วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 15:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 11:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


บุญไม่ช่วย

รูปภาพ


คุณเคยคิดหรือไม่ว่า เมื่อคุณมีความทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ อกหัก รักคุด ถูกโกง ลัมเหลวทางธุรกิจ ถูกไล่ออก ตกงาน ฯลฯ ทำไมเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเราทั้งๆที่ชาตินี้เราก็ไม่เคยทำความชั่วใดๆ บุญที่เราเคยทำเหมือนไม่ส่งผลดีให้เราบ้างเลย หากท่านคิดเช่นนั้นเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อาจทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างก็ได้

ในประเทศจีนสมัยโบราญ มีชายคนหนึ่งมีจิตใจดีงาม ชอบทำบุญทำกุศล เป็นชีวิตจิตใจ เมื่อสมัยหนุ่มๆเคยร่ำรวยถึงขั้นเป็นเศรษฐีแต่ด้วยความศรัทธาในการทำบุญทำทาน ถ้าทราบว่า มีงานบุญ งานกุศลใดที่เป็นงานที่ดีมีประโยชน์แก่ชุมชนและพระศาสนา เมื่อเขาได้รู้เข้าด้วยใจที่เมตตาต่อทุกสรรพชีวิตเสมอกัน ก็มักจะมีจิตศรัทธาเลื่อมใส จึงมักเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพในงานบุญนั้นๆ เสมอ ทำโดยไม่หวังแก่หน้าแก่ตาของตนเองหรือประโยชน์อื่นใดแอบแฝง แถมทำบุญทีละมากๆ ทำอย่างเต็มที่ ทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ

ไม่ช้าเงินทองทรัพย์สินที่หาไว้มากมาย ก็มีอันร่อยหลอลงไป มิหนำซ้ำสุดท้ายก็ยังนำทรัพย์สินออกขายเพื่อไปทำบุญอีก ไม่ช้าไม่นานเขาก็ยากจนลงจนไม่มีบ้านอยู่ แถมยังมีหนี้สินติดตัวมากมาย สุดท้ายจึงจำเป็นต้องนำภรรยาสุดที่รักไปใช้หนี้ โดยขายให้เป็นคนรับใช้ของเศรษฐีท่านหนึ่ง ก่อนจากกันด้วยความรักที่ภรรยามีต่อสามี นางจึงได้บอกแก่สามีว่า

“อย่าเสียใจไปเลย ท่านพี่ น้องเต็มใจและยินดีที่จะช่วยเหลือความเดือดร้อนของท่านพี่ ไม่ว่าอย่างไร ท่านพี่ ก็มีความรักเมตตาและดีต่อน้องเสมอมา น้องไม่เคยนึกเสียใจเลย การจากกันครั้งนี้เป็นเพราะความจำเป็นจริงๆ น้องเข้าใจ

แต่น้องอยากจะเตือนพี่ว่า เงินที่เหลือจากการใช้หนี้สินครั้งนี้ น้องอยากให้พี่เก็บไว้ใช้ซื้ออาหารและสิ่งจำเป็น อย่านำไปทำบุญอีก เพราะว่าเป็นเงินก้อนสุดท้าย ซึ่งมีจำนวนเงินเหลืออยู่ไม่มาก ถ้าเงินหมดก็จะทำให้พี่ลำบากถึงที่สุด เพราะทรัพย์สินของท่านพี่ไม่มีเหลือแล้ว ญาตพี่น้องที่จะช่วยเหลือก็ไม่เห็นมี เชื่อน้องนะท่านพี่ น้องเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ” นางกล่าวทั้งน้ำตา ก้มหน้าแล้วเดินตามคนของเศรษฐีไป

ชายคนนั้นยืนร้องไห้ ดูภรรยาเดินจากไปเป็นคนรับใช้ของเศรษฐีด้วยความเศร้าใจ

แต่แล้วไม่นานชายคนนั้นก็นำเงินที่มีอยู่ไม่มากไปทำบุญอีก ตอนนี้จึงกลายสภาพเป็นขอทานหากินเร่ร่อนไปตามตลาด แหล่งชุมชน บ้านเรือน เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นทั่วไป และผู้รู้ถึงที่มาที่ไปของชายคนนั้น ต่างก็ร่ำลือกันไปว่าทำดีแล้วไม่เห็นจะมีความดีมาสนอง ซ้ำต้องกลับกลายเป็นยาจกเข็ญใจเสื้อผ้าขาดเก่ามอซอ ต้องอดมื้อกินมื้อเยี่ยงนี้ ต่อแต่นี้ไปคงไม่มีคนคิดทำความดีกันอีกแล้ว

เรื่องนี้ร้อนไปถึงสวรรค์เบื้องบน บรรดาเทวดาที่ได้ยินคำร่ำลือ และ ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชายคนนั้นก็มาร่วมประชุมกันหาทางที่จะช่วยเหลือ
“ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว ชายคนนี้ในอดีตชาติได้ทำกรรมหนักมากเอาไว้ สุด ที่จะแก้ไขได้ในชาตินี้และจะต้องทนทุกข์เวทนาแบบนี้ต่อไปทั้งหมดสามชาติ คือ ชาตินี้จะต้องอดตาย ชาติต่อมาจะถูกฟ้าผ่าตาย ชาติสุดท้ายก็จะถูกเสือกัดตาย น่าเวทนาจริงๆ”

เหล่าเทวดาจึงลงมติกันว่า จะช่วยให้ชายผู้นี้ใช้กรรมให้หมดกันในชาตินี้เพียง ชาติเดียว

เนื่องจากช่วงนั้นเกิดความแห้งแล้ง มิหนำซ้ำยังมีฝูงแมลงลงกัดกินพืชไร่ให้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงเกิดภาวะขาดแคลนอาหารอำเภอและหมู่บ้านใกล้เคียง ชาวบ้านต่างกระเสือกกระสนเอาตัวรอดไปวันๆ ชายผู้นั้นจึงไม่สามารถขออาหารมากินได้อยู่หลายวัน ร่างกายซูบผอม จนแทบไร้เรี่ยวต้องนอนหมดแรงในที่พัก เขาตัดสินยังไงวันนี้ก็ต้องหาอาหารให้ได้ จึงรวมแรงทั้งหมดตัดสินใจเดินโซซัดโซเซ ออกจากที่พักเพื่อเดินไปสู่หมู่บ้านเพื่อขออาหารกินประทังชีวิต ทันใดก็เกิดพายุเมฆฝนหอบเอาทั้งฟ้าทั้งฝนมาแบบไม่ตั้งตัว แล้วก็เกิดฟ้าร้องดังสนั่น พร้อมทั้งเกิดฟ้าผ่ามาถูกชายคนนั้นพอดี ร่างกายที่เสื้อผ้าขาดวิ่น ดำไหม้จากแรงฟ้าผ่า เขานอนสลบแน่นิ่งไปไม่ไหวติง เผอิญมีเสือตัวใหญ่ออกมาจากป่าข้างทางได้กลิ่นเนื้ออันหอมหวานและเห็นเหยื่อนอนนิ่งไร้ทางสู้ คิดแล้วจึงเห็นเป็นโอกาศดี จึงได้ตรงเข้าตะครุบและกัดลำคอจนชายผู้นั้นหมดลมหายใจ มันกัดกินร่างไร้ชีวิตอย่างเพลิดเพลิน จนร่างกระจุยกระจายดุจเป็นซากสัตว์เป็นภาพที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก

ภรรยาของชายคนนั้นเมื่อได้มาอยู่บ้านเศรษฐีก็ทำหน้าที่แม่บ้าน มิได้มีลำบากอย่างที่คิดเอาไว้ แถมยังสุขสบายกว่าตอนที่ต้องเป็นหนี้สินอยู่กับชายคนนั้นเสียอีก แต่เมื่อครั้นได้ข่าวว่าสามีของตนเสียชีวิตแล้ว ก็มีความสงสาร จึงขออนุญาตเศรษฐีเพื่อเดินทางมาจัดงานศพให้สามีเป็นครั้งสุดท้าย

ในงานศพวันสุดท้าย ด้วยความเสียใจและสงสารสามี ก่อนจะนำศพลงฝังในหลุม นางได้เอ่ยขึ้นว่า
“เวรกรรมอะไรกันหนอทำให้ท่านพี่ต้องเผชิญเคราะห์กรรมถึงเพียงนี้ บุญที่ท่านทำไว้ ไม่ได้ช่วยท่านพี่เลย ๆ” พูดพลางน้ำตานางก็ไหลเป็นทาง สะอึกสะอื้นด้วยความเวทนาอย่างสุดจะหักห้ามใจได้
นางตัดสินใจกัดนิ้วตัวเอง แล้วใช้เลือดที่ไหลออกมาเขียนที่หน้าผากสามีไว้ว่า “บุญ ไม่ ช่วย” แล้วจึงทำการฝังศพ และ นางได้อยู่จนจัดงานพิธีเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วจึงกลับไปหาท่านเศรษฐีดังเดิม

ต่อมาไม่นานฮ่องเต้ของแผ่นดินจีนท่านทรงดีพระทัยมาก ที่พระมเหสีได้ให้กำเนิดพระราชโอรสองค์แรก อันเป็นความหวังว่าจะได้สืบทอดราชบรรลังค์ของกษัตริย์สืบต่อไป แต่ไม่นานก็ทรงกังวลพระทัยเพราะทารกน้อยที่เกิดมา ทรงร้องไห้ตลอดเวลา ปลอบอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด มิหนำซ้ำบนหน้าผากก็มีอักษรเขียนไว้ด้วยว่า “บุญ ไม่ ช่วย” ไว้ด้วย

ฮ่องเต้ได้ทรงปรึกษาโหรหลวง ๆ ก็ได้แนะนำให้ป่าวประกาศว่าผู้สามารถทำให้พระราชโอรสหยุดร้องไห้ได้ จะมอบรางวัลให้แล้วแต่จะขอ และ ยังได้บรรยายไว้ว่าบนหน้าผากทารกมีลักษณะพิเศษคือมีคำสามคำ คือ บุญ ไม่ ช่วย อยู่ด้วย

ไม่นานข่าวก็มาถึงภรรยาของชายคนนั้น นางจึงได้เข้าเฝ้าและขอดูทารกเพื่อให้แน่ใจ เมื่อนางได้ดูตัวอักษรที่อยู่บนหน้าผากเป็นลายมือของตน จึงแน่ใจว่าชายผู้เป็นสามีได้มาเกิดเป็นพระราชโอรสของกษัตริย์แล้ว จากการทำความดีชนิดหาคนเทียบไม่ได้เลย นางจึงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

“หยุดร้องไห้เสียทีเถอะ ข้ารู้แล้ว ๆบัดนี้บุญที่ท่านพี่ทำไว้ได้ส่งผลดีให้แล้ว เงียบเสียทีเถิด”

ว่าพลางนางใช้มือลูบไปที่หน้าผาก พลันตัวอักษรก็หายไปในทันที ทารกก็หยุดร้องไห้ทันที เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ที่ยืนดูอยู่ยิ่งนัก

ฮ่องเต้มีสีหน้าพอพระทัยยิ่งนัก จึงเอ่ยถามว่า
“เจ้าทำได้ดีมาก ท่านต้องการอะไร ข้าจะประทานให้ทุกอย่าง”

“ข้าไม่ต้องการเงินทองทรัพย์สินสิ่งใด เพียงขอให้ได้ดูแลปรนนิบัติและคอยรับใช้ เจ้าชายน้อย ข้าก็พอใจมากแล้ว” นางตอบ

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอแต่งตั้งเจ้าดำรงตำแหน่งเป็นพี่เลี้ยงของพระโอรสของข้า เจ้ามีอิสระสามารถจะเข้าออกส่วนต่างๆในวังได้ตลอดโดยไม่มีข้อห้ามแต่ประการใด”

ตั้งแต่นั้นมาภรรยาของชายคนนั้นก็อยู่อย่างมีความสุข จากการเป็นอยู่ที่สุขสบายและได้ดูแลพระราชโอรสจนเติบใหญ่ขึ้นมา

เมื่อกรรมชั่วที่ทำไว้ได้หมดสิ้นไปแล้ว ทุกคนล้วนต่างได้รับความสุขจากผลกรรมดีทีสร้างไว้ อันเป็นกรรมที่รอแต่เพียงเวลาที่จะให้ผลเท่านั้นเอง

การทำกรรมชั่วซ้ำเติมตัวเอง หรือการคิดสั้นหนีปัญหา ในขณะที่มีความทุกข์หนักโดยคิดว่า "บุญไม่ช่วย"นั้นเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างร้ายกาจ เพราะเรากำลังทำกรรมใหม่ที่จะให้ผลเสริมกรรมเก่าเหมือนสาดน้ำมันเข้าไปในกองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่อย่างนั้น แทนที่ไฟกำลังใกล้มอดลงเพราะหมดเชื้อแห่งกรรมเก่า กลับลุกโชนขึ้นกว่าเดิมและส่งผลลุกไหม้ต่อเนื่องไปกันใหญ่ เพราะกรรมชั่วในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามการทำความดีก็ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของปัญญาและความเหมาะสมด้วย จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองและผู้อื่น

ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะได้รับเคราะห์กรรมหนักหนาสักเพียงใด ขอให้ใช้ความอดทน อดกลั้น ใช้สติปัญญาแก้ไขไปตามความเหมาะสม ความทุกข์เป็นบทเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ ถ้าเรารู้จักที่จะเรียนรู้จากมัน จงมีความหวังไว้เสมอ มีปกติของมนุษย์คือถือศีลห้าเป็นอย่างน้อย เร่งทำในสิ่งที่ถูกที่ควร และอย่าท้อแท้ในการทำความดีนะครับ ผลกรรมดีอาจรอตอบสนองท่านอีกไม่นานก็ได้



ที่มา อิกคิว เรียบเรียงจากเรื่องเล่าในหนังสือ กฎแห่งกรรม ของ คุณ ท.เลียงพิบุลย์

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


แก้ไขล่าสุดโดย อิกคิว เมื่อ 24 ก.ค. 2009, 11:41, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 11:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 08:36
โพสต์: 532

แนวปฏิบัติ: ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: กรรมทีปนี , วิมุตติรัตนมาลี , ภูมิวิลาสินี
ชื่อเล่น: เจ้านาง
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44: อนุโมทนาค่ะ :b44:
:b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
...รู้จักทำ รู้จักคิด รู้ด้วยจิต รู้ด้วยศรัทธา...
..................ศรัทธาธรรม..................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านเรื่องนี้ แล้วนึกถึงคำพูดหลวงพ่อเลยนะ กรรมเก่าต้องชดใช้ กรรมใหม่รอส่งผล
ช่วงที่กรรมเก่าให้ผล ยังไม่หมดรอบกรรมของมัน เราก็พยายามทำบุญทำกุศลมาก
แต่ไม่เหนผลสักที เลยท้อไม่ทำบุญ คิดว่าทำบุญไปแล้วเหมือนเดิมหรือยิ่งทำยิ่งแย่กว่า
เดิมก้เพราะกรรมไม่ดีกำลังส่งผลอยู่ แต่เมื่อกรรมไม่ดีหมดวาระของมันแล้ว เท่านั้นแหละ
กรรมดีที่ทำในชาตินี้จะส่งผลทันที อย่าไปท้อถอยในการทำบุญจะดีที่สุด ยิ่งตัวเองทุกข์ยิ่งต้อง
ทำ ทำให้กับตัวเองก่อนก็ยังได้เลย ก้คือทำจิตให้ว่าง ปล่อยวางปลิโพธิกังวลให้หมดและแนะ
นำสิ่งดีให้ตัวเอง และบอกคนอื่นต่อยังงี้ก็เป็นบุญแบบไม่เสียเงินนะ.......... :b16: :b16:
:b16: แม้แต่การมาโพสท์เรื่องดีๆในเวปนี้ยังชื่อว่าได้บุญเลย :b1:

:b8: อนุโมนทนากับเนื้อหาในเรื่องนี้ ที่ จกขท. โพสท์ไว้ด้วยครับ .......มีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่ได้มาอ่านเจอ :b40: :b40: :b40: :b40: :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2009, 11:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณเจ้านาง คุณลูกโป่งที่เข้ามาอ่าน :b8:
ขอบคุณ คุณ อินทรีย์ 5 ที่ช่วยขยายความเข้าใจให้กว้างขวางขึ้น :b8:

เจริญธรรมทุกๆท่านนะครับ :b16:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2009, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนา สาธุ :b8: ด้วยครับ คุณ อิกคิว

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2009, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


เจริญธรรมเช่นกันนะครับ :b8: คุณอมิตาพุทธ

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2009, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


การทำกรรมชั่วซ้ำเติมตัวเองในขณะที่มีความทุกข์โดยคิดว่า "บุญไม่ช่วย"นั้น
เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างร้ายกาจ
เพราะเรากำลังทำกรรมใหม่ที่จะให้ผลเสริมกรรมเก่า
เหมือนสาดน้ำมันเข้าไปในกองไฟที่กำลังไหม้อยู่อย่างนั้น
แทนที่ไฟกำลังใกล้มอดลงเพราะหมดเชื้อแห่งกรรมเก่า
กลับลุกโชนขึ้นใหม่ เพราะกรรมชั่วในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามการทำความดีควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของปัญญาและความเหมาะสมด้วย
จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองและผู้อื่น


ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะได้ รับเคราะห์กรรมหนักหนาสักเพียงใด
ขอให้ใช้ความอดทน ใช้สติปัญญาแก้ไขไปตามความเหมาะสม
ความทุกข์เป็นบทเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะหาได้
ถ้าเรารู้จักที่จะเรียนรู้จากมัน จงมีความหวังไว้เสมอ
มีศีลห้าเป็นอย่างน้อย เร่งทำในสิ่งที่ถูกที่ควร
และอย่าท้อแท้ในการทำความดีนะครับ ผลกรรมดีอาจรอท่านอีกไม่นานก็ได้



สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

ธรรมใดๆก็ไร้ค่า...ถ้าไม่ทำ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2009, 18:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว


ความรักคือความดีของมนุษย์โลกนั้นเราควรจะมองแบบธรรมคือรู้จักรักและรักต้องมีสติกำกับด้วยเพื่อจะได้ไม่หลงไปกับโลกของสมมุติครับความรักคือการมอบสิ่งดีๆที่ให้กันและกันทุกอย่างกับความรักคือรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกันทุกอย่างก็ดูสวยงามครับ

ธรรมชาติคือรู้จักรักและรักต้องมีสติด้วยครับ

เทพบุตร

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2009, 18:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2008, 09:18
โพสต์: 635

อายุ: 0
ที่อยู่: กองทุกข์

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"
คิดเท่าไหรก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงจะรู้

http://www.luangta.com
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 11:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณลูกโป่ง คุณภัทร์ไพบูลย์ คุณชิโนะซึเกะ :b8:
ที่แวะเข้ามาอ่านและช่วยแสดงความเห็นอันเป็นประโยชน์ครับ :b20:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 11:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 16:10
โพสต์: 298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เกิดมาเป็นมนุษย์ปุถุชน
ความทุกข์มิได้พ้นจนสักหน้า
สุดแท้แต่กรรมที่ทำมา
ถึงเวลาสิ้นสุขก็ทุกข์ไป
ถ้าถึงคราวพ้นเข็ญที่เป็นทุกข์
ก็กลับมีความสุขสืบไปใหม่
เป็นธรรมดามานี้แต่ไรไร
จะหวาดหวั่นพรั่นใจไม่ต้องการ :b34: :b34:

:b48: :b53: :b48: :b53: :b48: :b53: :b48: :b53: :b48: :b53: :b48: :b53:

อนุโมทนาบุญจร้า :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 14:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณ rawisada ที่เอากลอนดีๆมาฝาก :b8:

จากกลอนสรุปได้ดีมากครับ
ได้แง่คิดว่าทุกข์นี้ก็เป็นธรรมดาของชีวิตอย่างหนึ่ง :b4:
เดี๋ยวก็มีสุขทุกข์สลับกัน มีแต่ใจเรานี่แหละที่ไปให้ค่ามัน
เมื่อทุกข์ก็ดิ้นทุรนทุราย :b2: เมื่อสุขก็ประมาท :b19:

แต่ถ้าจะสิ้นทุกข์จริงๆก็คงต้องภาวนา
ตามแนวทางของพระศาสดาของเรานั่นเอง :b16:

เจริญธรรมนะครับ

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร