ่นล่ะ กะทำทรงเป็นก้มๆ เงยๆ ด้อมๆ มองๆ สอดส่องสายตา หาหมากพริกนั่นน๋า.... หาต้นนั้นแล้วกะแล้ว ต้นนี้แล้วกะแล้ว ย่างเลาะหา จนเหมิดสวนหมากพริก กะบ่ได้บักพริกพอหน่วย กะยังว้ากะยังว่า ... ตั้งวะดนเติบพุ่นล่ะแหม... จั่งค่อยย่างกลับ ไปหาพระราชา แบบบ่ ได้บักพริกจักหน่วย ว่าซั่นเถาะ
“ เซียงเมี่ยง ไสล่ะบักพริกเด้” พระราชาถามขึ้นก่อน
“ บ่มีจักหน่วยดอก พะเจ้าค่า”
“ หา... บ่มีบักพริกจักหน่วยวะติ๊.... มึงเอาหยังมาเว้า บักเซียงเมี่ยง บักพริก หน่วยดกกะด้อ”
“ บักพริก หน่วยที่อยู่เทิงต้นน่ะ ดกอีหลียุ พะเจ้าค่า แต่ว่า บักพริก หน่วยที่หล่นข่วนน่ะ บ่มีจักหน่วย กะเลยเก็บบ่ได้... คันสิเด็ดเอาจากต้น กะย่านเป็นการล่วงละเมิดคำสั่ง ของพระองค์ กะเลยต้องกลับมากะต่าเปล่า นี่ล่ะ พะเจ้าค่า”
พระราชา ได้ยินคำแก้โตจั่งซั่น กะเลยบ่เอาโทษ อีหยังกับเซียงเมี่ยง แต่คันสิให้มันกลับไป เด็ดบักพริกอีก กะย่านมันเฮ็ดอีหยังไปทั่วอีก กะเลยใช้ผู้อื่นไปแทน แต่ว่ากะยังเก็บความบ่พอใจเซียงเมี่ยง ไว้ในใจอยู่เด้
"บักเซียงเมี่ยงเอ้ย... เดี๋ยว..เดี๋ยว.. ฝากไว้ก่อน ฝากไว้ก่อน”

ตอนที่ ๓๗ ติเฮือนพระราชา

ช่วงนึง พระราชาเพิ่นสร้างเฮือนหลังใหม่ ช่างกะออกแบบ แล้วกะสร้างได้งามอย่างคัก งามปานเฮือนเทวดาเอาโลด (บ่แมนเฮือนเทวดาเสาเดียวเด้ล่ะ)
หลังจากสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้นั้นกะชม ผู้นี้กะยอ ผู้ได๋เห็นกะย่อง ว่างามคักงามแน่ งามแท้งามอีหลี เซียงเมี่ยง ได้ยินจั่งซั่น กะคันหู คันแข่ว คันปาก (คือบ่เกาล่ะหือ?) กะเลยเว้าออกมาว่า
“ เฮือนหลังนี้ รูปแบบมันกะงามดีอยู่ดอก เสียแต่ว่ามันเป็น เฮือนตาย เป็นเฮือนบ่มีชีวิต ท่อนล่ะ .... คนเฮา ถ้าสิให้ดี กะต้องเป็นคนมีชีวิต เฮือนกะคือกัน ถ้าสิให้ดีสมบูรณ์แบบ กะต้องเป็น เฮือนที่มีชีวิต”
พระราชากะเลยว่า
“ เออ เออ แมนคือเจ้าว่าอีหลีน้อ เซียงเมี่ยง... คันจั่งซั่น ให้เจ้าสร้างเฮือนเป็น ให้เฮาจักหลังแหน่เด้อ... เฮือนเป็นนี้ มันสิดีเป็นตาอยู่ส่ำได๋”
เซียงเมี่ยง กะเลย ขอคนของพระราชา มาเป็นลูกมือ ในการเฮ็ดเฮือนเป็น หลังจากจัดเตรียมอุปกรณ์ เรียบร้อย กะลงมือสร้างเฮือนเป็น ซั่นแหล่ว
พอเฮ็ดเสร็จเรียบร้อย กะไปทูลพระราชาเด้... พระราชา พร้อมทั้งเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย กะยุรยาตรย้าย ดุ่มเดิน ดิ่งไปเฮือนที่เซียงเมี่ยงบอกว่า “เฮือนเป็น” เพื่อสิไปพิสูจน์
รูปแบบเฮือน เบิ่งภายนอก กะงามเติบของเลาอยู่เด้ล่ะ แต่ว่า ลองมาเบิ่งว่า เซียงเมี่ยง เฮ็ดเฮือนเป็นจั่งได๋เนาะ....
...ตามไปซอม...
เฮือนหลังนี้ เลาสร้างไว้กลางสระน้ำ ที่มีดอกบัวตูมบัวบาน สีแดง สีขาว สีฟ้า...เด้
คันได หรือว่าสะพานย่างจากฮิมสระไปเฮือน เลาปักหลักไว้ ช่วงกลางระหว่างเฮือน กับฮิมสระ แล้วกะเอาขอนไม้ วางก่าย เฮ็ดคือจั่งโดดเดี่ยงด้างนั่นแมะ …. คันสิย่างไปเฮือน กะต้องย่างไต่ ขัวเดี่ยงด้างนี้ไปเด้
ส่วนไม้สำหรับปูพื้นเฮือน... อยู่นอกชานเฮือน เลาเอาลำไม้ไผ่กลมๆ มาวางเรียงกันซื่อๆ นี้ล่ะ บ่มีการตอกลิ่ม หรือมัดไว้เลยว่าซั่นเถาะ.... อยู่พื้นเฮือนในบ้าน เลาเอาง่าไม้ ลิแขนงมันออกดีๆ แล้วกะเอามาวางก่าย ปูเป็นพื้นเฮือน บ่มีการมัดหรือตอกลิ่มคือกัน แล้วกะ ง่าไม้ซุมนี้ มันกะคดโง งอ บ่ซื่อ น้อ....
(ผู้อ่านกะพยายามจินตนาการเอาเองโลดเด้อ...ขะน้อย)
จากนั้นพระราชา กะย่างไต่ขัวเดี่ยงด้าง
พอเหยียบ มันกะเดี่ยง เบิ๊บ วะนึง... เสียหลักเกือบล้มพุ่นล่ะแมะ... จากนั้น กะค่อยๆ ไต่ไป พอย่างเลยหลักกลาง มันกะเดี่ยงลงอีก... พระราชาเลาเสียหลัก เซแล่นไต่ขัวไป จนฮอดเฮือนหม่องนอกซาน... พอตีนเลาเหยียบถืกลำไม้ไผ่ ลำไผ่กะพลิกหมุนกลิ้ง... พระราชากะเลยก้นขี้ทั่ง บั๊บ วะนึง ทางปากกะจ่มให้บักเซียงเมี่ยง ไปนำ ลุกย่างเข้าไปเบิ่งในเฮือนไปนำ
พระราชาเจ้า ย่างเข้าไปฮอดในเฮือน เหยียบหม่องได๋ ไม้หม่องฮั่นกะหมุนกลิ้ง ดิ้นไปดิ้นมา จนสิเซซวนล้ม ฝูงหมู่อำมาตย์ไท้ พากันกลิ้ง กอดกัน หกขะเมน ก็มี หั้นถ่อน คนผู้ย่างสำบายแท้ เทิงเฮือนนี้ บ่ได้มี จักคน แท้แหล่ว .... ซัวสิลงเฮือนได้ เจ็บคิงถ้วน ทั่วทุกคน ว่าเด้...
ลางคนนั้น ย่างบ่ดีเหยียบไม้เดี่ยง เลาเลยคาดลาดล้ม ตกต้าม ลงน้ำหนอง ซั่นแหล่ว …
ฝ่ายว่าเซียงเมี่ยงนั่น ยืนแท้แล้ อยู่ตอฝั่ง ซอมส่งเสียงเทิงปีบฮ้อง หัวร่อจนแอวงอ นั้นเด้อ...
กะจั่งว่านั่นล่ะ แต่ละคนที่ย่างเข้าไปเบิ่ง เฮือนเป็น ที่เซียงเมี่ยงสร้างขึ้น ซัวสิกลับมาฮอดฝั่งสระน้ำได้ กะเจ็บคิง กันเหมิด ผู้ลังคน กะเปียกน้ำ.... พากันจ่มให้เซียงเมี่ยง กันเป็นแถว
พระราชาเลาสูน กะเลยว่า
“ เฮือนแบบนี้บ้อ ที่มึงว่า เฮือนเป็น ที่มึงว่าสมบูรณ์แบบ เฮือนแบบนี้ เขาเอิ้นว่า เฮือนที่เฮ็ดบ่ทันแล้ว เพราะว่า ไม้ที่เอามาปูพื้น กะยังบ่ทันได้ตอกลิ่ม บ่ทันได้มัดเลย”
เซียงเมี่ยง กะอธิบายแก้โตไปว่า
“ คนตายแล้ว ดิ้นบ่ได้ ติงบ่ได้ คนเป็นจั่งดิ้นได้ ติงได้ เฮือนที่ดิ้นบ่ได้ ติงบ่ได้ คือเฮือนตาย ส่วนว่าเฮือนที่ดิ้นได้ ติงได้ กะคือเฮือนเป็น พะเจ้าค่า .... แล้วกะเฮือนหลังนี้ มันดิ้นได้ ติงได้ มันกะคือเฮือนเป็น เป็นเฮือนที่มีชีวิต จั่งได๋ล่ะ พะเจ้าค่า”

ตอนที่ ๓๘ ไก่กะโต๊ก

พระราชาเจ้า เทิงเสนาอำมาตย์ใหญ่ ถืกเซียงเมี่ยงหลอกต้ม เจ็บคิงถ้วน ทั่วกัน เฮือนดิ้นได้ ย่างไป ก็ล้มท่าว เหยียบบ่ดี ย่างบ่คอบ เป๋ล้ม ตกป่อง ก็มี บางพ่องเหยียบส้นไม้ ไม้เดี่ยง เสียหลัก คาดลาดโจน ลงน้ำ ก็มี...
ทุกคนที่เสียทีเซียงเมี่ยง กะบ่พอใจเซียงเมี่ยง เป็นอย่างหอง พระราชาเอง กะบ่พอใจคือกัน กะเลยวางแผน สิแกล้งเซียงเมี่ยงคืน ว่าซั่นเถาะ …. พระราชา เลาเอิ้นเสนาอำมาตย์ทั้งหลายมา แบบลับๆ บ่ให้เซียงเมี่ยงฮู้เห็นนำ ปรึกษาวางแผนกันเรียบร้อยเด้... แต่ละคน กะไปเตรียมการของเจ้าของเอง...
มื้อลุนมา ทุกคน กะมาเข้าเฝ้าพระราชา คือเก่านั่นล่ะ หลังจากประชุมหารือ ข้อราชการแล้วแล้ว พระราชากะเลยว่า
“ มื้อนี้ อากาศฮ้อนน้อ.. เฮามาพากันไปเล่นน้ำ ให้ชุ่มเย็น ดีบ่”
“ ดี พะเจ้าค่า ” เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย เห็นดีนำ
จากนั้น ทุกคน รวมทั้งเซียงเมี่ยง กะเดินทางไปท่าน้ำ แล้วกะพากันเล่นน้ำ ต้ามๆ เด้ ลังคนกะมุดน้ำเล่น ลังคนกะลอยเล่น ลังคนกะเกียกปลาจิ๊เดิด ลังคนกะแล่นโดดน้ำเล่น...
ได้เวลาพอสมควรแล้ว พระราชา กะเอิ้นเสนาอำมาตย์ทั้งหลายมาซุมกัน แล้วกะเว้าว่า
“ ลอยน้ำ มุดน้ำเล่นซื่อๆ มันบ่ม่วนเนาะ.... เอาจั่งซี้ เฮามาเล่นบัก ไก่ออกไข่ ดีบ่”
“ ดี ดี พะเจ้าค่า ” พวกเสนาอำมาตย์ เห็นดีนำ
“ คันจั่งซั่น... ให้ทุกคนเบ่งไข่ออกมา ผู้ได๋ไข่ออกมาแล้ว ให้ยกมือ ชูไข่ไก่ขึ้น แล้วกะฮ้อง กะต๊าก กะต๊าก เด้อ …. คันผู้ได๋ หาไข่ไก่บ่ได้ บ่มีไข่ไก่ ผู้นั้น ต้องถืกทำโทษ.. โก่งดากใส่อีตาเว็น ให้ผู้อื่นเอาขี้ตมมาทาดาก ..เด้อ …. เข้าใจกติกากันดีแล้ว กะลงมือเลย”
พวกเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย กะพากันแล่นโดดลงน้ำ แล้วกะลอยหามุดงุมเอาไข่ ที่เจ้าของเอามาฝังเซี่ยง ไว้ก่อนแล้ว ผู้นั้นกะหาพ้อ ผู้นี้กะหาพ้อ สมควรกะ
“ กะต๊าก กะต๊าก ”
กะต๊าก แล้ว กะต๊าก อีก เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย หาไข่ได้เกือบครบเหมิดซุคนแล้ว ว่าซั่นเถาะ
ฝ่ายเซียงเมี่ยง บ่ฮู้อีโหน่อีเหน่ หยังนำเขา กะหาไข่ไก่บ่พ้อแหล่ว เลากะเลย ทำทรงมุดน้ำหาผู้นั้นผู้นี้ แล้วกะโดดขึ้นขี่หลังขาเจ้า นั่นแหม
พอขาเจ้าฮ้อง “ กะต๊าก ” เซียงเมี่ยงกะฮ้อง “กะโต๊ก”
หาโคม หาขี่หลังผู้นั้นผู้นี้ ไปเรื่อย จนผู้อื่นได้ไข่ไก่เหมิด เหลือเจ้าของผู้เดียว บ่ได้ไข่ไก่นำหมู่ ว่าซั่นเถาะ
พระราชา กะฮ้องถาม มาจากฝั่งว่า
“ เป็นจั่งได๋ล่ะ เซียงเมี่ยง ยามได๋ สิไข่ออกมาล่ะ”
เซียงเมี่ยงกะเลยว่า
“ กะโต๊ก กะโต๊ก ไก่โตผู้บ่มีไข่ดอกพะเจ้าค่า.... ผู้อื่นเล่นเป็นไก่โตแม่ กะเลยมีไข่ แต่ว่าที่ไข่ออกมาได้ กะย่อนข้าพระองค์นี่ล่ะ เป็นผู้เซิง... กะโต๊ก กะโต๊ก”
“ เออ กะแม่นคือเซียงเมี่ยงว่า เด้ล่ะบะได๋”
เทื่อนี้ พระราชา กะเลยบ่สามารถหาทางเล่นงานเซียงเมี่ยงได้
แล้วกะ พวกเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย กะพากันอาย ที่เป็นไก่โตแม่ ให้เซียงเมี่ยงเซิง จนคนเอาไปเว้าพื้นกันไปดนเติบ สะล่ะล่ะ

ตอนที่ ๓๙ ผ้าลายตีนแต้ม

พระราชา เพิ่นพยายามหาทางเล่นงาน เซียงเมี่ยงอยู่เรื่อยๆ เป็นการทดลองทดสอบ ปัญญาเซียงเมี่ยงไปนำนั่นล่ะว๋า แต่กะยังบ่สามารถ สิเล่นงานเซียงเมี่ยงได้จังๆ จะๆ จักเทื่อ
อยู่มามื้อนึง มีพ่อค้าผ้าเอาผ้าไหมลายงามๆ มาถวายพระราชาเด้ มื้อนั้น กะเลยพากันโสเหล่เรื่องผ้า ว่าซั่นเถาะ อย่างเช่นว่า ผ้าแบบได๋หายาก ผ้าแบบได๋เนื้อดี (เฮ็ดลาบแซบ หรือว่าย่างแซบ.... เว้าไปทั่วไปทีบหลายน้อ เจ้ากะดาย ... เว้าไปทั่วไปทีบจั่งได๋เดียวเนียะ ผ้าขี้ริ้ว ข้อยกะว่าแซบเติบอยู่เด้ล่ะ.... เอ้อ เอ้อ อยู่เฮือนข้อยกะมีหลายผืนยุดอกเด้อ ผ้าขี้ริ้วกะดาย เดี๋ยวสิเอามาฝากดอก...) พอดีมีอำมาตย์ผู้นึงแสดงความเห็นว่า
“ เว้าพื้นผ้านี่เนาะ ที่มีคุณค่าที่สุดกะคือ ผ้าลายตีนแต้ม เพราะว่าผ้าลายตีนแต้ม เป็นลายเฉพาะโต เลียนแบบได้ยาก หรือเลียนแบบกันบ่ได้เลย กะว่าได้ พะเจ้าค่า”
ทุกคน พร้อมทั้งพระราชา นั่นล่ะหวา กะเห็นด้วย ตามเหตุผลของอำมาตย์ผู้นั้น เด้
พอเว้าฮอดหม่องหนี่ พระราชา เพิ่นกะคิดแผนใหม่ ที่สิเล่นงานเซียงเมี่ยงได้ ซั่นแหล่ว
พระราชา กะเอาผ้าลายตีนแต้ม ผืนงามๆ ลายงามๆ ที่มีอยู่ออกมา ... เพราะว่าผ้าลายแบบนี้ พระราชาฮู้ดีว่า มีอยู่ผืนเดียวในโลก คันสิเลียนแบบ เฮ็ดขึ้นมาใหม่ กะต้องใช้เวลาดนพอสมควร.... จากนั้นกะเว้าว่า
“ ผ้าลายตีนแต้มผืนนี้ ลายงามดี เฮาอยากมีไว้ อีกจักผืนนึง เฮาคิดเบิ่งแล้ว ผู้ที่สิหาให้เฮาได้ กะมีแต่เซียงเมี่ยง ท่อนล่ะ ฉะนั้น เฮามอบหมายให้เซียงเมี่ยง ไปหาผ้าลายตีนแต้ม ลายแบบนี้ มาให้เฮา ภายใน สามมื้อ ถ้าหามาบ่ได้ ต้องถืกลงโทษ”
เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย กะพากันคึดว่า “ เทื่อนี้ เซียงเมี่ยง เสร็จพระราชาคักๆ บ่มีผู้ได๋สิทอผ้าลายตีนแต้ม เลียนแบบลายได้ แล้วภายในสามมื้อ แน่ๆ"
“ เอาอีกแล้ว เอาอีกแล้ว พระราชา หาทางเล่นงานเฮาอีกแล้ว... เทื่อน ี้เฮาสิเฮ็ดจั่งได๋น้อนอ...”
เซียงเมี่ยง คึดหาทางออก หาทางสิเฮ็ด ผ้าตีนแต้มลายแบบนั้น แต่กะคึดบ่ออก ไปถามช่างหูก ขาเจ้ากะเฮ็ดบ่ได้ ผู้ที่พอสิเฮ็ดได้ กะบอกว่า ต้องใช้เวลาเป็นเดือน พะนะ พระราชาให้เวลาแค่สามมื้อ มันเฮ็ดบ่ทัน ซั่นแหล่ว
ย่างเลาะหาแล้วกะแล้ว กะบ่มีลายแบบนั้น ในเมื่อมันเฮ็ดบ่ได้ กะบ่เฮ็ดท่อนตั้ว สิเฮ็ดจั่งได๋ได้ เทื่อนี้ เซียงเมี่ยง หาของตามที่พระราชาสั่ง บ่ได้อีหลี
พอครบกำหนดสามมื้อแล้ว กะเข้าเฝ้าพระราชามือเปล่า
พระราชากะถามว่า
“ ไสล่ะ ผ้าลายตีนแต้มเด้"
เซียงเมี่ยงกะเลยว่า
“ ผ้าลายตีนแต้ม บ่มีดอก พะเจ้าค่า.... ข้าพระองค์ ย่างถามมาเหมิดเมืองแล้ว บ่มีผู้ได๋เอาตีนแต้มผ้า พะเจ้าค่า มีแต่เอามือแต้ม"
“ ผ้าผืนนี้ กะคือกัน พะเจ้าค่า เป็นผ้าลายมือแต้ม บ่แมนตีนแต้ม... ฉะนั้น คำสั่งพระองค์ ถือว่าเป็นโมฆะ เพราะว่าใช้คำบ่ถืกต้อง”
พระราชา ได้ฟังคำแก้โตจั่งซั่น กะบ่มีคำสิเถียง กะเลยบ่ได้ลงโทษเซียงเมี่ยง ถือว่าแล้วๆ กันไป ว่าซั่นเถาะ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2010, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ตอนที่ ๔๐ ตั๋วเบิ่งดากสมภาร

เหมิดจากหนาว เข้าหน้าฮ้อน ลมวีวอน พัดขี้ดินง่องไง่ กวยกอไผ่ สีแอดแอ้ จอแจเผิ้งดูดน้ำหวาน ดอกงิ้วบาน ดอกม่วงออก ประดับป่า พนาไพร ฝนตกไล่โฮยฮำ ไอขี้ดินหอมกุ้ม ดอกกะเจียวน้อย เทิงผักหวาน ผักอีรอก พากันโป่งแตกต้น หน่อน้อย ใบอ่อนงาม ซั่นแหลว.....
อยู่วัดหม่องนึง มีหลวงพ่อผู้นึง เลาเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดนั้น เด้ แล้วกะวัดนั้น กะมีต้นบักม่วงอยู่ต้นนึง ช่วงหน้าฮ้อนเนาะ... บักม่วงต้นนั้น กะหน่วยดกค๊ากคัก แต่ว่า มันหั่งบ่ทันได้ใหญ่ เป็นบักม่วงน้อย หน่วยพอเป็นตาเอามีดปาดเคิ่ง แล้วกะคุ้ยแจ่ว หรือปลาแดกบอง กินแซบๆ นั่นล่ะ
มื้อนึง เซียงเมี่ยง ไปเฮ็ดธุระให้พระราชาอยู่แถวๆ นั้น แล้วกะย่างเลาะเล่น ไปเรื่อย จนไปฮอดวัดหม่องนั้น ช่วงนั้น แดดกะกำลังฮ้อนๆ เนาะ แดดฮ้อนๆ เหื่อไหลๆ เหลียวเห็นบักม่วงน้อย กะน้ำลายไหลคึดอยากซั่นแหล่ว
เซียงเมี่ยง กะเลยย่างเข้าไปในวัด ไปขอบักม่วงกับหลวงพ่อ หลวงพ่อเห็นว่า บักม่วงมันยังหน่วยน้อยอยู่ อยากเอาไว้กินหน่วยสุกมัน กะเลยว่า
“อย่าฟ้าวเอาไปกินเถาะโยมเอ้ย บักม่วงมันยังหน่วยน้อยๆ อยู่ จ่งไว้ให้มันสุก สาก่อน”
“ บักม่วงมันดกกะด้อ... บ่เอาหลายดอกหลวงพ่อ ขอจักห้าหกหน่วย พอยาอยาก จักหน่อย นี่หนา”
“ ห้าหกหน่วยกะบ่ได้... คันเจ้าเอาไปห้าหกหน่วย ผู้อื่นอีกห้าหกหน่วย.. หลายๆ คน บักม่วงข้อย กะเหมิดต้นท่อนแหล่ว”
“ ขอมาซิมจักหน่วย ซะเนาะ หลวงพ่อ”
“ หน่วยเดียวกะบ่ได้... คันอยากซิมอีหลี.. กะ..นั่นเด้ ซุมหล่นอยู่นั่นเด้”
“ ซุมมันหล่น มันบ่แซบเดิก หลวงพ่อ”
“ บ่แซบ กะเรื่องของเจ้าแหล่ว”
เซียงเมี่ยง ขอแล้วขออีก หลวงพ่อกะบ่ ให้ ในที่สุด กะเลยบ่ได้กินบักม่วงน้อย เทิงสูนให้หลวงพ่อกะพ่องกัน
“ หลวงพ่ออีหยัง มาขี้ถี่คักขี่ถี่แหน่ เดี๋ยว ต้องหาทางแก้แค้น...”
อยู่ต่อมา อีกดนเติบ เป็นช่วงใกล้ฮอดยามพระราชทานยศ เลื่อนขั้น ให้พระ ว่าซั่นเถาะ เซียงเมี่ยง กะแต่งเครื่องแบบมหาดเล็กเต็มยศ ไปหาหลวงพ่อวัดนั้นเด้ ทำทรงว่ามาราชการแถวนั้น แล้วกะเข้าไปเว้า พูดคุยกับหลวงพ่อ แล้วกะโฆษณาโตเจ้าของว่า เป็นหมอมอ ผู้ทำนายแม่น ทำนายอนาคตได้คิ้ว คัก พะนะ
หลวงพ่อ เห็นว่าแต่งโตดี เป็นมหาดเล็กของพระราชา เป็นตาน่าเชื่อถือ กะเลยให้เซียงเมี่ยง ลองทำนายให้ว่าซั่นเถาะ
“ คันจั่งซั่นเบิ่งให้หลวงพ่อแหน่ ว่าปีนี้สิได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งบ่"
เซียงเมี่ยง กะทำทรงถามหา วันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก แล้วกะทำทรงงอนิ้ว นับข้อมือ คำนวณดวงชะตา เด้ จากนั้น กะเว้าว่า
“ ปีนี้ ดาวราหูเข้าแทรก พระจันทร์ และพระเสาร์ บ่ได้ครอบพระอาทิตย์ พระอาทิตย์ยังเจิดจ้าดียุ ดวงซาตาของหลวงพ่อ ปีนี้ น่าสิพุ่งแฮงอยู่ดอก เบิ่งตามการโคจรของดาวต่างๆ แล้ว หลวงพ่อ กะน่าสิได้เลื่อนขั้นอยู่ดอก”
พุ้นเด้ เซียงเมี่ยงกะดาย เลาเว้าปานหมอมออีหลี เด้เดียวนี่ แล้วกะเว้าต่อว่า
“ แต่ว่า การคำนวณดวงชะตาแบบนี้ คันบอกเวลาตกฟาก คลาดเคลื่อนไปหน่อยเดียว การทำนาย อาจคลาดเคลื่อนได้ ... ว่าแต่ว่า หลวงพ่อแน่ใจบ่ล่ะ ว่าเวลาตกฟาก ที่หลวงพ่อบอกมานั่นน่ะ มันตรงเป๊ะ...”
“ โอ้ย... บ่แน่ใจดอก พ่อแม่ เพิ่นบอกมาจั่งซั่น จักวะเพิ่นจำได้ดีปานได๋ กะบ่จักดอก”
“ นั่นตี้ล่ะ ... ฉะนั้นเพื่อให้แม่นขึ้น ต้องเบิ่งลายดาก เด้อหลวงพ่อ”
“ หา??? เบิ่งลายดากวะติ? บ่เคยได้ยินจักเทื่อดอก หมอมอเบิ่งลายดาก มีแต่เบิ่งลายมือนั่นล่ะ”
“ หมอมอเบิ่งลายมือน่ะ กะจอกเกินไป บ่คอยแม่น เชื่อบ่ค่อยได้.... ตำราเบิ่งลายดาก เป็นตำราโบราณ คนผู้ที่ฮู้ ตอนนี้กะมีอยู่บ่หลายแล้ว... การเบิ่งลายดาก สิสามารถทำนายอนาคตได้แม่นที่สุด... หลวงพ่อสนใจบ่ล่ะ”
“ กะสนแหล่วเว่ย.. คันมันแม่นปานนั้น กะดาย”
ตกลงกันเรียบร้อย หลวงพ่อกะโก่งคงขึ้น เปิดผ้าสบงออก ให้เซียงเมี่ยงเบิ่งลายดาก
เซียงเมี่ยง กะเอาขี้หมินหม้อ ที่พกมานำ ออกมาทาดากหลวงพ่อ จนวะดากดำปี้ๆ เอาโลด พอทาแล้วๆ กะฮ้องว่า
“ ฮู้ย ดากอีหยัง จั่งมาดำปานนี้ ดากดำจั่งซี้ เบิ่งบ่ได้เดิก”
แล้วกะเอาตีน ถีบดากหลวงพ่อ ล้มป่างหง่าง วะนึง จากนั้น กะหันหลัง ย่างหนีออกจากวัดเสย.. ปล่อยให้หลวงพ่อ งงกับดากดำจะของ ซั่นแหล่ว.....


ตอนที่ ๔๑ กินยาถ่าย

หลวงพ่อ ถืกเซียงเมี่ยง เอาขี้หมินหม้อทาดาก พ่องถืกถีบดาก จนเซซวนล้ม กะสูนอย่างคัก ลุกขึ้นได้ เหลียวแนมหา เห็นแต่ก้นเซียงเมี่ยงอยู่ไกลๆ กะได้แต่ฮ้องป้อยด่านำก้น
“ บัก....เอ้ยน้อ... เดี๋ยวกูสิไปฟ้องพระราชาให้ลงโทษมึง...”
...เจ็บใจหลาย ต้องหาทางเอาเรื่องให้ได้ พะนะหลวงพ่อคึด … หลวงพ่อเลาบ่ฮู้จักเซียงเมี่ยงดอก เลาฮู้แค่ว่าคนผู้นั้น เป็นมหาดเล็กของพระราชา เพราะแต่งชุดมหาด เล็ก เนาะ (น่าสิแต่งชุดมหาด ดล น้อ)
ฝ่ายเซียงเมี่ยง แก้แค้นหลวงพ่อสำเร็จแล้ว ความสูนเก่าก่อน ครั้งบักม่วงน้อย กะคลายหายไป พอกลับมาฮอดบ้าน กะคึดได้ว่า หลวงพ่อว่า สิไปฟ้องพระราชา กะเลยคึดหาทางออก เพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ซั่นแหล่ว
เซียงเมี่ยง เลาไปหายาถ่ายมากิน กินยาถ่ายเข้าไปแล้ว เลากะถ่าย หยั่งมื้อหยั่งค่ำ ข้าวบ่กิน ขี้ออกอย่างเดียว แล้วกะบ่เข้าเฝ้าพระราชา เด้
มื้อลุนมา หลวงพ่อ กะมาเข้าเฝ้าพระราชา สิให้พระราชา หาคนผิดมาลงโทษ ว่าซั่มสา
พระราชา กะถามหลวงพ่อว่า “จำหน้ามหาดเล็กคนนั้นได้บ่”
หลวงพ่อ กะว่า “จำได้ จำได้ดีอย่างคัก”
จากนั้นพระราชากะถามว่า
“ ที่นั่งอยู่นี้ มีบ่ ”
หลวงพ่อ เหลียวเบิ่งหน้าผู้นั้น เบิ่งหน้าผู้นี้ กะบ่แมนจักคน
“ บ่มีเลย ที่นั่งอยู่นี้ บ่แมนจักคน ”
จากนั้น พระราชาให้มหาดเล็กซุมอื่น ที่อยู่แถวนั้น มาให้หลวงพ่อ เบิ่งหน้าทีละคน หลวงพ่อเบิ่งแล้ว กะบ่แมน อีกคือเก่า พระราชากะบอกว่า มหาดเล็ก มีอยู่หลายคนคัก เดี๋ยวมื้ออื่น สิสั่งให้มหาดเล็กซุมอื่น มาให้หลวงพ่อเบิ่งอีก แล้วกะให้หลวงพ่อ กลับวัดก่อน
หลวงพ่อมาเบิ่งหน้ามหาดเล็ก อยู่ตั้งวะสามมื้อ มื้อที่สาม กะยังบ่เห็นมหาดเล็กผู้นั้น กะเลยว่า
“ มหาดเล็กของพระองค์ มาเหมิดซุคนแล้วบ้อ”
พระราชา นั่งคึดไปคึดมา กะเลยว่า
“ เอ้อ.... สองสามมื้อมานี้ บ่เห็นเซียงเมี่ยงเลย ถ้าสิเหลือ กะสิแมนเซียงเมี่ยงนี่ล่ะ”
จากนั้น กะให้คนไปเอิ้นเซียงเมี่ยงมาเข้าเฝ้า .... เซียงเมี่ยง ให้ขาเจ้า หามมาเข้าเฝ้าพระราชา เด้ แล้วกะทูลว่า
“ หลายมื้อมานี้ ข้าพระองค์ป่วย บ่สำบาย ย่างเหินบ่ได้ กะเลยบ่ได้มาเข้าเฝ้า ขออภัยโทษ เด้อ พะเจ้าค่า”
พระราชา กะบ่ได้ว่าหยัง เพราะว่า สาระรูปเซียงเมี่ยง เฮ็ดคือจั่งผีตายซาก หน้าตาซูปซีด แก้มตอบ จ่อยอย่างคัก เป็นตาหลูโตนคือหยังนี่ตั้ว... พระราชาหันไปถามหลวงพ่อว่า
“ มหาดเล็กผู้นี้ เป็นคนสุดท้ายแล้ว แมนผู้นี้บ่ หลวงพ่อ”
หลวงพ่อ เคยเห็นหน้าเซียงเมี่ยง ตอนผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล อ้วนท้วนสมบูรณ์เนาะ พอเห็นหน้าเซียงเมี่ยง ในสาระรูปผีตายซาก กะเลยจำบ่ได้ กะเลยว่า
“ ผู้นี้กะบ่แมน ”
หลวงพ่อ อุตส่าห์มาฟ้องพระราชา แต่ว่าในที่สุด กะหาบักหมอมอเบิ่งลายก้น บ่พ้อ เทิงมันกะดนหลายมื้อแล้ว เซาสูนแล้ว กะเลยปล่อยเลยตามเลย
เซียงเมี่ยง รอดพ้นจากความผิดได้ กะจริงอยู่ แต่เจ้าของ กะต้องกินยาถ่าย จนเป็นไข้ (ไข้หลี) อดข้าว จนจ่อยผอม ทนทุกข์กายอยู่หลายมื้อ กะบ่ต่างกับติดคุกท่อได๋ดอก... เพียงแต่ว่า บ่เสียซื่อเสียง ท่อนล่ะ...

:b8: :b8: :b8:




.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: เณรน้อย เชียงเมี่ยง ของหลวงพี่สุเมโธ ก็น่ารักน่าอ่านเจ้าค่ะ
โดยเฉพาะภาษาท้องถิ่น น่าสนใจมากๆ

..............หากมีเวลา จะมาปุจฉาหลวงพี่นะคะ บางคำก็แปลไม่ออกค่ะ :b16:

หลวงพี่สนใจการโพสต์รูปภาพ คงต้องสอบถามข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเว็บบลาวเซอร์
ที่ท่านใช้อยู่ในปัจจุบันก่อนค่ะ ดิฉันจะส่งตัวอย่างไปให้ทาง Letter box นะเจ้าคะ
หลวงพี่กรุณาตอบด้วยค่ะ :b8:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร