วันเวลาปัจจุบัน 03 ส.ค. 2025, 21:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


บันทึกนรกภูมิ



วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๑

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผม มืดสลัว รอบบริเวณนั้น มีไอชื้น และมีกลิ่นอับ เหม็นเน่า ลอยอยู่ทั่ว ผมมองไปทางขวามือ เห็นยมฑูตองค์หนึ่งเดินตรงเข้ามา และหยุดอยู่ตรงข้างหน้าผม ลักษณะการแต่งกายของยมฑูต นุ่งผ้าหยักรั้งสีแดง ไม่สวมเสื้อ ที่แขนมีผ้าถัดสีแดงสวมอยู่ หน้าตาดุ มีหนวด
ผมบอกกับยมฑูตว่า ผมต้องการพบกับพระภิกษุที่ตกนรกขุมนี้ แล้วยมฑูตก็นำทางผมไป ทางข้างหน้าที่เดินไป ยังคงเป็นสภาพเดิม บรรยากาศสลัวมืด มีกลิ่นเหม็นสาบคล้ายกลิ่นซากศพ จากทางนี้มองออกไปข้างหน้า มีแสงสว่างสลัว ๆ อยู่เบื้องหน้า ทางขวามือของเส้นทางที่ผมเดินไปมีป้ายชื่อแดนปักไว้ ผมเดินไปอีกสักครู่ก็มองเห็นยมฑูตสององค์ กำลังนำพระภิกษุรูปหนึ่งเดินตรงมาทางผม ลักษณะการแต่งกายของพระภิกษุรูปนี้ แต่งกายสวมจีวร ที่คอสวมสร้อยประคำ ร่างกายดูอิดโรย ซีดเซียว ที่หน้าผากของพระภิกษุรูปนี้มีรอยสักด้วยหมึกสีแดงว่า “นรกขุม 7”
“มึงทำกรรมชั่วอะไรเอาไว้บนโลกมนุษย์ มึงพูดไปให้หมด อย่าปิดบังนะมึง” ยมฑูตตวาดพระภิกษุรูปนั้น
พระภิกษุรูปนี้ เล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ บวชเป็นพระมาประมาณ 15 ปี กระทำความผิดไว้มากมาย ได้เคยล่อลวงหญิงสาวคนหนึ่งมาข่มขืนแล้วทอดทิ้ง และหนีมาบวช ด้วยเพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้สร้างบาปไว้ในพระพุทธศาสนา โดยได้ขโมยเงินที่ชาวบ้านนำมาทำบุญไปใช้บำเรอความสุขส่วนตัว ไม่สนใจกิจของสงฆ์ จึงทำให้เขาต้องรับทุกข์ทรมานเช่นนี้
“ยังมีอีก มึงว่าไปให้หมด” ยมฑูตตะคอกใส่พระภิกษุ เสียงดัง
วิญญาณพระรูปนี้ได้เล่าให้ผมฟังอีกว่า เมื่อสมัยบวชเป็นพระภิกษุได้ทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน กรรมนี้ ทำให้เขาต้องถูกลงโทษในนรก
ผมได้บอกกับยมฑูตว่า ผมอยากเห็นสภาพการลงโทษพระภิกษุรูปนี้ เพื่อจะได้นำไปเขียนให้มนุษย์ได้รู้ถึงบาปกรรม
จากนั้น ยมฑูตทั้งสองก็ได้เอาพระภิกษุรูปนี้ไปลงโทษ เมื่อถึงสถานที่ลงโทษ ยมฑูตก็ดึงจีวรของพระภิกษุรูปนี้ออก หน้าตาของพระภิกษุแสดงถึงความตกใจและหวาดกลัว และยมฑูตก็ได้ผลักพระภิกษุล้มนอนลงบนพื้นดิน พร้อมกับพูดว่า “มึงทำอย่างที่มึงเคยทำ”
ภิกษุหนุ่มรูปนั้นก็ได้กระทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน ทางด้านซ้ายมีสุนัขอยู่ตัวหนึ่ง ตัวสูงเหนือเข่าเล็กน้อย ขนสีน้ำตาล ตาสีมันวาว ท่าทางดุร้าย มันได้วิ่งเข้ามากัดอวัยวะเพศของพระภิกษุรูปนั้น
“โอ้ย ๆ กลัวแล้วครับ ผมกลัวแล้วครับ”
พระภิกษุรูปนั้นร้องด้วยเสียงอันดัง พร้อมกับดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวดและทรมาน ที่ใบหน้ามีน้ำตาไหลออกมา สุนัขได้กัดอวัยวะเพศของพระภิกษุรูปนั้นจนแหลก และยมฑูตก็ได้นำสุนัขตัวนั้นไป
ต่อจากนั้น ยมฑูตก็ได้นำพระภิกษุรูปนี้ไปยังที่แห่งหนึ่ง แล้วผลักพระภิกษุล้มลงบนพื้น ข้างหน้าของพระภิกษุรูปนี้ มีแสงรัศมีสว่าง สีน้ำตาลแผ่ออกมารอบ ๆ เมื่อรัศมีของแสงได้ส่องมาถูกตัวของพระภิกษุ พระภิกษุรูปนี้ก็ได้ดิ้นทุรนทุรายเหมือนได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และร้องครวญครางอย่างโหยหวน เมื่อผมเพ่งไปในใจกลางรัศมีนั้น ก็มองเห็นเป็นผลึกสีชาก้อนใหญ่ วางอยู่บนหิน
ผมไต่ถามจากยมฑูตว่า ทำไมพระรูปนี้ จึงต้องรับกรรมในลักษณะนี้
ยมฑูต ได้เล่าให้ผมฟังว่า พระภิกษุรูปนี้ ไม่ปฏิบัติตามวินัยสงฆ์ ต้องอาบัติ จึงได้รับกรรมเช่นนี้
การลงโทษพระภิกษุยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้ ยมฑูตได้นำพระภิกษุเดินตรงไป สภาพข้างหน้าที่ปรากฏ เป็นบ่อน้ำกรดหลายบ่อ ผมมองเห็นผีอยู่ในบ่อมากมาย
ยมฑูตได้ทิ้งตัวพระภิกษุลงกับพื้น แล้วสั่งให้ พระภิกษุรูปนั้น เอามือแช่ลงไปในบ่อ
“มึงเอามือลงไปแช่ในบ่อเดี๋ยวนี้ ” ยมฑูตสั่งด้วยเสียงที่ดุและเฉียบขาด
ผมได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังอยู่ทั่วบริเวณนั้น วิญญาณเหล่านั้นกำลังถูกยมฑูตลงโทษ บางตัวที่เอามือแช่ลงไปในบ่อได้รับความเจ็บปวด ร้องออกมาเสียงดังและโหยหวน ตาเหลือก หน้าตาบูดเบี้ยว เนื้อที่ติดอยู่กับกระดูกก็ละลายไปกับน้ำกรด เหลือแต่กระดูกสีขาวโพลน พระภิกษุรูปนี้รับผลกรรมที่ได้นำเงินอันเป็นทรัพย์สินที่ประชาชนบริจาคให้กับไว้ไปใช้ส่วนตัว จึงต้องได้รับกรรมเช่นนี้
ความเจ็บปวดที่วิญญาณนั้นได้รับ เสียงร้องที่ดังโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มีสภาพทุกขเวทนา เป็นผลกรรมที่จะต้องได้รับ เป็นกรรมที่ตนเองได้กระทำขึ้นมาทั้งสิ้น
จากนั้น ยมฑูตก็ได้นำวิญญาณพระภิกษุรูปนี้ มาอยู่ตรงหน้าผม สภาพของพระภิกษุรูปนี้เหมือนซากศพเดินได้ก็ไม่ปาน
ผมได้สอบถามพระภิกษุรูปนี้ ว่ามีความรู้สึกเช่นไรที่ได้รับผลกรรมอย่างนี้ในนรก
“มันสุดแสนจะทรมาน ข้าวก็ไม่ได้กิน ได้กินแต่ขี้วันละ 5 ขัน ไม่กินก็ไม่ได้ ยมฑูตก็บังคับ” พระภิกษุเล่าให้ผมฟังด้วยสภาพร้องไห้น้ำตานองหน้า
ผมได้จดจำเรื่องราวต่าง ที่ได้พบในครั้งนี้เอาไว้ และได้อธิษฐานจิต “ขอแบ่งบุญให้แก่วิญญาณพระภิกษุรูปนี้ด้วย”

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันอังคารที่ ๓๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๒

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ สภาพรอบ ๆ ตัวผม มีต้นไม้สูงใหญ่หลายต้น ต้นไม้นี้เป็นต้นไม้กลที่ปลูกขึ้นเพื่อป้องกันวิญญาณหลบหนี เหนือขึ้นไปบนกิ่งไม้ ยังมี “อีกา” เกาะอยู่ ผมเดินออกจากบริเวณต้นไม้ใหญ่ออกมา
เมื่อผมเดินพ้นออกมา ผมมองเห็นยมฑูตยืนอยู่สององค์ ลักษณะการแต่งกายของยมฑูตสององค์นี้ สวมกางเกงขาสั้นสีกากี ไม่สวมเสื้อ รูปร่างบึกบึน ยมฑูตองค์หนึ่ง มีผมสีทองออกน้ำตาล ไว้หนวดเครา มีขนขึ้นอยู่ทั่วบริเวณหน้าอก ที่แขนขวาของยมฑูตจะมีเครื่องหมายบอกไว้ว่าอยู่นรกขุมไหน ที่คอและเท้ามีห่วงเหล็กคล้องอยู่ ห่วงเหล็กจะแสดงถึงยศของยมฑูต ยมฑูตอีกองค์หนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมดำหยิก ยมฑูตทั้งสองนี้เป็นยมฑูตของประเทศอังกฤษ
ข้าง ๆ ยมฑูต มีวิญญาณของผู้หญิงสองตัว มีลักษณะของอวัยวะเพศที่ใหญ่ผิดปกติ ผมมองเห็นวิญญาณผู้หญิงตัวหนึ่ง กำลังประกอบกิจทางเพศกับวิญญาณผู้หญิงอีกตัวหนึ่ง
ยมฑูตได้บอกให้ผมทราบว่า อดีตชาติของหญิงสองนี้ มีอาชีพขายบริการทางเพศ
ต่อมา ยมฑูตก็ได้นำวิญญาณของผู้หญิงสองตัวนี้ ไปยังสระน้ำกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง เมื่อวิญญาณทั้งสองมองเห็นสระน้ำ ก็วิ่งลงไปในสระ และถูกน้ำกรดกัดร่างกายจนเละ และส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทุรนทุราย ใบหน้าบูดเบี้ยว วิญญาณทั้งสองกระเสือกกระสนขึ้นมาจากสระน้ำกรดนั้น สภาพที่ผมเห็น คือ ดวงตาหลุดออกมานอกเบ้า ปาก หู ขา ขาดหายไป เนื่องจากถูกน้ำกรดกัดร่างกาย ผมมองเห็นสภาพของวิญญาณทั้งสองด้วยความรู้สึกที่หดหู่ใจ
จากนั้น วิญญาณทั้งสองก็ถูกนำตัวไปยังบ่อที่มีหนอนกัดกินเนื้อหนัง รับผลกรรมของเขาต่อไป

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๓

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ ณ เบื้องล่างในนรกขุมนี้ ผมมองเห็นยมฑูตสององค์กำลังลงทัณฑ์วิญญาณชายหญิง คู่หนึ่งอยู่
ผมได้สัมภาษณ์วิญญาณทั้งสองถึงบาปกรรมที่ได้ก่อไว้ ซึ่งวิญญาณทั้งสองได้เล่าให้ผมฟังว่า
ผู้หญิงตัวนี้ กระทำตัวหลอกล่อเงินจากผู้ชาย โดยใช้ร่างกายเข้าแลก และทำให้ผู้ชายลุ่มหลง ส่วนผู้ชายนั้น กระทำกรรมร่วมกันผู้หญิงตัวนี้
ผมเดินต่อไปข้างหน้า สภาพอากาศรอบ ๆ นั้นมีความรู้สึกเย็น ผมมองเห็นต้นงิ้ว และมีวิญญาณชายหญิงหลายตัวกำลังปีนป่ายอยู่บนต้นงิ้ว มีวิญญาณผีบางตัวถูกหนามของต้นงิ้วเสียบทะลุกลางอกก็มี และมี “อีกาปากเหล็ก” หลายตัวบินโฉบเข้ามาจิกวิญญาณนั้นจนร่วงตกสู่พื้นดิน ยมฑูตก็ใช้น้ำทิพย์ที่ถืออยู่พรมบนร่างกาย สักครู่วิญญาณนั้นก็กลับฟื้นขึ้นมาได้ และถูกลงโทษเช่นเดิมอีก ถ้าหากวิญญาณนั้นไม่กล้าปีนขึ้นต้นงิ้ว ก็จะถูกยมฑูตใช้อาวุธทำร้าย
ระหว่างทางที่ผมเดินไป ได้ยินเสียงร้องครวญครางของวิญญาณที่ถูกลงโทษ และมีเสียงด่าอย่างหยาบ ๆ ของยมฑูต ผมเดินไปสักครู่ก็ถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ผมมองเห็นกระทะขนาดใหญ่ มีไฟสุมเป็นเชื้อเพลิงอยู่ใต้กระทะ เปลวไฟนั้นลุกโชนอย่างแรง มีวิญญาณอยู่ในกระทะหลายตัว บางตัวพยายามปีนป่ายออกนอกกระทำ ก็จะถูกยมฑูตไล่ให้กลับไปลงกระทะ ตกอยู่ในสภาพทุกข์ทรมาน ผิวหนังเปื่อยลอกออกมา วิญญาณเหล่านั้นร้องไห้ครวญครางเสียงดังระงม วิญญาณบางตัวหมดสติจมลงไปในน้ำเดือด ก็จะถูกยมฑูตเอาตัวออกมาทำให้ฟื้น และนำตัวไปลงโทษเช่นเดิมอีก
สภาพของวิญญาณที่รับโทษเหล่านี้ เนื่องจากผลกรรมชั่วที่กระทำไว้
“ดวงตาสวรรค์นั้นมี” มองเห็นการกระทำของมนุษย์ จงอย่าคิดว่า สิ่งที่ตนเองทำนั้น ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครหลีกหนีกรรมได้…

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันจันทร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๔

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ สภาพโดยรอบที่ผมยืนอยู่ มืดสลัว มีความเย็นชื้น รอบ ๆ บริเวณที่ผมยืนอยู่มีกอหญ้าขึ้นอยู่ประปราย ผมเดินตรงไปตามป้ายที่บอกเส้นทางไว้
เมื่อผมเดินไป ผมมองเห็นยมฑูตกำลังลงโทษวิญญาณอยู่ ผมจึงได้บอกยมฑูตเพื่อขอสัมภาษณ์วิญญาณที่ตกนรก และนำไปเขียนเล่าให้มนุษย์ได้ทราบ
ยมฑูตได้นำทางผมไป บริเวณนั้นมีกลิ่นเหม็นสาบ และผมได้เห็นเปรตผู้หญิงตัวหนึ่ง มีรูปร่างสูงประมาณเกือบเท่าต้นตาล ลำตัวผอมลีบ นัยน์ตากลมโต เต้านมเหี่ยวแห้งจนติดหน้าอก ผมเผ้ารุงรัง สภาพร่างกายเน่าเปื่อย ตามเนื้อตัวมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกมา เปรตผู้หญิงตัวนี้มีอวัยวะเพศชายงอกออกมาจากอวัยวะเพศของเปรต ที่ขาของเปรตตัวนี้มีโซ่ขนาดใหญ่ล่ามติดไว้อยู่กับขาทั้งสองข้าง ปลายโซ่ผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ ที่พื้นข้าง ๆ เปรต มีขันใบใหญ่วางอยู่ 3 ขัน
ยมฑูตได้บอกผมว่า “เบื้องหลังของผู้หญิงนี้เป็นผู้หญิงบริการในสถานเริงรมย์แห่งหนึ่ง ใช้ความสวยหลอกล่อผู้ชายให้มาลุ่มหลง และได้หลอกลวงทรัพย์สินของผู้ชายมาปรนเปรอความสุขของตัวเอง มีผู้ชายมากมายที่หลงใหลในความสวยของผู้หญิงนี้ ก็จะถูกหลอกล่อให้อยู่กินด้วยกัน แล้วใช้เงินของผู้ชายอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาปกรรมที่ทำ และเมื่อผู้ชายใดไม่สามารถให้ความสุขกับผู้หญิงนี้ได้อีก ก็จะถูกผู้หญิงนี้ทอดทิ้งไปพร้อมกับดูแคลนอย่างสิ้นเยื่อใย”
ผมมองเห็นใบหน้าของเปรตตัวนี้ เศร้าสลด มีน้ำตาไหลออกมา และส่งเสียงร้องสะอื้น
ผมเดินต่อไปเพื่อสัมภาษณ์วิญญาณตัวอื่นอีก เส้นทางที่ผมเดินมาเริ่มมืด คล้าย ๆ กับเข้าไปในถ้ำ มีเสียงซ่าดังขึ้นเมื่อเท้าของผมเหยียบย่างลงพื้นดิน ข้างหน้าของผมมีป้ายบอกชื่อสถานที่เอาไว้
เมื่อผมเดินผ่านป้ายไปได้สักครู่ ก็มองเห็นโพรง ๆ หนึ่ง มีลักษณะคล้ายถ้ำเล็ก ๆ ใหญ่พอประมาณ มีความกว้างขนาดคนเข้าไปอยู่ได้ ที่หน้าโพรงมียมฑูตยืนถืออาวุธ
ผมได้บอกกับยมฑูตว่า ผมต้องการสัมภาษณ์วิญญาณที่ตกนรก เพื่อนำไปเขียนบอกเล่าให้มนุษย์ได้ทราบ
“เฮ้ย ไอ้ผีโพรง มึงออกมานี่หน่อยซิ” ยมฑูตเรียกผีในโพรงนั้นพร้อมกับกระตุกโซ่
ผมมองเห็นผีผู้ชายตัวหนึ่ง ไม่ใส่เสื้อผ้า ค่อย ๆ คลานออกมาก ที่มือและขาของผีตัวนี้ มีโซ่ล่ามเอาไว้ สภาพร่างกายผอมแห้ง ผิวหนังเป็นปุ่ม ๆ คล้ายเป็นโรคผิวหนัง ที่คอมีป้ายบอกชื่อผีตัวนี้ว่า “ผีโพรง” ลักษณะของหูของผีตัวนี้ ใหญ่ผิดปกติ มีขนาดเท่ากับพัดที่ใช้พัดเตาถ่านหุงข้าวตามบ้านเรือน ที่รูหูสองข้างของผีมีน้ำหนองไหลเยิ้มออกมา หูทั้งสองข้างของผีไม่ได้ยินเสียงอะไร ดวงตาพร่ามัว ไม่สามารถสู้แสงสว่างได้ มือทั้งสองข้างบวมพอง มีรอยแผลอยู่มากมาย
ผมได้ถามผีโพรงถึงบาปกรรมที่เคยก่อ ด้วยอำนาจจิตของผม เพราะหูของผีโพรงตัวนี้ ไม่ได้ยินเสียงอะไร
ผีโพรงตัวนี้ได้เล่าให้ผมฟังว่า
“เมื่อสมัยเป็นมนุษย์ เขาเป็นลูกของคนมีอันจะกินคนหนึ่ง เนื่องด้วยมีฐานะร่ำรวย มีกิจการงานมากมาย แต่เขาผู้เป็นลูก กลับมิได้สนใจใยดีในกิจการของพ่อแม่เลย เอาแต่เที่ยวเตร่สนุกเฮฮากับเพื่อนฝูงทุกเช้าค่ำ จนแม่ตรอมใจตาย เขาก็ยังเที่ยวอยู่เหมือนเดิม ซ้ำยังเที่ยวหนักกว่าเก่า เพราะถือว่า ไม่มีใครมาคอยควบคุมเขาอีกแล้ว กิจการของครอบครัวก็เริ่มทรุด พ่อก็ล้มป่วย ญาติ ๆ ก็เริ่มเข้ามาครอบครองทรัพย์สมบัติของพ่อ ในบั้นปลายสุดท้ายของชีวิตพ่อ พ่อได้เรียกให้เขามาอบรมสั่งสอนถึงเรื่องต่าง ๆ แต่เขาไม่สนใจที่จะฟัง กลับทำหูทวนลม อยู่มาวันหนึ่งเขาได้เมาเหล้ากลับมา และเอ่ยปากขอเงินกับพ่อ เพื่อไปเล่นการพนัน แต่พ่อไม่ให้ เขาจึงใช้กำลังทำร้ายพ่อบังเกิดเกล้าด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วหลบหนีออกจากบ้าน จากนั้นไม่นานพ่อเสียชีวิต ทรัพย์สินต่าง ๆ ของพ่อที่เหลือก็ถูกเขาล้างผลาญจนหมดสิ้น เพื่อนที่เขาเคยให้ความช่วยเหลือ กลับปฏิเสธเมื่อเขาร้องขอให้ช่วย ทุกคนหมางเมินอย่างสิ้นเยื่อใย เขาเริ่มรู้แล้วว่าบาปกรรมที่ได้เคยกระทำกับพ่อแม่นั้นได้มาถึงแล้ว ชีวิตสุดท้ายของเขาต้องเป็นขอทาน และได้ตายเพราะทนความหิวไม่ไหว ซากศพของเขาถูกนำไปฌาปนกิจโดยผู้ใจบุญเรี่ยไรเงินค่าทำศพให้ ทุกวันที่พระสวดพระอภิธรรม เขาจะถูกนำตัวไปฟังสวดพระอภิธรรมจนถึงวันสุดท้ายของการฌาปนกิจ และได้ถูกตัดสินให้มารับโทษในนรกขุมนี้
ผลกรรมที่ทำให้หูทั้งสองข้างโตผิดปกติ และใช้การไม่ได้ เพราะบุพการีอบรมสั่งสอน แต่แกล้งทำเป็นหูทวนลม มือทั้งสองข้างที่เป็นแผลบวมพอง เพราะกรรมที่เคยทำร้ายพ่อ
ผมได้ฟังเรื่องราวของผีโพรงตัวนี้ และพยายามจดจำไว้ เพื่อนำมาเขียนบอกเล่าให้มนุษย์ได้ทราบ…

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันศุกร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๕

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ “ขอโปรดสัตว์ในนรก”
เบื้องล่างบนพื้นนรกภูมิ ผมมองเห็นยมฑูตสององค์ แต่งกายสวมกางเกงขาสั้นสีแดง และถืออาวุธเป็นหอก เป็นยมฑูตชาวจีน ซึ่งผมได้บอกกับยมฑูตทั้งสองว่า ผมต้องการสัมภาษณ์วิญญาณที่ตกนรก และยมฑูตก็ได้นำทางผมเดินไปข้างหน้า
ผมเดินไปสักครู่หนึ่ง ก็ได้กลิ่นคาวเลือดลอยลมมาจาง ๆ กลิ่นคาวเลือดนี้โชยมาจากซากผีที่อยู่บริเวณนั้น ข้างหน้าผมมีบ่อน้ำขนาดใหญ่บ่อหนึ่ง น้ำในบ่อเดือดจัดจนมีฟองอากาศอยู่ทั่วบ่อ และมีควันสีขาวลอยเหนือผิวน้ำ ผมสังเกตความร้อนของน้ำในบ่อ คงจะร้อนมาก ๆ รอบ ๆ บ่อมีเส้นสีขาววงอยู่โดยรอบ ซึ่งเป็นเส้นเตือนไม่ให้เข้าล้ำเส้นสีขาวนี้ไป น้ำในบ่อนี้ เป็นน้ำกรด เป็นสถานที่ลงโทษมนุษย์ที่คดโกง หรือเบียดเบียนทรัพย์สินของผู้อื่นโดยเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นมาเป็นของส่วนตัว
ยมฑูตสององค์ เดินข้ามาหาผม ยมฑูตองค์ซ้ายมือของผม ถืออาวุธมีลักษณะยาวเหมือนหอก คมอาวุธเป็นลักษณะคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ที่หัวของยมฑูตองค์นี้สวมเขาไว้ด้วย ส่วนยมฑูตอีกองค์หนึ่งแต่งกายคล้ายกัน แต่ไม่มีเขาอยู่บนหัว ถือหอกยาวเป็นอาวุธ
ยมฑูตทั้งสองได้นำวิญญาณผีตัวหนึ่ง เดินเข้ามาหาผม เป็นผู้ชาย อายุประมาณ สามสิบเศษ ไม่เกินสี่สิบ ไม่สวมเสื้อผ้า หน้าตาหมองเศร้า บนใบหน้ามีหนวดเคราขึ้นบาง ๆ
“มึงลงไปในบ่อนั้น เดี๋ยวนี้” ยมฑูตร้องตวาด พร้อมกับชี้มือไปที่บ่อ
แต่วิญญาณนี้ ไม่กล้าลงไปในบ่อ ยมฑูตจึงใช้เท้าเตะท้องของวิญญาณนั้น วิญญาณตัวนั้น ก็ล้มกลิ้งตกลงไปในบ่อ มีเสียงเหมือนวัตถุตกลงไปในน้ำ สักครู่ในน้ำตรงที่วิญญาณนั้นตกลงไป ก็มีฟองอากาศพรูขึ้นมา แล้วผมก็ได้เห็นโครงกระดูกขาวโพลน มีเนื้อเยื่อติดโครงกระดูกนั้น
ยมฑูตองค์หนึ่งใช้หอกที่ถือ ดึงโครงกระดูกขึ้นมาจากบ่อน้ำ และวางบนพื้นดิน ยมฑูตอีกองค์หนึ่งก็ได้เอาน้ำทิพย์มาราดลงไปที่โครงกระดูกนั้น จากโครงกระดูกก็แปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างเดิมของวิญญาณชายผู้นั้น ที่มีเนื้อหนังปกติ
ผมได้สัมภาษณ์วิญญาณตัวนี้ ผมได้ถามว่า เมื่อสมัยที่เป็นมนุษย์ เขาได้เคยทำกรรมอะไรไว้ จึงต้องมาตกนรกรับกรรมที่ขุมนี้ ซึ่งวิญญาณชายผู้นี้ ได้ได้เล่าให้ผมฟังว่า
“เอ่อ…เอ่อ…อ” ไม่มีเสียงพูดออกมา และยมฑูตก็ได้เอาน้ำให้วิญญาณตัวนี้ดื่ม
เขาเล่าว่า เขาเป็นชาวสิงคโปร์ ครั้งหนึ่งได้ร่วมทำธุรกิจกับญาติของตนเอง จนมีกำไรพอที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ แต่ด้วยความโลภของเขา จึงได้ยักยอกเงินส่วนหนึ่งของบริษัทมาเป็นของตัว โดยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ต่อมาธุรกิจที่ทำก็ล้ม ญาติคนนั้นก็ต้องขายบ้าน รถ และทรัพย์สินอื่นเพื่อผ่อนใช้หนี้ ต่อมาเขาก็ได้อพยพย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายหลังก็ได้ทราบข่าวว่า ญาติคนนี้ได้เสียชีวิตลงด้วยความตรอมใจ ครอบครัวของเขาต้องแยกย้ายที่อยู่ นับเป็นความผิดของเขาที่ได้ก่อไว้อย่างมหันต์ และเมื่อเขาตาย ก็ได้รับโทษ ชดใช้บาปกรรมที่ของเขาในนรกขุมนี้
วิญญาณชายนี้ ได้สารภาพความผิดที่เขาได้ก่อ และได้ให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า เขาจะไม่ประพฤติเยี่ยงเดิมอีก และจะพยายามสร้างกรรมดีให้ปรากฏ เพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้ในชาติภพนี้ ........

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันอังคารที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๖

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ บริเวณที่ผมยืนอยู่เป็นพื้นดิน บนทางลูกรังสีแดง มีฝุ่นละอองจากดินลอยอยู่ทั่วบริเวณนั้น มียมฑูตเดินเข้ามาหาผมสององค์ ผมได้บอกกับยมฑูตว่า ผมต้องการมาสัมภาษณ์วิญญาณที่ตกนรกเพื่อเผยแพร่ให้มนุษย์ได้รู้เรื่องผลกรรม
ยมฑูตนำทางผมเดินไปข้างหน้า เส้นทางข้างหน้านั้นมืดพอสมควร แต่ก็พอจะมีแสงสว่างที่ช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้รำไร เมื่อผมเดินไปอีกหน่อย ผมก็มองเห็นเงาดำ ๆ สามสี่คนจมอยู่ในพื้นดิน มีส่วนหัวและแขนโผล่เท่านั้น ที่อยู่เหนือพื้นดิน ผมเพ่งมองผีเหล่านั้น ก็เห็นเป็นผีผู้ชายจมอยู่ในพื้นดิน บริเวณผิวหนังตามแขนและใบหน้ามีแผลเป็นอยู่หลายแห่ง ผีเหล่านี้หายใจอย่างรวยรินเหมือนคนไม่มีแรง
ยมฑูตบอกกับผมว่า ผีเหล่านี้ เป็นพวกที่กินสินบน
และผมได้สัมภาษณ์ผีผู้ชายตัวหนึ่งในกลุ่มนี้ เขาเล่าถึงสิ่งที่เขาทำเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ว่า เขาทำงานรับราชการ และมีคนมาติดต่อขอให้เขาช่วยเหลือเรื่องเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ และได้รับเงินตอบแทนจำนวนสามพันบาท ด้วยผลกรรมนี้ ทำให้เขาตกนรกรับผลกรรมอยู่ในนรกขุมนี้
ผมถามผีตัวนี้อีกว่า เขาได้รับสิ่งใดเป็นอาหาร
ผีตัวนี้ตอบผมว่า เขาต้องกินกรวดดินห้าจานทุกวัน รสชาติของดินนั้นเหมือนกรวดทรายทั่วไป แต่เมื่อตกถึงท้องแล้วจะปวดท้อง ทรมานมาก ถ้าไม่กินก็จะถูกยมฑูตลงโทษ
ต่อจากนั้น ผมได้สัมภาษณ์ผีตัวอื่น
ผมเดินเลี้ยวขวาไปตามป้ายที่มีลูกศรชี้ จนถึงสถานที่แห่งนึ่ง ผมมองเห็นมีผีผู้ชายตัวหนึ่งกำลังนอนกอดหนังสือดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนพื้น พร้อมกับร้องไห้ ลักษณะของผีตัวนี้อยู่ในช่วงวัยอายุหกสิบกว่า ๆ ไม่สวมเสื้อผ้า
ผมถามยมฑูตที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ผีตัวนี้ว่า ผีตัวนี้ทำกรรมอะไรไว้
ยมฑูตได้เล่าให้ผมฟังว่า ผีผู้ชายตัวนี้ ในอดีตเคยบวชเป็นพระภิกษุ ศึกษาพระธรรมจนนึกว่าตนเองเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งกลับชาติมาเกิด จึงตั้งตัวเป็นอาจารย์สอนหลักธรรมผิดจากพระไตรปิฎก และมักโต้แย้งหลักธรรมกับพระภิกษุสงฆ์หลายท่าน แล้วใช้เล่ห์กลทำให้พระภิกษุเหล่านั้นต้องขายหน้า ด้วยความรู้สึกลำพองฮึกเหิม ผลกรรมนั้น ทำให้ต้องรับกรรมในนรกขุมนี้นาน 90 ปี
ผมถามผีผู้ชายตัวนี้ว่า เขาได้ทำกรรมอะไรไว้ จึงได้รับผลกรรมเช่นนี้
ผีผู้ชายนี้ร้องไห้ และสารภาพบาป ว่า เขาเคยบวชเป็นพระ ด้วยความอวดตัวอวดฉลาดว่าตนเป็นผู้รู้ บวชเรียนมาหลายพรรษา จึงถกเถียงหลักธรรมกับพระภิกษุรูปอื่น ด้วยความคิดว่าตนเองคือ พระอรหันต์กลับชาติมาเกิด ใช้คารมเอาชนะพระภิกษุอื่นด้วยเล่ห์ และบอกให้ลูกศิษย์ป่าวประกาศว่า เขาคือพระอรหันต์……กลับชาติมาเกิดเพื่อช่วยมนุษย์ ทำให้ผู้คนแตกตื่นกันมาหาเขา ลาภสักการะต่าง ๆ มีมาไม่ขาด ก็ทำให้เขามีลูกศิษย์มากขึ้น ด้วยกรรมนั้น ทำให้เขาต้องมารับผลกรรมเช่นทุกวันนี้

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันพุธที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๗

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ ผมยืนอยู่บนพื้นดินในนรก ผมมองเห็นยมฑูตเดินเข้ามาหาผมสององค์ เป็นยมฑูตชาวโปรตุเกส ถือหอกเป็นอาวุธทั้งสององค์
ผมได้บอกกับยมฑูตทั้งสองว่า ผมต้องการสัมภาษณ์วิญญาณที่ตกนรกในขุมนี้ และยมฑูตทั้งสองก็นำทางผมไปจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง
ข้างหน้าผมมีชายรูปร่างใหญ่ยืนอยู่คนหนึ่ง ดูจากรูปร่างและเครื่องแต่งกายไม่ใช่ยมฑูตและวิญญาณที่ตกนรกแน่นอน เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ ๆ ชายคนนั้นก็หันหน้ามาทางผม พร้อมกับยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร
“ท่านท้าวเวสสุวรรณ” ผมเอ่ยชื่อออกมา
ท่านก็รับคำว่า “ใช่ เราคือเวสสุวรรณ”
รูปลักษณะขององค์ท้าวเวสสุวรรณ เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเป็นยักษ์ สวมเสื้อสีเขียวอ่อน และนุ่งผ้าโจงกระเบนสีเขียวแก่ มีลายทองบนเนื้อผ้าพราวระยิบระยับ ห้องสังวาลย์เพชร พาดเฉียงซ้ายเป็นเครื่องประดับกาย และใช้เป็นอาวุธ สวมรองเท้าทองคำปลายงอน ในมือถือบัญชีอยู่เล่มหนึ่ง
องค์ท้าวเวสสุวรรณ ได้กล่าวทักทายและสนทนากับผมอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
หลังได้ลาองค์ท้าวเวสสุวรรณแล้ว ผมก็อธิษฐานไปนรกขุม 5 และผมก็เดินเลี้ยวขวา ไปตามทางที่ยมฑูตเดินนำทางอยู่ สักพักผมก็เดินมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ผมมองเห็นผีสองตัวกำลังนอนอยู่บนพื้นดิน ผีผู้ชายที่นอนอยู่ทางซ้ายสวมเสื้อยืดสีขาวเก่า ๆ สกปรก แต่ไม่สวมกางเกง อีกตัวหนึ่งเป็นผีผู้หญิงไม่สวมเสื้อผ้า ลักษณะของผีทั้งสองคล้ายคนบ้า
ยมฑูตได้เล่าให้ผมฟังว่า ผีพวกนี้ ชาติก่อนเป็นคนที่สติสมบูรณ์เช่นมนุษย์ทั่วไป แต่ไม่สนใจที่จะศึกษาเล่าเรียน เอาแต่เที่ยวเตร่หาความสุขไปวัน ๆ ทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ทรมาน จึงต้องมาเกิดเป็นผีปัญญาอ่อน
ผมมีความสงสัยในใจว่า เหตุใดผีผู้ชายนี้ จึงมีเสื้อผ้าสวมใส่ ผมจึงได้ไต่ถามจากยมฑูต ได้ความว่า แม่ของชายคนนี้ เคยทำบุญกุศลและอุทิศบุญกุศลให้แก่เขา ด้วยผลบุญนั้นสนองให้ชายผู้นี้ เขาจึงมีเสื้อใส่
ยมฑูตได้บอกเล่าเรื่องราวของผีผู้หญิงอีกตัวว่า
ผีผู้หญิงนี้ เคยเป็นหญิงคณิกามาก่อน แล้วถูกฆ่าข่มขืนจนตาย ในอดีตหญิงผู้นี้เคยหนีออกจากบ้าน เที่ยวเร่รอนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ถูกผู้ชายล่อลวงไปข่มขืนหลายครั้ง หนีพ้นมาได้ครั้งหนึ่ง พ่อแม่ของผู้หญิงนี้ก็ได้ออกตามหาจนหมดเงินหมดทองไปหลายแสนบาท แต่ก็หาไม่พบ จึงได้แจ้งความต่อตำรวจท้องที่ หลายปีผ่านไป หญิงผู้นี้ก็ตายลงเนื่องจากถูกฆ่าข่มขืน บาปกรรมที่ผีผู้หญิงนี้ได้ทำไว้กับพ่อแม่ ทำให้เธอต้องตกนรกขุมนี้ห้าสิบปี
ผมได้ถามความจริงจากผีชายหญิงทั้งสองตัวว่า เป็นความจริงตามที่ยมฑูตเล่าให้ผมฟังหรือไม่ ผีทั้งสองตัวก็พยักหน้าตอบรับ
ผมได้ตั้งจิตอธิษฐาน “ขอแบ่งบุญพระกรรมฐาน ให้แก่ผีทั้งสองตัวนี้”

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันพฤหัสบดีที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๘

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ ข้างหน้าผม มียมฑูตกำลังควบคุมการลงโทษวิญญาณบาปสองตัวอยู่ วิญญาณทั้งสองนี้อยู่ในสภาพไม่สวมเสื้อผ้า
ผมได้สอบถามเรื่องราวของวิญญาณทั้งสองนี้ จากยมฑูต ได้ความว่า ผีผู้หญิงนี้ทำงานเป็นผู้หญิงขายบริการตามบาร์ ใช้ความสวยและเรือนร่างทำมาหากิน ปอกลอกเงินทองของผู้ชายจนหมดเนื้อหมดตัว แล้วทอดทิ้งไปหาผู้ชายคนใหม่ ส่วนผีผู้ชายนั้นเป็นแมงดาคุมซ่อง คอยหากินกับผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อของเขา แล้วใช้กำลังบังคับเอาทรัพย์สินจากผู้หญิง และได้ใช้ให้ผู้หญิงทำงานเป็นผู้หญิงขายบริการตามสถานที่ต่าง ๆ
ผมสอบถามความจริงจากผีทั้งสองตัวว่า เรื่องทั้งหมดนั้น เป็นความจริงหรือไม่ ผีทั้งสอง ตัวนี้ก็ยอมรับว่าเป็นความจริง
ผมได้ถามผีผู้ชายว่า เขากินอะไรเป็นอาหาร ซึ่งผีผู้ชายได้ตอบผมว่า เขาได้กินอุจจาระ วันละ 3 ขัน
ผมได้ตั้งจิตอธิษฐาน “ขอแบ่งบุญพระกรรมฐาน ให้แก่ผีทั้งสองตัวนี้”

:b40: :b40: :b40: :b40: :b40: :b40: :b40:


วันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๙

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ ผมเดินไปตามเส้นทางเดินหนึ่งในนรกภูมิ มีวิญญาณผีหลายตัวเดินผ่านผมไป สองข้างทางที่ผมเดินอยู่ มีหญ้าขึ้นอยู่มากมาย ผมเดินไปจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง และมองเห็นยมฑูตสององค์กำลังนำตัววิญญาณผีตัวหนึ่งเดินผ่านผม ผมได้ร้องเรียกให้ยมฑูตสององค์นั้นหยุด แล้วเข้าไปขอสัมภาษณ์วิญญาณผีตัวนี้ ได้ความว่า ผีตัวนี้ เคยก่อคดีฆ่าคนไว้หลายศพ และถูกพวกเดียวกันยิงตาย
ยมฑูตได้นำวิญญาณผีตัวนี้ไปลงโทษ ผมเดินตามยมฑูตทั้งสองนี้ไป เพื่อต้องการสัมภาษณ์ และจดจำสภาพการลงโทษวิญญาณผีตัวนี้
ยมฑูตทั้งสองเดินนำหน้าผมไปครู่ใหญ่ ก็ถึงสถานที่แห่งหนึ่ง มีเปลวไฟกองใหญ่ลุกโชนขนาดท่วมศรีษะคนอยู่เบื้องหน้า ตรงทางเข้ามียมฑูตประจำอยู่หนึ่งองค์ ที่บนโต๊ะทำงานของ ยมฑูตนั้น มีสมุดเล่มหนึ่งวางอยู่
ผมเดินเข้าไปตามทางเข้า และเห็นยมฑูตใช้ไฟเผาวิญญาณผีตัวนี้ ผีตัวนี้ดิ้นทุรนทุรายอยู่ในกองไฟสักพักใหญ่ ผิวหนังของผีนี้เป็นแผลพุพองด้วยถูกไฟเผา มีน้ำไหลเยิ้มออกทั่วตัว เส้นผมบนศรีษะก็ถูกไฟเผา
ต่อมาผมได้สัมภาษณ์วิญญาณผีตัวนี้ถึงบาปกรรมที่ได้กระทำไว้บนโลกมนุษย์ วิญญาณผีตัวนี้ได้เล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นมือปืนให้กับผู้มีอันจะกินคนหนึ่งในกรุงเทพ ด้วยอำนาจเงินทำให้เขาหลงผิดฆ่าคนตายหลายศพ ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยได้รับความสุขในชีวิต เมื่อตอนเป็นเด็กก็ต้องถูกออกจากโรงเรียนเพราะทำร้ายเพื่อนนักเรียนจนถึงแก่ความตาย ต่อมาก็ถูกเข้าไปอยู่ในสถานดัดสันดาน จนเติบโตก็ออกมาทำมาหากินเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างเป็นมือปืน ในชีวิตเขา ฆ่าคนมาแล้วหกศพ แต่ก็เพราะความจำเป็นที่ต้องหาเลี้ยงพ่อแม่ที่แก่เฒ่าในชนบท
ยมฑูตที่อยู่ข้าง ๆ ตวาดวิญญาณผีตัวนี้ด้วยความโมโหว่า “ไอ้สัตว์ มึงยังคิดจะโกหกอีกหรือวะ”
ผมบอกกับวิญญาณผีตัวนี้ว่า ผมต้องการสัมภาษณ์ความจริงจากเขา และหากเขาโกหก ก็จะต้องถูกเพิ่มโทษจากเดิมอีก
แต่วิญญาณผีตัวนี้ก็บอกกับผมว่า สิ่งที่เขาเล่ามานั้นเป็นความจริง
ยมฑูตได้ฟังดังนั้น ก็โกรธ และด่าวิญญาณผีตัวนี้ว่า “ไอ้สัตว์” พร้อมกับใช้มือตบลงบนใบหน้าของวิญญาณผีตัวนี้จนฟันหักและมีเลือดไหลออกจากปาก
ผมยุติการสัมภาษณ์วิญญาณผีตัวนี้ เพียงแค่นี้ …

:b40: :b40: :b40: :b40: :b40: :b40: :b40:


วันเสาร์ที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๑๐

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ ผมเห็นวิญญาณผีผู้หญิงตัวหนึ่งถูกพันธนาการอยู่กับเสาไม้ดำสูง แขนและขามีตรวนเหล็กล่ามเอาไว้ และวิญญาณผีตัวนี้กำลังถูกยมฑูตลงโทษ โดยใช้หวายเฆี่ยนตี แล้วใช้เกลือสาดไปตามร่างกาย ทำให้เกิดรอยแผลเน่า
ผมได้สอบถามถึงกรรมที่ผีผู้หญิงได้กระทำไว้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ จากยมฑูต ได้ความว่า ผีผู้หญิงตัวนี้ เป็นคนไทย มีอาชีพเป็นผู้หญิงขายบริการ ตายด้วยพิษไข้ขึ้นสมอง
ผมได้สัมภาษณ์ผีผู้หญิงตัวนี้ ซึ่งผีผู้หญิงนี้ได้เล่าให้ผมฟังด้วยน้ำตาว่า ถูกตัดสินใช้กรรมในนรกนานสิบปีแล้ว
อดีตของผีผู้หญิงนี้นั้น ด้วยความแห้งแล้ง ที่นาเก็บเกี่ยวได้น้อย ไม่พอค่าอยู่อาศัย จึงต้องออกมาทำงานเพื่อส่งให้พ่อแม่ใช้จ่าย ตัวเธอเป็นลูกสาวคนเดียว และเมื่อมาทำงานเป็นคนรับใช้อยู่ในกรุงเทพ ก็ถูกนายจ้างข่มขืนและไล่ออกจากบ้าน ต้องเร่ร่อนไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อของานทำ แต่ก็ไม่ได้งาน จึงมาทำงานเป็นหมอนวด และขายตัวให้กับแขกที่มาเที่ยว ได้เงินทองมาแต่งตัวบ้าง ที่เหลือรวบรวมเป็นทุนเก็บเอาไว้ แต่ก็ไม่มีความสุขเหมือนคนทั่วไป เพราะต้องกินภายในโรงแรม ไม่สามารถออกไปไหนได้ตามใจ นอกจากบริเวณใกล้ ๆ โรงแรม เธอขายตัวมาได้เจ็ดปี ก็ต้องออกจากงาน และมาขายตัวตามที่สาธารณะ ได้เงินไม่กี่บาทก็เอา จนป่วยเป็นโรคภายใน และไม่ได้รักษากับหมอเพราะค่ายาแพง ได้แต่ใช้ยากลางบ้านรักษา แต่ก็ไม่หาย จนคืนหนึ่งเกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจถี่ จนขาดใจตาย และต้องมาใช้กรรมในนรกนี้
หลังจากที่ผีผู้หญิงตัวนี้ถูกเฆี่ยนตีแล้ว ก็ถูกนำไปไปลงโทษให้สุนัขในนรกกัดอีก
จากนั้น ผมได้ถามผีผู้หญิงตัวนี้ว่า ถูกลงโทษอย่างไรบ้าง ซึ่งผีผู้หญิงนี้ได้เล่าให้ผมฟังว่า ต้องถูกยมฑูตเฆี่ยนตีแล้วโรยเกลือบนตัว
ผมได้ถามผีผู้หญิงนี้ว่า ได้รับสิ่งใดเป็นอาหาร ผีผู้หญิงตอบผมว่า ได้รับข้าวสุกเพียงเมล็ดเดียวเป็นอาหารทุกวันพระ ด้วยผลบุญที่ในอดีตได้เคยทำบุญกับพระภิกษุไว้ และบุญนี้ได้มาสนอง
ผมถามว่า มีความรู้สึกอย่างไรที่ต้องรับผลกรรมในนรกเวลานี้ ผีผู้หญิงตอบผมว่า รู้สึกเจ็บปวดไปหมด และทรมานมาก ไม่เคยได้รับความสุขเลย ต้องกินขี้กินเยี่ยว ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย…

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันเสาร์ที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๑๑

ี้ ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ ผมเดินผ่านเส้นทางที่เป็นป่า จนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ผมมองเห็นยมฑูตหนึ่งองค์กำลังลงโทษวิญญาณผีผู้ชายตัวหนึ่ง ผีตัวนั้นอยู่ในลักษณะอาการใช้ตัวเองลากคันไถไปข้างหน้า มีสายเทียมไว้กับหลังของผีตัวนี้ ที่ตรงหลังมีโหนกสูงขึ้นมา มีขนขึ้นประปราย ดูสภาพแล้วเหมือนกับวัวควายที่ใช้ไถนา และมียมฑูตคันไถควบคุม และใช้แส้โบยไปที่ผีผู้ชายตัวนั้น พร้อมกับร้องว่า “ไป ๆ…”
ผมได้ขอให้ยมฑูตหยุดการลงโทษไว้ชั่วคราว และขอสัมภาษณ์ผีผู้ชายตัวนี้
ยมฑูตได้เดินเข้าไปปลดสายเทียมที่ผูกไว้กับตัวของผีผู้ชายนี้ออก แล้วนำผีผู้ชายนี้มาหาผม หน้าตาของผีผู้ชายนี้แหลมยื่นออกมาข้างหน้า ที่จมูกมีเชือกร้อยจมูกเอาไว้อยู่ ลักษณะไม่สวมเสื้อผ้า ผิวกายดำ
ผมได้สัมภาษณ์ผีผู้ชายตัวนี้ ว่า ทำกรรมอะไรไว้ จึงต้องมารับกรรมในสภาพนี้ เขาได้เล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี มีอาชีพเป็นชาวนา ไถนามาเป็นสิบปี ใช้วัวใช้ควายมาหลายตัว พอตายลงก็พบว่า วิญญาณต่าง ๆ ที่ถูกเขาใช้งานนั้น มาฟ้องร้องเขาในนรกว่า ถูกผีผู้ชายตัวนี้แกล้งต่าง ๆ นา ๆ ให้ทำโน้นทำนี่โดยไม่มีเวลาพักผ่อน ทั้งยังไม่มีความปรานีเวลาใช้ อาศัยความดุเข้าว่า วิญญาณสัตว์พวกนั้นโกรธมาก เมื่อตายไปก็ผูกพยาบาทอาฆาตเขาเอาไว้ และได้บอกองค์พญายมว่า เขาได้ฆ่าสัตว์เพื่อเอาเนื้อมากิน หลังจากสัตว์นั้นไม่สามารถใช้งานได้อีกแล้ว
ผมถามผีผู้ชายตัวนี้ว่า รับกรรมอยู่ในนรกขุมนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาได้ตอบว่า รับกรรมมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว
ผมได้ตั้งจิตอธิษฐาน “ขอแบ่งบุญกุศลให้กับผีผู้ชายตัวนี้” และอวยพรให้เขาได้ไปเกิดในประเทศที่รุ่งเรืองด้วยพระพุทธศาสนา…

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๑๒

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ ผมยืนอยู่ที่คอกสัตว์ รอบ ๆ บริเวณนั้นมีสภาพเป็นโคลนชื้นแฉะ ผมมองเห็นยมฑูตหนึ่งองค์กับวิญญาณบาปตัวหนึ่ง ที่นี่เป็นคอกหมู วิญญาณบาปที่ถูกนำตัวมาลงโทษที่นี่ เป็นพวกที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนชรา บรรพบุรุษของตน ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงให้ตกระกำลำบาก จะต้องมาใช้กรรมในนรกนี้
ผมยืนมองผีผู้ชายตัวหนึ่ง ด้วยความสงสัยว่าเขากำลังทำอะไร เมื่อเพ่งมองดูจึงรู้ว่า ผีตัวนี้กำลังใช้ปากคุ้ยเขี่ยอาหารอยู่กับพื้นด้วยความเอร็ดอร่อย เมื่อกินอาหารนี้เสร็จ ก็จะต้องไปกินขี้ เพื่อใช้บาปกรรมที่เขาก่อขึ้นในโลกมนุษย์ ที่คอของเปรตตัวนี้ มีป้ายบอกชื่อว่า “ผีหมู”
ผมได้บอกกับผีหมูตัวนี้ว่า ผมเป็นมนุษย์ ลงมานรกภูมินี้ก็เพื่อสัมภาษณ์วิญญาณที่ตกนรกรับผลกรรม และนำเรื่องราวที่ได้พบเห็นมานั้น เขียนบอกเล่าให้มนุษย์ได้ทราบ เพื่อจะได้ไม่กล้าทำชั่วกันอีก และเป็นข้อเตือนใจว่า บุญ บาป ผลแห่งกรรม ภพภูมิ นรก สวรรค์ นั้นมีจริง
ผมต้องการให้เขาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ละเอียด เพื่อที่จะเป็นบทเรียนแก่มนุษย์ที่ได้รู้เรื่องนี้ ซึ่งผีตัวนี้ได้เล่าให้ผมฟังอย่างละเอียดอีกครั้งว่า ในอดีตเขาได้เคยสร้างเวรกรรมเอาไว้กับน้าชายของเขา ทำให้น้าชายต้องทุกข์ทรมานอยู่ในสถานรับเลี้ยงดูคนชราจนตาย ตัวเขาเองมีแม่ที่ต้องรับเลี้ยงดูอยู่สองคน เพราะว่าพ่อของเขาเป็นคนเจ้าชู้ จึงมีเมียหลายคน หลังจากที่พ่อของเขาตายไป สภาพทางบ้านก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ข้าวก็ไม่ค่อยจะมีกิน ทั้งยังมีภาระเรื่องหนี้สินที่ต้องใช้คืนอีก จึงต้องหลบหนี้ มาอยู่ที่บ้านญาติ ญาติของเขาคนนี้เป็นพ่อค้าขายเนื้อสดอยู่ในตลาด วันหนึ่งญาติของเขาถูกรถชนจนขาพิการ ไม่สามารถขายของได้อีกต่อไป เขาจึงต้องรับภาระเลี้ยงดูครอบครัวของญาติอีกด้วย ด้วยหนี้สินที่รุงรัง ทำให้เขาเป็นคนหงุดหงิดง่าย โมโหร้าย พาลเตะข้าวของในบ้านจนเสียหายเกือบหมด แต่ก็ไม่สำนึกตัว เพราะถือว่าตนเองเป็นผู้เลี้ยงดูครอบครัวอยู่ อยู่มาวันหนึ่งญาติที่เป็นน้าชายของเขาเมากลับมาบ้าน พูดจาหาเรื่องแม่ของเขา ทำให้เขาทนไม่ไหว จึงด่าว่าน้าชายอย่างแรง ด้วยความโมโหจึงคว้ามีดในครัวไล่ฟันน้าชาย น้าชายของเขาก็หนีเตลิดออกไปไม่กลับมานอนบ้าน ภายหลังทราบข่าวว่า น้าชายพักอยู่ที่สถานรับเลี้ยงดูคนชรา หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย สุดท้ายน้าชายก็ตายด้วยโรคหัวใจวาย วิญญาณของน้าชายมาฟ้องร้องต่อองค์พญายมในนรก ขอให้ลงโทษเขา และวิญญาณน้าชายจึงจะยอมไปเกิดใหม่ และจะอโหสิกรรมให้ เมื่อเขาตายด้วยโรคโลหิตเป็นพิษ วิญญาณของเขาก็ถูกนำตัวมานรกภูมิ เพื่อรับการตัดสินคดีกรรม และได้พบกับน้าชายที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นเขาก็ถูกตัดสินให้มาเกิดเป็นผีหมูอยู่ในนรกขุมนี้
ผมถามผีตัวนี้ว่า เขารับกรรมมานานเท่าไหร่แล้ว และได้รับสิ่งใดเป็นอาหาร เขาตอบว่า รับกรรมมานานห้าปีแล้ว และเขาได้รับข้าวหมูเน่า เศษอาหารที่มีก้อนกรวดผสมอยู่ ทุกวันจะต้องกินขี้ กินเยี่ยว เข้าไปอีกด้วย ผมมองเห็นที่สองข้างตา มีน้ำตาไหลรินออกมา
เทพที่เป็นเจ้าหน้าที่องค์หนึ่งในนรกภูมิ ได้บอกให้ผมทราบว่า ผีตัวนี้ ในอดีตได้ก่อกรรมเอาไว้กับญาติพี่น้องของเขา และได้ทอดทิ้งให้ญาติสนิทไปอยู่ในสถานรับเลี้ยงดูคนชรา และปล่อยให้ญาติคนนั้นอดอยาก ไม่มีข้าวจะกิน และญาติของเขาได้สาปแช่งเอาไว้ก่อนตายว่า จะขอล้างแค้นผีตัวนี้ให้ได้ โดยญาติคนนั้นได้ไปเกิดเป็นหมูอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี และขอให้พญายมราช รับคำร้องของเขาให้ญาติของเขาคนนี้ รับผลกรรมในนรกภูมิด้วย แล้วเขาจึงจะอโหสิกรรมให้
ผมได้สอบถามจากเทพองค์นั้นว่า ผีตัวนี้ จะพ้นกรรมนี้เมื่อไหร่ เทพองค์นั้นได้ตอบผมว่า ผีตัวนี้จะต้องใช้กรรมอีกสามชาติ
ผมได้ตั้งจิตอธิษฐาน ขอแบ่งบุญกุศลให้แก่วิญญาณผีตัวนี้…

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันอังคารที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๑๓

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ เส้นทางเบื้องล่างในนรกที่ผมเดินไป เป็นเส้นทางยาว มีแสงสว่างเรือง ๆ ตามทาง ผมเดินใกล้เข้าไปจนถึงถ้ำแห่งหนึ่ง เหนือปากถ้ำมีตัวอักษรเขียนบอกไว้ว่า “ถ้ำค้างคาว” และก็มีเสียงได้ยินแว่ว ๆ ว่า “อย่าเข้าไป”
ผมหันมามอง ก็เห็นยมฑูตองค์หนึ่ง ซึ่งผมได้ถามยมฑูตองค์นี้ว่า เหตุใดถึงไม่ให้ผมเข้าไปในถ้ำนั้น
ยมฑูตได้บอกผมว่า ในถ้ำนั้นมีค้างคาวที่มีพิษอยู่มากมาย จึงร้องห้ามไม่ให้ผมเดินเข้าไป
ผมบอกกับยมฑูตว่า ผมลงมานรก เพื่อสัมภาษณ์วิญญาณที่ตกนรก รับกรรม และนำเขียนเป็นเรื่องราวให้มนุษย์ได้รับรู้
เมื่อยมฑูตองค์นี้ ได้ทราบความประสงค์ของผม จึงได้ชี้เส้นทางให้ผมเดินไป
ผมก้าวเดินไปตามทางที่ยมฑูตชี้ และพบกับทางแยกหลายทาง ในทางแยกนั้น มีทางเดินที่มีอันตราย และเป็นทางเดินที่ปลอดภัย ผมเลือกทางเดินที่เป็นเส้นทางปลอดภัย โดยเดินไปทางขวามือ จนไปถึงสุดทางที่ถ้ำแห่งนึ่ง มีเสียงร้องโอดครวญมาจากในถ้ำ ผมจึงเดินเข้าไป และเห็นผีผู้ชายตัวหนึ่งกำลังถูกลงโทษ ในถ้ำนั้นมีแสงสว่างพอสมควรที่จะมองเห็นสภาพภายในถ้ำได้ เนื่องจากทรายที่อยู่บนพื้นนั้นส่องแสงเป็นประกายเมื่อมีแสงไฟจากไต้หลายอันที่ปักไว้ตามผนังถ้ำ พ้นทรายในถ้ำนั้นมีความเป็นหินและทรายผสมอยู่ จึงมีทั้งความนิ่มและความแข็ง
“ไปอีก..” ผมได้ยินยมฑูตสั่งผีตัวนั้น
ผีตัวนั้นไถตัวไปตามพื้นอย่างแรง และมีเสียงดังสืดสาด จากการเคลื่อนตัวของผีตัวนี้ โดยมียมฑูตใช้เท้าเหยียบอยู่ที่แผ่นหลังของผี
สภาพของผีตัวนี้ ไม่สวมเสื้อผ้า คว่ำหน้าอยู่กับพื้นดิน เข่าสองข้างตั้งอยู่กับพื้นเพื่อจะคืบคลานไปข้างหน้าตามคำสั่งของยมฑูต
ผมยืนดูการลงโทษสักพักใหญ่ ก็ได้ขอสัมภาษณ์ผีตัวนี้ ยมฑูตได้หยุดการลงโทษ และนำตัวผีตัวนี้ มาให้ผมได้สัมภาษณ์
สภาพตามร่างกายของผีตัวนี้ มีเลือดไหลเปรอะทั่วบริเวณอวัยวะเพศของเขา และบริเวณนั้นยับเยินไม่เป็นรูปร่าง ซึ่งผมพอจะคาดเดาถึงกรรมที่ผีตัวนี้กระทำไว้ได้บ้าง
ผีตัวนี้ได้เล่าถึงอดีตให้ผมฟังว่า เขาเป็นคนจังหวัดจันทบุรี มีอาชีพเป็นพ่อค้ากุ้ง อยู่ในตลาด และรับจ้างทำงานทั่วไป ต่อมาได้ลักขโมยสิ่งของ ของนายจ้าง จึงถูกไล่ออก เงินเดือนแต่ละเดือน ได้เพียงเดือนละ 400 บาท พร้อมกับอาหาร ทำให้เขาไม่มีเงินเหลือเก็บ จึงต้องลักขโมย เพื่อนำไปขาย เอาเงินมาใช้จ่าย ต่อมาก็ถูกนายจ้างจับได้ และแจ้งตำรวจให้จับเขาเข้าคุก เมื่อออกจากคุกมา มีความต้องการแก้แค้นนายจ้างให้ได้ จึงไปดักพบนายจ้างที่เป็นผู้หญิงนี้ และใช้กำลังบังคับข่มขืน แล้วหลบหนี ต่อมาเขาก็ตายด้วยโรคมะเร็งในปอด ศพของเขาถูกเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลเพื่อรอญาติมิตรมารับไปทำการฌาปนกิจ…

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันพุธที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๑๔

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ ได้พบกับผีผู้ชายผู้หญิงคู่หนึ่ง มีลักษณะผอมโซ ผิวหนังซูบติดกระดูกทีเดียว ดวงตาโหลคล้ำ มีกลิ่นตัวเหม็น ทรงผมจัดไม่ได้รูป
ผมถามผีผู้ผู้ชายตัวนี้ว่า ในอดีตเขาได้เคยทำบาปกรรมอะไรไว้เมื่อครั้งเกิดเป็นมนุษย์ เขาได้เล่าให้ผมฟังว่า เขาได้ทารุณควายที่เลี้ยงไว้ ให้อดอยาก ไม่ได้ให้อาหารกินอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งกลั่นแกล้งไม่ให้กินตอนที่โมโห หรือบางมื้อก็ให้อาหารเพียงเล็กน้อย
ผมหันไปถามผีผู้หญิงว่า ได้ทำบาปกรรมอะไรไว้ ผีผู้หญิงได้ตอบผมว่า ได้เคยจับปลาจากแม่น้ำลำคลองมาเป็นอาหาร แล้วฆ่าโดยการทุบหัวปลาให้ตาย เมื่อตายจึงต้องมารับผลกรรมนั้นในนรก
ผมบอกกับผีสองตัวนี้ว่า ผมขอแบ่งบุญให้กับผีทั้งสองตัวนี้
ผมเดินต่อไปตามเส้นทาง ในเส้นทางที่ผมเดินไปนั้น เป็นแสงสลัว ๆ พอมองเห็นได้ และผมได้มองเห็นเปรตผู้ชายตัวหนึ่ง มีลักษณะสูง ๆ ผิวหนังของเปรตตัวนี้สกปรก คละเคล้าด้วยกลิ่นเหม็นและสาบ เปรตตัวนี้ยืนร้องโหยหวนเบา ๆ คล้ายคนเหนื่อยอ่อนหมดแรง ผมเดินเข้าไปใกล้ ๆ เปรต เปรตตัวนั้นมองเห็นผมเดินเข้าไปก็ได้ยื่นมือยาว ๆ มาทางผม แต่ก็ต้องหดมือกลับไปเมื่อได้ยินเสียงยมฑูตตวาด
ผมบอกกับยมทูตที่คอยลงโทษเปรตตัวนี้ว่า ผมอยากสัมภาษณ์เปรตตัวนี้ ยมทูตก็ได้บอกให้เปรตย่อตัวลงมาให้เท่าปกติ เพื่อที่ผมจะได้สัมภาษณ์ได้ และยมทูตก็พาเปรตตัวนี้มาหาผม ผมได้ถามเปรตตัวนี้ว่า ได้เคยทำบาปกรรมอะไรไว้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เปรตตัวนี้ในสภาพร่างกายที่เหมือนมนุษย์ได้เล่าให้ผมฟังว่า เขามีเมียหลายคน และไม่ได้เลี้ยงดูให้ดีทุกคน ทอดทิ้งเมียที่ไม่รักและเบื่อไป มีเมียแล้ว 7 คน เปรตตัวนี้ต้องตกนรกรับผลกรรม ด้วยการกระทำที่ไม่ดูแลและไม่รับผิดชอบเมียให้ดีเสมอกัน และมักมากในกาม ตัณหาแรง ไม่รักเดียวใจเดียว นอกใจเมียคนแรก ไปมีเมียคนต่อ ๆ ไป อย่างนี้เรียกว่า “เจ้าชู้”
ผมเดินจากเปรตตัวนี้ไปยังนรกขุมอื่นต่อไป ได้พบกับผีผู้ชายสองตัว ผีผู้ชายตัวหนึ่งได้เล่าให้ผมฟังว่า ในอดีตเขามีนิสัยขี้ขโมย ลักทรัพย์ผู้อื่นแล้วเอาไปขายมาใช้กินใช้อยู่ ตายด้วยอุบัติเหตุ ผีผู้ชายอีกตัวหนึ่งนั้น ตายด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ประสานงากับรถคนอื่นตายคาที่ บาปกรรที่ทำให้เขาต้องมาใช้กรรมในนรก เขาเล่าว่า เขาได้เคยฆ่าสุนัขตาย และสุนัขตัวนั้นมาฟ้อง บอกว่าถูกมนุษย์ฆ่าตายในลักษณะอาการเช่นนี้ บาปกรรมนั้นรอสนองเขา เมื่อเขาตาย ผีผู้ชายตัวนี้ต้องไปเกิดรับกรรมเป็นผีหัวสุนัข อยู่ในนรกหลายปี และต้องกินอุจจาระ ปัสสาวะของสุนัขเวลาหิว เขารู้สึกเสียใจมาก และได้ร้องไห้ออกมา
ผมอธิษฐานจิตไปนรกขุมอื่นต่อ เพื่อสัมภาษณ์วิญญาณในขุมอื่นบ้าง ผมได้พบกับเปรตตัวสูง ๆ ตัวหนึ่ง เขาได้เล่าให้ผมฟังว่า เมื่อครั้งที่เป็นมนุษย์ เขาได้ใช้เงินของพ่อแม่อย่างสิ้นเปลือง ไม่ประหยัด และเล่นการพนัน แทงพนันม้า บ้าพนันบอล ดื่มเหล้าหนัก เล่นการพนันหลายอย่าง บาปกรรมที่ทำให้เขาต้องตกนรกรับผลกรรมนี้ ด้วยกรรมที่เขาผลาญทรัพย์สินพ่อแม่ ไม่กตัญญูต่อผู้ให้กำเนิด ด่าพ่อด้วยคำหยาบ เขาต้องถูกยมทูตใช้เหล็กทิ่มแทงปาก และให้กินยาสีเขียวที่มีพิษทำลายกัดปากให้เน่าอีก เขาเจ็บปากไม่สามารถกินอะไรได้อย่างปกติ และจะต้องทนกินอุจจาระ ปัสสาวะบ้าง และต้องถูกลงโทษให้ไปแช่ในบ่อน้ำที่มีปลิงพิษอยู่ เขาต้องถูกปลิงพวกนี้ดูดเลือดออกจากตัวจนอ่อนเพลีย และถูกไปทำงานอย่างหนัก ขนหินไปถมทะเล และขนน้ำทะเลไปใส่ในบ่อ ทำเช่นนี้อยู่หลายชั่วโมง บาปกรรมที่เขาได้ทำนี้ ไม่ดูแลพ่อแม่ ด่าพ่อให้เสียใจ กรรมหนักนี้จึงจะต้องรับผลกรรมอย่างหนัก ผีผู้ชายตัวนี้ เมื่อได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ก็จะต้องไปเกิดเป็นคนที่ปัญญาอ่อน ไม่สมบูรณ์อย่างคนปกติ เป็นไปตามกรรมที่เขาได้ทำไว้
อุทาหรณ์จากกรรมชั่วที่ผมได้พบ ได้สัมภาษณ์เหล่าวิญญาณหลาย ๆ ตนนี้ ผมต้องการที่จะให้เรื่องราวเหล่านี้ เป็นข้อคิดเตือนสติต่อผู้ที่ไม่เชื่อว่าผลกรรมมีจริง นรกมีจริง และทรมาน หากใครกลัวบาปกรรม ก็อย่ากระทำกรรมชั่วนั้น ให้รักษาศีล ให้ทาน หมั่นสร้างกรรมดี ก็จะได้พบแต่สิ่งดี ๆ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๑๕

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ ผมยืนอยู่ข้างสระน้ำวนแห่งหนึ่ง ในสระนั้น ผมมองเห็นมีวิญญาณผีหลายตัวลอยอืดอยู่ในน้ำ สภาพร่างกายของผีแต่ละตัวอืดพอง และมีกลิ่นเหม็น เน่าเฟะ มีกลิ่นโชยออกมาอย่างรุนแรง แมลงวันต่างรุมตอมตามร่างกายของผีที่ลอยอยู่ในน้ำนั้นมากมาย ที่กลางสระน้ำวน มีเกาะกลางน้ำ ซึ่งเป็นที่เกาะของนกแร้งที่คอยจิกกินซากของผีเหล่านี้
และที่รอบ ๆ สระน้ำวนนี้ มียมฑูตหลายองค์ยืนควบคุมการลงโทษผีเหล่านี้อยู่ ผมได้สอบถามจากยมฑูตสององค์ที่ได้เดินเข้ามาหาผมว่า วิญญาณผีพวกนี้ได้ทำกรรมอะไรไว้ ได้ความว่า วิญญาณผีพวกนี้ได้เคยฆ่าสัตว์น้ำด้วยเครื่องมือทันสมัย
ผมหันไปมองทางสระน้ำ เห็นวิญญาณผีตัวหนึ่งลอยเข้ามาหาฝั่ง จึงได้ขอให้ยมฑูตนำตัววิญญาณผีตัวนั้นขึ้นมาจากสระ เพื่อสัมภาษณ์ และยมฑูตก็ได้ใช้บ่วงบาศก์ขว้างไปที่ผีตัวที่ลอยเข้าใกล้ฝั่งนั้น และดึงขึ้นมา สักพักผีตัวนี้ก็ได้รู้สึกตัวอย่างช้า ๆ และลืมตาดูรอบ ๆ อย่างงงงัน ยมฑูตได้เข้าไปปลุกผีตัวนี้ให้รู้สึกตัวมากขึ้น และนำมาเพื่อให้ผมสัมภาษณ์
ผีตัวนี้ได้เล่าให้ผมฟังว่า เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เขามีอาชีพเป็นชาวประมง จับปลาทะเล ได้เคยฆ่าสัตว์มากมาย แรกเริ่มนั้นเขาใช้อวนจับสัตว์น้ำ แต่ภายหลังได้เปลี่ยนมาใช้ระเบิดในการจับสัตว์น้ำ ในขณะที่ใช้กรรมในนรกนี้ เขาจะต้องต้องกินขี้และเยี่ยววันละห้าหน
ผมได้ขอให้ยมฑูตนำวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรของผีตัวนี้มา เพื่อขออโหสิกรรมแก่กัน
สักครู่หนึ่ง ยมฑูตก็ได้นำวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรหลายตัว ในร่างของคน เดินเข้ามายังที่ที่ผมยืนอยู่ มีทั้งวิญญาณสัตว์น้ำตัวเล็ก และวิญญาณสัตว์น้ำตัวใหญ่ มีหลายวัยต่างกันไป ที่ขาของวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรนี้มีโซ่ตรวนผูกติดอยู่ ที่คอมีป้ายบอกชื่อทุกตัว บางชื่อเขียนว่า “ปลาหมึก” , “ปลา” เป็นต้น
วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรพวกนี้ เมื่อได้รับการช่วยให้มีความจดจำเรื่องในอดีตกลับคืน ก็ร้องตะโกนว่า
“ฆ่ามัน มันฆ่าพวกเรา เอาเลยเว้ย พวกเรา” เสียงตะโกนดังขึ้นทุกที
และยมฑูตก็ได้สั่งให้วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้น เงียบเสียง
ผมได้บอกให้ผีตัวนี้ว่า ขอให้เขาขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรของเขาเสีย เพื่อกรรมนั้นจะได้สิ้นสุดกัน และผีผู้ชายนี้ ก็ได้พนมมือขึ้น พร้อมกับกล่าวว่า “กรรมอันใดที่ผมได้เคยสร้างไว้กับทุกคน ขอให้อโหสิกรรมให้กับผมด้วย”
มีวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรบางตัวยอม อโหสิกรรมให้ แต่มีบางตัวที่ไม่ยอม และโกรธแค้นยิ่งขึ้น
ยมฑูตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ห้ามปราม และได้บอกกับวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรนั้นว่า พวกเขาได้จะได้ไปเกิดใหม่ วิญาณตัวนั้นได้ฟัง ก็สงบลง พร้อมกับกล่าวคำอโหสิกรรมว่า เขาอโหสิกรรมให้ กรรมอันใดในอดีตที่ได้เคยล่วงเกินกันมา พวกเขาทั้งหมดยินดีอโหสิกรรมให้
ผมได้อวยพรให้ผีตัวนี้ และวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรทั้งหมด ที่จะได้ไปเกิดใหม่ มีความสุขเกษมในภพหน้า…

:b40: มีอีกหลายขุม โปรดติดตามตอนต่อไป :b5:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2009, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2008, 14:07
โพสต์: 285

อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของคุณ Bwitch เหรอคับ

.....................................................
"ใครเกิดมา ไม่พบพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย"

"ให้พากันหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา"

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
http://www.luangta.com/

"ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน หัวใจของการปฏิบัติคือการมีสติในชีวิตประจำวัน"
หลวงปู่มั่น

"ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว"
หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม ชลบุรี
http://www.wimutti.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2009, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


วันศุกร์ที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
ครั้งที่ ๑๖

ผมนั่งกรรมฐานอธิษฐานจิตไปสู่นรกภูมิ ผมไปสถานที่ ที่มีเปลวไฟลุกโชนอยู่ มีเสียงร้องของวิญญาณผีหลายตัวดังขึ้นอย่างโหยหวน รอบ ๆ กองไฟที่ลุกโชนนั้น มีหลักไม้ปักอยู่หลายหลัก หลักไม้แต่ละหลัก มีวิญญาณถูกมัดติดอยู่กับหลักนั้นหลายตัว ผีแต่ละตัวอยู่ในสภาพไม่สวมเสื้อผ้า ผีแต่ละตัวพยายามดิ้นรนที่จะหลบหลีก เมื่อยมฑูตใช้หอกแทงไปตามร่างกายของผีพวกนั้น มีผีหลายตัวดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดจนหมดสติ
ผมได้ถามยมฑูตที่ลงโทษผีพวกนี้ว่า ผีพวกนี้ได้ทำกรรมอะไรไว้ ยมฑูตได้บอกผมว่า ผีพวกนี้ ชาติก่อนเป็นขโมยลักทรัพย์สินของชาวบ้าน
ผมได้ขอสัมภาษณ์ผีตัวหนึ่งจากยมฑูต ผีที่ถูกผมสัมภาษณ์ ได้เล่าว่า เขาเป็นคนมีอาชีพหาเช้ากินค่ำ หาเลี้ยงตัวไปวัน ๆ แต่ไม่พอกิน จึงต้องหาทางออกด้วยการปล้นชาวบ้านที่เดินผ่านไปมา มีรายได้ดีพอสมควร และกระทำมาเรื่อย ๆ จนถูกตำรวจจับได้ ก็ถูกนำตัวเข้าคุก เมื่อพ้นโทษออกมาก็ประพฤติตัวเช่นเดิมอีก วันหนึ่งได้ปล้นบ้านของผู้ชายคนหนึ่ง เจ้าของบ้านรู้ตัว เขาจึงถูกยิงจนเสียชีวิต เมื่อตายก็ได้รับการตัดสินให้มาใช้กรรมในนรก
ผมได้ขอสัมภาษณ์ผีตัวอื่นอีก สักครู่หนึ่งยมฑูตก็นำผีผู้ชายมาสองตัว ผีตัวหนึ่งอายุประมาณสี่สิบกว่าปี ศีรษะมีเส้นผมหงอกขาวแล้วบางเส้น ผิวหนังตามตัวมีแผลพุพองอยู่ทั่ว
ผมได้ถามผีผู้ชายตัวนี้ว่า เขาได้ทำกรรมอะไรไว้ จึงได้รับกรรมเช่นนี้ ผีผู้ชายตัวนี้ได้เล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นคนจังหวัดเชียงราย มีอาชีพเป็นคนรับส่งฝิ่นและเฮโรอีน ให้กับบุคคลที่ซื้อ เมื่อได้เงินมาก็นำเงินไปใช้ ทำอย่างนี้ทุกครั้งจนมีฐานะอยู่ในขั้นดี และมีลูกน้องติดตามมากมาย ตำรวจก็มีความเกรงใจ เขาก็ยึดเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว มีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่นมานานหลายปี จนในช่วงหนึ่งของชีวิต เขาป่วยเป็นโรคไตและเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรัง เมื่อตายก็ถูกตัดสินให้มารับโทษในนรกขุมนี้เจ็ดสิบปี
ผมได้หันไปสอบถามความจริงจากยมฑูตที่ยืนฟังอยู่ว่า เรื่องที่ผีตัวนี้เล่าให้ผมฟังนั้น เป็นความจริงหรือไม่ ยมฑูตได้บอกผมว่า ผีตัวนี้ปิดบังความจริง ไม่ได้พูดถึงความชั่วที่เคยทำไว้บางอย่าง
ยมฑูตจึงใช้มือตบลงบนใบหน้าของผีตัวนั้น จนฟันซี่หนึ่งหลุดออกจากปาก
ผมจึงถามผีผู้ชายตัวนี้ต่อว่า เขาได้ทำกรรมชั่วอะไรไว้อีกบ้าง ผีตัวนี้แสดงความตกใจ และเล่ากรรมชั่วที่ปิดบังให้ผมฟังว่า เขามีกรรมชั่วบางอย่างที่ยังไม่ได้บอก ชาติก่อนเมื่อสมัยวัยรุ่น เขาเคยขโมยสร้อยทองคำสองเส้นของญาติผู้น้องไปจำนำ และไม่ได้ใช้คืน ญาติคนนั้นก็ไปฟ้องพ่อของผีตัวนี้ เขาจึงถูกพ่อลงโทษ ด้วยความเจ็บใจ จึงขโมยเงินของพ่อแล้วหนีออกจากบ้าน หากินเป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย
ผมได้ถามผีอีกตัวที่เหลือว่า เขาได้ทำกรรมอะไรไว้บ้าง ผีตัวนี้ได้เล่าให้ผมฟังว่า ชาติก่อนเขาได้เคยเอาเงินของเพื่อนไปใช้จ่าย โดยไม่ได้บอกเพื่อน เมื่อเพื่อนถามก็ทำแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ และยังเคยข่มขืนคนรับใช้ผู้หญิง และไล่ออกจากบ้านไป…

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร