วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 16:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2015, 16:39 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

กรรมกิเลส ๕ ประการ

ธรรมะพื้นฐาน แต่จำเป็นมากสำหรับคฤหัสถ์ทุกคน (บรรพชิตด้วย) คือการละเว้นจากกรรมกิเลส ๕ ประการดังจะกล่าวข้างท้ายนี้ ก่อนอื่นขอแปลศัพท์ กรรมกิเลสก่อน

กรรมกิเลส แปลว่า ความมัวหมองแห่งกรรม (การกระทำ) แปลไทยเป็นไทยอีกทีก็คือ การกระทำที่ทำให้เสื่อมเสีย มีอยู่ ๕ ประการ ซึ่งก็คือการละเมิดศีล ๕ ข้อนั่นเอง มีดังนี้

๑. การฆ่าสัตว์
๒. การลักทรัพย์
๓. การผิดในกาม
๔. การพูดเท็จ
๕. การดื่มสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท


โดยตัวอักษร ถ้าเราไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมียเขา ไม่พูดเท็จ ไม่ดื่มสุราเมรัย ก็น่าจะเป็นคนดีมีศีลแล้ว นั่นนับว่าถูกในระดับหนึ่งเท่านั้น

แต่ถ้าจะว่าโดยความจริงแล้ว เวลาพระพุทธองค์ตรัสถึงศีล ท่านมักจะตรัสในแง่ลบและแง่บวกรวมกันไป

ทำให้เห็นว่า การงดเว้นจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมนั้นๆ เป็นศีลในแง่ลบ ส่วนการบำเพ็ญหรือพัฒนาคุณธรรมเสริมเป็นศีลในแง่บวก


เช่น ตรัสว่า “ละขาดจากปาณาติบาต เว้นการตัดรอนชีวิต วางท่อนไม้ วางศัสตรา มีความละอายใจ กอปรด้วยเมตตา ใฝ่ใจช่วยเหลือเกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง”

พูดอีกนัยหนึ่งว่า ศีลที่สมบูรณ์ในความหมายของศัพท์ คือ

๑. การละเว้นจากการฆ่าสัตว์ (รวมถึงการเบียดเบียนต่างๆ ในรูปแบบต่างๆ) และความเมตตากรุณา

๒. การละเว้นจากการลักทรัพย์ (รวมถึงการละเมิดสิทธิของผู้อื่นทางด้านทรัพย์สินและกรรมสิทธิ์) และการประกอบสัมมาอาชีพที่ช่วยให้ชีวิตมั่นคง อันจะไม่เป็นเหตุให้ลักทรัพย์ (คนเราถ้ามีอาชีพมั่นคง ก็จะไม่จำเป็นต้องลักขโมยคนอื่นกิน นอกเสียจากจะเป็น “สันดาน”)

๓. การละเว้นจากการผิดในกาม (รวมถึงไม่ผิดต่อบุคคลที่ผู้อื่นหวงแหน ไม่ผิดประเวณีทางเพศ ไม่นอกใจคู่ครองของตน) และการสำรวมในกาม หรือความพอใจในคู่ครองของตนเท่านั้น

๔. การละเว้นจากการพูดเท็จ (รวมถึงพูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ หรือการเบียดเบียนผู้อื่นทางวาจาในรูปแบบอื่น) และความซื่อสัตย์

๕. การละเว้นจากการดื่มสุราเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท (รวมถึงเครื่องมึนเมา เครื่องเสพติดทุกชนิด เช่น ยาบ้า ยาไอซ์ บุหรี่ กัญชา เฮโรอีน ฯลฯ) และความไม่ประมาท หรือมีสติสัมปชัญญะ


นักปราชญ์ไทย บัญญัติศีลกับธรรมเป็นคนละอย่าง คือเอา “ศีลในแง่ลบ” เป็นศีล เอา “ศีลในแง่บวก” เป็นธรรม เรียกว่า “เบญจศีล” กับ “เบญจธรรม” โดยจับคู่กันดังนี้

เวลาที่สอนก็จะเน้นว่า อย่างนี้คือศีล อย่างนี้คือธรรม แล้วอ้างอรรถกถาที่ท่านวางเกณฑ์ตัดสินว่า แค่ไหนเพียงไหนถือว่า “ศีลขาด” แค่ไหนไม่ขาด
เรียกว่า “องค์ประกอบ” ของศีลแต่ละข้อ คือ

๑. ศีลข้อ ๑ ปาณาติบาต มีองค์ ๕ คือ
- สัตว์มีชีวิต
- รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
- จิตคิดจะฆ่า
- ลงมือฆ่า
- สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น


๒. ศีลข้อ ๒ อทินนาทาน มีองค์ ๕ คือ
- ของนั้นเขาหวงแหน
- รู้อยู่ว่าเขาหวงแหน
- จิตคิดจะลัก
- ลงมือลัก
-ลักมาได้สำเร็จ


๓. ศีลข้อ ๓ กาเมสุมิจฉาจารา มีองค์ ๔ คือ
- สตรีหรือบุรุษที่ไม่ควรละเมิด
- จิตคิดเสพ
- พยายามเสพ
- เสพสำเร็จ


๔. ศีลข้อ ๔ มุสาวาท มีองค์ ๔ คือ
- เรื่องไม่จริง
- คิดจะกล่าวให้คลาดเคลื่อน
- พยายามกล่าวออกไป
- ผู้ฟังเข้าใจตามนั้น


๕. ศีลข้อ ๕ สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐาน มีองค์ ๔ คือ
- สิ่งนั้นเป็นของเมา
- จิตคิดที่จะดื่ม
- พยายามที่จะดื่ม
- น้ำเมานั้นร่วงลงสู่ลำคอไป


ถ้าถือองค์ประกอบเป็นหลักสำคัญ ก็กลายเป็นการศึกษาศีล แต่ในแง่ลบ การกระทำนั้นแม้จะเป็นการเบียดเบียนคนอื่นให้ลำบากในรูปแบบต่างๆ แต่บังเอิญว่าไม่ครบองค์ประกอบของศีลแต่ละข้อ ก็ถือว่าไม่ผิดศีล ผู้ถือศีลในแง่ลบอย่างเดียว บางครั้งจึงเป็นคนโหดร้าย เห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบคนอื่นอย่างน่าเกลียด

เพราะถืออย่างนี้เอง บางครั้งเราจึงได้เห็นภาพ (สมมตินะครับ) สามเณรน้อยไล่เตะหมา หมาร้องเอ๋งๆ ด้วยความเจ็บปวด ครั้นญาติโยมถามว่า เณร ทำไมเตะหมา เณรน้อยตอบด้วยความรอบรู้ว่า “ไม่เป็นไรดอกโยม ไม่ผิดศีล

การถือศีลเพียงในแง่นี้ ไม่มีทางที่จิตจะละเอียด ประณีต คนมีศีลในแง่ลบ ยิ่งมากเท่าไร กลับจะเป็นพิษเป็นภัยแก่สังคมมากขึ้นเท่านั้น เพราะแต่ละคนจะหาทางเอารัดเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างหน้าตาเฉย แถมยังภูมิใจด้วยว่า การกระทำนั้นไม่ผิดศีล เพราะไม่ครบองค์ประกอบ

เจ้าของโรงงานที่ใช้แรงงานจนเด็กพิการ ที่เขาเรียกว่าโรงงานนรก เศรษฐีนีเงินกู้ที่คิดดอกเบี้ยแพงหูดับตับไหม้ กระทั่งโรงงานผลิตสินค้าที่ทำลายสภาพแวดล้อม เป็นเหตุให้สุขภาพของประชาชนเสื่อมโทรม และผลิตสินค้าต้นทุนถูกแต่ขายแพง ฯลฯ ต่างก็นั่งภูมิใจว่าตนไม่เห็นผิดตรงไหนเลย เพราะไม่ครบองค์ประกอบ

เพราะฉะนั้น เมื่อจะรักษาศีลให้อำนวยประโยชน์ จึงต้องคำนึงถึง “ศีลในแง่บวก” (ที่ปราชญ์ไทยโบราณเรียกว่า “ธรรม”) ควบคู่ไปด้วย พูดให้ชัดว่าต้องรักษาทั้งศีลและธรรม

อันที่จริง เมื่อพระพุทธองค์ตรัสสอนศีล พระองค์ทรงหมายรวมความหมายในแง่บวกด้วย ไม่เคยแยกว่า นี่ศีล นี่ธรรม เพราะศีลก็คือธรรม ธรรมก็คือศีล อ้าว ไม่เชื่อหรือ


ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทั้งหมด สรุปรวมลงในอริยมรรคมีองค์แปด และอริยมรรคมีองค์แปด สรุปได้อีกขั้นหนึ่งเป็นไตรสิกขา (สิกขา ๓) คือศีล สมาธิ ปัญญา ศีลก็คือธรรม (ธรรมขั้นศีล) สมาธิก็คือธรรม (ธรรมขั้นสมาธิ) และปัญญาก็คือธรรม (ธรรมขั้นปัญญา) เห็นไหมครับ ทีนี้เชื่อหรือยังล่ะ

ทั้งๆ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสถึงศีลทั้งในแง่ลบและแง่บวก คนส่วนมากมักจะพูดถึงศีลในแง่ลบ ให้ศีล รับศีล รักษาศีล เฉพาะในแง่ลบ พฤติกรรมของคนที่คิดว่าตนมีศีลจึงไม่ดีขึ้น เพราะขาดคุณสมบัติด้านบวกของศีล ปราชญ์ไทยโบราณจึงหาวิธีสอนศาสนาใหม่โดยแบ่งว่า นี่คือศีล และนี่คือธรรม แล้วก็บอกต่อไปว่า รักษาศีลอย่างเดียวไม่พอ ต้องรักษาธรรมหรือพัฒนาธรรมด้วย จึงจะนับว่าเป็นคนดี ก็โอเคครับ การบัญญัติใหม่อย่างนี้เป็นไปด้วยกุศลจิต ด้วยความปรารถนาดีอยากจะให้คนมีศีลทั้งในแง่ลบและแง่บวก ถือว่าไม่ขัดแย้งกับหลักการใหญ่ของพระพุทธศาสนา

ศีล ๕ (ทั้งในแง่ลบและแง่บวก) นี้เป็นเครื่องประกันความบริสุทธิ์สะอาด ใครสามารถรักษาได้ครบถ้วน จะปราศจากความมัวหมองและปราศจากเวรภัย อย่าคิดว่าศีลในแง่ลบอย่างเดียวแล้วจะประกันความประพฤติได้

เพราะเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า การละเว้นจากปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท และสุราเมารัย เป็นเครื่องทำให้ไม่มีความเสื่อมเสียทางความประพฤติ และไม่ก่อเวรภัยแก่ตนและสังคมด้วยประการฉะนี้แล เอวัง
:b16:


:b8: คัดบางตอนมาจาก...หนังสือ พุทธสาวก พุทธสาวิกา
ประมวลประวัติพระเถระพระเถรี อุบาสกอุบาสิกาสมัยพุทธกาล
เรียบเรียงโดยศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=50356


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2015, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4A ขออนุโมทนาสาธุค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2016, 21:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 13:49
โพสต์: 1012


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบสาธุๆๆ
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ทำความดีทุกๆ วัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2018, 09:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 702

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุนะครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2019, 11:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b8: :b8: :b8: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2019, 10:16 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร