ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบคนที่นินทาคนอื่น ยิ่งมารู้ว่าเขานินทาเรา รู้สึกไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก ทำงานที่ไหน ที่ไหนก็มีแต่คนประเภทเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ต่อหน้าดีกับเรา ลับหลังสับเล่ะยิ่งกว่าหมูสับ พยายามทำใจ แต่ก็ทำไม่ได้สักที เพราะความไม่ชอบถึงเก็บไว้ในใจ แต่สีหน้าท่าทาง ทำไม่เป็น จะให้มาหัวเราะกับคนที่นินทาเรา ทำร้ายเราด้วยคำพูด พยายามหาหนังสือมาอ่าน เพื่อลดความโกรธ เกลียดคนเหล่านี้ อโหสิกรรมให้ แต่ก็ทำได้แค่นิดเดียว ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปทำกรรมอะไรไว้หนักหนา ถึงต้องเป็นที่นินทา ถูกทำร้ายด้วยคำพูดตลอดเวลา รู้สึกเครียดมากค่ะ

รวมกระทู้...
ที่จะตอบคำถามในใจขณะนี้ของ คุณนฎกร ได้ค่ะ


นินทาว่าร้าย เพราะอิจฉาริษยาเป็นเหตุ (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=19011

ถูกนินทาว่าร้าย คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=22381

ถูกชมคือธรรมดา ถูกด่าก็ไม่เลว (ท่าน ว.วชิรเมธี)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=34880

บันทึกคำสอน - ท่านเจ้าคุณนรรัตน์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=33164

โชคมา ก็ใช้ทำความดี...เคราะห์มี ก็เป็นเครื่องมือพัฒนา
โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=33163

ชีวิต...ขาลง (ชัยยศ ยโสธโร)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=31307

...ชีวิตนี้ไม่มีอะไรรุนแรงนักดอก...
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=23326

สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นกำไรเสมอ (ท่าน ว.วชิรเมธี)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=23311

โลกธรรม : สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=34498

ไม่ยินดียินร้าย (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=32957

วิกฤติคือโอกาสทอง (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=20072

วิธีเจริญเมตตา (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=20077

โลกธรรม 8 หมายถึง ธรรมดาของโลก เรื่องของโลก ธรรมชาติของโลกที่ครอบงำสัตว์โลกและสัตว์โลกต้องเป็นไปตามธรรมดานี้ 8 ประการอันประกอบด้วย

โลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ คือ พอใจของนุษย์ เป็นที่รักเป็นที่ปรารถนา

1.ลาภ หมายความว่า ได้ผลประโยชน์ ได้มาซึ่งทรัพย์
2.ยศ หมายความว่า ได้รับฐานันดรสูงขึ้น ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต
3.สรรเสริญ คือ ได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกยอ เป็นที่น่าพอใจ
4.สุข คือ ได้ความสบายกาย สบายใจ ความเบิกบาน บันเทิงใจเริงใจ
โลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือ ความไม่พอใจของมนุษย์ ไม่เป็นที่ปรารถนา

1.เสื่อมลาภ หมายความว่า เสียลาภไป ไม่อาจดำรงอยู่ได้
2.เสื่อมยศ หมายถึง ถูกลดอำนาจความเป็นใหญ่
3.นินทาว่าร้าย หมายถึง ถูกตำหนิติเตียนว่าไม่ดี ถูกติฉินนินทา หรือถูกกล่าวร้ายให้เสียหาย
4.ทุกข์ คือ ได้รับความทุกขเวทนา ทรมานกาย ทรมานใจ[1]

เรื่องของการนินทา

วันนี้ผมขอคัดลอกบทความที่ผมชื่นชมมาให้อ่านกัน เพื่อการเตือนใจแก่ใคร หลายๆคนทีชื่นชอบการพูดลับหลังคนอื่น ๆ

คมคำคนคม

"It [gossip] is like a fog and the clear wind blows it away and the sun burns it off. "

"การนินทาก็เช่นหมอก จะหายไปด้วยลมแรง และแสงอาทิตย์สาดส่อง"

Ernest Hemingway เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (1899-1961)

โรคติดต่อ

งานอดิเรกยอดฮิตอย่างหนึ่งของชาวมนุษย์คือการสอดรู้สอดเห็น อาจพัฒนามาจากสัญชาตญาณสอดรู้สอดเห็นเพื่อให้อยู่รอดในโลกกว้าง จนกลายมาเป็นการสอดรู้สอดเห็นเพื่อความบันเทิง พูดง่ายๆ คือรู้สึกดีเวลารู้ความลับของคนอื่น!

และเมื่อบวกกับนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ก็นิยมขยายการรู้ความลับของคนอื่นให้คนอื่นๆ รับรู้ด้วย!

โบราณบอกว่าการนินทากาเลเป็นนิสัยไม่ดีอย่างหนึ่ง แต่บัดนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ความจริงแล้วการนินทาเกิดจากเชื้อโรคชนิดหนึ่ง เชื้อโรคพันธุ์นี้มักเกิดแถวปากและแก้วหู ทำให้เกิดอาการคันปาก อยากระบายมันออกไป ตามหลักขจัดพิษด้วยตัวเอง (self detoxfication)! โรคนี้ภาษาแพทย์ยาวมาก นิยมเรียกย่อว่า TIGER ซึ่งมีที่มาจากคุณลักษณะห้าข้อของผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้คือ

T - Talkative พูดก่อน คิดทีหลัง (อาการจะหนักขึ้นหากประกอบอาชีพนักการเมือง)

I - Immature ไม่รู้จักโต ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง

G - Garbage ชอบขลุกกับขยะ (พวกชอบดูหนัง ‘น้ำเน่า’ อาจพอเข้าข่ายนี้!)

E - Eavesdropping ชอบแอบฟังเรื่องลับเฉพาะทั้งหลาย

R - Relating มีความสามารถเชื่อมโยงหลายเรื่องเข้าด้วยกันได้ (พอกล้อมแกล้มได้ว่าเป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างหนึ่ง)

เชื้อโรคสายพันธุ์นี้เมื่อมาถึงเมืองไทยมักจะกลายพันธุ์ มีฤทธิ์แรงกว่าเดิม ทางการแพทย์ไทยเรียก TIGER-ก (ก คือ กลายพันธุ์) ถึงไม่จัดว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่ส่งผลถึงแก่ชีวิต แต่ก็เป็นโรคที่น่ารำคาญและสมควรรักษาให้หายขาดอย่างยิ่ง

อาการของโรคนี้คือ ชอบขยายความ

ฟังมาเรื่องหนึ่ง จะเล่าเรื่องเสริมแถมไปด้วย เช่น มีคนเล่าให้ฟังว่า นางสาว ก. สวมชุดอาบน้ำว่ายน้ำในโรงแรม และเกิดอุบัติเหตุหกล้ม ก็เล่าเสริมว่า อาจเพราะมัวแต่มองชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง

ท้ายสุดเมื่อผ่านการเล่าไปสิบปาก เรื่องก็กลายเป็นว่า นางสาว ก. เกิดอุบัติเหตุบิกินีหลุดล้มใส่ชายหนุ่มคนหนึ่ง และเลยกลายเป็นสัมพันธ์สวาทกับนายคนนั้น ฯลฯ

ขยายความเสียจนจำเรื่องเดิมไม่ได้

และหากสำทับด้วยประโยค "จุ๊! จุ๊! อย่าบอกใครนะ" ข่าวนั้นก็ยิ่งเดินทางเร็วกว่าจรวด!

วิธีการป้องกันรักษา :

1 เลิกอ่านคอลัมน์ซุบซิบนินทา

2 ใช้หลักฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ใครเล่าเรื่องไม่ดีของคนอื่นให้ได้ยิน ก็ทิ้งมันไว้ตรงนั้น

3 หัดมองด้านดีของคนอื่นบ้าง

4 ใช้หลัก ‘เอาใจเขามาใส่ใจเรา’ ลองนึกดูว่าหากเราเป็นคนที่ถูกนินทา จะเจ็บปวดเพียงใด

5 ใช้หลักสามัญสำนึก หากเรื่องที่คุณได้รับการบอกเล่าเป็นเรื่องลับของใครคนหนึ่งจริง มันก็คงเดินทางมาไม่ถึงหูคุณ

6 ใช้หลัก ‘กรรมสนองกรรม’ หากคุณนินทาคนอื่นได้ คนอื่นก็นินทาคุณได้

7 เคารพการตัดสินใจการใช้ชีวิตของผู้อื่น ชีวิตใครชีวิตมัน มนุษย์สมควรมีเสรีภาพที่จะเลือกใช้ชีวิตของเขาหรือเธออย่างไรก็ได้

8 อย่าทำตัวเป็นผู้พิพากษา อย่าพยายามตัดสินคนอื่นด้วยมาตรฐานของศีลธรรม ค่านิยม หรือความเห็นส่วนตัว

ชีวิตของมนุษย์บนโลกสั้นนัก น่าเสียดายเวลาหากต้องเสียมันไปกับเรื่องที่ไม่เกิดผลอะไร

รกหู รกสมอง รกใจ

สิ่งสวยงามในโลกนี้ยังมีมาก ไปขลุกกับของสกปรกทำไม

เอ้อ! แล้วอย่าบอกใครนะ!

วินทร์ เลียววาริณ
http://www.winbookclub.com
ขอบคุณที่มา :: ครอบครัวตัวอ้วน

กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ

จากประสบการณ์ผม และผมไม่อยากให้คุณเป็นเหมือนผมเพราะผมเป็นพวกประนีประนอม ตามใจคนอื่น จนเดือดร้อนตัวเองบ่อยๆ แม้กระทั่งคนเอาเปรียบ รู้นะว่ากำลังทำอะไรกับเรา

ผมเปลี่ยนงานบ่อย เพราะทนคนที่ชอบเอาเปรียบไม่ได้ ขี้นินทา ข่มเหงดูถูก เอางานเราไปเป็นงานตัวเอง มีหลายครั้งที่เขายิ้มอย่างออกหน้าออกตาเวลาเอาเปรียบเราได้ มีปรบมือ เสียงดีใจด้วย

และผมก็เลือกที่จะหนี ยิ่งหนี เขายิ่งได้ใจ แกล้งเราไปเรื่อยๆ จนทนไม่ไหว ผมก็ออก
ธรรมะช่วยผมได้บ้าง ให้ผมเก็บขยะไม่ต่างแม่บ้าน แม่บ้านยังกดขี่ผมอีกทอด

จนตอนนี้ชีวิตเหลว เพราะเราเอาใจคนอื่นเป็นที่ตั้ง และเลือกที่จะหนี ยอมให้เขาเข้ามาในพื้นที่ของเราเรื่อยๆโดยไม่ปริปาก แน่นอนว่าวันหนึ่งมันต้องระเบิด แล้วชีวิตคุณก็จะหนีมันไปเรื่อยๆ
แต่ก็ไม่พ้นสักที

คุณเคยโดนพี่หรือน้องแกล้งให้กลัวหรือเอาอะไรที่ไม่ชอบมาให้คุณไหม เมื่อไหร่ที่คุณเลิกกลัว เขาก็จะรู้สึกเบื่อ ไม่สนุก แกล้งแล้วไม่สนุกเลย เขาก็จะเลิกไปเอง แต่ถ้าคุณยังกลัว เขาก็ยิ่งแกล้ง และอาจไปบอกเพื่อนเราอีกว่าเรากลัวอะไรก็จะยิ่งมีคนแกล้งเราอีก


ขอให้คุณสู้กับมัน เวลาที่เราลำบากใจ มักจะไม่กล้าเผชิญ จึงเลือกที่จะหลีกหนี ไม่อยากพูด ไม่อยากรู้ ไม่อยากฟัง ไม่อยากเจอ ไม่อยากได้ยิน หรือเห็นหน้า หรือไม่แม้แต่อยากจะคิดถึง
ขอให้เผชิญหน้ากับความทุกข์ตรงหน้า ใช้จิตเพ่งเลย กายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ตูให้ความสำคัญมากนะเนี่ยกับคนที่เราเกลียด

เวลาผมเกลียดใคร จะไม่ค่อยอยากคิดถึง แต่หลังๆ ถ้านึกถึงคนที่เกลียด ก็บอกตัวเองว่า
ไหนๆจะนึกถึงมันแล้ว ขอจำรายละเอียดและ นึกให้ได้ซิ
ขอสัก1ชม.นึกแต่เรื่องมันไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลย
แต่เชื่อไหมว่า 15 นาทีอารมณ์โกรธก็หาย เหมือนเราจับผิดความทุกข์ตัวเอง
จิตใต้สำนึกให้เรารู้สึกแย่มันเบื่อ แกล้งเราไม่สนุกแล้ว มันก็หายไป


ผมยังทำได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะยังมีโลภะ โมหะ โทสะมาก

โชคดีครับ

โดนกันทุกคนแหละครับ ไม่ว่าจะทำดีขนาดไหนก็มีคนหาเรื่องนินทาได้

เป็นเรื่องธรรมดาของโลก ไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยโดนนินทาครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ ได้ยินอะไรมาก็"ช่างมัน"ครับ

เป็นธรรมดาของมนุษย์ค่ะ ไม่ว่าดีแค่ไหนก็โดนนินทาอยู่ดี ขนาดพระพุทธเจ้ายังโดนนินทาว่าร้าย แล้วคุณจะมาถืออะไรกับชีวิตมนุษย์แบบเราเราทั้งหลาย

เรื่องที่เค้านินทา พูดจบมันก้อจบตรงนั้นแหละค่ะ เค้าพูดครั้งเดียว เราคิดครั้งเดียวพอค่ะ คนพูดเค้านอนหลับสบายไปละ ส่วนเรายังคิดแล้วคิดเล่าเป็นสิบครั้ง โมโหสิบครั้ง ทุกข์ที่ตัวเรานี่แหละ

คนที่ทนต่อการถูกนินทาไม่ได้....เพราะเป็นคนที่มากด้วยความต้องการหมู่มิตรคำชม

หากต้องการทนคำนินทาได้...ก็แค่ลดความต้องการของตัวเองเสีย

คนที่ไม่ต้องการอะไรเลย....ไม่ว่าจะคำติหรือคำชม....ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

โดนนินทาเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีคนนินทานี่สิมันไม่ธรรมดา มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดมันจะมาเป็นคู่
เหมือนมียินดีก็ต้องมียินร้าย มีพอใจและก็มีไม่พอใจ เห็นไหมมันมาเป็นคู่ ตัดสองตัวที่มันมาเป็นคู่ได้มะไหร่
เราก็จะเฉย นิ่ง สงบ ไม่สุข ไม่ทุกข์ รู้อยู่ในจิตแค่นั้น แต่จิตไม่ไปจับเอามาปรุงแต่ง ถามใจตัวเองว่าเหตุใดคนเหล่านั้นถึงนินทาเราเพราะทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย

ช่างเขาเถอะคะ