วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 15:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2012, 22:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 เม.ย. 2012, 13:00
โพสต์: 69


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่โกรธคะ ขอทราบคำตอบ ด้วยนะคะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2012, 13:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
tongue
...ศีลเป็นข้อห้าม...ควรเจตนาศีลให้บริสุทธิ์ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง...
...การประพฤติผิดในกามทั้งในกลุ่มที่เป็นเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้ามหรือการผิดเพศ...
...ล้วนอยู่ในข่ายละเมิดศีล...ส่วนเจตนาหรือไม่เจตนาที่จะละเมิดหรือทุศีลมีผลต่างกัน...
...การคิดไว้ในใจก็เริ่มที่จะมีแนวโน้มจะทำให้เกิดการละเมิดเพราะคิดก่อนที่จะพูดหรือทำ...
...คุณธรรมที่ต้องมีในการรักษาศีลก็คือมีทั้งหิริ(ละอาย)และโอตัปปะ(เกรงกลัวต่อบาป)...
...ทั้งนี้ก็อยู่ที่การได้รับการอบรมจิตใจและปลูกฝังพฤติกรรมมาจากครอบครัวเป็นเบื้องต้น...
...กิเลสตัวที่เป็นกามราคะในแต่ละบุคคลมีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดทั้งเพศชายและเพศหญิง...
...โทษของการผิดเพศนี้ก็ไม่เบาเลยอ่ะนะ...ถึงขั้นหมดสิทธิ์ในการบรรลุคุณธรรมทุกขั้น...
...ดูตัวอย่างที่มีการบวชพระเณรแล้วเป็นเกย์เป็นตุ๊ดเนี่ย...ทำในวัดมันบาป 2 เท่านะคะ...
...เพราะเป็นการทุศีลข้อกาเมสุมิฉจารทำให้ศีลขาดทะลุด้วยกาย วาจา ใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง ...
...มีพื้นฐานจิตที่เข้าใจสภาพธรรมตามภพภูมิผิดเป็นมิจฉาทิฐิทั้งกาย วาจา ใจสมควรลาสิกขา...
...การที่ยังทู่ซี้ดันทุรังอยู่ครองผ้าเหลือง...รังแต่จะทำให้จิตดวงนั้นไปอบายภูมิหนักกว่าคนธรรมดาอีก...
...เรื่องผลของกรรมเป็นความละเอียดอย่างยิ่งของจิตแต่ละดวง...ฉะนั้นคิดให้หนักก่อนพูดและทำค่ะ...
:b27: :b12:
:b8:

ศีลไม่ใช่ข้อห้าม โปรดเข้าใจธรรมมะของพระพุทธองค์ใหม่ ธรรมทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่นมิอย่างงั้นพระองค์จะตรัสไว้เช่นนี้หรือเจ้าค่ะ ดิฉันเป็นนักปฎิบัติไม่ได้เคร่งปริยัติ แต่เข้าใจธรรมพระพุทธองค์สอนจนถึงแก่นแท้แล้วถึงกล้าพูดเช่นนี้ จะอธิบายสั้นๆเล่าเป็นนิทานธรรม พระภิกษุต้องสำรวมกาย วาจาใจ ไม่จับต้องอุบาสิกา แล้วมีอยู่วันนึง มีหญิงสาวตกน้ำ มีพระภิกษุ2รูปผ่านมาเห็นเข้า ภิกษุรูปนึงคิดถึงศีลว่าห้ามจับต้องฝ่ายหญิงเลยตะโกนให้คนแถวนั้นช่วย แต่ภิกษุอีกรูปหนึ่งเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นรีบกระโดดลงน้ำไปช่วยหญิงสาวคนนั้นจนรอดชีวิต ข้อถามนะเจ้าค่ะว่าภิกษุที่กระโดดน้ำลงไปช่วยหญิงสาวนั้นผิดศีลข้อห้ามหรือไม่เจ้าค่ะ
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงมีใจเป็นใหญ่ใจเป็นประธาน
สิ่งที่ควรบอกก็บอกไปแล้ว ส่วนใครจะปฏิบัติได้ไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาแต่ละคนแล้วเจ้าค่ะ :b8: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2012, 21:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบคำถามเกี่ยวกับ ศีล ข้อ 3 อีกซักนิดเจ้าค่ะ
ศีลข้อ 3. คือข้อห้าม ห้ามประพฤติผิดทางกาม มีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ครองของตน
นั่นแสดงว่า ศีลข้อ3 มีความสัมพันธ์ได้ แต่ห้ามคบชู้ ห้ามมักมากในกามส่วนท่าน กุหลาบดำว่า การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานผิดศีลข้อ3ไหม มันไม่ได้ผิดศีล แต่มันเป็นกายประพฤติตนไม่มีศีลธรรมทางกาย สัมมากัมมันตะ จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานหรือหลังแต่งงาน ก็มีแต่ตัวเราที่รู้อยู่แก่ใจ ผู้ใหญ่เค้าไม่ได้มารับรู้ด้วยว่าเรากับแฟนจะคบกันหรือมีเพศสัมพันธ์กันหรือไม่ เค้าให้เกียติให้ความไว้วางใจเรา ส่วนตัวเราเท่านั้นแหละที่จะตอบได้ว่า เราทำผิดศีลธรรมข้อนี้ไหม การมีเพศสัมพันธ์คือ กรรมที่ประกอบทางกาย ถ้ากระทำลงไปเพราะราคะคือความพอใจในคู่รักหรือคู่ครองของตนไม่ผิดศีลข้อ3 แต่เป็นการกระทำที่เรียกว่า กายกรรม
กรรมแบ่งออกเป็น 3 แบบ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมกายกรรม ยกตัวอย่าง มีเพศสัมพันธ์ผลที่ตามมา ทำให้ท้อง สำเร็จความใคร่(ตัณหา) ทำให้ติดโรคทางกามโรคเป็นต้น(อธิบายเจาะจงเฉพาะประเด็น จขกท.)
วจีกรรม การพูดจาหยาบคาย ส่อเสียด ดูถูก จะเจตนาหรือไม่เจตนาแต่กระทำลงไปด้วยอารมณ์ทั้งหมดจัดว่าเป็นวจีกรรม แต่ถ้าเจตนากรรมจะหนักกว่าเพราะคิดอกุศลเพราะจัดอยู่ในมโนกรรมรวมไปด้วย
มโนกรรม กรรมที่กระทำลงไปด้วยความเจตนาทั้งหลายทั้งปวงทั้งที่รู้อยู่แก่ใจก็กระทำลงไปคือเจตนา อย่างเช่น เห็นคนอื่นตกอับ หรือเห็นคนอื่นโดนทำร้าย เห็นผู้อื่นพ่ายแพ้ แล้วมีความสุขสะใจ อยากให้คนอื่นเป็นอย่างที่ใจตนคิด หรือคิดจะทำร้ายผู้อื่นด้วยความสะใจ อยากให้คนอื่นมีความสุข อยากให้คนอื่นประสบความสำเร็จ นี่คือมโนกรรม จัดเป็น กุศลกรรมและอกุศลกรรมรวมอยู่ด้วยอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว คุนน้องตอบเฉพาะเกี่ยวกับที่ท่าน จขกท. ต้องการทราบแค่นั้น เพราะให้สาธยายมันจะยาวเกินไป :b5: รอท่านผู้อาวุโสท่านอื่นมาพิจารณาว่าผิดถูกขาดตกบกพร่องประการใด :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2012, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ขอตอบคำถามเกี่ยวกับ ศีล ข้อ 3 อีกซักนิดเจ้าค่ะ
ศีลข้อ 3. คือข้อห้าม ห้ามประพฤติผิดทางกาม มีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ครองของตน
นั่นแสดงว่า ศีลข้อ3 มีความสัมพันธ์ได้ แต่ห้ามคบชู้ ห้ามมักมากในกามส่วนท่าน กุหลาบดำว่า การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานผิดศีลข้อ3ไหม มันไม่ได้ผิดศีล แต่มันเป็นกายประพฤติตนไม่มีศีลธรรมทางกาย สัมมากัมมันตะ จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานหรือหลังแต่งงาน ก็มีแต่ตัวเราที่รู้อยู่แก่ใจ ผู้ใหญ่เค้าไม่ได้มารับรู้ด้วยว่าเรากับแฟนจะคบกันหรือมีเพศสัมพันธ์กันหรือไม่ เค้าให้เกียติให้ความไว้วางใจเรา ส่วนตัวเราเท่านั้นแหละที่จะตอบได้ว่า เราทำผิดศีลธรรมข้อนี้ไหม การมีเพศสัมพันธ์คือ กรรมที่ประกอบทางกาย ถ้ากระทำลงไปเพราะราคะคือความพอใจในคู่รักหรือคู่ครองของตนไม่ผิดศีลข้อ3 แต่เป็นการกระทำที่เรียกว่า กายกรรม
กรรมแบ่งออกเป็น 3 แบบ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมกายกรรม ยกตัวอย่าง มีเพศสัมพันธ์ผลที่ตามมา ทำให้ท้อง สำเร็จความใคร่(ตัณหา) ทำให้ติดโรคทางกามโรคเป็นต้น(อธิบายเจาะจงเฉพาะประเด็น จขกท.)
วจีกรรม การพูดจาหยาบคาย ส่อเสียด ดูถูก จะเจตนาหรือไม่เจตนาแต่กระทำลงไปด้วยอารมณ์ทั้งหมดจัดว่าเป็นวจีกรรม แต่ถ้าเจตนากรรมจะหนักกว่าเพราะคิดอกุศลเพราะจัดอยู่ในมโนกรรมรวมไปด้วย
มโนกรรม กรรมที่กระทำลงไปด้วยความเจตนาทั้งหลายทั้งปวงทั้งที่รู้อยู่แก่ใจก็กระทำลงไปคือเจตนา อย่างเช่น เห็นคนอื่นตกอับ หรือเห็นคนอื่นโดนทำร้าย เห็นผู้อื่นพ่ายแพ้ แล้วมีความสุขสะใจ อยากให้คนอื่นเป็นอย่างที่ใจตนคิด หรือคิดจะทำร้ายผู้อื่นด้วยความสะใจ อยากให้คนอื่นมีความสุข อยากให้คนอื่นประสบความสำเร็จ นี่คือมโนกรรม จัดเป็น กุศลกรรมและอกุศลกรรมรวมอยู่ด้วยอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว คุนน้องตอบเฉพาะเกี่ยวกับที่ท่าน จขกท. ต้องการทราบแค่นั้น เพราะให้สาธยายมันจะยาวเกินไป :b5: รอท่านผู้อาวุโสท่านอื่นมาพิจารณาว่าผิดถูกขาดตกบกพร่องประการใด :b8:

Kiss
...ผู้ที่มีความเห็นตรงจึงจะปฏิบัติได้ถูกต้อง...การมีความเห็นบิดเบือนย่อมเข้าไม่ถึงสัมมาทิฐิ...
:b12: :b16:
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2012, 17:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กุหลาบดำ เขียน:
ขอขอบคุณคะ คุณ Nongkong คะ :b8:

ส่วนศีลข้อ3กามเม สรุปสั้นๆว่า มีคู่แล้วแอบไปมีชู้ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ครองของตน ไปยุ่งกับคนมีครอบครัวอันนี้คงจะกระจ่างแล้วนะเจ้าค่ะ

ขอยึดตามนี้ ถูกต้องที่สุดนะคะ เท่ากับเราไม่ได้แย่งหรือทำลายครอบครัวให้เค้าแตกแยก ไม่ผิดศิลนะคะ

:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


คุยกะคุณวิริยะ...ก็ดูท่านุเข้าใจดีแล้วนะ....แต่แล้วงั้ยยิ่งคุยก็ยิ่งลืมที่ตัวเองสรุปไปแล้ว..ละ

การไปยุ่งกะคนมีเจ้าของนี้นะ.....คนที่ยังไม่แต่งงาน...เจ้าของก็คือผู้ปกครองนั้นเอง...ต่อให้พ่อแม่พี่น้องญาติทั้งหลาย...ลาโลกไปหมดแล้ว....ก็ยังต้องบอกกล่าวก่อน...ชาวบ้านเขาเรียกเซ่นผี...เห็นมั้ยโบราณเขารอบคอบ

ทำถูกแล้ว...ชีวิตเรามันก็เจริญ...ไอ้ที่ผิดแล้วก็แล้วไป..ทำงัยได้ละ...มีแต่เริ่มทำใหม่

สาธุ....ด้วยนะครับที่คิดจะรักษาศีล....เป็นกำลังใจให้ทำได้นะครับ
:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron