ศีลข้อที่ 3 ถ้าเราคบกับแฟน โดยที่ทางบ้าน ไม่ทราบแล้วมีความสัมพันธ์กันระหว่างหญิงชาย จะถือว่าเราศีลข้อที่ 3 หรือไม่คะ แล้วถ้ามีความสัมพันธ์ก่อนแต่งจะเป็นการผิดศีลข้อที่ 3 หรือไม่คะ

ศีลข้อที่ 5 ห้ามดื่มสุรา แต่ถ้าเราต้องการ บำรุงร่างกาย โดยกินยาสตรี ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอลฮอล แต่เป็นการกิน ตามฉลากบอก จะถือว่าเราผิด ศีลข้อที่ 3 ด้วยหรือไม่คะ

ขอรบกวน ผู้รู้ นะคะ อันนี้ไม่แน่ใจจริงๆ คะ ขอบคุณคะ ^^

Why would you sleep with him before he makes his commitment to you and your parents? Don't tell me that it is out of LOVE........ It is very pathetic.

Many active ingredients of drug could be only extracted with alcohol. Use your discretion and follow label.

^^ ไม่เข้าใจคะ ไม่เก่งภาษา ขอบคุณนะคะที่ตอบ แต่ขอเวอร์ชั่นพาทย์ไทยนะคะ

ศีลข้อสาม ชายหญิงที่อยู่ในปกครอง คือมีผู้ปกครอง ห้ามละเมิด มีสัมพันธ์ก่อนผู้ปกครองทราบ
ผิดศีลข้อนี้นะ มีสัมพันธ์ก่อนแต่ง หมายถึงผู้ปกครองรับทราบแล้วทั้งสองฝ่าย แค่ไม่รู้จักระงับใจ
แหะ ..เรียกว่าศีลทะลุ มั๊ง อิอิ ..(ไม่แน่ใจรอความเห็นท่านอื่น)

ศีลข้อห้า ถ้าเป็นยาท่านไม่ห้าม แต่ถ้ากินเช้า สาย บ่าย เย็น ครั้งละขวด กินทุกวัน หายแล้วก็กิน
อย่างนี้ ผิดศีลข้อห้านะจ้ะ ไม่ใช่ข้อสาม

ขอขอบคุณคะ คุณวิริยะ สำหรับคำตอบ นั่นหมายถึงว่า ศิลข้อ3 ถ้ามีความสัมพันธ์ กันก่อนที่ ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายจะทราบ ก็ถือว่าผิดศิลใช่หรือไม่คะ และ

ถ้ามีความสัมพันธ์โดยที่ยังไม่แต่งงาน แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายทราบว่าคบกันอยู่ ก็ถือว่าผิดศิลข้อ3 ใช่หรือไม่คะ และ

การไม่ผิดศิลข้อ 3 หมายถึง การที่ ทั้ง สองฝ่ายคบหากันโดยผู้ใหญ่ ทั้งสองฝ่ายรับทราบ และแต่งงานกันแล้ว ถึงจะมีความสัมพันธ์ภายหลังจากแต่งงาน จึงถือว่าไม่ผิดศิล ถูกต้อง ใช่หรือไม่คะ



สำหรับศิลข้อ 5 รับทราบกระจ่างแล้วคะ ขอขอบคุณมากคะ และขอโทษด้วยนะคะพิมพ์ผิดคะ^^

อนุโมทนาสาธุ ^^

ใช่ครับ ทั้งสามข้อ ...

ถ้าให้ดิฉันตอบตามความเห็นส่วนตัวที่ จขกท ถามว่า มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานผิดศีลข้อ 3ไหม ดิฉันขอบอกว่า ไม่ผิดเจ้าค่ะ เพราะเราไม่ได้ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนมีคู่ครองหรือมีเจ้าของ แต่มันผิดตรงความประพฤติที่ไม่เหมาะสมไปตรงกับ สัมมากัมมันตะ ของ มรรค8 ซึ่งเป็นทางสายกลางของหนทางสู่ความเป็นอริยะ ส่วนกินยาสตรีถ้ากินแล้วติดวันไหนไม่กินแล้วอดไม่ได้ก็ถือว่าผิดศีลข้อ5 แต่กินเพื่อบำรุงร่างกายถือว่าไม่ผิด

1.สัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึง การปฏิบัติอย่างเหมาะสมตามความเป็นจริงด้วยปัญญา
2.สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ หมายถึง การใช้สมองความคิดพิจารณาแต่ในทางกุศลหรือความดีงาม
3.สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ หมายถึง การพูดต้องสุภาพ แต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ดีงาม
4.สัมมากัมมันตะ คือ การประพฤติดีงาม ทางกายหรือกิจกรรมทางกายทั้งปวง5.สัมมาอาชีวะ คือ การทำมาหากินอย่างสุจริตชน ไม่คดโกง เอาเปรียบคนอื่น ๆ มากเกินไป
6.สัมมาวายามะ คือ ความอุตสาหะพยายาม ประกอบความเพียรในการกุศลกรรม
7.สัมมาสติ คือ การไม่ปล่อยให้เกิดความพลั้งเผลอ จิตเลื่อนลอย ดำรงอยู่ด้วยความรู้ตัวอยู่เป็นปกติ
8.สัมมาสมาธิ คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่น สงบ สงัด จากกิเลส นิวรณ์อยู่เป็นปกติ

ข้อนี้ หมายถึงชายหรือหญิง ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแม้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว ยังมีบิดามารดาอยู่ก็สมควรได้รับความเห็นชอบ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ย่อมทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น แม่ผัวกับลูกสะใภ้ พ่อตากับลูกเขย ฯลฯ

การหมั้นหมายหรือผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับทราบให้คบหากัน ถือว่า เป็นการดูนิสัยใจคอว่า ไปกันได้ไหม
ไม่ใช่ยินยอมให้มีเพศสัมพันธ์กันได้

การล่วงละเมิดโดยอีกฝ่ายไม่ยินยอม ถือเอาความเห็นตนเองเป็นใหญ่ ทำให้บุพพการีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งน้ำตาตก
ก็ถือว่าเป็นกรรมที่ไม่สมควรกระทำ แม้จะได้รับการยินยอมในภายหลังชื่อเสียงก็เสียหายไปพอสมควร เรียกว่า "ท้องก่อนแต่ง" ก็มี ..

ท่าน วิริยะ กล่าวมาถูกต้องนะเจ้าค่ะ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน คือการประพฤติตนไม่เหมาะสม
แล้วยิ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีเพศสัมพันธ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการ ผลจากกรรมนั้น ก็ลุกลามไปอีกถึงกรรมปาณาติบาต เบียดเบียนชีวิตให้ตกหรือทำสัตว์นั้นให้ตายก่อนถึงกำหนด ที่มีเพศสัมพันธ์แล้วท้องไปทำแท้งถือว่า บาปหนัก มากเจ้าค่ะ เพราะฉะนั้นต้องประพฤติตนให้อยู่ในศีลธรรมอันดี แต่สมัยนี้ต้องยอมรับความจริงเลยว่า เป็นยุคของความเสื่อม ซึ่งเราไม่สามารถหลีกหนีความจริงได้ว่า วัยรุ่นส่วนใหญ่ก็มักจะมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นค่านิยมที่ผิด ไม่เหมือนผู้หญิงในสมัยพุทธกาล อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน จะมีคู่ครองได้ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงามทั้งสองฝ่าย แต่สมัยนี้แหกกฏกันเป็นว่าเล่น รวมถึงดิฉันด้วยเจ้าค่ะเพราะดิฉันก็เคยประพฤติผิด มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งแถมท้องเพราะกิเลศตัวเดียวเจ้าค่ะการพูดความจริงไม่ใช่เรื่องน่าอาย คนที่สมควรอายคือคนที่มุสาแต่เสแสร้งว่าตนอยู่ในศีลในธรรม แต่ดิฉันเป็นคนมีศีลธรรมไม่ได้กระทำความเสื่อมในเรื่อง ปาณาติปาต ส่วนคนที่แต่งงานแล้วไม่มีลูกก็เพราะส่วนใหญ่มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งแล้วไปทำแท้งเพราะกลัวพ่อแม่เสียใจในการกระทำของตน(ถ้ากลัวแล้วจะทำทำไม) ผลของกรรมปาณาติบาตเลยคืนสนองเจ้าค่ะ แต่ดิฉันมีบุญเพราะประพฤติผิดก็จริง แต่ศีลธรรมสูง ชีวิตเลยไม่ตกต่ำ แถมมีลูกชายน่ารักน่าเอ็นดูมีแต่คนอิจฉา อิอิอิ(ไปๆมาๆโม้เรื่องลุกชายตัวเองซะงั้น)
ปล.ถ้าคิดว่ากรรมของการไปทำแท้งลูกเป็นอย่างไรมีกระทู้ กรรมตามทัน ลองไปอ่านดูนะเจ้าค่ะ ประสบการณ์จริง อะไรจริง มาเล่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนที่คิดจะทำแท้ง อย่าว่าดิฉันสอดรู้สอดเห็น จขกท เลยนะเจ้าค่ะ ถ้า จขกท ได้พลาดพลั้งแล้วประจำเดือนไม่มาแล้วคิดว่ากินยาสตรีให้ประจำเดือนมา ท่าน จขกท ไม่สมควรกินนะเจ้าค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่อย่างที่ดิฉันกล่าวก็ขอประธานอภัยอย่างสูง ดิฉันก็แค่หวังดีเพราะดิฉันเป็นผู้หญิง เลยรู้วิธีการทำแท้งของผู้หญิงคือกินยาสตรีพอเด็กไม่ออกก็ไปทำแท้งเถื่อน เลยแสดงความห่วงใยท่าน จขกท โปรดอย่าขุ่นเคืองในความปราถนาดีของดิฉันเลยนะเจ้าค่ะ

ขอขอบคุณทุกคำตอบคะ ^^ ขออนุโมทนาด้วยนะคะ

เรื่องศิลข้อ3 คือต้องการทราบข้อเท็จจริงว่าการจะผิดศิลข้อนี้ ปฏิบัติแบบไหนถือว่าผิดศิลคะ

ส่วน เรื่องศิลข้อ5 พอดีทราบว่า กินยาสตรีแล้วจะทำให้เลือดลมดี ผิวใส เลยอยากกินบำรุงผิวคะ^^ แต่ กลับมีความรู้สึกว่ากินแล้ว เหมือนๆ จะ บวมขึ้น ตอนนี้เลิกกินไปแล้วอ่ะคะ

ขอขอบคุณทุกๆ ทำตอบนะคะ

คำตอบก็อย่างที่ดิฉันบอกไปกระทู้แรกนั่นแหละเจ้าค่ะ เอาแบบนี้ดีกว่าง่ายๆ ไม่ต้องธรรมมะธรรมโมให้ยุ่งยาก เพราะถ้าจะเอาความจริงมาพูดกัน มันก็เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วเรื่องมีเพศสัมพันธ์คุนน้องว่าสมัยนี้มันเรื่องปกติของมนุษย์ เด็กมัธยมยังนุ่งกระโปรงนักเรียน ไปจับตรวจว่าซิงไม่ซิงดิฉันว่าหายากที่ยังบริสุทธิ์ เราต้องอยู่กับความจริง จะไปยื่นศีลให้เขาว่า อย่าไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งนะมันผิดประเพณี สมัยนี้คงจะใช้ประโยคนี้ไม่ได้แล้วหละ มันคือยุคโลกาวิวัฒเอาความจริงมาพูดกันดีกว่า พวกคุนแต่งงานกันถามหน่อยสิเมียคุนบริสุทธิ์ผุดผ่องไหม ถ้าบริสุทธิ์ถือว่าโชคดีเหมือนถูกรางวัลที่1 เอาแค่อย่าไปยุ่งกะคนมีเจ้าของส่วนมีเพศสัมพันธ์กับแฟน(ถ้ามันห้ามใจไม่ได้ฉันต้องใจขาดตายหรือลงแดงแน่ถ้าไม่ได้มีไรกับแฟน)ก็ควรจะเชฟตัวเองรู้จักป้องกันจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง เพราะต้องเข้าใจว่ากิเลศมันมีทุกคนจะไปบังคบให้เขาไม่มีกิเลศมันทำไม่ได้หรอก จะกิเลศทางกายหรือทางใจมันก็กิเลศ ทั้งนั้น อยู่กับโลกของความเป็นจริง แล้วเอาธรรมมะมาปรับเข้าหากับโลกของความเป็นจริง เพราะอะไรรู้ไหมดิฉันถึงบอกให้ท่าน จขกท ปฏิบัติแบบนี้ เพราะการที่เรายื่นศีลให้ใครสักคนเพื่อปฏิบัติตามให้อยู่ในศีลในธรรม แต่กลับกลายเป็นว่าปฏิบัติแล้วใจเป็นทุกข์ทรมาน ก็เท่ากับเป็นการทำคุณบูชาโทษ พระพุทธองค์สอนให้มนุษย์หาหนทางหลุดพ้นจากทุกข์ และดิฉันก็ต้องการให้ จขกท ปฏิบัติโดยที่ไม่ให้ใจของท่านเองเป็นทุกข์ ส่วนศีลข้อ3กามเม สรุปสั้นๆว่า มีคู่แล้วแอบไปมีชู้ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ครองของตน ไปยุ่งกับคนมีครอบครัวอันนี้คงจะกระจ่างแล้วนะเจ้าค่ะ
แต่ถ้าสมติให้ดิฉันเป็น จขกท ดิฉันเคยผ่านประสบการณ์ความรักมาก่อน ถ้าอยากพิสูจน์รักแท้ เราก็ควรใจแข็งอย่ายอมมีอะไรกับแฟนก่อนจนกว่าเค้าจะมาสู่ขอแต่งงาน ถ้าเค้ารักจริงเค้าต้องรอเราได้อยู่แล้ว ดูนิสัยใจคอกันไปก่อน แต่ก็ไม่ควรประมาทถ้าไม่ยอมให้มีอะไรด้วย แล้วเค้าไปเที่ยวผู้หญิงเค้าก็ควรจะเซฟและป้องกันตัวเอง อันนี้ก็น่าคิดว่ามั้ยหละ รู้สึกจะนอกเรื่องศีลข้อ 3 แล้ว

ขอขอบคุณคะ คุณ Nongkong คะ

ส่วนศีลข้อ3กามเม สรุปสั้นๆว่า มีคู่แล้วแอบไปมีชู้ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ครองของตน ไปยุ่งกับคนมีครอบครัวอันนี้คงจะกระจ่างแล้วนะเจ้าค่ะ

ขอยึดตามนี้ ถูกต้องที่สุดนะคะ เท่ากับเราไม่ได้แย่งหรือทำลายครอบครัวให้เค้าแตกแยก ไม่ผิดศิลนะคะ

...ศีลเป็นข้อห้าม...ควรเจตนาศีลให้บริสุทธิ์ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง...
...การประพฤติผิดในกามทั้งในกลุ่มที่เป็นเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้ามหรือการผิดเพศ...
...ล้วนอยู่ในข่ายละเมิดศีล...ส่วนเจตนาหรือไม่เจตนาที่จะละเมิดหรือทุศีลมีผลต่างกัน...
...การคิดไว้ในใจก็เริ่มที่จะมีแนวโน้มจะทำให้เกิดการละเมิดเพราะคิดก่อนที่จะพูดหรือทำ...
...คุณธรรมที่ต้องมีในการรักษาศีลก็คือมีทั้งหิริ(ละอาย)และโอตัปปะ(เกรงกลัวต่อบาป)...
...ทั้งนี้ก็อยู่ที่การได้รับการอบรมจิตใจและปลูกฝังพฤติกรรมมาจากครอบครัวเป็นเบื้องต้น...
...กิเลสตัวที่เป็นกามราคะในแต่ละบุคคลมีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดทั้งเพศชายและเพศหญิง...
...โทษของการผิดเพศนี้ก็ไม่เบาเลยอ่ะนะ...ถึงขั้นหมดสิทธิ์ในการบรรลุคุณธรรมทุกขั้น...
...ดูตัวอย่างที่มีการบวชพระเณรแล้วเป็นเกย์เป็นตุ๊ดเนี่ย...ทำในวัดมันบาป 2 เท่านะคะ...
...เพราะเป็นการทุศีลข้อกาเมสุมิฉจารทำให้ศีลขาดทะลุด้วยกาย วาจา ใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง ...
...มีพื้นฐานจิตที่เข้าใจสภาพธรรมตามภพภูมิผิดเป็นมิจฉาทิฐิทั้งกาย วาจา ใจสมควรลาสิกขา...
...การที่ยังทู่ซี้ดันทุรังอยู่ครองผ้าเหลือง...รังแต่จะทำให้จิตดวงนั้นไปอบายภูมิหนักกว่าคนธรรมดาอีก...
...เรื่องผลของกรรมเป็นความละเอียดอย่างยิ่งของจิตแต่ละดวง...ฉะนั้นคิดให้หนักก่อนพูดและทำค่ะ...

ถ้าตอบไม่ถูกใจจะโกรธมั้ย ถ้าคุณยังทำใจไม่ได้ ผมจะได้ไม่ตอบให้เสียเวลา