วันเวลาปัจจุบัน 18 พ.ค. 2025, 10:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 02:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 10:40
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันหนึ่งผมไปทำฟันที่โรงพยาบาลเมโย ทำฟันเสร็จ ก็นั่งดื่มกาแฟคุยกับเพื่อนอยู่ในร้านค่อนข้างหรู สักพักมีภิกษุรูปหนึ่ง เดินถือกระติกน้ำร้อนยื่นเข้ามาที่ประตูร้าน ผมเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นไปถามว่าหลวงพ่อต้องการอะไรครับ ท่าน(อายุประมาณ40กว่า)ก็บอกว่าขอบิณฑบาตรน้ำหรือน้ำชาอะไรทำนองนี้ ผมก็เลยนิมนต์ท่านเข้ามาในร้าน แล้วนิมนต์ดื่มชาเย็นสักแก้วท่านก็ไม่ขัดข้อง เราก็ถามว่าหลวงพ่อมาจากไหนจะไปไหน ท่านก็ตอบว่ามาจากต่างจังหวัด (จำจังหวัดไม่ได้)ตอนนั้นบ่ายแล้วจะไปร่วมงานที่พุทธมลฑล(เข้าใจว่าวันนั้นเป็นวันสำคัญเดือน3) ผมก็กลับไปนั่งกับเพื่อนต่ออีกโต๊ะ สักพักผมนึกดูซิว่าพระองค์นี้ดั้นด้นมานี่เคร่งจริงหรือไม่ ก็เดินกลับไปสอบถามท่านว่าท่านมีค่ารถกลับต่างจังหวัดหรือยัง ท่านก็ตอบว่าพอมี ผมก็ไม่ถึงกับเกิดศรัทธาแต่อยากรู้ ว่าพระเดี่ยวนี่ควบคุมกิเลสได้แค่ไหน ก็ลองถามท่านว่าผมขอถวายค่ารถกลับแล้วกันถือว่าทำบุญถามค่ารถกลับเท่าไรท่านบอก 200กว่าบาทผมจึงถวายไปน่าจะ300 บาทในใจก็ยังคิดว่าถ้าเป็นพระแท้ก็คงจบ เราก็คงได้บุญบ้าง แต่ถ้าไม่แท้เดี่ยวมีก๊อก2 แน่นอน
.....หลังจากนั้นผมก็จะเดินไปจ่ายตังค่ากาแฟ จ่ายตังเสร็จอย่างที่คิด ท่านกวักมือเรียกผม ผมก็เดินเข้าไปหา ท่านเอ่ยว่าโยมอาตมาเปลี่ยนใจ ว่าจะแวะไปเสาชิงช้าสักหน่อย เรารู้ไต๋อยู่แล้วก็ถามว่าท่านจะไปทำอะไรที่เสาชิงช้า ท่านก็บอกว่าอยากจะไปหาชุดกลดสักชุด เข้าล็อกพอดีเราก็แกล้งถามว่าที่ว่ามันชุดละเท่าไร ท่านก็บอกว่าน่าจะประมาณ 1800-1900บาทเราก็ทอดสะพานให้ท่านอีก ว่าหลวงพ่ออยากจะขอบิณฑบาตรค่ากลดใช่ไหม ท่านก็ตอบว่าใช่ อย่างที่คิดจริงๆ ผมล้วงกระเป๋าหยิบเงินถวายท่านไปอีก2000บาทบอกว่าผมถวายแล้วกัน วันนั้นเราจากกันด้วยความคิดคนละอย่างท่านอาจคิดว่าเรานี่ช่างไร้เดียงสาจริงหนอ เป็นคนกรุงเทพแท้ๆท่านชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ได้เลย ผมก็คิดไปว่าเงิน2000 เราไม่ได้เดือดร้อนวันนี้ เสียไปเดี่ยวก็ได้กลับมา แต่เราต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างเกียวกับประสบการณ์ทางธรรมที่เราได้เรียน ได้เคยปฏิบัติมา
ว่าแค่เรื่อง โลภ โกรธ หลง นี้มันไม่เข้าใครออกใครจริงหรือไม่ ผ้าเหลืองช่วยให้คนหากินง่ายขึ้น และคนอาศัยผ้าเหลืองหากินกันมากขึ้น เราจะแก้ไขกันยังไง ช่วยกันคิดหน่อย อย่าลืมถ้าท่านยังเป็นพระ(ยังไม่ขาดจากพระ) เราติเตียนท่านก็ยังบาปอยู่/ธรรมทาน...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 03:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถ้าเป็นพระจริงๆ ท่านได้ทำบุญ
ถ้าเป็นพระไม่จริงท่านได้ทำทาน
จะน้อยหรือมากท่านก็ได้ไปแล้ว

ผู้ที่ครองผ้ากาสาวพัตร์ ใช่จะแปลว่า สละได้แล้วซึ่ง
กิเลสทั้งปวง....เหมือนนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่
จะจบหลักสูตรได้หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
มีนักเรียนสอบตกบ้าง จะเหมาว่านักเรียน
ทั้งหลายแย่ไปหมด ก็ไม่น่าจะใช่....

ถ้าศึกษาธรรมะมาบ้าง...ก็พอจะแยกออก
ว่าไหนของจริง ไหนของปลอม....ถ้ารู้ว่าปลอม
ไม่อยากให้มาอิงผ้าเหลืองหากิน...ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
ไม่ว่าจะลองใจ...หรือลองดู น่าจะเป็นการปฐมพยาบาลเบี้องต้นได้

อนุโมทนา :b8: ค่ะ

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แก้ไขล่าสุดโดย ทักทาย เมื่อ 28 ส.ค. 2010, 04:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2010, 07:21
โพสต์: 66

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาที่ คุณธรรมทานได้ทำบุญกุศลค่ะ

อ่านแล้วนึกถึง ตอนที่ตัวเองได้ทำบุญกับพระที่มาเรี่ยไรหน้าบ้าน บางครั้งใจก็ไม่ได้อยากทำ แต่ก็ถือว่า อย่างน้อยเราทำทานไปดีกว่า จนมีเพื่อนบอกว่า ถ้าเขาไม่ใช่พระจริง และถ้าเรายังทำอยู่ก็เหมือนส่งเสริมให้มิจฉาชีพอาศัยผ้าเหลืองหากิน จากนั้นมาก็เลยปฏิเสธบ้าง
โดยส่วนตัว ระยะหลังนี้ ถ้าไม่เกิดศรัทธาจะไม่สนใจเลยค่ะ คล้ายๆกับเราแกล้งวางเงินสดไว้ เพื่อพิสูจน์ความซื่อสัตย์ของคนงานในบ้าน เลยคิดว่า ถ้าเชื่อใจแล้ว ก็ไม่ต้องพิสูจน์อีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2010, 15:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากรู้ ก็ต้องลองอย่างนี้แหละ..ว่าจริงหรือ...?
ว่าแต่ว่าท่านไม่ได้ขอ ชื่อและ เบอร์โทร เราไว้หรือ..? :b12:
ขออนุโมทนา กับทาน ครั้งนี้ด้วยครับ
ถวายทั้ง น้ำ และ กรด ถ้าตั้งใจทำแล้วได้บุญกุศล ครับ
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2010, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านเรื่องนี้แล้ว เห็นว่าท่านเจ้าของกระทู้ ทำบุญเฉพาะตอนถวายน้ำพระเท่านั้น ส่วนที่ถวายปัจจัยนั้น ไม่อาจกล่าวว่าเป็นบุญเลย เพราะ

๑. มีเจตนาที่จะทดสอบพระ (
อ้างคำพูด:
สักพักผมนึกดูซิว่าพระองค์นี้ดั้นด้นมานี่เคร่งจริงหรือไม่
) อาศัยปัจจัยเป็นเครื่องมือในการทดสอบ เจตนาในการให้เช่นนี้เท่ากับเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อให้รู้ในสิ่งสงสัย ไม่ได้ประสงค์จะอุปถัมภ์พระจริงๆ..จึงไม่เข้าข่ายทานแต่ประการใด..เหมือนการให้เงินค่าผ่านประตูเพื่อไปดูคนหัวโตตามงานวัด ย่อมไม่ถือว่าเป็นทาน เเต่แลกเปลี่ยนเพราะอยากรู้

๒. การให้เงินพระเท่ากับส่งเสริมพระในการล่วงพระวินัย นอกจากไม่เป็นบุญแล้วยังมีส่วนในการทำผิดของพระอีกด้วย..

บางทีการกระทำบางอย่าง นอกจากไม่เป็นประโยชน์แล้ว อาจเป็นโทษตามมา หากพิจารณารอบคอบแล้วเห็นควรทำบุญก็ทำด้วยเจตนาสงเคราะห์ หรือเมื่อไม่ศรัทธาเห็นว่าไม่ควรให้ ก็ไม่มีโทษอะไร เพราะพิจารณาด้วยปัญญาแล้ว ไม่ใช่ตระหนี่ เช่นนี้ ก็ไม่ใช่อกุศล การพิจารณาเสียก่อนแล้วจึงให้ พระพุทธเจ้าย่อมสรรเสริญ...

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร