วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 06:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตใจที่มีสามัญสำนึกย่อมมีความรู้สึกว่ามีความดีความชั่ว มีผลของ
ความดีความชั่ว และผู้ทำนั้นเองเป็นผู้มีความดีความชั่วติดตามอยู่
เพราะใครทำกรรมใด กรรมนั้นย่อมจารึกอยู่ในจิตใจ และผู้ทำนั้นเอง
ต้องเป็นผู้รับผลกรรม คือ...รับผิดชอบต่อการกระทำของตน แต่การ
ที่คนไม่น้อยยังไม่มีความเชื่อตั้งมั่นลงไปในหลักกรรม ซึ่งรวบรัดโดย
ย่อว่า...'ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว' ก็เพราะเหตุ ๒ ประการคือ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


๑. ความลำเอียงเข้ากับตนเอง
คือ มุ่งประโยชน์ตน หรือมุ่งแต่จะได้เพื่อตนเท่านั้น ไม่คำนึงถึงความ
เสียหายทุกข์ยากของผู้อื่น ดังเช่น เมื่อโกรธขึ้นมาก็ทำร้ายเขา เมื่อ
อยากได้มาก็ลักของเขา เมื่อทำได้สำเร็จดังนี้ก็มีความยินดีและอาจ
เข้าใจว่าทำดี แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายตัวเรา
ถึงเราจะไปยั่วให้เขาโกรธก็ตาม หรือไม่อยากให้ใครมาลักของเรา
ถ้าใครมาทำเข้า เราก็ต้องว่าเขาไม่ดี เมื่อเราทำแก่เขาได้ เราก็คิด
เข้าข้างตนเองว่าเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเขาทำแก่เราบ้าง เราก็ว่าเขาว่าเป็น
สิ่งไม่ดี


๒. ไม่เห็นผลสนองที่สาสมทันตาทันใจ
โดยมากบุคคลต้องการเห็นผลของกรรมให้เกิดตอบสนองขึ้นอย่าง
สาสมทันตาทันใจ เช่น เมื่อทำกรรมดีก็อยากเห็นกรรมดีให้ผลเป็น
รางวัลอย่างมากมายทันตาทันใจ เมื่อเห็นหรือทราบว่าใครทำกรรม
ชั่วและไม่เห็นว่าเขาเสื่อมเสียอย่างไร หรือกลับเจริญรุ่งเรือง ก็สงสัย
ว่าทำชั่วไม่ได้ชั่วจริงกระมัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ในมหากัมมวิภังคสูตร...พระผู้มีพระภาคทรงจำแนกการให้ผลของ
กรรม แบ่งเป็น ๔ ประเภทคือ...
๑. บางคนทำชั่ว ตายแล้วไปอบายก็มี...
เพราะกรรมชั่วที่ทำไว้ในชาตินี้ให้ผล ทั้งต้องรับผลในชาติหน้าและ
ชาติต่อๆไปด้วย
๒. บางคนทำชั่ว ตายแล้วไปสุคติก็มี...
เพราะกรรมดีที่เคยทำไว้ก่อนๆให้ผล ส่วนกรรมชั่วในปัจจุบันยังไม่
ให้ผลหรือเวลาใกล้ตาย มีความเห็นชอบ จึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์
๓. บางคนทำดี ตายแล้วไปสุคติก็มี...
เพราะกรรมดีที่ทำไว้ในชาตินี้ให้ผล ทั้งจะให้ผลในชาติหน้าและชาติ
ต่อๆไปด้วย
๔. บางคนทำดี ตายแล้วไปอบายก็มี...
เพราะกรรมชั่วที่เคยทำไว้ก่อนๆให้ผล ส่วนกรรมดีในปัจจุบันยังไม่ให้
ผล หรือเวลาใกล้ตาย มีความเห็นผิด จึงไปเกิดในอบาย

ผู้ที่มีความรู้อันจำกัด เมื่อไม่ได้ศึกษามหากัมมวิภังคสูตรนี้ จึงมีความเห็นผิดว่า...'ทำชั่วได้ดี ทำดีได้ชั่ว'...นอกจากนี้ความเห็นผิดอาจมี
สาเหตุมาจาก...
๑. เป็นพวกค้ากำไรเกินควร ทำดีนิดเดียวแต่หวังจะได้มากๆ เมื่อไม่
สมหวังก็บ่นว่าทำดีไม่ได้ดี
๒. ทำยังไม่ถึงดี ก็เลิกเสียก่อน ถ้าเปรียบกับการหุงข้าว คงได้ข้าว
สุกๆดิบๆ
๓. ทำเลยความพอดี ถ้าหุงข้าว คงได้ข้าวไหม้
๔. ทำไม่ถูกดี ไม่สร้างเหตุที่ตรงกับผลที่ต้องการ เช่น อยากรวยจึง
ซื้อหวย เลยยากจนตลอดชาติ
๕. ไม่เห็นเมื่อบุคคลอื่นทำความดี เห็นแต่เวลาเขาได้ดี ก็เลยบ่นว่า
เขาไม่ทำดีแต่ได้ดี
๖. เข้าใจว่าดีคือรวยเพียงอย่างเดียว เมื่อทำดีแล้วไม่รวย ได้ดีอย่าง
อื่น ก็บ่นว่า ทำดีไม่ได้ดี
๗. ใจร้อนเกินไป เช่น หุงข้าวไม่ถึง ๕ นาที ก็หวังให้ข้าวสุก เมื่อไม่
ได้ดังใจ ก็บ่น...ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณที่มา
~พระมหาพีรเดช ฐิตเตโช~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์



:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ทิฐิวิบัติ3




อปัณณกสูตร

๕๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิบัติ ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือศีลวิบัติ ๑ จิตต
วิบัติ ๑ ทิฐิวิบัติ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ศีลวิบัติเป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ พูดเพ้อเจ้อ ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่า ศีลวิบัติ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็จิตตวิบัติเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มักโลภ มีจิตพยาบาท ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า จิตตวิบัติ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทิฐิวิบัติเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นวิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล ฯลฯ สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ให้รู้ตาม ไม่มีในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทิฐิวิบัติ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะศีลวิบัติ
เป็นเหตุ ... เพราะจิตตวิบัติเป็นเหตุ ... หรือเพราะทิฐิวิบัติเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนแก้วมณีหกเหลี่ยม ถูกโยนขึ้นเบื้องสูง กลับมาตั้งอยู่จะโดยที่ใดๆ ต้องกลับมาตั้งอยู่ได้ด้วยดี แม้ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกันแล ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะศีลวิบัติเป็นเหตุ ... เพราะจิตตวิบัติเป็นเหตุ ... หรือเพราะทิฐิวิบัติเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิบัติ ๓ อย่างนี้แล ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมปทา ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ ศีลสัมปทา ๑ จิตตสัมปทา ๑ ทิฏฐิสัมปทา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ศีลสัมปทาเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ศีลสัมปทาดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็จิตตสัมปทาเป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่มักโลภ ไม่มีจิต
พยาบาท ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่า จิตตสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทิฏฐิสัมปทาเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นสัมมาทิฐิ มีความเห็นไม่วิปริตว่า ทานที่ให้แล้วมีผล ฯลฯสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ให้รู้ตามมีอยู่ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทิฏฐิสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะศีลสัมปทาเป็นเหตุ ... เพราะจิตตสัมปทาเป็นเหตุ ... หรือเพราะทิฏฐิสัมปทา
เป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูกรภิกษุทั้งหลายเปรียบเหมือนแก้วมณีหกเหลี่ยม ถูกโยนขึ้นไปเบื้องบน กลับมาตั้งอยู่จะโดยที่ใดๆ ต้องกลับมาตั้งอยู่ได้ด้วยดี แม้ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุทั้งหลาย เพราะศีลสัมปทาเป็นเหตุ ... เพราะจิตตสัมปทาเป็นเหตุ ... หรือเพราะทิฏฐิสัมปทาเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูกรภิกษุทั้งหลายสัมปทา ๓ อย่างนี้ ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปาณาติบาต อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
ย่อมยังสัตว์ให้ไปเกิดในนรก ในกำเนิดดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย ผลกรรมแห่งปาณาติบาตอย่างเบา
ที่สุดย่อมทำให้เกิดเป็นมนุษย์ที่มีอายุน้อย "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อทินนาทาน อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
ย่อมยังสัตว์ให้ไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย ผลกรรมแห่งอทินนาทานอย่าง
เบาที่สุด ย่อมยังความพินาศแห่งโภคะให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กาเมสุมิจฉาจาร อันบุคคลเสพแล้วเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
ย่อมยังสัตว์ให้ไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย ผลกรรมแห่งกาเมสุมิจฉาจาร
อย่างเบาที่สุด ย่อมยังศัตรูคู่เวรให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มุสาวาท อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อม
ยังสัตว์ให้ไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย ผลกรรมแห่งมุสาวาทอย่างเบาที่สุด
ย่อมยังการกล่าวตู่ด้วยคำอันไม่เป็นจริง ให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปิสุณาวาจา อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
ย่อมยังสัตว์ให้ไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย ผลกรรมแห่งปิสุณาวาทอย่าง
เบาที่สุด ย่อมยังการแตกจากมิตรให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผรุสวาจา ที่บุคคลเสพแล้ว เจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว ย่อมยัง
สัตว์ให้เป็นไปในนรก ในเปรตวิสัย ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ผลกรรมแห่งผรุสวาจาอย่างเบาที่สุด
ย่อมยังเสียงที่ไม่น่าพอใจให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมผัปปลาปะ อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
ย่อมยังสัตว์ให้ไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย ผลกรรมแห่งสัมผัปปาละปะ
อย่างเบาที่สุด ย่อมยังคำไม่ควรเชื่อถือ ให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การดื่มน้ำเมา คือ สุราเมรัย อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำ
ให้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก ในเปรตวิสัย และสัตว์ดิรัจฉาน ผลกรรมแห่งการดื่มสุรา
และเมรัยอย่างเบาที่สุด ย่อมยังความเป็นบ้าให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 23:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


.......จากพระสูตรนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้ที่ผิดศีล ๕ ย่อมมีโทษหนักและเบาตามลำดับ คือทำให้เกิด
เป็นสัตว์นรก เปรต และสัตว์ดิรัจฉาน

โดยที่โทษอย่างเบาที่สุดของการฆ่าสัตว์ คือ ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ผู้มีอายุสั้น ต้องพบ
กับโรคภัย ทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร

โทษอย่างเบาที่สุดของการลักขโมย คือ ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ผู้ยากจนขัดสน หากเคย
ทำทานมามาก เกิดมามั่งมีเงินทอง แต่ในที่สุดทรัพย์เหล่านั้น ก็จะต้องพินาศไปด้วยภัยต่างๆ ไม่ว่า
จะเป็นภัยจากน้ำ จากไฟ จากโจรผู้ร้าย หรือ คนคดโกง

โทษอย่างเบาที่สุดของการประพฤติผิดในกาม คือ ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ผู้มีศัตรูคู่เวรมาก
ยากจะหาความสงบสุขในชีวิต

โทษอย่างเบาที่สุดของการพูดโกหก คือ ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ผู้ถูกกล่าวหาด้วยเรื่องไม่จริง
บางคนถูกใส่ร้ายป้ายสีจนเสียผู้เสียคน บางคนก็อาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย

โทษอย่างเบาที่สุดของการพูดส่อเสียด คือ ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ผู้ที่มักจะมีเรื่องแตกร้าว
กับมิตรสหาย ต้องทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่นอยู่เสมอ

โทษอย่างเบาที่สุดของการพูดคำหยาบ คือ ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ผู้ที่มักจะได้ยินเสียง
อันไม่น่าพอใจ ไม่น่าฟัง แม้ต่อมาตนเองจะเป็นคนอ่อนน้อม ไม่ด่าว่าใคร แต่ด้วยผลกรรมนั้นทำ
ให้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็จะได้ยินแต่เสียงด่าทอ ทะเลาะวิวาทให้ร้อนหูอยู่เสมอ

โทษอย่างเบาที่สุดของการพูดเพ้อเจ้อ คือ ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ผู้ที่ไม่มีใครเชื่อถือ ทำ
อะไรก็มักจะไม่ประสพความสำเร็จ

โทษอย่างเบาที่สุดของการดื่มสุราเมรัย คือ ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ผู้มีจิตใจเลื่อนลอย
ขาดสติ หรือเป็นบ้า เพราะได้สั่งสมความประมาทขาดสิต ให้แก่ตนเองด้วยการดื่มน้ำเมาเสมอมา

เพียงโทษอย่างเบาที่สุด ยังทำให้ชีวิตที่เป็นมนุษย์ตกต่ำลำบากถึงเพียงนี้ จึงสุดที่จะคิด
คำนวณได้ว่า โทษหนักในนรก เปรต สัตว์ดิรัจฉานนั้นจะเป็นชีวิตที่ทุกข์ทรมานมากเพียงใด








จากหนังสือ.....



ศีล....เป็นที่ตั้งแห่งความดีงาม

พระมหาสุวิทย์ วิชฺเชสโก ป.ธ. ๙


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 00:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




Lotus100086.jpg
Lotus100086.jpg [ 26.21 KiB | เปิดดู 6650 ครั้ง ]
onion ทำดี เพราะมันดี

ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่า แต่การเชื่อย่อมจะก่อผลบวกสถานเดียว คือถ้าเราเชื่อในกฎแห่งกรรม เราจะไม่กล้าทำชั่ว ทำบาป แม้ว่าความชั่วจะมีหรือไม่มีในชาติหน้า เราก็ไม่ได้รับผล คือเท่าทุน ไม่มีก็แล้วไปแต่ถ้ามีเราก็ไม่ต้องไปรับผลกรรมชั่ว แต่เราก็ควรจะทำความดีเผื่อไว้บ้าง ถ้าเกิดมีชาติหน้าและผลแห่งกรรมมีจริงเราก็สบาย ถ้าเกิดไม่มีในชาตินี้เราก็อยู่สบาย เพราะคนที่ทำความดีย่อมจะอยู่เป็นสุข

ที่มา : หนังสือทางธรรม

:b44: กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ ทางสวรรค์เปิดให้เดินเป็น 100 ทางไม่มีใครเดิน แต่ทางนรกเปิดแค่ทางเดียวผู้คนก็แห่กันแย่งไปเดินในทางสายเดียว สาธุ สาธุ สาธุ :b8: :b8: :b8: :b20:

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร