สาธุ ครับ

อนุโมทนาสาธุ ทั้งสองท่านเลยค่ะ

มหามนต์คาถาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (กวนอิม)
มหากรุณาธารณี (บาลี)

นะโม พระศากยมุนีพุทธเจ้า (3จบ)
นะโม พระอมิตาภะพุทธเจ้า (3 จบ)

นะโมรัตนะตรายายะ นะโมอาระยะ อะวะโลกิเตศะวะรายะ โพธิสัตตะวายะ

มหาสัตตะวายะ มหาการุณิกายะ โอม สะวะละวะติ ศุททะนะตัสยะ

นมัสกฤตวานิมางอาระยะ อะวะโลกิเตศะวะระลันตะภา นะโมนิลากันถะ

ศรีมหาปะฏะศะมิ สะระวาทวะตะศุภัม อะสิยูม สะระวะสัตตะวะ นะโมปะวะสัตตะวะ

นะโมภะคะ มะภะเตตุ ตัทยะถา โอมอะวะโลกา โลกาเต กาละติ อีศีลี มหาโพธิสัตตะวะ

สาโพสาโพ มะรามะรา มะศิมะศิ ฤธะยุ คุรุคุรุฆามัม ธูรูธูรูภาษียะติ มหาภาษียะติ

ธาระธาระ ถิรินี ศะวะรายะ ชะละชะละ มามะภามะละ มุธิริ เอหิเอหิ ศินะศินะ

อาละลินภะละศรี ภาษาภาษิน การะศะยะหูลุหูลุมะระ หุลุหุลุศรี สะระสะระ สีรีสีรี

สุรุสุรุ พุทธายะพุทธายะ โพธายะโพธายะ ไมตรีเย นิละกันสะตะ ตริสะระณะ

ภะยะมะนะ สะวาหา สีตายะ สะวาหา มหาสีตายะ สะวาหาสีตายะเย ศะวะรายะ สะวาหา

นีลากันถิ สะวาหา มะละนะละ สะวาหา ศรีสิงหะมุขายะ สะวาหา สะระวะมหาอัสตายะ

สะวาหา จักระอัสตายะ สะวาหา ปัทมะเกสายะ สะวาหา นีละกันเตปันตะลายะ สะวาหา

โมโผลิศังกะรายะ สะวาหา นะโมรัตนะตรายายะ นะโมอาระยะ อะวะโลกิเต สะวะรายะ สะวาหา

โอมสิทธะยันตุ มันตรา ปะทายะ สะวาหา

บรรยายคาถามนต์มหากรุณาธารณี
คาถามนต์มหากรุณาธารณี เป็นมนต์คาถาอันกำเนิดจากความเมตตากรุณาอันใหญ่ยิ่ง
รวมทั้งความโปรดโลกโปรดสัตว์ ปฏิบัติธรรมบรรลุพระพุทธภูมิที่สำคัญอย่างยิ่งยอด
ซึ่งเป็นของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ อักษรหนึ่งและประโยคหนึ่งในธารณีนี้
ล้วนเป็นสัจธรรมที่เข้าถึงสัมมาสัมพุทธญาณ

ธารณีนี้ เป็นส่วนสำคัญของ " มหากรุณาจิตธารณีสูตร " รวมมี 84 ประโยค ชื่อเต็มว่า
" สหัสภุชสหัสเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไพบูลย์สมบูรณ์ อกิญจนมหากรุณาจิตธารณีสูตรมหากรุณามนต์ "
ที่ได้ชื่อดังนี้ มีที่มาว่า สมัยหนึ่ง พระศากยมุนีพุทธเจ้าตรัสต่อพระอานนท์ว่า
" ธารณีนี้ มีชื่อต่างๆ เช่น มหาไพบูลย์สมบูรณ์หนึ่ง อกิญจนมหากรุณาหนึ่ง
ปลดทุกข์ธารณีหนึ่ง อายุวัฒนธารณีหนึ่ง ดับทุกข์คติธารณีหนึ่ง กำจัดกิญจนบาปหนึ่ง
สมบูรณ์ปณิธานหนึ่ง มโนมัยอิศวรหนึ่ง วิกรมอุตตรภูมิธารณีหนึ่ง "

พระโพธิสัตว์องค์นี้ที่มีนามว่า สหัสภุชสหัสเนตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นั้น ก็เนื่องจากในพุทธกาลแห่ง
พระสหัสประภาศานติสถิตตถาคตพุทธเจ้านั้น พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ได้ตรัส
" มหาไพบูลย์สมบูรณ์ อกิญจนมหากรุณาธารณี " แก่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์และตรัสต่อไปว่า
" สาธุบุรุษ เมื่อเธอได้ฟังหฤทัยธารณีนี้ จงสร้างประโยชน์สุขสำราญ
แก่สัตว์ทั้งหลายในกษายกัปแห่งอนาคตกาลโดยทั่วถึง "

ตามพระสูตรได้กล่าวไว้ว่า ในขณะนั้น เมื่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้ฟัง
มนต์คาถานี้แล้ว ก็ได้จากปฐมภูมิของโพธิสัตว์บรรลุถึงภูมิที่ 8 คือ อจลภูมิ จึงได้ตั้งปณิธานว่า
" ในอนาคตกาล ถ้าเราสามารถสร้างประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ได้ ขอให้ข้าพเจ้าได้มีพันกรพันเนตรในทันที "
เมื่อท่านได้ตั้งปณิธานนี้แล้วได้เกิดมีพันกรพันเนตรในบันดล เกิดแผ่นดินไหวทั่วทั้ง 10 ทิศ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต่างก็ส่องอมตาภา ส่องทั่วไปทั่วทศทิศอันไม่มีขอบเขต
พระศากยมุนีพุทธเจ้าได้เคยตรัสแก่พระอานนท์ว่า เนื่องจากปณิธานอันใหญ่ยิ่งโดยพระโพธิสัตว์ "หากว่าเหล่ามนุษย์และทวยเทพ ตั้งจิตสวดนามเราพร้อมด้วยสวดนามพระอมิตาภะพุทธเจ้า แล้วสวดพระธารณีนี้ คืนละ 5 จบ ก็จะดับมหันตโทษจำนวนร้อยพันหมื่นล้านกัปได้
หากเหล่ามนุษย์ทวยเทพสวดคาถามหากรุณานี้ เมื่อใกล้ชีวิตดับ พระพุทธเจ้าทั้ง 10 ทิศ จะยื่นพระกรมารับ แล้วให้ไปจุติในพุทธเกษตรทุกแห่ง ถ้ามนุษย์ทวยเทพสวดมหากรุณานี้ จะเกิดประกอบด้วยกุศล 15 ประการและไม่ต้องด้วยทุมรณะ 15 ประการ " คือ

เกิดโดยประกอบด้วยกุศล 15 ประการ คือ
1.ที่ที่เกิดจะพบแต่กุศล
2.เกิดในประเทศกุศล
3.พบแต่ยามดี
4.พบแต่มิตรดี
5.ร่างกายประกอบด้วยอินทรีย์พร้อมมูล
6.จิตเป็นธรรมโดยสมบูรณ์
7.ไม่ผิดศีล
8.ญาติบริวารมีความกตัญญู ปรองดองกัน มีความสามัคคีกัน
9.ทรัพย์สมบัติ โภคทรัพย์ มีสมบูรณ์ครบถ้วน
10.มีผู้เคารพและให้ความช่วยเหลือเสมอ
11.ทรัพย์สินที่มีอยู่ ไม่มีใครมาปล้นชิง
12.คิดต้องการอะไร จะได้สมความปรารถนา
13.ทวยเทพ นาค ให้ความปกปักษ์รักษาอยู่เสมอ
14.เกิดในที่ที่ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์
15.พระธรรมที่ได้ฟัง สามารถเข้าถึงแก่นสาร

ไม่ต้องด้วยทุมรณะ 15 ประการ
1.ไม่ต้องมรณะด้วยความอดอยากข้นแค้น
2.ไม่ต้องมรณะด้วยการใส่ขื่อ กักขังและเฆี่ยนโบย
3.ไม่ต้องมรณะด้วยศัตรูจองเวร
4.ไม่ต้องมรณะด้วยการศึกสงคราม
5.ไม่ต้องมรณะด้วยสัตว์ขบกิน
6.ไม่ต้องมรณะด้วยงูพิษ แมงป่อง
7.ไม่ต้องมรณะด้วยจมน้ำไฟไหม้
8.ไม่ต้องมรณะด้วยยาพิษ
9.ไม่ต้องมรณะด้วยแมลงร้ายขบกัด
10.ไม่ต้องมรณะด้วยจิตใจว้าวุ่นเป็นบ้า
11.ไม่ต้องมรณะด้วยตกจากภูเขา ต้นไม้และหน้าผาสูง
12.ไม่ต้องมรณะด้วยการสาปแช่งจากภูติผีปีศาจ
13.ไม่ต้องมรณะด้วยเทพร้ายผีสาง
14.ไม่ต้องมรณะด้วยโรคร้ายเรื้อรัง
15.ไม่ต้องมรณะด้วยความประมาณตนจนเกินฐานะ

ด้วยเหตุนี้ มหากรุณามนต์ ไม่เพียงแต่กำจัดภยันตราย และโรคภัยต่างๆดังกล่าวแล้ว
ยังให้ความสำเร็จแก่การกุศลกรรมทุกสิ่งอย่าง พ้นจากความหวั่นกลัว ฉะนั้น เราจึงต้องสวดท่องด้วยความศรัทธา
และจิตใจสะอาด จึงสามารถต้องด้วยมหากรุณาจิตของท่านพระโพธิสัตว์ ตนเองจะได้รับประโยชน์มากมาย
สรรพสัตว์ที่จมอยู่ในไตรภูมิและทุคติ ถ้าสามารถสวดมหากรุณามนต์นี้อยู่เสมอ ไม่เพียงแต่จะรักษาโรคทางใจ
และทางกายได้ ยังสามารถให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องนี้สามารถจะพิสูจน์ได้จากประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น

ความวิเศษมหากรุณาธารณีมนต์
( 1 ) มนต์นี้ ตรัสโดยพระพุทธเจ้าจำนวน 99 โกฏิเม็ดทราย แม่น้ำคงคา
ในอดีตกาลพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้รับจากพระสหัสประภาราชศานติสถิตตถาคตพุทธเจ้า
ในขณะนั้น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ยังอยู่ในปฐมภูมิ เมื่อได้ฟังคาถามนต์นี้แล้ว ก็บรรลุถึงภูมิที่ 8
ของโพธิสัตว์ทันที มีความปลื้มปิติยินดี จึงได้ตั้งปณิธานประกาศมนต์นี้ เพื่ออำนวยความสุขสบายแก่สรรพสัตว์
แล้วก็เกิดสนองปณิธานทันที โดยมีพันกรพันเนตรเกิดขึ้นจากร่างกายฉับพลัน

( 2 ) พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทูลแด่พระพุทธองค์ว่า
" หากสรรพสัตว์สวดท่องมหากรุณามนต์ แล้วไม่สามารถไปจุติในพุทธเกษตร หรือไม่ได้ปฏิฌาณสมาธิอันเป็นอมิต และไม่สมความต้องการทุกสิ่งในชาตินี้ เราจะไม่ยอมบรรลุสัมมาพุทธิ เว้นไว้แต่ผู้ที่มีจิตบาป และไม่มีความศรัทธา

( 3 ) ผู้ที่สวดท่องธารณีนี้อยู่เสมอ ท่านผู้นี้คือ
พุทธกายปิฏก ด้วยพระพุทธเจ้า 99 โกฏิเม็ดทราย แม่น้ำคงคาปกปักรักษาอยู่
เป็นแสงสว่างปิฏก ด้วยพระตถาคตทุกองค์ส่องแสงสว่างให้อยู่
เมตตากรุณาปิฏก ด้วยพระธารณีโปรดสัตว์อยู่เสมอ
เป็นสุธรรมปิฏก ด้วยรวบรวมสรรพธารณีอยู่
เป็นฌานสมาธิปิฏก ด้วยสมาธิร้อยพันปรากฏต่อหน้าอยู่
เป็นอากาศปิฏก ด้วยได้ใช้ปัญญาแห่งความสูญ เพ่งวิปัสสนาสรรพสัตว์อยู่
เป็นอภัยปิฏก บรรดานาค เทพ อารักขาอยู่
เป็นสุพจน์ปิฏก ด้วยเสียงแห่งธารณีไม่ขาดอยู่
เป็นนิจสถิตปิฏก ด้วยภัยทั้ง 3 ทุกกัปไม่สามารถมาทำลายอยู่
เป็นโมกขปิฏก ด้วยมารและเดียรถีย์ ไม่สามารถขัดขวางได้
เป็นเภษัชราชปิฏก ด้วยใช้ธารณีนี้รักษาโรคของสรรพสัตว์อยู่เสมอ
เป็นอภินิหารปิฏก ด้วยสามารถท่องเที่ยวไปตามพุทธเกษตรต่างๆด้วยความอิสระอยู่
บุญวาสนาของท่านผู้นี้ ไม่สามารถจะสรรเสริญได้หมดสิ้น

สาธุ ค่ะ มีบทสวดและแปล ของปรมิตาสูตรไหมค่ะ
ไม่ทราบว่าเขียนผิดหรือเปล่า ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

พระสูตรสมาธิจิตถึงฝั่งพ้นทุกข์ด้วยปัญญา
หรือ มหาปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร
หรือ บทสวด ปัญญาบารมี
(หมอเฮอปัวเหย่อพัวหลัวมี่ตัวซินจิง)

กวน จื้อ ไจ้ ผู ซ่า
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(กวนอิม)

สิง เซิน ปัว เหย่อ พัว หลัว มี ตัว สือ
ขณะเมื่อทรงลึกซึ้งด้วยสมาธิจิตถึงฝั่งพ้นทุกข์ด้วยปัญญา

เจ้า เจี้ยน อู่ อวิ้น เจีย คง
ทรงเห็นขันธ์ทั้งห้าล้วนอนัตตา

ตู้ อี๋ เชี่ย ขู่ เอ้อ
สลายความทุกข์ได้ทั้งหมด

เซ่อ ลี่ จื่อ
สารีบุตร

เซ่อ ปู๋ อี้ คง คง ปู๋ อี้ เซ่อ
รูปไม่ต่างกับความว่าง ความว่างไม่ต่างกับรูป

เซ่อ จี๋ ซื่อ คง คง จี๋ ซื่อ เซ่อ
รูปก็คือความว่าง ความว่างก็คือรูป

โซ่ว เสี่ยง สิง ซื่อ อี้ ฟู่ หยู ซื่อ
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็เป็นเช่นนี้

เซ่อ ลี่ จื่อ ซื่อ จู ฝ่า คง เซียง
สารีบุตร ธรรมทั้งหลายนั้นคือว่าง

ปู้ เซิง ปู๋ เมี่ย ปู๋ โก้ว ปู๋ จิ้ง ปู้ เจิง ปู้ เจี่ยน
ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่เปื้อน ไม่สะอาด ไม่เพิ่ม ไม่ลด

ซื่อ กู้ คง จง อู๋ เซ่อ
ด้วยเหตุนี้ความว่างจึงไม่มีรูป

อู๋ โซ่ว เสี่ยง สิง ซื่อ
ไม่มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

อู๋ เหยี่ยน เอ่อ ปี๋ เสอ เซิน อี้
ไม่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และจิต

อู๋ เซ่อ เซิง เซียง เว่ย ชู่ ฝ่า
ธรรมนั้นไม่มีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส

อู๋ เหยี่ยน เจี้ย
ไม่มีจักษุวิญญาณ

ไหน่ จื้อ อู๋ อี้ ซื่อ เจี้ย
ไม่มีทั้งจิตวิญญาณ

อู๋ อู๋ หมิง อี้ อู๋ อู๋ หมิง จิ้น
ไม่มีวิชชา อวิชชา และความสิ้นสุดของวิชชาและอวิชชา

ไหน่ จื้อ อู๋ เหล่า สื่อ อี้ อู๋ เหล่า สื่อ จิ้น
ไม่มีความแก่ความตายและความสิ้นสุดของความแก่ความตาย

อู๋ ขู่ จี๋ เมี่ย เต้า
ไม่มีทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

อู๋ จื้อ อี้ อู๋ เต๋อ
ไม่มีทั้งปัญญาและการได้

อี่ อู๋ สั่ว เต๋อ กู้
เพราะเหตุไม่มีการได้

ผู ถี ซ่า ตัว อี ปัว เหย่อ พัว หลัว มี่ ตัว กู้
พระโพธิสัตว์ทั้งหลายทรงอาศัยสมาธิจิตถึงฝั่งพ้นทุกข์ด้วยปัญญา

ซิน อู๋ กว้า อ้าย
จิตไร้กังวล

อู๋ กว้า อ้าย กู้ อู๋ โหยว ข่ง ปู้
เมื่อไร้กังวล จึงไม่มีความหวาดหวั่นวิตก

เยวี่ยน หลี เตียน เต่า เมิ่ง เสี่ยง
ห่างไกลจากความสับสนเพ้อฝัน

จิ้ว จิ้ง เนี่ย ผัน
นั่นแหล่ะนิพพาน

ซัน ซื่อ จู ฝอ
สรรพพุทธะ (พระพุทธเจ้าทั้งหลาย)

อี ปัว เหย่อ พัว หลัว มี ตัว กู้
ทรงอาศัยสมาธิจิตถึงฝั่งพ้นทุกข์ด้วยปัญญา

เต๋อ อา โน่ว ตัว หลัว ซัน เหมี่ยว ซัน ผู ถี
ได้สัมมาสัมโพธิญาณ

กู้ จือ ปัว เหย่อ พัว หลัว มี่ ตัว
จึงรู้ได้ว่า สมาธิจิตถึงฝั่งพ้นทุกข์ด้วยปัญญา

ซื่อ ต้า เสิน โจ้ว
เป็นพระคาถาที่ทรงอานุภาพยิ่งใหญ่

ซื่อ ต้า หมิง โจ้ว
เป็นพระคาถาแห่งมหาปัญญา

ซื่อ อู๋ ซั่ง โจ้ว
ไม่มีพระคาถาใดจะเหนือ

ซื่อ อู๋ เติ๋ง เติ่ง โจ้ว
ไม่มีพระคาถาใดจะเทียบ

เหนิง ฉู อี๋ เชี่ย ขู่
สามารถปลดความทุกข์ได้ทั้งหมด

เจิน สือ ปู้ ซวี
วิเศษแท้จริง

กู้ ซัว ปัว เหย่อ พัว หลัว มี่ ตัว โจ้ว
จึงทรงตรัสพระคาถาสมาธิจิตถึงฝั่งพ้นทุกข์ด้วยปัญญา

จี๋ ซัว โจ้ว เยวีย
ด้วยพระคาถาดังนี้

เจีย ตี้ เจีย ตี้
เผยด้วยคำสัจ

พัว หลัว เจีย ตี้
คำสัจโปรดสัตว์

พัว หลัว เซิง เจีย ตี้
คำสัจโปรดสัตว์มาก

ผู ถี ซ่า ผัว เฮอ
โพธิญาณฉับไว.

ปล. คำอ่านเป็นภาษาจึนกลาง ครับ
บทนี้ไม่มีคำสวดเป็นบาลี เพราะเป็นบทย่อ ที่พระถังซำจั๋ง ท่านถอด
ออกมาเป็นภาษาจีน ว่ากันว่าบทใหญ่เป็นพระสูตรเล่มใหญ่ภาษาสันสกฤต


เค้ามูล ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร

จากวันนั้นย้อนหลังขึ้นไปกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ณ เชิงเขาคิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์
ครานั้นองค์พระศากยมุนีพุทธเจ้ากำลังทรงเข้าสู่สมาธิที่ชื่อว่า " คัมภีราวสมาธิ "
ท่ามกลางบรรดาพระโพธิสัตต์และพระอรหันต์สาวกจำนวนมากอยู่นั้น
เป็นขณะเดียวกันกับที่พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตต์(ซึ่งขณะนั้นท่านเป็นบุรุษเพศ)
ได้ดำริขึ้นว่า ขันธ์ทั้ง 5 เป็นความว่างเปล่าอยู่แล้วตามธรรมชาติ ดังนั้น พระอรหันต์สาวกองค์หนึ่ง
ซึ่งมีนามว่า " ท่านสารีบุตร " จึงได้ปรารภขอให้องค์พระมหาโพธิสัตต์อวโลกิเตศวรจงแสดงธรรมเรื่อง
" ความว่าง - สุญญตา " ให้แก่บรรดาพุทธบริษัทที่ชุมนุมอยู่ ณ ที่นั้นด้วย
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีกำเนิดแห่งพระสูตรเลื่องชื่อซึ่งมีความหมายว่า
" พระสูตรที่ว่าด้วยปัญญาเป็นส่วนสำคัญที่จะพาไปให้ถึงฝั่ง ( พระนิพพาน ) "

พระสูตร " ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร " นี้ได้รับการถ่ายทอดออกเป็นภาษาจีนในราว พ.ศ. 1206
โดยท่านเฮียงจั่ง ( พระถังซำจั๋ง ) โดยอาศัยต้นฉบับจากภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาหลักที่
พุทธศาสนามหายานยึดเป็นหลักอยู่นั่นเอง โดยปกติพระสูตรนี้ คนทั่วๆไปมักนิยมเรียกในชื่อสั้นๆว่า
" สูตรหัวใจ " หรือ " ซินจิง " ในภาษาจีน เป็นพระสูตรที่มีขนาดสั้นมีอักษรเพียง 268 คำ ทั้งๆที่
โดยความจริงตามคำบอกเล่าของท่านกุมารชีพแล้วระบุว่า พระสูตรนี้มีความยาวถึง 600 บรรพ
เขียนออกเป็นหนังสือได้ถึงจำนวน 24 เล่ม เป็นพระสูตรๆหนึ่ง ที่จัดอยู่ในหมวดปรัชญา

อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณอมิตาพุทธ
ขอบพระคุณค่ะ คนไร้สาระชอบคำแปลนี้มาก ๆ
อ่านแล้วได้ปัญญา ขออนุญาต copy ไว้น่ะค่ะ

บทสรรเสริญพระคุณ

นะโมกวงซิอิม ผ่อสัก
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมฮูก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิวโคว่ กิวหลั่ง กวงสี่อิมผู่สัก ทั่งจี้โต
โอม เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ล้อเกียฮวดโต
ซาผ่อออ เทียงล้อซิ้ง ตี่ล้อซิ้ง นั้งลี่หลั่ง หลั่งลี่ซิ้ง เจ็กเฉียก ใจเอียง ห่วยอุ่ยติ๊ง
นำโมม่อออป่อเยี๊ยปอล้อบิ๊ก (กราบ)
ถามท่านอามิตาพุทธ นะคะว่า
ลูกสาวจะนับถือเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ
ที่เราเคยเล่าให้คุณฟังค่อนข้างมาก
งดทานเนื้อไปเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสก็จะชวนเราไปที่เพชรบุรี
ใกล้เปิดเทอมก็จะให้พาไปไหว้ท่านค่ะ ขอพรให้เรียนเก่งๆ
แต่เพราะบ้านเรานับถือพุทธ คือจะปฏิบัติตามหลักพุทธมาตั้งแต่เราเด็กๆ
ลูกก็เหมือนกัน เราเลยไม่รู้หลักในการปฏิบัติที่ถูกต้อง
ลูกสาวมักสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน
และก็จะสวดบทสวดเจ้าแม่กวนอิมแค่ข้างบนนี้เท่านั้น
ได้ไม๊คะ เพราะเราไม่ค่อยรู้และเวลาก็มีไม่มาก
หรือควรปฏิบัติเพิ่มอะไรไม๊คะ แบบย่อๆน่ะค่ะ
เพราะเค้าอยู่ในช่วงเรียนเวลาน้อย
รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะคะ

ถามต่อค่ะว่า บทนี้ ต่างกับบทที่เราถามข้างต้นอย่างไรคะ
ถ้าสวดบทนี้เป็นการขอพรคู่กันได้ไม๊คะ ดูสั้นๆ มีความหมายดีน่ะค่ะ

สวัสดี ครับ คุณ O.wan
ท่าทางลูกสาวจะศรัทธาพระโพธิสัตว์กวนอิมมากเลยนะครับ
ถึงงดทานเนื้อได้
เรื่องงดทานเนื้อวัว เหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามกันมาครับ ว่า
ผู้ที่นับถือพระโพธิสัตว์กวนอิมควรเว้นเนื้อวัว คือมีเรื่องเล่าว่า
พระบิดา ของท่าน เคยเกิดเป็นวัวครับ การที่ผู้ที่นับถือท่านไม่ทาน
เนื้อวัวก็เป็นการให้เกียรติท่านด้วย
แต่เท่าที่เคยอ่านพระโอวาทของท่าน
พระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านเคยตรัสว่า "วัวเป็นสัตว์มีคุณ ผู้คนได้อาศัยใช้แรงงาน
และวัวก็เป็นสัตว์ที่ใกล้จะได้เกิดเป็นคน ใกล้หมดกรรมจากสภาพเดรัจฉาน
และเป็นสัตว์กินพืช เลยไม่ได้ฆ่าชีวิตสัตว์อื่นเป็นอาหาร ฉะนั้นก็อย่าได้ไปเกี่ยวกรรมกัน
ให้เขาตายไปหมดอายุขัยไปเอง จะได้ไม่ต้องจองเวรกัน......"

เรื่องสวดมนต์นั้น ถ้าไม่มีเวลาก็สวดบทสรรเสริญขอพรที่สวดอยู่นั้นก็ได้ครับ
แต่ถ้ามีเวลา ก็อยากให้สวดบท มหากรุณาธารณี ด้วยจะดีมากครับ
สวดบ่อยๆเกิดปัญญาด้วยนะครับ

พระโพธิสัตว์กวนอิม(ภาคที่มาเกิดเป็นเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน)ก็สำเร็จธรรมในศาสนาพุทธ
แต่จะรู้จักกันทางพุทธมหายาน ประเทศไทยเราเป็นพุทธเถรวาท
อาจจะไม่คุ้นเคยกันมากนัก
เพื่อนข้าพเจ้าบางคนที่บ้านไหว้เจ้าแม่กวนอิม เพราะเป็นคนเชื้อสายจีน
แต่นึกว่าท่านเป็นเทพเจ้าก็มี ไม่ได้นึกว่าท่านเป็นพุทธะ เป็นพระ เพราะไม่รู้
และไม่ได้ศึกษาประวัติท่านอย่างละเอียด รู้แต่ว่าท่านมีความเมตตากรุณา
เวลามีทุกข์ก็ชอบไปจุดธูปขอ บนบานสานกล่าว กลายเป็นว่านับถือท่าน
ไปในทางงมงายเกินไป ไม่ได้มองดูปณิธานของท่าน ที่ท่านต้องการโปรด
สรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร เข้าสู่นิพพานอันเป็นสุข. เราก็เลยได้เห็น
คนกราบไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิม แบบงมงาย คือ ไม่สร้างบุญกุศลแล้วก็ไปขอ
ให้ท่านเมตตา ถ้าเป็นแบบนี้ก็ยากที่จะได้รับการตอบสนองครับ เพราะการที่
เราจะไปขอเรื่องอะไรจากท่าน อย่างน้อยเราต้องมีบุญวาสนาเป็นทุนของเราอยู่ก่อน
แล้ว หรือถึงแม้ไม่ได้ขอ ถ้าเราเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี เพียงแค่นึกถึงท่าน
ท่านก็คุ้มครองอยู่แล้วครับ

บทสวดสรรเสริญขอพร ที่คุณน้ำเธอเอามาโพสต์
และที่คุณ O.wan เอามาโพสต์นั้น ออกเสียงเป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว ครับ

ส่วนที่ข้าพเจ้าเอามาโพสต์นั้น ออกเสียงเป็นภาษาจีนกลาง ครับ
ทั้งสองบท แตกต่างกันแค่การออกเสียง ถ้าแปลเป็นภาษาไทย
ก็มีความหมายเหมือนกัน จะเลือกสวด เป็นภาษาไหน ก็แล้วแต่ชอบครับ
หรือจะท่องคำแปล ภาษาไทย อย่างเดียวก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความศรัทธาจริงใจครับ

คุณWalaiporn คุณอมิตาพุทธ คุณO wan ครับ..
ขออนุโมทนาด้วยครับผม ขออนุญาติCopy ด้วยคนนะครับ

อนุโมทนาเช่นกันครับ คุณ กบนอกกะลา

คุณ walaiporn


ขี้เกียจให้ทาน รักษาศีล มันยากจะขอท่อง ขอสวดอย่างเดียวเลย และปรารถนาสำเร็จเป็น อรหันต์ เข้าถึงนิพพานเลยได้ไหมน้อ

คุณ อมิตาพุทธ


พิจารณาตรงนี้หน่อยสิ พระพุทธเจ้าท่านทรงปรินิพพานไปแล้ว ดับไปแล้ว แล้วมากล่าวอ้างอย่างนี้ ว่าจะยื่นพระกรมารับนี่ ไม่บ้าไปหน่อยเหรอท่าน ใช้....ใคร่ครวญหน่อยว่ามันเป็นจริงได้เหรอ มันไม่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าหรอกเหรอ

เคยอ่านพระไตรปิฎกตรงที่ว่า มารแปลงกายเป็นพระพุทธเจ้าไหม ไปหาอ่านเอานะ จะได้รู้ได้กระจ่าง หายจากความหลงไปกับมารเสียที พี่น้องชาวพุทธแท้ๆ เอ๋ย

พระโพธิสัตว์ก็ยังถือว่าเป็นผู้สกปรกอยู่ถ้าเทียบกับพระพุทธเจ้า์ แล้วทำไมไม่เชื่อถือตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนไปเลยเล่า มามัวสวดอ้อนวอนกันทำไม จะหลงทางกันไปใหญ่แล้ว

อันนี้ข้าพเจ้าไม่ขอแสดงความเห็นใด ๆ นะครับ
เพียงแต่โพสต์ไว้ให้กับผู้ที่เขามีความศรัทธา เพราะอันนี้เป็นความเชื่อของทางพุทธมหายาน
คือข้าพเจ้าเองก็ไม่อยากให้เกิดประเด็น ที่ต้องมาถกเถียงกัน เหมือนในเว็บธรรมอื่นๆ
คงต้องบอกได้แค่ว่า ขอให้ท่านผู้อ่าน ได้โปรดใช้วิจารญาณ ในการที่จะศึกษา
และเชื่อตาม ขอขอบคุณ ท่าน คนขวางโลก ที่ได้เมตตาชี้แนะมา