วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 07:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2012, 01:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 เม.ย. 2012, 13:00
โพสต์: 69


 ข้อมูลส่วนตัว


สามีไปมีคนอื่น ทำใจยอมรับว่าเป็นเวรกรรมของเราอาจไปทำเค้าไว้ พยายามไม่คิดไม่สนใจ สวดมนต์แผ่เมตตาทุกวัน แต่ทำไมบางครั้งความคิดเราก็ยังแวบมาคิดไม่อยากให้เค้าทั้งสองคนมีความสุข การที่เราคิดแบบนี้ เท่ากับเราสร้างกรรมไม่ดีกับเค้าทั้ง สองคนอีกใช่มั้ยคะ แต่ความคิดนี้ แวบเข้ามาแบบห้ามไม่ทันทุกครั้ง แล้วแบบนี้ดิฉันจะทำยังไงดีคะ ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2012, 08:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


เจริญพร ^^

"ความสุข ไม่ได้ทำให้คนเราเป็นทุกข์ แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
กับความสุขพร้อมความยึดถือในความสุขนั้น นั่นต่างหากทำให้คนเราทุกข์!"

ไม่ใช่เฉพาะความรัก คนรัก เราล้วนต้องจาก พลัดพรากแม้กระทั้ง
ร่างกายและลมหายใจ กระทั่งชีวิตที่เป็นที่ตั้งของความสุข ของเรา

จิตใจเป็นของดูแลรักษายาก ต้องฝึกต้องอบรม ขัดเกลา ศีลสมาธิ
สามารถดูแลรักษากายวาจา(ใช้ศีล) ความรู้สึกนึกคิด(ใช้สมาธิ)
ได้ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ถ้าเราตั้งใจมั่น จะนำสมาธิมาใช้ในการ
แก้ไข ขัดเกลาอบรมจิตใจ จึงต้องอาศัย สมาธิควบคู่ไปกับปัญญา
หรือเรียกว่า การอบรมปัญญาโดยอาศัยสมาธินำ ๑

เอาความตั้งใจมั่น รวมศูนย์ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมด ให้จดจ่อ
กำหนดเฉพาะอารมณ์เดียว ใหม่ๆ เป็นเรื่องยากพอสมควรเพราะ
เนื่องจากเราปล่อยให้จิตใจเรา ไหลไปตามความรู้สึกนึกคิดมา
ตลอดชีวิต การมาฝึกสวนทางกระแสความรู้สึกนึกคิด สวนกระแส
โลกๆ ที่เคยเพลินสุขเพลินทุกข์ จึงมีความขัดขืนกันเป็นธรรมดา

โดยอาศัย การทำให้เกิดสัญญาความจำ ที่เกิดความรู้สึกสงบ
เป็นสุข มีปิติสุขเกิดขึ้นจากการลงมือ รวมศูนย์จิตใจบ่อยๆ
พอจิตใจเราจดจำอารมณ์ที่เกิดจากสมาธิได้ ปัญญาที่เกิดจาก
การอาศัยสมาธิ ก็จะเกิดขึ้น เป็นเครื่องพิสูจน์แก่ตัวเราเองได้


อีกแบบเรียกว่า การอบรมสมาธิโดยอาศัยปัญญานำ ๑ ซึ่งมีอยู่ ๓
ระดับ ในระดับลำพัง คิดเอา ได้ยินได้ฟังหรืออ่านเอา ว่าเป็นกรรม
ที่เคยทำไว้ คิด,ได้ยินได้ฟังแบบนี้! เรียกว่าเป็นการอาศัยปัญญา -
นำสมาธิในเบื้องต้น

จะสังเกตุได้ว่าเมื่อขาดสมาธิที่จดจ่อ ตั้งใจมั่นร่วมกับ
ปัญญาที่ได้ยินได้ฟัง นั่นจะทำให้ ใจเราไหลไปตามกระแสโลก
เหมือนเดิม มันมีลักษณะการไหลไปอย่างไร สามารถพิสูจน์ได้
เช่น เมื่อเกิดการกระทบอารมณ์มีการเห็น ได้ยิน รับรู้สึกถึงสิ่งต่างๆ
ที่มีสถานการณ์แวดล้อมเดิมๆ ใจเราก็ไหลไปรวมที่ๆ ชอบ(เคยชิน)
แม้ใจจะดิ้นรนไม่ชอบ แต่ก็หลงเพลินไหลไปพอใจไปมาแล้วอย่าง
มากมาย จะหักดิบ ก็คงเป็นเรื่องฝืนเรื่องทรมานใจพอสมควรสำหรับ
การเปลี่ยนแปลงตนเอง เปลี่ยนแปลงจิตใจของเรา จึงมีถึง ๓ ระดับ

การเปลี่ยนแปลงตัวตน จิตใจของเรา กระทำได้ ให้ผลได้โดยมี
อำนาจข่มละดับคลาย ความรู้สึกนึกคิด จิตใจที่เป็นอกุศลเพียง
ชั่วครั้งชั่วคราว มี ๓ ระดับ โดยเกิดขึ้นได้จากการอาศัย


๑.การอบรมปัญญาโดยอาศัย สมาธินำ
๒.การอบรมสมาธิโดยอาศัย ปัญญาระดับที่ ๑ นำ (ได้ยินได้ฟัง)
๓.การอบรมสมาธิโดยอาศัย ปัญญาระดับที่ ๒ นำ (พิจารณาไตร่ตรอง)

ทั้ง ๓ ระดับนี้ เป็นการอาศัยสมาธิและปัญญาควบคู่กัน บางคนถนัด
กับการใช้สมาธิข่ม อารมณ์ความรู้สึกที่เป็นทุกข์นี้ให้ดับไปได้ สามารถ
เข้าถึงความสุขสงบโดยอาศัยอารมณ์เดียว ส่วนบางคนไม่มีเวลานั่งลง
ไม่มีโอกาส สถานที่ที่สงบพอเพียง ก็ต้องอาศัยการ อ่านการได้ยินได้ฟัง
การได้พิจารณาไตร่ตรอง ซึ่งทั้ง ๓ ระดับหากขาดสมาธิหรือปัญญา
ควบคู่กัน จิตใจที่ว่าฝึกยาก เป็นของดิ้นรนกลับกลอกก็จะนำ อารมณ์
เดิมๆ เวทนาเดิมๆ (ความรู้สึก) สัญญา (ความจำ)เดิมๆ สังขารหรือ
ความคิดปรุงแต่งเดิมๆ จนรู้สึกว่า การจะทำให้จิตเลิกคิดเลิกปรุงแต่ง
เลิกคิดเป็นเรื่องยาก ซึ่งความจริงถ้ารู้ ถ้ามีประสบการณ์จากการทำ
ความสงบให้เกิดกับจิตใจ เหมือนรู้ทางออก เคยเดินหลงไปแล้วหา
ทางออกมาได้ สมาธิ การรวมศูนย์ของจิตใจ ก็เหมือนกัน เป็นหนึ่ง
ในวิธีอบรมขัดเกลาให้จิตใจเรา ให้มีความตั่งมั่นสงบใจลงได้

พอรวมศูนย์ความรู้สึกนึกคิด ขาดจากเวทนา สัญญา สังขารเดิมๆได้
ผู้ฝึกอบรมขัดเกลาจิตใจตนเอง ก็จะประจักษ์แจ้ง มีทั้งสัญญาและปัญญา
ในการแสวงหาทางออกให้กับจิตใจ ที่เหมือนเดินทาง หลงอยู่ในป่าอารมณ์
ทางรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสอารมณ์ความรู้สึกคิดนึกเดิมๆ ออกมาได้!


หากทำความเข้าใจและมีประสบการณ์ ที่ได้กระทำการอบรมขัดเกลา
จิตใจเอาไว้บ้างแล้ว ตามวิธีการต่างๆ ที่ว่ามา ก็แปลว่า มาถูกทาง
มีฉันทะ มีความพอใจที่จะออกจากทุกข์ เห็นจิตเป็นทุกข์ เป็นโทษ
รู้ว่า มโนกรรม ที่เป็นอกุศลจิต นึกคิดไปในทางเีบียดเบียน ทำร้าย
ทำลายคนอื่นด้วยความคิด นี้ก็เป็นโทษที่ทำร้ายตัวเราเองในระดับ
ลึกซึ้ง ในระดับจิตใต้สำนึก! เมื่อคนเรา ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน
ทั้งให้อภัยเป็นทาน ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา ทั้ง ๓ ข้อโดยอาศัย
สมาธิและปัญญาควบคู่กันมาแล้วตามลำดับ มีสมาธิเหนืออารมณ์

มีปัญญาจากการได้ยินได้ฟัง ไตร่ตองพิจารณามาพอสมควรแล้ว
สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก็จะ นำเรามาสู่การ พร้อมเกิดสัมมาทิฏฐิ เกิดปัญญา
ที่สามารถดับ แก้ไข ความทุกข์ี่ที่วนเวียน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเราให้
พังทลายลงไปได้ หมดความยึดถือ เกิดความจางคลาย จิตใจกลับ
เป็นคนใหม่ กลับเป็นคนอีกคนหนึ่ง ที่ไม่มีความรู้สึก นึกคิด ความจดจำ
ในลักษณะนำพาตัวเราเอง ให้ทุกข์อีกต่อไป เข้มแข็ง อิสระ อ่อนโยน
เบิกบาน ตื่นรู้ มีธรรมชาติของจิตใจที่เป็นประโยชน์กับตนเองและคนอื่น

เกิดปัญญาแท้ๆ ปัญญาลึกซึ้ง หมดความยึดถือใน ความรู้สึกสุขทุกข์
ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา มีแต่ความจางคลายในทั้งสุขและทุกข์ จนกระทั้ง
ถึงตัวจิตตัวใจของเราเอง ก็ปล่อยวาง เข้าถึงปัญญาลึกซึ้งในระดับสูง
เมื่อตัวเราของเรายังปล่อยวาง จางคลายความรักความยึดถือที่มี
ต่อตนเองลงได้ ทำไม ความยึดถือความเห็นผิดความเข้าใจผิด
อยากได้อยากมีอยากเป็นที่เคยมีต่อสิ่งอื่น ต่อคนอื่น จะไม่คลายลง!
นี่เองจึงเป็น กระบวนการพัฒนาสติปัญญา ในทางพุทธศาสนา
ที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง รู้เองเห็นเอง เกิดความเข้าใจเห็น
ความคิดเป็นเพียง สิ่งอำนวยพื้นฐานในการ วาดความเป็นความมี
ถึงตัวตนของเรา ไม่ปฏิเสธตัวตนของเราอย่างหลงผิด ยอมรับและ
ทำความเข้าใจ คู่ขนานไปกับความคิด แต่ไม่หลงความคิด
ไม่หลง
อารมณ์ต่างๆ ทั้งสุขและทุกข์อย่างก่อนเก่า

หลักปฏิบัติที่เป็นทางสายกลาง เท่านั้นจึงทำให้ค่อยๆ รู้แจ้งเห็นจริง
ตามความเป็นจริงของกายของใจ เกิดปัญญารู้จริงเข้าใจลึกซึ้งจริงๆ
ในความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา โดยเกิดจากการตกผลึกทาง
ปัญญาจากการได้ยินได้ฟัง ได้นึกคิดพิจารณาไตร่ตรอง การรวมศูนย์
จิตใจอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดให้เหลืออารมณ์เดียว เป็นพื้นฐานเบื้องต้น
ที่กล่าวมาทั้งหมดอย่างสำคัญ จึงจะกลายเป็นปัญญาที่แท้จริงเพื่อดับ
ทุกข์ดับตัณหาอุปทานความหลงความไม่รู้ต่างๆ ลงได้เจริญพร ^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2012, 13:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8:

ด้วยความเมตตาอย่างนี้เขาจึงเรียกว่า"พ่อแม่ครูบาอาจารย์"

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2012, 15:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กุหลาบดำ เขียน:
สามีไปมีคนอื่น ทำใจยอมรับว่าเป็นเวรกรรมของเราอาจไปทำเค้าไว้ พยายามไม่คิดไม่สนใจ สวดมนต์แผ่เมตตาทุกวัน แต่ทำไมบางครั้งความคิดเราก็ยังแวบมาคิดไม่อยากให้เค้าทั้งสองคนมีความสุข การที่เราคิดแบบนี้ เท่ากับเราสร้างกรรมไม่ดีกับเค้าทั้ง สองคนอีกใช่มั้ยคะ แต่ความคิดนี้ แวบเข้ามาแบบห้ามไม่ทันทุกครั้ง แล้วแบบนี้ดิฉันจะทำยังไงดีคะ ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณคะ

โทษกรรมนั่น ถูกแล้วครับ .. เพื่อเราจะได้ไม่คิดสั้น คิดทำร้ายตน คนที่เรารักหรือผู้อื่น
กรรม เมื่อถึงเวลาชดใช้ ก็ต้องมีขันติ ความอดทน อดกลั้น ...

การทำผิดศีลข้อสาม เขาก็ทุกข์อยู่แล้วนะครับ ยิ่งเราไปคิดพยาบาท อาฆาตทั้งเรา
ทั้งเขาก็ทุกข์พอกัน สงสารเขาทั้งคู่เถอะครับ เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องรับผลของกรรม
เขาอาจจะทุกข์มากกว่าเราอีก ..

ให้หยุดคิดนั้นยาก แต่ให้หาเรื่องอื่นที่ดีงามเข้ามาคิดพิจารณาแทน หรือให้ท่องคำว่า
"พุทโธ ธรรมโม สังโฆ" สักสองสามรอบ แล้วจะช่วยให้ผ่อนคลายได้

ให้เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม เมตตาตนและผู้อื่นให้เสมอกัน ..
ขอเอาใจช่วย ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ..


:b4: :b4: .. :b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2012, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


กุหลาบดำ เขียน:
สามีไปมีคนอื่น ทำใจยอมรับว่าเป็นเวรกรรมของเราอาจไปทำเค้าไว้ พยายามไม่คิดไม่สนใจ สวดมนต์แผ่เมตตาทุกวัน แต่ทำไมบางครั้งความคิดเราก็ยังแวบมาคิดไม่อยากให้เค้าทั้งสองคนมีความสุข การที่เราคิดแบบนี้ เท่ากับเราสร้างกรรมไม่ดีกับเค้าทั้ง สองคนอีกใช่มั้ยคะ แต่ความคิดนี้ แวบเข้ามาแบบห้ามไม่ทันทุกครั้ง แล้วแบบนี้ดิฉันจะทำยังไงดีคะ ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณคะ


จิตใจเกาะแน่นไปด้วยทิฐฐิมานะ ไม่ยอมละ ไม่ยอมปล่อย หากจิตใจคุณยอมปล่อยเขาไปจริงๆ คุณจะ
ไม่มานั่งสนใจเก็บเขามายึดแน่นแบบนี้ เพราะจิตใจเต็มไปด้วยเพลิงแค้นและริษยา จึงทำให้คุณไม่อาจ
ลืมเขาแล้วปล่อยเขาไปได้จริงๆซะที นี่คือการทำร้ายตนเอง

การสวดมนต์แผ่เมตตาเป็นสิ่งดี เมื่อทำแล้วก็ควรจะให้อภัยเขาจริงๆเสียที ปล่อยเขาไปจริงๆเสียที
เขาจะไปมีอะไร ยังไง กับใคร ก็คิดซะว่าไม่เกี่ยวกับคุณ

อันจิตฝ่ายไม่ดีนั้น กำจัดได้ด้วยจิตฝ่ายดี เมื่อเริ่มมีความคิดไม่ดีขึ้นมาเมื่อใด คุณก็ใช้จิตฝ่ายดี
ปรามจิตฝ่ายไม่ดีไว้ หากจิตฝ่ายไม่ดีนั้นดื้อรั้น คุณก็พยายามหากัลยาณมิตรสักคนนึงปรับทุกข์
ให้เขาฟังบ้าง เพื่อระบายความแข็งกล้าในจิตด้านไม่ดีลง หากจิตด้านไม่ดียังคงแข็งขืน คุณก็
หาที่สงบสักที่ทำกรรมฐาน ฝึกปฏิบัติธรรม ทำบุญ อุทิศทาน ทำอย่างไรก็ได้ให้จิตฝ่ายไม่ดีอ่อน
กำลังลง

คนเรานั้นเต็มไปด้วยความคิด ทั้งดี ทั้งไม่ดี ปะปนกันอยู่ในตัวตนคนๆเดียว ความคิดนั้นไม่สามารถ
ห้ามกันได้ มันคิดของมันขึ้นมาเอง แต่ความคิดนั้นเราสามารถเปลี่ยนมันได้ โดยใช้จิตฝ่ายดีคอย
ควาบคุม หมั่นฝึกใจฝึกจิตฝ่ายดีอยู่เสมอ ให้จิตฝ่ายดีมีกำลัง ยิ่งจิตฝ่ายดียิ่งแข็งแกร่ง ความคิด
และจิตฝ่ายดีจะอ่อนกำลังลงจนหยุดทำงาน

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2012, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5113

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตใจฟุ้งซ่านเพราะความทุกข์ ถือโอกาสพิจารณาความทุกข์ให้มากๆเข้า ได้เจอทุกข์แรงๆแบบนี้เป็นกำไรชีวิต ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสค่ะ

อย่าตกใจกับความคิดที่ไม่ดีของเราที่เกิดขึ้น แต่เอามาพิจารณาเยอะๆว่า

-แม้แต่เราเองก็ยังมีความรู้สึกโกรธ เกลียด รัก ชัง เขาก็เหมือนกัน แล้วเราต่างอะไรกับเขา เราอยากได้คนรักมาครอบครอง เขาก็อยากได้มาครอบครองเหมือนกัน ไม่ต่างอะไรกัน พอมาถึงตรงนี้ก็คิดซ้ำไปอีกว่า เออ เราอยากได้คนรักของเรามาไว้ครอบครองแต่เราต่างกับเขาตรงที่เราไม่คิดจะทำร้ายใคร ไม่คิดเบียดเบียนใครนะ ไม่ใช่พออยากได้ก็เบียดเบียนคนอื่นเอา แล้วก็ให้พอกพูนความรู้สึกว่า ตนเองได้ตั้งอยู่ในความดีงามแล้วเอาไว้มากๆ เราก็จะสงสารเขาทั้งสองคนมากขึ้นจนได้ในที่สุดนะคะ เพราะเขาไม่สุขไปจนนิรันดร์หรอก เขาตอ้งพบวิบากที่เขาทำไว้ ซึ่งมันน่ากลัว อันตราย เราก็จะได้การกลัวกรรมชั่วขึ้นมาอีกด้วย ได้แต่กุศลผลบุญ รับกันไปเนื้อๆค่ะ เราได้กำไรเป็นบุญไว้ดีกว่า (อันนี้เอาตามที่เคยคิดช่วยตัวเองให้พ้นห้วงทุกข์ของการอกหักมา แหะๆ)

-ความคิดไม่ดีเกิดขึ้น อย่าไปพยายามขัดขืน ละทิ้ง หรือแกล้งทำเป็นไม่สนใจความคิดนั้น ก็ให้พยายามดูให้ทัน เผชญหน้ากับมัน พอว่ามันคิด เราก็ในใจ "เอ๊ะๆๆเราคิดอะไรอย่างนี้อีกแล้ว" ดูไปบ่อยๆเราก็จะรู้ก่อนมันเลยทีนี้ ตั้งท่าจะคิด เราก็ไม่เผลอไปคิดตามมัน

-หมั่นสวดมนต์ไหว้พระแผ่เมตตา อโหสิให้ไปบ่อยๆจนใจมันเริ่มยอมรับและอโหสิให้พวกเขาได้จริงๆ แล้วตอนนั้นจิตใจก็คงดีขึ้นแล้วค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2012, 14:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 เม.ย. 2012, 13:00
โพสต์: 69


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบพระคุณทุก ๆ คำตอบนะคะ ดิฉันจะคอยรักษาจิตรักษาใจ ตามดูใจตนเองให้ดี คะ ขอขอบพระคุณท่านพุทธฎีกา ที่ชี้แนะและเตือนสติดิฉันทั้ง 2 กระทู้คะ จะรักษาจิตรักษาใจ ทำดี คิดดี และปฏิบัติดีคะ ขอขอบคุณคะ :b8: :b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2013, 15:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2012, 10:32
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเกิดความคิดไม่ดีขึ้น ให้เรารู้ทันความคิด ไม่ต้องไปหยุด มัน หรือ คิดต่อเติม ให้เราดู ความคิดเฉยๆ มันก็จะหายไปเอง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร