วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 01:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 18:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ครั้งที่ ๔ นรกขุมที่ ๒ แดนลงทัณฑ์ ๘
สภาพรอบกายผมมีแต่ความมือสลัวปกคลุมอยู่รอบ ๆ ด้วยอากาศที่ชื้นเย็น บริเวณรอบ ๆ ที่ผมยืนนั้นมีกอหญ้าขึ้นประปราย ตรงที่ผมยืนอยู่นี้คือทางเข้าของแดนลงทัณฑ์ในนรกขุม ๒ แดนลงทัณฑ์แต่ละแดนจะมีอยู่มากมายเป็นส่วน ๆ อยู่ในยมโลก โดยจะแบ่งเป็นส่วนการลงทัณฑ์ออกไป ข้างหน้าผมมีป้ายไม้ปักอยู่หนึ่งอันอ่านว่า “ทางเข้า” ซึ่งเขียนด้วยหมึกสีแดง
มองไปข้างหน้า ยมทูตประจำอยู่ขุมนี้เดินเข้ามาหาผมสองค์แต่งกายเหมือนยมทูตไทยทั่วไป คือนุ่งผ้าหยักรั้งสีแดง ไม่สวมเสื้อ มีผ้าถักคล้ายเชือกสีแดงรัดอยู่ทีแขน เรียกว่า “ผ้าถักแขน” ถักอยู่ทั้งสองข้าง บนใบหน้าไว้หนวดดกดำ ใบหน้าเหี้ยมเหนือหัวของยมทูตมีแสงสว่างเรือง ๆ สีแดงลอยอยู่บาง ๆ เรียกว่า “แสงมรณะ” ซึ่งที่ทำหน้าที่ลงทัณฑ์วิญญาณจะมีแสงอยู่ทุกองค์ อำนาจของแสงมรณะนี้จะทำให้วิญญาณหรือผี เปรต เกิดความรู้สึกเกรง
“เราต้องการมาสัมภาษณ์วิญญาณที่ได้รับกรรมในนรกขุมนี้”
ยมทูตนำผมไป มีวิญญาณเปรตตนหนึ่งอยู่เบื้องหน้า เป็นเปรตผู้หญิงสภาพร่างกายเน่าเปื่อยจนแทบสลายผมเผ้ารุงรัง ตามเนื้อตัวของเปรตตนนี้มีน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกทางร่างกาย ส่งกลิ่นสาบอยู่ทั่วบริเวณนั้น เปรตตนนี้มีรูปร่างผอมลีบ สูงประมาณเกือบเท่าต้นตาล นัยน์ตากลมโต รูกลม ๆ ที่ปากทำให้เขาพูดไม่ได้ มีเสียงแหลมเล็กออกมา นั่นเป็นเสียงของเปรตตนนี้ นมของเปรตตนนี้เหี่ยวแห้งหย่อนยานติดหน้าอก ที่ขาของเปรตตนนี้มีโซ่ขนาดใหญ่ล่ามติดไว้ทั้งสองข้าง สายของโซ่ผูกติดไว้กับต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ วิญญาณตนนี้มีชื่อว่า “เปรตอาจม” บนพื้นดินข้าง ๆ เท้าเปรตมีขันใบใหญ่วางอยู่สามขัน เป็นภาชนะที่ใช้ใส่ให้เปรตกิน ผมมองดูต่อไปเบื้องล่างของกาย มีอวัยวะหนึ่งที่สะดุดตาผม ผมมองเห็นอวัยวะเพศชายงอกออกมาจากอวัยวะเพศหญิงของเธอ ทำให้ผมสงสัยมาก
“เบื้องหลังของหญิงตนนี้ เป็นหญิงกาลีมีอาชีพเป็นหญิงบริการในสถานเริงรมย์แห่งหนึ่ง ได้ใช้ความสวยของตนเข้าล่อผู้ชายให้มาหลง และได้หลอกลวงทรัพย์สินของชายนั้นมาปรนเปรอความสุขของตนเองความสวยงามของหน้าตาที่เสริมแต่งขึ้น ทำให้เธอ (เปรต) ตนนี้ดูเด่นกว่าผู้หญิงคนอื่น ชายมากมายที่หลงใหลในความงามก็ถูกเธอหลอกล่อให้อยู่กินกับเธอ และใช้เงินของเขาอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีความเกรงกลัวต่อกรรมที่ทำ เมื่อชายใดไม่สามารถให้ความสุขกับเธอได้อีก เธอก็จะทอดทิ้งไปพร้อมกับดูแคลนอย่างสิ้นเยื่อใย สตรีเช่นนี้สมควรที่จะได้รับโทษในนรก ต้องเกิดเป็นเปรตที่อดอยากและได้รับโทษอย่างสาสม พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตเล่าความผิดของหญิงผู้นี้
ผมมองไปที่ใบหน้าของเปรตนั้น ใบหน้าเศร้าสลดในกรรมที่เธอก่อ ถึงรู้ตัวก็สายเสียแล้ว น้ำตาของวิญญาณตนนี้รินไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้างและส่งเสียงสะอื้นเบา ๆ
“เอาหล่ะ ด้วยผลกรรมในการอธิบายความผิดของเธอ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับมนุษย์ได้ทราบว่ามนุษย์ใดทำกรรมชั่วเช่นนี้ ก็จะต้องรับโทษในลักษณะนี้ทุกคน เธอจงพ้นกรรมนี้เถอะ” ผมกล่าวไปด้วยความสงสาร
ยมทูตก็เข้าไปถอดโซ่ตรวนที่ล่ามเปรตเอาไว้ และนำตัวไปถวายตัวต่อองค์พญายมเพื่อพิจารณากรรมต่อไป
“เราต้องการสัมภาษณ์พวกผีอื่นอีก”
“พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตรับคำและเดินนำผมไปทางซ้าย
ทางเดินที่ผมเดินผ่านมาเริ่มมืด คล้าย ๆ กำลังเข้าไปในถ้ำ มีเสียงซ่า ๆ ดังขึ้นเมื่อเท้าเหยียบย่างลงไปบนก้อนหินบนพื้นดิน ข้างหน้าผมมีป้ายปักไว้เขียนไว้ว่า “แดนลงทัณฑ์๒” ผมเดินผ่านป้ายนี้ไปชั่วครู่ก็มองเห็นโพรงอยู่โพรงหนึ่งลักษณะคล้ายถ้ำเล็ก ๆ เป็นโพรงใหญ่พอประมาณ มีความกว้างขนาดคนเข้าไปอยู่ได้ ที่หน้าโพรงนั้นมียมทูตถือตรีวุธ (สามง่ามยาวคล้ายหอก) เป็นอาวุธอยู่องค์หนึ่ง
ยมทูตนั่งคุกเข่าลงพร้อมกับพนมมือขึ้น พร้อมกับกล่าวถวายบังคม
“ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
“เราต้องการมาสัมภาษณ์ผีที่อยู่ในนรกแดนนี้ เรียกผีที่อยู่ในโพรงนั้นออกมาซิยมทูต”
“เฮัย ไอ้ผีโพรง มึงออกมานี่หน่อยซิ” ยมทูตเรียกผีตัวนั้นพร้อมกับกระตุกโซ่
มีผีตัวหนึ่งเป็นผู้ชายไม่ใส่เสื้อผ้า ค่อย ๆ คลานออกมา ที่มือและขาของผีตัวนี้ถูกล่ามโซ่เอาไว้ สภาพร่างกายของผีตัวนี้ผอมแห้ง ผิวหนังเป็นปุ่ม ๆ คล้ายเป็นโรคผิวหนัง ที่คอมีป้ายแขวนคอบอกชื่อผีตัวนี้ว่า “ผีโพรง” ที่หูของผีตนนี้มีลักษณะใหญ่ผิดปกติขนาดเท่ากับพัดที่ใช้พัดถ่านไฟหุงข้าว ที่รูหูของเขามีน้ำหนองไหลเยิ้มออกเพราะอยู่ในโพรงที่มืดตลอดเวลา มือทั้งสองข้างของเขาบวมพองมีรอยแผลอยู่มากมาย แผลนี้เกิดจากการลงโทษของยมทูต
“เธอจงเล่าการกระทำของเธอ เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ออกมาให้หมดซิ” ผมถามด้วยอำนาจจิต เพราะหูของเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว
“เมื่อสมัยเป็นมนุษย์ ข้าพระพุทธเจ้าเป็นลูกของคนมีอันจะกินคนหนึ่ง เนื่องด้วยเป็นคนร่ำรวยมีกิจการงานมากมาย แต่ข้าพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นลูกกลับมิได้สนใจใยดีในกิจการของพ่อแม่เลย เอาแต่เที่ยวเตร่สนุกเฮฮากับเพื่อนฝูงทุกเช้าค่ำ จนแม่ตรอมใจตาย แต่ข้าพระพุทธเจ้าก็ยังเที่ยวอยู่เหมือนเดิม ซ้ำยังเที่ยวหนักกว่าเก่าเพราะถือว่าไม่มีใครมาคอยควบคุมเราอีกแล้ว กิจการของครอบครัวก็เริ่มทรุดพ่อก็ล้มป่วย ญาติ ๆ ก็เริ่มเข้ามาครอบครองทรัพย์สมบัติของคุณพ่อ ในบั้นปลายสุดท้ายของคุณพ่อ คุณพ่อได้เรียกข้าพระพุทธเจ้าเข้ามาอบรมสั่งสอนถึงเรื่องต่าง ๆ แต่ข้าพระพุทธเจ้าก็ไม่สนใจที่จะฟัง กลับทำหูทวนลมเสีย อยู่มาวันหนึ่งข้าพระพุทธเจ้าเมาเหล้ากลับมาและเอ่ยปากขอเงินคุณพ่อเพื่อไปเล่นการพนัน แต่คุณพ่อไม่ให้ข้าพระพุทธเจ้าจึงใช้กำลังทำร้ายคุณพ่อบังเกิดเกล้าด้วยมือทั้งสองข้างนี้และหลบหนีออกจากบ้าน จากนั้นไม่นานคุณพ่อก็เสียไปทรัพย์สินต่าง ๆ ของคุณพ่อที่เหลือไว้ก็ถูกข้าพระพุทธเจ้าล้างผลาญจนหมดสิ้น เพื่อนที่ข้าพระพุทธเจ้าเคยช่วยเหลือกลับปฏิเสธเมื่อข้าพระพุทธเจ้าไปขอร้องให้ช่วยทุกคนหมางเมินอย่างสิ้นเยื่อใย ข้าพระพุทธเจ้าเริ่มรู้แล้วว่าบาปกรรมที่เคยกระทำกับพ่อแม่นั้นได้มาถึงแล้ว ชีวิตสุดท้ายของข้าพระพุทธเจ้าต้องเป็นขอทาน ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของข้าพระพุทธเจ้าสิ้นลงเพราะทนความหิวไม่ไหว ซากศพของข้าพระพุทธเจ้าได้ถูกนำไปฌาปนกิจโดยผู้ใจบุญช่วยกันเรี่ยไรเงินค่าทำศพจากคนแถว ๆ นั้นมาทำศพข้าพระพุทธเจ้า ทุกวันที่พระสวดอภิธรรมวิญญาณของข้าพระพุทธเจ้าจะถูกนำตัวมาฟังพระสวดอภิธรรมจนวันสุดท้ายของการฌาปนกิจ ข้าพระพุทธเจ้าก็ถูกตัดสินให้มารับโทษในนรกขุมนี้”
ผลกรรมที่ทำให้หูทั้งสองข้างโตผิดปกติและใช้การไม่ได้ เพราะทำให้บุพการีอบรมสั่งสอนแต่แกล้งทำเป็นหูทวนลม มือทั้งสองข้างที่เคยใช้ทำร้ายบิดา ทำให้เขาต้องรับโทษอย่างทรมาน มือที่บวมพองเพราะบาดแผลที่ถูกยมทูตลงโทษ
“เมื่อเธอสารภาพถึงความผิดที่เธอได้ก่อไว้เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่มนุษย์ทั้งหลาย เราจะช่วยให้เธอพ้นจากขุมนี้จ๊ะ”
เราจะขอกลับสู่ยมโลกแดนสอง (แดนมนุษย์) แล้ว กายธรรมกายกลับสู่โลกมนุษย์…

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

ยังดีที่ โสเภณีนั่นไม่วางแผนฆ่า!!! :b5:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 22 ม.ค. 2010, 21:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร