เป็นเรื่องที่ประสบและรู้สึกตัวเราเองเป็นคนหนึ่งที่มักจะมีบุคคลเพศชายมาชอบและมันมากมายทั้งที่เราไม่ต้องการและเราก้อบอกไปว่าไม่ชอบเราอยากเข้าวัดปฏิบัติธรรมแต่เราก้ยังโดนชายระรานบ้างขอนอนด้วยบ้างเราก็พยายามหนีตลอดและทำให้การดำเนินชีวิตหวาดระแวงกลัวโดนทำร้ายบ้างหรือว่าเราเป็นแม่ม่ายนะมีเพื่อนแนะนำให้แต่งงานใหม่แต่ก็ไม่อยากเราอยากเข้าวัดเมื่อหมดภาระเรื่องลูกตอนนี้เราก็เหนื่อยกับการหนีเต็มทีกลัวตัวเองและลุกไม่ปลอดภัยเป้นแบบข่าวจังอย่างนี้เค้าเรียกกรรมหรือไม่มีวิธีแก้อย่างไรช่วยตอบที

กรรม = เจตนา เจตนาคือกรรม คือเหตุ

กรรม = การกระทำทางกายวาจาใจ เป็นพฤติกรรม หรือกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

กรรมดี = การกระทำทางกายวาจาใจดี เรียก กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
กรรมชั่ว = การกระทำทางกายวาจาใจชั่ว เรียก กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต

วิปากกรรม = การรับผลกระทบของกรรมทั้งจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ทั้งในทางดีและชั่วให้ผลเป็นความสุขกายสุขใจ (เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส ได้รู้สึกนึกคิดเป็นสุข) และทุกข์กายทุกข์ใจ (เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส ได้รู้สึกนึกคิดเป็นทุกข์) เป็นไปตามเหตุ(กิเลสตัณหา จากปัจจัยภายนอกภายใน)และปัจจัย(ผล = วิปาก )------>และสืบต่อการกระทำกรรมทางกายวาจาใจไปตามแรงแห่งกรรมต่อไป โดยรู้บ้างโดยไม่รู้บ้างเจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง ฯลฯ



วิปากกรรมจากปัจจัยภายใน = ๑)ปัจจัยภายใน (การปรุงแต่งการกระทำของตนเอง จากกิเลสตัณหา ที่แก้ไข(พฤติ)กรรมของตนเองได้ เป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ลดละเลิกได้ สร้างพฤติกรรมใหม่ได้ เริ่มต้นใหม่ได้)

วิปากกรรมจากปัจจัยภายนอก = ๒)ปัจจัยภายนอก การปรุงแต่งการกระทำจากบุคคลอื่น ๆ จากบุคคลรอบข้าง(จากกิเลสตัณหา เป็นได้ทั้ง กรรมดีกรรมชั่ว มาทั้งดีและร้ายผลที่ได้รับก็ได้รับทั้งดีและร้าย) ที่เกิดขึ้นโดย อยากให้เกิดขึ้นก็ไม่ได้ ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ไม่ได้ อยู่เหนือการควบคุมเพราะไม่ใช่ เจตนาของเรา หวังหรือไม่หวังให้เป็นไปตามต้องการไม่ได้โดยง่าย เป็นกรรมหรือเจตนาของบุคคลอื่น เป็นอจินไตย(ไม่ควรคิด,คิดนึกเอาไม่ได้)

คงพอจะวิเคาระห์ไตร่ตรองดู ตามเหตุและผล ตามเหตุและปัจจัยได้ทราบพอสมควรแล้วว่า เกิดจากเหตุ(เป็นกรรมดีหรือชั่วทางกายวาจใจ) เกิดจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน เมื่อได้ทราบแล้ว ว่าวิปากกรรมที่ได้รับนั้นเป็นเรื่องนอกเหนือการควบคุมตนเองอยู่บ้าง แต่เราเองยังสามารถมองให้เห็น ว่าทุกคนล้วนมีกรรม (= เจตนา)เป็นของตัว พระท่านว่าใครหว่านพืชอย่างไรก็ได้ผลของกรรมอย่างนั้น หากบุคคลอื่นมีความอยาก มีความปรารถนาในทางไม่ดีกับคุณโยม oueng

กรรมของเขา เจตนาในทางไม่ดีของเขาจะทำให้ตัวเขาเอง ต้องประสบพบเจอกับการกระทำที่สะสมเอาไว้ในทางที่ไม่ดี พัวพันอยู่กับความทุกข์ ความพลัดพราก ความทุกข์ความเสียใจแล้ว ๆ เล่า ๆ ไ่ม่มีที่สิ้นสุดหยุดลง ไม่ว่าจะเกิดเป็นหญิงหรือชายอีกก็ตาม เช่นเดียวกับที่คุณโยม oueng ประสบพบเจออยู่นั่นแปลว่า กรรมมีจริง ผลของกรรมก็มีจริง

วิปากที่ได้รับกระทบการรับรุ้ เห็น ได้ยิน ได้รับได้รู้สึกนึกคิดในทางที่ไม่ชอบใจพอใจ นี่คือได้รับกรรมทางกายวาจาใจ รับเจตนาในทางไม่ดีของผู้อื่นที่มอบที่ยื่นให้แก่เรา

หลังจาก รับกรรมที่ผู้อื่นมีเจตนาต่อเรา แล้วเราก็เลือก ที่จะโต้ตอบไปในทางไหน จุดนี้คือจุดสำคัญที่สุด จะผูกพันจองเวรหรือเกื้อกูลช่วยเหลือ หรือจะซ้ำเติมตนเอง หรือจะพาตนเองออกมาจากวิปากกรรมอยู่ที่ตัวเราเองทั้งสิ้น หากเป็นวิปากกรรม เป็นอกุศลเป็น มโนทุจริต คิดอยากมีอะไรกับเรา เป็นวจีทุจริต ขอนอนด้วย

ข้อนี้เป็นปัจจัยภายนอก อยู่เหนือการควบคุม คำพูดความคิดผู้อื่น เราป้องกันตนเองจาก คำพูดความคิดที่ไม่ดีได้ ด้วยการพิจารณาใส่ใจให้แยบคาย ว่าที่เขาพูดเขาคิด นั่นเพราะเขากระทำไปด้วยความไม่รู้ตัว ถึงจะเจตนาก็เป็นเจตนาที่ไม่ดี ไม่เป็นประโยชน์เป็นโทษต่อตัวเขาเองหากเขามีครอบครัวอยู่แล้ว เขาจะทำให้ครอบครัวเขาเดือดร้อน โดยดึงเราไปเกี่ยวข้องรวมความผิดหากได้กระทำ

เป็นเจตนาไม่ดี ที่หวังเพียงความสุขของตนเอง โดยไม่ได้ใส่ใจในความรู้สึกนึกคิดของเรา ล้วนเป็นเหตุจากปัจจัยภายนอก หากเลือกที่จะไปกังวลไปแก้ไขแบกความคิดคำพูดคนอื่น คงเป็นการป้องกันที่ยากและเกินควบคุมเกินกำลังแก่สติปัญญาจนเกินไป (ให้ลดความกังวลแต่ให้เพิ่มการป้องกันตัว แคร์ความสุขตัวเองให้ปล่อยวาง แคร์คำพูดความคิดคนอื่นก็แบกต่อไป)

หากแต่เป็นเจตนาหรือกรรมที่ เป็นกายทุจริต ที่สามารถทำร้ายได้ทั้งร่างกายและจิตใจของเรา นั่นสมควรที่จะป้องกันหลบหนี อย่างมีสติปัญญา รู้ัรักษาตัวให้รอดปลอดภัยจากอันตรายในทุกๆ วิถีทาง และเป็นปัจจัยที่เหมาะที่ควรแก่การควบคุม ไม่แต่งตัวสวยเกินไป ไม่พูดเรื่องอื่นนอกจากหน้าที่การงานที่จำเป็น ไม่อยู่กันสองต่อสองลับตาคน สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่เราควบคุมได้ทำได้

ประการสุดท้าย ธรรมะอยู่ในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนคนบ้ากามให้เป็นคนกล้ารักครอบครัว เปลี่่ยนคนชั่วให้กลายเป็นคนดี ด้วยการเริ่มที่ตัวเรา ทุกคนล้วนมีกรรมมีเจตนาทั้งที่ดีและไม่ดี หากสะสมแต่สิ่งไม่ดี คำพูดความคิดการกระทำก็เป็นไปในทางไม่ดี ไปทางเสื่อม ทางทุจริต ๓

สังคมสื่อมีส่วนส่งเสริม หากเราจะเป็นจุดเล็กๆ ในการริเริ่ม เริ่มต้น จากภายในจิตใจเรา ว่าทุกคน ควรอบรมแต่สิ่งดีๆ คิดพูดทำในทางที่ดี มีเมตตาไมตรีไม่พยาบาทเคืองโกรธต่ออกุศลกรรมของผู้อื่นที่หยิบยื่นให้เราโดยเจตนาก็ดีไม่ได้เจตนาก็ดี รู้จักใ้ห้อภัย มีความกรุณาสงสารซึ่งกันที่ต้อง เกิดแก่เจ็บตายเหมือน ๆ กัน ต้องสูญเสียคนที่ตนรัก ต้องจากโลกนี้ไปเหมือน ๆ กันควรอบรมจิตใจตนให้อยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา พาตนเองพ้นไปจากวัฏฏะทุกข์นี้จนกว่าจะถึงที่สุดทุกข์เจริญพร






Credit image by:
http://gotoknow.org/blog/zen3/281685

เมื่อ จขกท. เห็นว่าไม่ปลอดภัยในชีวิตจากการถูกระรานของ ผช. บางคนหรือหลายๆคนซึ่งขอมีอะไรด้วย ซึ่ง จขกท.ก็ปฏิเสธแต่ก็ยังถูกตามตื้อ ขอแนะนำให้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ก็ดีกันไว้

ส่วนใหญ่หญิงมักมีภัยรอบตัว ยิ่งสวยยิ่งอันตราย เป็นแม่หม้ายทรงเครื่องด้วยแล้ว
ยิ่งเป็นที่หมายปองของทั้งหนุ่มทั้งแก่ ทั้งที่หัวเริ่มเลี้ยงงูกับที่มีงูบนหัวหลายตัว อิอิ..

เล่าฮิวเคยท่องยุทธภพตงง้วนพร้อมกับผู้กล้าหลายท่าน โรงเตี้ยมมักมีสาวงามให้เลือกมากมาย
จึงกล่าวว่า ความงามเป็นทั้งคุณและโทษ เคยได้ยินบ่อยๆ เช่น คนสวยมีกรรม คนสวยแย่แล้ว
อะไรประมาณนี้แหละ..แหะ..แหะ

กำลังของผู้หญิง มีห้าอย่าง คือ

๑. รูป
๒. ทรัพย์
๓. ญาติ
๔. บุตร
๕. ศีล

ศีลเป็นใหญ่กว่ากำลังทั้งปวง แม้ขาดสี่อย่างแต่มีศีล หญิงนั้นก็ไม่เสื่อมจากตระกูลของสามี
เมื่อรู้สึกว่าถูกคุกคาม ขอแนะนำ ดังนี้

- ให้อาศัยญาติ ทั้งฝ่ายตนและสามี
- ปฏิบัติธรรมตามที่ต้องการ มีการรักษาศีลเป็นเบื้องต้น คิดไว้เสมอ ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
- อย่าประมาท อยู่ที่เปลี่ยวควรหาเพื่อนเดินทาง

นึกได้แค่นี้แหละ ท่านอื่นอาจมีดีกว่านี้..

นึกซะว่า "มารไม่มี บารมีไม่เกิด"
ขออนุโมทนาด้วยครับ