วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 16:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2010, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.พ. 2010, 09:25
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นปัญหาครอบครัวที่แย่มากๆ
พ่อแม่ มีลูกชายทั้งหมด 3 คน
แต่ละคนนิสัยก็แตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน
แต่ที่เหมือนกันและแย่ที่สุดคือ
ไม่ยอมรับฟังพ่อแม่ ดื้อรั้น
พูดจาหยาบคายไม่เกรงใจพ่อแม่เลย
ซ้ำร้ายลูกบางคนถึงขั้นจะลงมือทำร้ายพ่อแม่ด้วย
นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมเก่าของพ่อแม่ หรือกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นมา
บางครั้งคำพูดของแม่ ลูกๆมันจะคิดสวนทางกัน
และคิดว่าแม่พูดไม่ถูกทำไม่ถูก (ในส่วนนี้ตัวเองก็คิดว่าแม่มีความคิดไม่ตรงกับลูกๆเลย)
เราควรจะหาทางแก้ไขอย่างไรดี
เพราะไม่อยากให้เป็นเวรเป็นกรรมมากกว่านี้
หรือมีสถานที่ไหนช่วยบำบัดได้แนะนำได้เลย


แก้ไขล่าสุดโดย แมวขาวมณี เมื่อ 18 ก.พ. 2010, 20:00, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2010, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...ข้อมูลน้อยไปเดาว่าลูกๆคงโตเข้าวัยรุ่นแล้ว...
...ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาแล้วแนะนำให้ไปปรึกษานักจิตวิทยา...
...เพราะจะต้องเปิดเผยข้อมูลของคนในครอบครัวโดยละเอียด...
:b1:
...ทุกคนจะได้พบนักจิตวิทยาพร้อมๆกันเพื่อสร้างความเข้าใจ...
...ในการยอมรับว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นและร่วมกันแก้ไข...
...ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดมีแผนกจิตเวชค่ะ...
:b16:
...หรือจะไปโรงพยาบาลเฉพาะทางจิตเวช...เค้าไม่ได้รักษาเฉพาะคนป่วยหรอกนะ...
...ให้คำปรึกษาปัญหาครอบครัวในคนที่ไม่ได้ป่วยด้วยค่ะ
...จะมีนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านนี้...
:b4: :b4:
...ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้...เกินกำลังของเราก็มีคนอื่นที่ช่วยได้อยู่...รีบไปโดยด่วน...
:b29:
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2010, 12:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากมองไปในเรื่องของกฏแห่งกรรม ทำอย่างไรย่อมมีผลอย่างนั้น ที่มีลูกมีหลานว่ายากสอนยาก ก็เพราะกรรมที่เกี่ยวคุณเบื้องสูง คุณพุทธะ ธรรมะ อริยะสังฆะ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์นี้ละสำคัญเป็นปฐมเหตุของเรื่องราวยุ่งๆว่นวายทั้งหลายที่ว่ามา มันอาจเริ่มต้นที่พ่อแม่เองก่อน ที่มีกรรมไม่ดี ไม่งามเกี่ยวกับองค์คุณมาก่อนไม่ว่าชาตินี้ หรือในอดีตก็ตามที ย่อมมีผล ให้ผลมาปัจจุบันนี้ และกรรมในส่วนของลูกๆหลานๆ เองที่มีใหม่สร้างใหม่ ในปัจจุบันนี้ ซึ่งมันซ้อนๆกันในเรื่องกรรมแบบนี้ ยิ่งกว่าดินพอกหางหมูซะอีก จึงกลายเป็นว่า ว่ายาก สอนยาก กรรมเหล่านี้ละมันบัง บังความเจริญ ความดีงาม ความสงบสุข ความเรียบง่ายทั้งหลาย ฉะนั้นในบัณฑิต นักปราชญ์ ครูบาอาจารย์ ท่านจึงสอนเตือน ตะหนักถึงคุณทั้งหลายเหล่าให้ดี อยู่บ่อย ให้มีการกราบคุณ ก่อน - ตื่นนอน ให้มีการทดแทนคุณ และมีการขอขมากรรม ขอขมาต่อคุณทั้งหลายที่ว่ามานี้เมื่อมีการผิดพลาดพลั้งไป ให้ดำรงตนในครรลองที่ดีงามนี้ เราควรมีการขอขมา ขออโหสิกรรม กันบ่อยๆเป็นการปลอดล็อค กรรมแบบนี้ก็จะมีความสุขสวัสดีในครอบครัวนั้นเอง
ส่วนการเลี้ยงดูลูกหลาน ก็ไม่ใช่จะให้ได้ดั่งใจ ดั่งตั้ง ดั่งต้องของตัวเอง ตั้งมากก็ทุกข์มาก ต้องมากก็ทุกข์มาก มันมากดดันตัวเองไปเปล่าๆ การบอกกล่าว สอนก็เอาสถานะการเป็นจริงเข้ามาว่า และยืดหยุ่นให้เยอะๆ แล้วๆไปให้มาก จึงจะเรียบง่ายไป ไม่ใช่ตรงที่จะให้ได้ดั่งใจ แต่หมายถึงทุกสิ่งอย่างไม่ใช่สิ่งที่ยึดติดแทน

ขอเชิญศึกษาธรรมบรรลุฉลับพลัน จบโลก จบธรรม จบกรรม การปฏิบัติ โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย ที่บอร์ดสนทนาทั่วไปขอรับ หรือ http://www.rombodhidharma.com/


ขอให้ท่านมีส่วนในความ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา แจ่มแจ้งในสัจธรรม ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามองค์พุทธะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต นั่นเทอญ


แก้ไขล่าสุดโดย yodchaw เมื่อ 12 ก.พ. 2010, 17:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 21:09
โพสต์: 30

งานอดิเรก: อ่านหนังสือ, สวดมนต์
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทางสายเอก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาบุญกับคุณ yodchaw ที่ช่วยแนะนำทางให้ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 23:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


samatchan

อ้างคำพูด:
พ่อแม่ มีลูกชายทั้งหมด 3 คน
แต่ละคนนิสัยก็แตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน
แต่ที่เหมือนกันและแย่ที่สุดคือ
ไม่ยอมรับฟังพ่อแม่ ดื้อรั้น
พูดจาหยาบคายไม่เกรงใจพ่อแม่เลย
ซ้ำร้ายลูกบางคนถึงขั้นจะลงมือทำร้ายพ่อแม่ด้วย
นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมเก่าของพ่อแม่ หรือกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นมา


สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นเผ่าำพันธุ์ มีกรรมเป็นของตน นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย....

การที่ใครๆจะเกี่ยวข้องเป็นพ่อแม่ลูกกันนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการจัดสรรค์ของ"กรรม" ..บางส่วนมาเกี่ยวข้องกันด้วยความที่เคยผูกพันธ์กันมาก่อนแล้วหลายชาติ...สำหรับกรณีที่เล่ามานั้น อนุมานว่ามาจากกรรมจัดสรรค์...กล่าวคือเพราะ"เหตุ"เก่าที่พ่อแม่เคยมีพฤติกรรมคล้ายๆกับที่ลูกๆเป็นอยู่ในเวลานี้ คือ ไม่ยอมรับฟังพ่อแม่ ดื้อรั้น พูดจาหยาบคายไม่เกรงใจพ่อแม่เลย...ซ้ำร้ายถึงขั้นจะลงมือทำร้าย ..กับบุพพการีของตนมา ผลจึงส่งให้มีลูกที่มีกิริยาอาการเช่นนี้ แม้อาจทำมาเมื่อแสนกัปป์ที่แล้วมากรรมก็ย่อมตามมาให้ผลได้..ส่วนลูกๆ ก็ทำบาปกรรมใหม่ เพื่อจะไปมีทุกข์อย่างที่พ่อแม่ตนประสบนี่แหละในการต่ิอไป เพราะกรรมและผลย่อมสอดคล้องถูกตรงกันไม่บิดเบี้ยวซี้ซั้วมั่วให้ผลอะไรๆที่แหวกออกนอกลู่ทางไปเหมือนที่คนส่วนมากเข้าใจผิด ที่เรียกว่าทำดีได้ชั่วหรือทำชั่วแล้วได้ดี อย่างนี้เป็นเรื่องที่คนเขลาคิดเองมั่วเอง..พึงทราบให้ถูกต้อง..

ขอให้เข้าใจหลักความจริงว่า ในโลกนี้ ทุกสิ่งล้วนเกิดได้จากเหตุปัจจัย หาได้เกิดเองลอยๆหรือด้วยอำนาจแห่งเทพเจ้าอะไรบันดาลไม่ สิ่งทั้งปวงที่เราพบเจอ แม้แต่การได้อ่านข้อเขียนนี้ ก็มี"เหตุ"มา จึงมี"ผล"คือ การได้เห็นนี้...จึงไม่จำต้องพูดถึงเรื่องราวประดามีในโลกที่เกิดแก่เราในแบบต่างๆ ทั้งหมดก็ย่อมมีที่มาเสมอ..

จึงสรุปว่า เพราะ"เหตุ"คือบาปเก่าของพ่อแม่นั่นแหละที่จัดสรรค์ลูกชนิดนี้มาให้...แม้ไม่อยากได้ก็ย่อมได้ เพราะอำนาจกรรมนั้นไม่มีใครหลบหลีกได้..แล้วจะโทษใครได้เล่า ตอนทำก็บันเทิงใจยิ่ง พอได้รับผลก็คร่ำครวญว่าทำไมหนอ เรื่องเช่นนี้จึงต้องเกิดแก่ข้าพเจ้า..ช่างไม่ยุติธรรมเลย...ในความเป็นจริง กรรมนั้นเขาให้ความยุติธรรมได้เที่ยงตรงแม่นยำไม่ลำเอียงและสมควรแก่เจตนาที่ตนกระทำไปนั้น ยิ่งกว่าความยุติธรรมใดๆในโลก...เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่วิสัยที่สัตว์ทั้งหลายจะหยั่งรู้ แต่อาศัยวิสัยของพระสัพพัญญุตตญานของพระพุทธเจ้า เท่านั้นพระองค์จึงทรงค้นพบ และนำมาบอกสอนสรรพสัตว์ให้ทราบ..เราจึงพอทราบแนวได้บ้างแม้จะลางๆก็เป็นประโยชน์แก่การที่จะเลือกทำกรรมที่เราหวังผลอันเป็นสุขในภายหน้า..

อ้างคำพูด:
เราควรจะหาทางแก้ไขอย่างไรดี
เพราะไม่อยากให้เป็นเวรเป็นกรรมมากกว่านี้


เรื่องนี้คงยากลำบากแล้วที่จะแก้ที่ลูก เพราะคงไม่ได้รับการอบรมชี้สิ่งควรไม่ควรเมื่ออายุยังน้อย..และไม่ทราบว่าพวกเขาไปคบเพื่อนที่เป็นพาลหรือไม่ ลูกๆอาจได้รับอิทธิพลความก้าวร้าวจากเพื่อนที่คบอยู่ จึงนับว่ายากที่จะแก้ที่ลูก...

คงต้องแก้ที่พ่อแม่เองว่า ต้องยอมรับว่านี่เป็นวิบากไม่ดีของตน และต้องมุ่งเข้าหาธรรมะเพื่อการรักษาจิตใจตนเองอย่างจริงจัง ให้ประพฤติศีลอย่างมั่นคง สวดมนตร์ไหว้พระ เจริญบุญทั้งหลาย แล้วแผ่เมตตาให้ลูกๆ อธิษฐานขอให้บุญช่วยโน้มนำ ให้ลูกๆมีจิตเอนไปในศีลธรรมมีความละอายชั่วกลัวบาปในสันดาน อย่าได้พลาดพลั้งทำบาปกรรมยิ่งกว่าที่เป็นอยู่.. พ่อแม่พึงศึกษาฟังธรรมเนืองๆเพื่อปัญญาในการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง จิตจะได้ไม่ตกอยู่ในฝักฝ่ายของโทสะตลอดเวลาเพราะพฤติกรรมของลูก ๆ หากเมื่อลูกโตแล้ว การปลีกแยกตัวจากลูกๆ น่าจะปลอดภัยกว่าการอยู่ร่วมกัน เพราะใครจะคาดคิดได้ว่าลูกๆจะไม่ทำร้ายพ่อแม่ เวลานี้อาจยังไม่ลงมือ แต่การสั่งสมโทสะของพวกเขาจะมากขึ้น เมื่อนั้น เขาจะไม่หยุดแค่พูดก้าวร้าวแต่จะแสดงความหยาบทางกายทำร้ายพ่อแม่ได้..หากไม่จำเป็นก็ไม่พึงพูดให้ลูกขัดหูขัดใจ คนพวกนี้อาจไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีเลยก็เป็นได้ เพราะลงมีทีท่าว่า บางครั้งคำพูดของแม่ ลูกๆมันจะคิดสวนทางกัน และคิดว่าแม่พูดไม่ถูกทำไม่ถูก (ในส่วนนี้ตัวเองก็คิดว่าแม่มีความคิดไม่ตรงกับลูกๆเลย) ก็ยากที่จะสื่อสารกันแล้ว ..แม่จึงพึงนิ่งให้มาก..

อีกประการหนึ่งขอให้พิจารณาว่าพ่อแม่มีอาชีพอะไร เป็นสัมมาหรือมิจฉาอาชีพ เกี่ยวข้องกับการทุจริตใดๆบ้าง หรือไม่ อาชีพบางอย่างก็อาจมีส่วนชักนำอกุศลวิบากมาให้ผลทำให้เดือดร้อนได้เช่นกัน..เพราะสิ่งทั้งหลายย่อมเกิดได้ด้วยการประชุมพร้อมของเหตุปัจจัยหลายๆอย่าง จึงพึงมองให้รอบด้าน..

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.พ. 2010, 09:25
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


-dd- เขียน:
samatchan

อ้างคำพูด:
พ่อแม่ มีลูกชายทั้งหมด 3 คน
แต่ละคนนิสัยก็แตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน
แต่ที่เหมือนกันและแย่ที่สุดคือ
ไม่ยอมรับฟังพ่อแม่ ดื้อรั้น
พูดจาหยาบคายไม่เกรงใจพ่อแม่เลย
ซ้ำร้ายลูกบางคนถึงขั้นจะลงมือทำร้ายพ่อแม่ด้วย
นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมเก่าของพ่อแม่ หรือกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นมา


สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นเผ่าำพันธุ์ มีกรรมเป็นของตน นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย....

การที่ใครๆจะเกี่ยวข้องเป็นพ่อแม่ลูกกันนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการจัดสรรค์ของ"กรรม" ..บางส่วนมาเกี่ยวข้องกันด้วยความที่เคยผูกพันธ์กันมาก่อนแล้วหลายชาติ...สำหรับกรณีที่เล่ามานั้น อนุมานว่ามาจากกรรมจัดสรรค์...กล่าวคือเพราะ"เหตุ"เก่าที่พ่อแม่เคยมีพฤติกรรมคล้ายๆกับที่ลูกๆเป็นอยู่ในเวลานี้ คือ ไม่ยอมรับฟังพ่อแม่ ดื้อรั้น พูดจาหยาบคายไม่เกรงใจพ่อแม่เลย...ซ้ำร้ายถึงขั้นจะลงมือทำร้าย ..กับบุพพการีของตนมา ผลจึงส่งให้มีลูกที่มีกิริยาอาการเช่นนี้ แม้อาจทำมาเมื่อแสนกัปป์ที่แล้วมากรรมก็ย่อมตามมาให้ผลได้..ส่วนลูกๆ ก็ทำบาปกรรมใหม่ เพื่อจะไปมีทุกข์อย่างที่พ่อแม่ตนประสบนี่แหละในการต่ิอไป เพราะกรรมและผลย่อมสอดคล้องถูกตรงกันไม่บิดเบี้ยวซี้ซั้วมั่วให้ผลอะไรๆที่แหวกออกนอกลู่ทางไปเหมือนที่คนส่วนมากเข้าใจผิด ที่เรียกว่าทำดีได้ชั่วหรือทำชั่วแล้วได้ดี อย่างนี้เป็นเรื่องที่คนเขลาคิดเองมั่วเอง..พึงทราบให้ถูกต้อง..

ขอให้เข้าใจหลักความจริงว่า ในโลกนี้ ทุกสิ่งล้วนเกิดได้จากเหตุปัจจัย หาได้เกิดเองลอยๆหรือด้วยอำนาจแห่งเทพเจ้าอะไรบันดาลไม่ สิ่งทั้งปวงที่เราพบเจอ แม้แต่การได้อ่านข้อเขียนนี้ ก็มี"เหตุ"มา จึงมี"ผล"คือ การได้เห็นนี้...จึงไม่จำต้องพูดถึงเรื่องราวประดามีในโลกที่เกิดแก่เราในแบบต่างๆ ทั้งหมดก็ย่อมมีที่มาเสมอ..

จึงสรุปว่า เพราะ"เหตุ"คือบาปเก่าของพ่อแม่นั่นแหละที่จัดสรรค์ลูกชนิดนี้มาให้...แม้ไม่อยากได้ก็ย่อมได้ เพราะอำนาจกรรมนั้นไม่มีใครหลบหลีกได้..แล้วจะโทษใครได้เล่า ตอนทำก็บันเทิงใจยิ่ง พอได้รับผลก็คร่ำครวญว่าทำไมหนอ เรื่องเช่นนี้จึงต้องเกิดแก่ข้าพเจ้า..ช่างไม่ยุติธรรมเลย...ในความเป็นจริง กรรมนั้นเขาให้ความยุติธรรมได้เที่ยงตรงแม่นยำไม่ลำเอียงและสมควรแก่เจตนาที่ตนกระทำไปนั้น ยิ่งกว่าความยุติธรรมใดๆในโลก...เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่วิสัยที่สัตว์ทั้งหลายจะหยั่งรู้ แต่อาศัยวิสัยของพระสัพพัญญุตตญานของพระพุทธเจ้า เท่านั้นพระองค์จึงทรงค้นพบ และนำมาบอกสอนสรรพสัตว์ให้ทราบ..เราจึงพอทราบแนวได้บ้างแม้จะลางๆก็เป็นประโยชน์แก่การที่จะเลือกทำกรรมที่เราหวังผลอันเป็นสุขในภายหน้า..

อ้างคำพูด:
เราควรจะหาทางแก้ไขอย่างไรดี
เพราะไม่อยากให้เป็นเวรเป็นกรรมมากกว่านี้


เรื่องนี้คงยากลำบากแล้วที่จะแก้ที่ลูก เพราะคงไม่ได้รับการอบรมชี้สิ่งควรไม่ควรเมื่ออายุยังน้อย..และไม่ทราบว่าพวกเขาไปคบเพื่อนที่เป็นพาลหรือไม่ ลูกๆอาจได้รับอิทธิพลความก้าวร้าวจากเพื่อนที่คบอยู่ จึงนับว่ายากที่จะแก้ที่ลูก...

คงต้องแก้ที่พ่อแม่เองว่า ต้องยอมรับว่านี่เป็นวิบากไม่ดีของตน และต้องมุ่งเข้าหาธรรมะเพื่อการรักษาจิตใจตนเองอย่างจริงจัง ให้ประพฤติศีลอย่างมั่นคง สวดมนตร์ไหว้พระ เจริญบุญทั้งหลาย แล้วแผ่เมตตาให้ลูกๆ อธิษฐานขอให้บุญช่วยโน้มนำ ให้ลูกๆมีจิตเอนไปในศีลธรรมมีความละอายชั่วกลัวบาปในสันดาน อย่าได้พลาดพลั้งทำบาปกรรมยิ่งกว่าที่เป็นอยู่.. พ่อแม่พึงศึกษาฟังธรรมเนืองๆเพื่อปัญญาในการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง จิตจะได้ไม่ตกอยู่ในฝักฝ่ายของโทสะตลอดเวลาเพราะพฤติกรรมของลูก ๆ หากเมื่อลูกโตแล้ว การปลีกแยกตัวจากลูกๆ น่าจะปลอดภัยกว่าการอยู่ร่วมกัน เพราะใครจะคาดคิดได้ว่าลูกๆจะไม่ทำร้ายพ่อแม่ เวลานี้อาจยังไม่ลงมือ แต่การสั่งสมโทสะของพวกเขาจะมากขึ้น เมื่อนั้น เขาจะไม่หยุดแค่พูดก้าวร้าวแต่จะแสดงความหยาบทางกายทำร้ายพ่อแม่ได้..หากไม่จำเป็นก็ไม่พึงพูดให้ลูกขัดหูขัดใจ คนพวกนี้อาจไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีเลยก็เป็นได้ เพราะลงมีทีท่าว่า บางครั้งคำพูดของแม่ ลูกๆมันจะคิดสวนทางกัน และคิดว่าแม่พูดไม่ถูกทำไม่ถูก (ในส่วนนี้ตัวเองก็คิดว่าแม่มีความคิดไม่ตรงกับลูกๆเลย) ก็ยากที่จะสื่อสารกันแล้ว ..แม่จึงพึงนิ่งให้มาก..

อีกประการหนึ่งขอให้พิจารณาว่าพ่อแม่มีอาชีพอะไร เป็นสัมมาหรือมิจฉาอาชีพ เกี่ยวข้องกับการทุจริตใดๆบ้าง หรือไม่ อาชีพบางอย่างก็อาจมีส่วนชักนำอกุศลวิบากมาให้ผลทำให้เดือดร้อนได้เช่นกัน..เพราะสิ่งทั้งหลายย่อมเกิดได้ด้วยการประชุมพร้อมของเหตุปัจจัยหลายๆอย่าง จึงพึงมองให้รอบด้าน..


ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำชี้แนะและชี้ทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2009, 10:34
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บรรดาผู้ใหญ่ทั้งที่เป็นพ่อ แม่ ป้า น้า อา ต่างก็เคยผ่านพ้นวัยรุ่นมาแล้ว คงพอตอบได้ว่า "วัยรุ่น...วุ่นจริงหรือ?" หรือเป็นเพียงลักษณะพฤติกรรมประจำวัยเท่านั้น "ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หรือเลวร้ายนัก" แต่ทำไมผู้ใหญ่จึงมาให้ความสนใจจัดอภิปราย สนทนากันในเรื่องของวัยรุ่นกันอย่างจริงจัง ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้รู้จักและเข้าใจวัยรุ่นดีขึ้น เพื่อจะให้โอกาสเสริมสร้างให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้ผ่านพ้นวัยรุ่น ข้ามไปสู่วัยผู้ใหญ่ได้อย่างปลอดภัย มีความสุข และรู้ค่าของวัยรุ่น มีความทรงจำที่ประทับใจในช่วงชีวิตวัยรุ่น และสร้างพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับพัฒนาวัยผู้ใหญ่ต่อไป

วัยรุ่นมีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ด้านและเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจนหลาย ๆ คนปรับตัวตามไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง เช่น การเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ วัยรุ่นมีอารมณ์ที่รุนแรงและกะทันหัน เรียกว่า พายุบุแคม อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย เดี๋ยวสนุก ซึมเศร้า เสียใจ น้อยใจ และยังแสดงออกหรือควบคุมอารมณ์ให้เหมาะสมได้ยาก มักตัดสินใจโดยใช้อารมณ์เพียงชั่ววูบ

ตัวอย่างที่พบเห็นเป็นประจำในสังคม เช่น เรียนไม่ได้เกียรตินิยมก็ฆ่าตัวตาย สอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐไม่ได้ก็ซึมเศร้าไม่ยอมติดต่อพบปะเพื่อนฟูง พ่อแม่บ่นเรื่องใช้จ่ายเงินมากก็กินยาตาย ผู้หญิงไม่รักก็ตัดสินใจลาตายหรือฆ่าผู้หญิงให้ตายด้วย พ่อแม่ทำอะไรชักช้าไม่ทันใจก็แสดงอารมณ์ฉุนเฉียว อาละวาด เอ็ดตะโร ผู้ใหญ่ว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่พอใจ เถียงด้วยอารมณ์และแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ ไม่ยอมรับฟังและคิดว่าตนเองถูกต้องดีแล้ว อาจารย์ดุ ตักเตือนก็กระโดดตึกฆ่าตัวตาย หรือลาออกไม่เรียนอีกเลย เป็นต้น เด็กวัยรุ่นจึงมักแสดงออกด้วยการยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง ตัดสินใจด้วยอารมณ์น้อยใจ เสียใจ หรือโกรธมากกว่าการใช้เหตุผลที่เหมาะสม

วัยรุ่นเป็นวัยที่มีพลังความคิด มีความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดแปลกใหม่ มีความฝันอันสูงสุดและยิ่งใหญ่ มีการวางแผนอนาคต สามารถเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม สนใจปรัชญาชีวิต ศาสนา มีหลักการ เหตุผลของตน เกี่ยวกับความยุติธรรม เสมอภาค มนุษยธรรม วัยนี้ยังต้องการแสดงออกทั้งความคิด การกระทำ การมีส่วนร่วมในกิจกรรม การเรียนการสอน ต้องการอิสระในการแสดงความคิดเห็น การนำเสนอความรู้หากได้โอกาสเด็กสามารถแสดงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้ดี สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนได้ และต้องการเป็นเลิศ วัยนี้จึงเรียกว่า วัยอยากเด่น อยากดัง

วัยรุ่นต้องการเพื่อน ต้องการพบปะ รู้จักผู้คนสิ่งแวดล้อมแปลกใหม่ เด็กจึงรับรู้สิ่งแปลกใหม่ได้รวดเร็ว และยอมรับสิ่งใหม่ได้ง่าย เด็กสามารถเป็นเพื่อน ผูกมิตรไมตรีกับเพื่อนในชุมชน หรือต่างชุมชน เพื่อนต่างชาติได้ เช่น โครงการแลกเปลี่ยนนานาชาติหรือแม้แต่การติดต่อเพื่อนใหม่ทางจดหมาย อินเทอร์เน็ต เด็กก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย

วัยรุ่น เป็นวัยที่เห็นเพื่อนเป็นเทวดา เพื่อนคือความสุข ความทุกข์ของเด็กทีเดียว เด็กจะรักเพื่อน เชื่อเพื่อน เชื่อฟังและทำตามเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย การใช้คำพูด กิริยามารยาท แผนการเรียน ความคิด ความสนใจ ในกิจกรรมต่าง ๆ จะเป็นไปตามกลุ่มเพื่อนที่เด็กคบหา ถ้าเด็กคบเพื่อนเรียน ก็จะช่วยกันเรียน เป็นต้น ผู้ใหญ่จึงควรให้ความสนใจกับเพื่อนของลูก ๆ หลาน ๆ เพราะ "คบเพื่อนดีเป็นศรีแก่ตัวคบเพื่อนชั่วพาอัปราชัย"

จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งทางกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา และบุคลิกภาพ ทำให้เด็กเองไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ กังวล สับสน และนำไปสู่ปัญหาการปรับตัวไม่ทันกับสภาพเปลี่ยนแปลงของตน หากผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับธรรมชาติ และจากยุคข้อมูลข่าวสาร โลกไร้พรมแดนที่เด็กสามารถรับรู้สิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ จากสื่อ อินเทอร์เน็ต ซึ่งมีทั้งเหมาะสมและไม่เหมาะสมจึงนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ มากมายยิ่งขึ้น ดังนั้น พ่อแม่ ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ในฐานะที่มีหน้าที่ต้องดูแลและส่งผ่านเด็กไปสู่คนรุ่นต่อไปจึงควรให้ความใส่ใจดูแลเข้าใจช่วยเหลือและเอื้ออำนวยให้เด็กผ่านพ้นวัยรุ่นไปอย่างปลอดภัย ดังนี้
1. เปลี่ยนทัศนคติที่ว่า วัยรุ่นคือตัวเจ้าปัญหา เป็นวัยรุ่นคือวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่และมีลักษณะประจำวัยเฉพาะเช่นเดียวกับวัยอื่น ๆ
2. วัยรุ่นเป็นวัยที่มีพลังความคิด ความคิดสร้างสรรค์และความฝันอันยิ่งใหญ่
3. วัยรุ่นมีธรรมชาติในการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายและรวดเร็ว ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา และการเรียนรู้สิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ
4. ยอมรับว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างวัยเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา และสามารถประคับประคองให้เป็นไปอย่างราบรื่นได้
5. ยอมรับการเปลี่ยนแปลงว่ายุคสมัยของผู้ใหญ่กับยุคปัจจุบันของลูกหลานไม่เหมือนกัน อย่าคาดหวังให้วัยรุ่นเป็นอย่างสมัยของผู้ใหญ่ และต้องใช้วิธีการแบบเดิม ๆ แบบวันวานทุกอย่างเพราะโลกมันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
6. มองเห็นความดี ความงาม ความสามารถของวัยรุ่นปัจจุบันว่ามีความสามารถและทำสิ่งดี ๆ ต่างๆ ได้หลายอย่าง ดังจะเห็นตัวอย่างชัดเจนจากดารานักร้อง นักแสดง นักกีฬาเป็นต้น ซึ่งอาจแตกต่างจากสมัยของผู้ใหญ่ และเสริมสร้างความสามารถของเด็กให้โดดเด่นชัดเจน
7. ยอมรับฟังความคิดเห็น ให้โอกาส ยอมรับความผิดพลาด การให้อภัย การนับถือ การรักษาน้ำใจ และปฏิบัติต่อลูกหลาน ศิษย์ในฐานะที่เขาเป็นมนุษย์ เป็นตัวของเขาเอง และให้ความเท่าเทียม ที่ว่าเป็นผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนต้องถูกต้องและรู้ทุกอย่าง เป็นต้น
8. ให้ความรัก ความอบอุ่น ความใกล้ชิด ความผูกพัน อย่ายึดมั่นถือมั่นเกินไปกับคำสอน เพื่อเป็นพื้นฐานที่มั่นคงเป็นเกราะคุ้มภัย ทั้งกายและจิตใจควรเริ่มตั้งแต่ต้น ต่อเนื่องมาเป็นลำดับ เด็กจะซาบซึ้ง ซึมซับ ถึงความรัก ความอบอุ่น ความรู้สึกผูกพัน กตัญญู รู้คุณ และมีความมั่นคงทางจิตใจ ทำให้ไม่ถูกกระทบกระเทือนง่าย จากบุคลิกและสภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เบี่ยงเบนในสังคมแต่มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่รวนเร นำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง ดังที่ว่าพึงรักลูกหลานให้มากพอที่เขาจะรัก อ่อนโยน และรับฟังสิ่งที่พ่อแม่สอนด้วยเหตุและผล

ยังมีต่ออีกนะคะ บทความจาก รศ.ดร.อารี พันธ์มณี แต่ตอนนี้เลิกงานแล้วค่ะ ไว้วันศุกร์มาต่อให้อีกนะคะ
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ :b48: :b48:

.....................................................
บริหารกายเจริญวัย บริหารใจเจริญจิต เจริญธรรมเป็นนิจจิตผ่องใส

บำเพ็ญอยู่เสมอไม่เผลอใจ อะไร ๆ ก็จะโปร่งเบาเท่านั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2010, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ธ.ค. 2009, 15:33
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
samatchanเขียน:เป็นปัญหาครอบครัวที่แย่มากๆ
พ่อแม่ มีลูกชายทั้งหมด 3 คน
แต่ละคนนิสัยก็แตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน
แต่ที่เหมือนกันและแย่ที่สุดคือ
ไม่ยอมรับฟังพ่อแม่ ดื้อรั้น
พูดจาหยาบคายไม่เกรงใจพ่อแม่เลย
ซ้ำร้ายลูกบางคนถึงขั้นจะลงมือทำร้ายพ่อแม่ด้วย
นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมเก่าของพ่อแม่ หรือกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นมา
บางครั้งคำพูดของแม่ ลูกๆมันจะคิดสวนทางกัน
และคิดว่าแม่พูดไม่ถูกทำไม่ถูก (ในส่วนนี้ตัวเองก็คิดว่าแม่มีความคิดไม่ตรงกับลูกๆเลย)
เราควรจะหาทางแก้ไขอย่างไรดี
เพราะไม่อยากให้เป็นเวรเป็นกรรมมากกว่านี้
หรือมีสถานที่ไหนช่วยบำบัดได้แนะนำได้เลย



ที่นี่มีคำตอบทุกปัญหา http://www.samyaek.com/
และได้ผลเป็นประจักษ์ กับผู้ที่ศึกษาอย่างจริงจัง :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2010, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรรมค่ะเป็นไปตามกรรมลิขิตจริงๆไม่มีทางแก้ไขได้หรือหลีกพ้น แต่กระทำเพื่อตัดกรรมในอนาคตได้ค่ะโดยการวางอุเบกขา กรณีลูกไม่เชื่อฟังก็ต้องยอมรับการไม่เชื่อฟัง ทำหน้าที่ของความเป็นพ่อแม่ให้ดีที่สุดตามหลักธรรมแล้วปล่อยวางค่ะ กรรมจะได้ไม่พันติดตัวไปในชาติหน้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 17:57
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue คุณแมวขาวมณีค่ะ..ขอตอบนะคะ..
ตอนนี้...จะหาสถานที่บำบัดเด็ก 3 คน นั้นไม่ได้
หรอกค่ะ..(สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ)
ต้องมาปรับที่พ่อกับแม่แล้วล่ะค่ะ..เดี๋ยวนะคะ
อย่าพึ่งแย้ง..ขอโทษค่ะ..เด็กผ่านโลกมาน้อย..
โบราณว่าพ่อแม่เป็นอย่างไร..ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น
..ขอแนะนำนะค่ะ..ต้องปรับที่พ่อกับแม่ค่ะถ้าพ่อไม่ปรับ..
แม่ค่ะแม่จะต้องปรับตัวหน่อยนะค่ะ..อาจจะดูว่ามันยาก
และเรื่องมากในสิ่งที่จะแนะนำแต่ถ้าทำได้คุณจะไม่ทุกข์
เรื่องนี้แน่นอน..นั่นคือคุณต้องยอมรับสภาพจิตใจและ
ต้องอภัยให้ลูก 3 คน นั้นก่อน..แล้วฝืน(ครั้งแรกน่ะค่ะ)
ตัวเองในการที่จะต้องสร้างความดีและไม่โกรธ..
1. คุณควรหมั่นสวดมนต์ไหว้พระให้เสมอๆ
2. เมื่อสวดมนต์ไหว้พระเสมอๆ แล้ว จิตใจจะ
เบิกบาน(ลองทำดูค่ะ) จากนั้นคุณควรหา
สถานที่ไปปฏิบัติธรรมเลือกสถานที่ที่จะไปตามที่คุณ
คิดว่าคุณพอใจ..บุญก็เกิดแล้วล่ะค่ะ..บุญเกิดจากใจ
คุณได้บุญแล้ว..เมื่อคุณปฏิบัติธรรมแล้วคุณจะเกิดสุข
ค่ะ..ปัจจัตตังค่ะ..คุณจะรู้ด้วยตัวคุณเอง..ไป เดือนละ
2.. ครั้งหรือปีละ 2 ครั้งก็ได้อยูที่คุณค่ะ..ตามเวลาและ
โอกาส.. แล้วเมื่อจิตใจคุณเบิกบานแล้ว..คุณก็แผ่เมตตา
ให้กับลูก 3 คน นั้นเสมอๆๆ นะค่ะ..รับรองค่ะถ้าคุณทำได้อย่างนี้
คุณจะได้ลูก 3 คน เป็นคนใหม่ไม่ทำร้ายหรือเถียงคุณแน่นอน
โบราณว่า ไม่ลองไม่รู้..ไม่ดูก็ไม่เห็นธรรมค่ะ..ขอบคุณค่ะที่ให้ออกความคิดเห็น..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร