วันเวลาปัจจุบัน 16 พ.ค. 2025, 00:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2010, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2010, 16:30
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมรู้ว่าอาจจะมีคนเคยถามก่อนหน้าแล้ว แต่ว่าผมค้นไม่เจอครับ เข้าเรื่อง: ผมชอบกินเนื้อไก่เนื้อวัวมาก แต่ผมไม่เคยฆ่าหรือสั่งฆ่าสัตว์เลย แต่สาเหตูที่ผมยังกังวลอยู่เพราะโดนคนกินเจโจมตีผมว่าบาป ผมอยากรู้ว่ามันบาปไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2010, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


สัตว์ตายแล้ว ร่างของสัตว์ จัดเป็นธาตุ เป็นซาก ไม่มีชีวิต
มีค่าเท่ากับดินน้ำลมไป ผักไม้ใบหญ้า กินได้ไม่บาปครับ

แต่ถ้าเจตนาพรากชีวิตเขา เพื่อจะกินซากของเขา อันนี้บาป
บาปตรงพรากชีวิต

เราไม่ได้ฆ่า ไม่มีเจตนาฆ่า เราไม่บาปครับ




ถ้าการกินซากสัตว์นั้นเป้นบาป
การกินพืชก้คงจะต้องบาปด้วย
พืชผักทั้งหลายก้ล้วนแล้วแต่เคยเป็นซากพืชซากสัตว์อื่นที่ย่อยสลายกลายมาเป้นพืชต้นใหม่


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 19 เม.ย. 2010, 16:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2010, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
สัตว์ตายแล้ว ร่างของสัตว์ จัดเป็นธาตุ เป็นซาก ไม่มีชีวิต
มีค่าเท่ากับดินน้ำลมไป ผักไม้ใบหญ้า กินได้ไม่บาปครับ

แต่ถ้าเจตนาพรากชีวิตเขา เพื่อจะกินซากของเขา อันนี้บาป
บาปตรงพรากชีวิต

เราไม่ได้ฆ่า ไม่มีเจตนาฆ่า เราไม่บาปครับ




ถ้าการกินซากสัตว์นั้นเป้นบาป
การกินพืชก้คงจะต้องบาปด้วย
พืชผักทั้งหลายก้ล้วนแล้วแต่เคยเป็นซากพืชซากสัตว์อื่นที่ย่อยสลายกลายมาเป้นพืชต้นใหม่


cool คุณอาสบายดีนะคะ ไม่ได้เข้ามาทัก....น้องชายคนนี้นานเลย :b11:
อธิบายต่อหน่อยซิคะ ว่าการกินเนื้อวัวนี่ บาปจริงไม๊
ตอนนี้ก็ไม่ได้กินมานานแล้ว เพราะหลายๆเหตุผล
แต่เนื้อหมูก็ถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ คนส่วนใหญ่ก็ยังกินกันอยู่
ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก เลยรบกวนคุณอา หรือท่านอื่นๆ ช่วยอธิบายด้วยค่ะ
:b10: :b10: :b10:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2010, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ ชาติสยาม ให้คำตอบที่ถูกต้องครอบคลุมแล้วครับ...
สิ่งใดที่เราไม่ได้เจตนานั้นไม่บาปแน่นอน แต่สิ่งใดที่เป็นการเจตนา แม้ไม่ได้กินแต่ไปสั่งฆ่านั้นบาปแน่ๆ...เหมือนเราไปเหยียบมดตัวเล็กๆ ตายโดยที่ไม่รู้ตัวเลยนั้นคงไม่บาปครับ
ส่วนคนส่วนมากที่หลีกเลี่ยงบริโภคสัตว์ใหญ่ เช่น เนื้อวัว ควาย หมู บริโภคแต่สัตว์เล็ก เช่น ปลา หรือเล็กลงไปอีกอย่างแมลงต่างๆ..หรือไข่ เป็นต้น....เอ....อันนี้ต้องถามท่านผู้รู้อีกนั่นแหละเพราะยังมีพระสงฆ์ในศาสนาพุทธเราบางสำนัก..ไม่ฉันท์เนื้อสัตว์...หรือสาธุชนทั่วไปที่ กินเจ หรือ มังสวิรัต หรือสาธุชนที่ศัทธาบูชาเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งถือว่าเป็นบุญกุศลอย่างยิ่งที่ไม่เบียดเบียนสัตว์
แต่ความเห็นส่วนตัวของกระผม การฆ่าแล้วกินจิ้งหรีดตัวหนึ่ง(สัตว์เล็ก)กับการฆ่าวัวตัวหนึ่ง(สัตว์ใหญ่)นั้นเป็นบาปเท่าเทียมกัน...ส่วนคนที่หลีกเลี่ยงบริโภคสัตว์ใหญ่นั้นน่าจะ เพื่อดูแลสุขภาพมากกว่า ไม่เกี่ยวกับบาปหรือไม่บาป
เดินทางสายกลาง..รักษาศีล ๕ นั่นเป็นบุญกุศล มีอานิสงส์ เป็นเบื้องบาทที่จะก้าวไปปฏิบัติธรรม
ขอจงเจริญในธรรม :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 01:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กินเนื้อสัตว์จะกินให้บาปก็ได้ กินให้ไม่บาปก็ได้
มีเรื่องเล่าว่า
อดีตชาติของท่านองคุลีมาล เกิดเป็นเต่าจำศีล
อยู่มา มีคนนั่งเรือสำเภา มาติดเกาะ แล้วหาอาหารไม่ได้
ไปจับเต่ายักษ์ได้(องคุลีมาล) จึงจับมาเทป็นอาหาร
ก่อนตายเต่าได้อธิษฐานว่า เราเป็นเต่าจำศีลไม่เบียดเบียนใคร
วันนี้ท่านกินเนื้อเรา เราขอทวงคืน แต่มีหญิงคนหนึ่งนึกสงสาร จึงไม่ได้กินเนื้อด้วย
เต่ายักษ์ เนื่องจากบำเพ็ญศีล จึงได้เกิดเป็นพระยายม
และเมื่อรู้ข่าวว่าจะมีพระพุทธเจ้ามาบังเกิด จึงลงมาเกิดเพื่อบรรลุธรรม
คนที่ถูกองคุลีมาลฆ๋าก็คนที่กินเนื้อเต่ายักษ์ ส่วนแม่ขององคุลีมาล ก็คือหญิงที่ไม่ได้กินเนื้อนั่นเอง

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2010, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่บาปหรอกค่ะ ไก่กับวัวเนื้อมันเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ ถึงเราสั่งฆ่ามันเพื่อมาเป็นอาหารก็ไม่บาป ขอเพียงไม่ใช่ฆ่าด้วยเจตนาที่ผิดไปจากนี้ก็ไม่บาปค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2010, 02:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www



พระวินัยก็ไม่ได้บัญญัติให้พระสงฆ์..งดฉันท์เนื้อสัตว์

ดีหรือชั่วไม่ได้อยุ่ที่กินเนี้อสัตว์หรือไม่?

กินเจ...แต่ไม่เคยเข้าวัด ไม่ถือศิล ไม่ทำบุญ ตักบาตร
ก็ไม่มีประโยชน์อันใด...อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2010, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


chulapinan เขียน:
ไก่กับวัวเนื้อมันเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ ถึงเราสั่งฆ่ามันเพื่อมาเป็นอาหารก็ไม่บาป

ด้วยความเคารพ...อ่านยังไงๆ เห็นสงสาร ไก่ กับ วัว จริงๆ ที่เกิดมาแล้วต้องมาเป็นอาหารของ มนุษย์ ไม่รู้ใครไปบัญญัติ ... พวกเขาเกิดมาแล้วตัวยังเป็นลูกอ่อน ก็ได้รับป้ายแขวนคอเขียนไว้ซะแล้ว
"อาหารของมนุษย์" ไม่มีทางอื่นให้เขาได้เลือก..อนิจจา อันเพียงแค่ ศีล ใน ๕ ข้อนี้ ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเรายังรักษายาก..อยู่แล้ว ไหนเลยจะเลื่อนขึ้นไปเป็นศีล ๘ ซึ่งอานิสงส์สูงขึ้นไป
แม้เพียงเลี้ยงสัตว์ไว้เพื่อฆ่า..พุทธศาสนาเรายังถือว่าเป็นอาชีพที่ยังเบียดเบียนสัตว์ ยังไม่บริสุทธิ์ ยังเป็นบาป..ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ เป็นฟาร์มหมู..ไก่เนื้อ ..บ่อกุ้ง..บ่อปลา..แล้วร่ำรวยเป็นเศรษฐี..ถือว่า"เสวยสุขบนกองบาป"แท้ๆ อันนี้ต้องพิจารณาอย่างละเอียด
ส่วนการสั่งฆ่า..ในทางโลกนั้น คนสั่งฆ่าโทษหนักกว่าคนฆ่า..
ส่วนทางธรรม(จิต วิญญาน) แม้คิดจะฆ่าก็เป็นบาป..
ขอเจริญในธรรม :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ศรีสมบัติ เมื่อ 03 พ.ค. 2010, 14:56, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2010, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b16:
...ถ้าเลี้ยงเองแล้วลงมือฆ่าเองก็บาปค่ะ...แต่ถ้าไปซื้อที่ตลาดมาบริโภคก็ไม่บาป...
...ถ้าคิดว่าตัวเองกินเนื้อสัตว์แล้วบาป...พระสงฆ์ยิ่งจะไม่ตกนรกเลยหรือจ๊ะ...
...กลุ่มที่เขากินเจก็เป็นแนวคิดที่คิดว่า...ตนเองได้ลดการฆ่าสัตว์ลงเพราะไม่กินเนื้อสัตว์...
...เขาได้ทำดีเพราะไม่ได้ฆ่าสัตว์และได้ลดการฆ่าสัตว์...ถามว่ามันลดได้จริงจริงไหม...
:b12:
...พระพุทธเจ้าให้เดินทางสายกลาง...ถ้าบังคับว่ากินเจ...ถ้าชาวบ้านไม่มีแล้วจะได้ฉันเหรอ...
...ถ้าเรากลัวบาป...ก็ปฏิบัติธรรมแล้วอุทิศบุญให้สัตว์นั้นเพราะชีวิตเขาต่อชีวิตเราให้ยาวออกไป...
...สัตว์เวลาเขาตายลงเนื้อยังเอามาใช้บริโภคได้เท่ากับเขาได้กุศลด้วย...
...แต่มนุษย์สิ...ตายแล้วก็มีแต่จะเอาไปเผาไฟยังประโยชน์ให้ชีวิตอื่นหาได้ไม่...
:b11: :b27:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กินเนื้อสัตว์ โดยไม่เอาสัตว์มีชีวิตมาฆ่าด้วยตนเอง
ไม่รู้ ไม่เห็นว่าเขาฆ่าสัตว์เพื่อเรา และต้องไม่สั่งให้เขาฆ่าเพื่อเอาเนื้อมาประกอบอาหาร
ไม่ผิดศีลข้อ 1 ไม่บาป
แต่ได้ยินว่าสัตว์บางตัวจองเวรกับผู้ที่เอาเนื้อไปรับประทาน ผู้นั้นต้องชดใช้หนี้เวรกรรม

ส่วนตัวเห็นว่าจะกินผักหรือเนื้อ หากกินด้วยความยึดมั่นถือมั่นก็คงไม่ต่างกัน


ขอยกคำสอนของหลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร แห่งวัดถ้ำยายปริก เกาะสีชัง มา ณ ที่นี้นะคะ

หลวงพ่อเคยสอนผม หลังจากผมเรียนท่านว่า
“ครูบาอาจารย์บางท่านสอนว่า พระอริยเจ้าท่านฉันอาหารไม่ได้สนใจแล้วว่าอันนี้ผักหรือเนื้อ
คือมองเห็นเป็นเพียงธาตุ ๔ และฉันเพียงเพื่อให้ธาตุขันธ์ดำรงอยู่ได้
แต่หลวงพ่อไม่ฉันเนื้อสัตว์ อย่างนี้จะไม่เป็นการขัดกันหรือครับ”

หลวงพ่อก็ตอบว่า “ก็ถูกของเขาที่ว่า มองเห็นเป็นเพียงธาตุ ๔
แต่อันนั้นก็ต้องระวังว่า กิเลสความอยากกินเนื้อมันก็มีแอบแฝงไว้เหมือนกัน
สำหรับบางคนที่เอามาใช้เป็นข้ออ้าง
สำหรับหลวงพ่อเอง เราไม่ฉันก็เพราะสงสารสัตว์เขาน่ะ
พูดกันตรงๆ แบบคนเดินดินธรรมดาๆ นี่แหละ คิดดูซิ เอาเลือดเอาเนื้อของเขามากิน
อย่างหมู หรือวัว ควาย ทุบหัวเขาแล้วยังมาแทงคอเขาซ้ำอีก
มันทารุณเหลือเกิน เป็ดไก่ ก็เหมือนกัน เชือดคอแล้วก็ปล่อยให้มันดิ้นพรวดพราด
เลือดนี้ไหลพุ่งทะลักออกมา เจ็บปวดแค่ไหนเอ็งน่าจะรู้ดี และถ้าเป็นเอ็งโดนบ้างแล้วจะรู้สึกอย่างไร
ก็ขนาดเราถูกมีดบาด แผลนิดหนึ่งยังว่าเจ็บๆ แล้วนั่นเอ็งว่าสัตว์เขาจะเจ็บแค่ไหนล่ะ
หรืออย่างกะปิ น้ำปลา กะปิหนึ่งกระปุก ใช้กุ้งกี่ตัว น้ำปลาหนึ่งขวด
ทำจากปลาเล็กกี่ตัว นับไม่ถ้วนเลย
คนเราในช่วงเกิด แก่ เจ็บ ตายในหนึ่งชีวิตนี้น่ะ ต้องอาศัยเลือดเนื้อของสัตว์อื่นไปตั้งเท่าไร
ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงเสีย ถือว่าเป็นหนทางหนึ่งที่งดการเบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก
แล้วเราก็หมั่นแผ่เมตตาบารมีอุทิศส่วนกุศลให้สัตว์โลกไป ให้เขาอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
แค่นี้แหละไม่ยากอะไรไม่ใช่หรือ”

เมื่อผมแย้งท่านอีกว่า
“แต่ครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อย่างสายหลวงปู่มั่น ท่านก็ยังฉันเนื้อสัตว์นี่ครับ”
ท่านตอบว่า “ใช่ ท่านยังฉันเนื้อ อันนั้นก็เรื่องของท่าน คนเราบำเพ็ญมาต่างกัน
มีอุปนิสัยวาสนาบารมีแตกต่างกันไป พระพุทธเจ้าก็ยังฉันเนื้อ
แต่พระองค์ก็อนุญาตให้พระไม่ฉันเนื้อด้วยรังเกียจในเนื้อสัตว์ด้วยสาเหตุหลายประการไม่ใช่หรือ
หลวงพ่อก็ไม่ได้ไปว่าอะไรใครเขา เราดูแต่ตัวเรา ปรารถนาเอาเมตตาเป็นสัจจะบารมี
พร้อมด้วยสติ สัมปชัญญะ และความเพียรไม่ท้อถอย เราก็พ้นทุกข์ได้เช่นกัน”


และท่านให้ธรรมะเพิ่มเติมอีกว่า “คนเรามันก็แค่หาอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
กินดีแค่ไหนก็ขี้ออกมาสกปรกเหมือนกัน เข้าแล้วก็ออกอยู่อย่างนี้ แล้วจะเอาอะไรนักหนา
ทำไมต้องไปเอาเลือดเนื้อของเขามาบำรุงบำเรอตน
หลวงพ่อเองก็กินผักกินหญ้าไปวันหนึ่งๆ ก็พออยู่ได้แล้ว”

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 22:04
โพสต์: 9

โฮมเพจ: http://livejan.hi5.com/
ชื่อเล่น: Jan
อายุ: 16

 ข้อมูลส่วนตัว


chulapinan เขียน:
ไม่บาปหรอกค่ะ ไก่กับวัวเนื้อมันเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ ถึงเราสั่งฆ่ามันเพื่อมาเป็นอาหารก็ไม่บาป ขอเพียงไม่ใช่ฆ่าด้วยเจตนาที่ผิดไปจากนี้ก็ไม่บาปค่ะ

คิดเหมือนกันเลยค่ะ แต่ทางที่ดีครวจะทำบุญแผ่เมตตราให้เขาดีกว่านะคะ เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 18:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 18:34
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจตนาเป็นกรรมครับ หากไม่มีจิตคิดฆ่าก็ไม่บาปแต่หากสั่งให้ฆ่าเพื่อจะกินบาปแน่นอน แต่ไม่ซื้อกินที่ตลาดไม่บาปแน่นอนครับ เนื่องจากเราไม่ได้ไปว่าจ้างใครให้ฆ่าสัตว์ คนขายฆ่าสัตว์เพื่อขาย หากเราไม่ซื้อคนอื่นก็ซื้อคนขายก็ยังต้องฆ่าอยู่ดี .....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 23:10
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พิณสามสายสายหนึ่งตั้งตึงเกินไปเมื่อดีดก็ขาด

สายที่สองตั้งหย่อนเกินไปเมื่อดีดก็ไม่ไพเราะ

สายที่สามตั้งไว้กลางๆเมื่อดีดก็เกิดเสียงที่ไพเราะน่าฟัง......รู้แล้วก็อย่าไปเถียงกับเขาว่าเราไม่บาป..^^


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 19:37
โพสต์: 13

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดในศีลสำหรับผู้ที่อาจไม่รู้นะคะ
การสั่งฆ่าสัตว์ ไม่ว่าโดยเจตนาเพื่อการใดก็ตาม เป็นบาป

องค์ของศีลข้อที่ 1 (ถ้าทำครบองค์ 5 ผิดศีลข้อปาณาติบาต ร้อยเปอร์เซ็นต์)
1 สิ่ง/สัตว์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิต
2 รู้ว่าสิ่ง/สัตว์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิต
3 มีจิตคิดจะฆ่า
4 ได้ใช้ความพยายามในการฆ่า (ไม่ว่าจะลงมือเอง หรือสั่งก็ตาม)
5 สิ่ง/สัตว์นั้นตายลงด้วยความพยายามนั้น

การทำให้สัตว์บาดเจ็บหรือตาย โดยไม่ได้เจตนา ไม่ถือเป็นกรรม แต่มีวิบาก ต้องชดใช้

ส่วนเรื่องการกินเนื้อสัตว์ ครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้ห้าม โดยเฉพาะพระภิกษุ เพราะว่าเป็นผู้ขอ จะต้องทำตนให้เลี้ยงง่าย ไม่เป็นภาระแก่ญาติโยม แต่จะต้องถูกตามกฎคือ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้ฆ่าเพื่อท่าน

ส่วนฆารวาส ถ้าเราไม่ได้เป็นสาเหตุให้เค้าฆ่ามาให้เรากิน (เช่นไปร้านซีฟู๊ดแบบสดๆ เรารู้อยู่แล้ว ว่าเข้าร้านแล้วต้องมีใครตายมาให้เรากิน) หรือไม่ได้สั่งฆ่า ก็ไม่บาป แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็ให้เราแผ่เมตตาแก่สัตว์ที่เรากินเข้าไปทั้งหลาย เพราะถือว่าเค้าทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ปฏิบัติธรรม เราควรแบ่งบุญให้เค้าเหล่านั้นไปสู่สุคติภูมิ

สาธุ


แก้ไขล่าสุดโดย แม่ชี เมื่อ 15 มิ.ย. 2010, 21:00, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2010, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


สาระดี แฝงธรรม คติธรรม ความรัก ความเมตตา
ของผู้เป็นแม่ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานตัวเล็ก ๆ







--------------------------------------------------------------------------------
สัจธรรมของสรรพสัตว์ ที่ต่างเกิดมาเพื่อร่วมวิบากกรรม เช่นเดียวกับเรา ๆ ท่าน


-- http://www.mindcyber.com/clipshare.


I saw this great video of ชีวิตสัตว์โลก playing ชีวิตที่ร่ำไห้ and I thought you might like to watch it.
Here's a direct link to it: ชีวิตสัตว์โลก - ชีวิตที่ร่ำไห้
http://www.mindcyber.com/clipshare/musi ... =fac272805
See you on http://www.mindcyber.com/clipshare !


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร