วันเวลาปัจจุบัน 16 พ.ค. 2025, 08:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 02:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


หลังจากเลิกกะแฟนได้ 1 เดือนโดยประมาณ
หันหน้าเข้าสู่ทางธรรม เพื่อหวังให้ตัวเองเลิกฟุ้งซ่าน ทุกข์น้อยลง
ได้ผลค่ะ จากที่ร้องไห้ทุกวัน ก่อนนอนก็ร้อง ตื่นก็ร้อง ใครพูดก็คิดไม่ได้
พอได้มานั่งสมาธิ กำหนดจิตดูลมหายใจตัวเองอย่างมีสติ อะไร ๆ ก็ดีขึ้น
เรารู้เท่าทันความเศร้า รู้ว่าตอนนี้กำลังคิดถึง รู้ว่าตอนนี้กำลังเสียใจ
เมื่อรู้ทันก็จะหยุดทันค่ะ ไม่ไปคิดต่อให้เศร้าเพิ่มอีก มันก็มีเศร้าอยู่จาง ๆ ค่ะ แต่ว่าไม่ทุรนทุรายเหมือนเดิม
หลังจากนั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบได้พักนึง คุณแฟนที่ตอนนี้เป็นแฟนเก่า
เริ่มมีการปฏิสัมพันธ์ด้วย ไม่ทราบว่าจะด้วยนิสัยไม่คิดอะไรของเค้า หรือด้วยแรงอธิษฐานของเราก็แล้วแต่
อยู่ ๆ เค้าก็กลับมาคุยเล่น เหมือนตอนยังคบกัน แต่ก็ไมไ่ด้กลับมาคบนะคะ
เค้ามาคุยด้วยแค่แปบ ๆ แล้วก็หายไปอีกค่ะ
จากที่พอจะทำใจได้ พอหายไปอีก คราวนี้ รู้ลมหายใจอะไรก็ไม่ช่วยแล้วค่ะ สมาธิกระเจิง
กลายเป็นว่า เราคาดหวังว่าการถือศีลภาวนาของเราทำให้เค้ากลับมา พอเค้าหายไปอีก
พยายามคิดยังไง จิตใจก็หดหู่ จนกำหนดรู้ลมหายใจไมได้เลยค่ะ :b2:

เลยเดือดร้อนต้องมาตั้งกระทู้ขอคำปรึกษาเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ค่ะ
1. เคยอ่านเจอจากหนังสืออาจารย์ดังตฤณค่ะว่า การที่เราทำบุญ แล้วนึกถึงแฟนเก่า ทำจิตใจให้สดชื่น ปลอดโปร่ง นึกถึงเค้าในทางที่ดี มันอาจจะเป็นการทำให้เวลาเค้านึกถึงเราแล้วรู้สึกสบายใจ และอาจะเป็นผลให้เค้าอยากกลับมา (ใช้คำว่าอาจจะนะคะ) ถ้าอย่างงั้นแล้ว การที่เราถือศีล นั่งสมาธิ ภาวนา อธิษฐานจิตว่าขอโอกาสให้เค้ากลับมา จะมีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้มั๊ยคะ ที่จะช่วยให้เค้ามีจิตใจคิดอยากกลับมา ขอแค่มีเปอร์เซ็นความเป็นไปได้ เราก็พร้อมจะเพียรทำต่อไปค่ะ (ที่จริงตั้งใจไว้ว่า ถึงเค้าจะไม่กลับ หรือต่อให้กลับมาแล้ว เราก็จะทำต่อไป) แต่มันก็อดคาดหวังไม่ได้ค่ะ

2. อ่านเจอมาอีกเหมือนกันค่ะว่า คนเราจะคู่กันได้ ต้องมี ศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา ที่เสมอกันหรือเทียบเคียงกัน ทำให้คิดต่อได้ว่า ถ้าเราเกิดไปชอบคนที่มีศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา สูงกว่าเรา เราก็ยังพอจะพัฒนาไปให้ดีขึ้น เพื่อให้มีโอกาสเสมอกับเค้า แต่ในกรณีของเรา ถ้าคนที่เรารัก เค้าศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญาสูงกว่าเรา และออกแนวจะน้อยกว่าซะด้วย (แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายนะคะ) การที่เราพยายามพัฒนาศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา จะเป็นการทำให้ยิ่งผลักเค้าออกห่างรึเปล่าคะ อย่างงี้ก็กลายเป็นกลับวัตถุประสงค์ไปเลย

3. การที่เรานั่งสมาธิ เจริญสติ ตามหลักพระพุทธศาสนา ควรจะเป็นการสละความทุกข์ออกจากตัว แต่เราดันยึดมั่นถือมั่นที่จะทำโดยมีจุดประสงค์ทางอ้อมคืออยากให้คนรักกลับมา เท่ากับขัดกับหลักพระพุทธศาสนา จึงทำให้การปฎิบัติของเราไม่เป็นผลรึเปล่าคะ สามวันดี สี่วันท้ออยู่อย่างคิด วันนี้คิดได้ พร่งนี้กลับมาเศร้าใหม่ วนเป็นลูปไม่รู้จบอ่ะค่ะ

หนูเพิ่งเริ่มก้าวมาทางสายธรรมะนี้ แถมยังมีเมฆหมอกที่เรียกว่า "ความรัก" มาบังทำให้มองเห็นทางไม่ชัดเข้าไปใหญ่ จะเดินเองก็กลัวหลงทาง ขอความกรุณาช่วยชี้ทางให้หนูด้วยนะคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ หนูจะไม่ลืมบุญคุณเลยค่ะ Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 02:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าวันนึง สามารถกำจัดไอ้ความทุกข์ เศร้า จากความรักให้ได้แบบเด็ดขาด
แล้วเราจะมาอุทิศตัวเลย เพื่อช่วยคนที่ผิดหวังเรื่องนี้ ให้หายไว ๆ สาาาธุ เพราะเล็งเห็นแล้วว่า ทุกข์ใดก็ไม่เท่าทุกข์เรื่องความรักจริง ๆ ค่ะ กระทู้ส่วนมาก 99% คือเรื่องความรักที่ผิดหวัง และทำใจไม่ได้

ปัญหาคล้าย ๆ กัน ทำใจไมได้ ขาดเค้าไม่ได้ เลิกคิดถึงเค้าไม่ได้ ทั้งที่ปัญหาไม่ต่างกันมาก คำตอบก็มีดีดีตั้งมากมาย แต่ทำม๊ายทามมาย ทำจริงช่างยากเย็น

รอก่อนเต๊อะ ทำได้เมือ่ไหร่ จะมาบอกเคล็ดลับแบบไม่หมกเม็ดเลยค่ะ
ตั้งใจจะทำจริง ๆ นะคะ เพราะฉะนั้นขอให้นู๋ทำให้ตัวเองตาสว่าง คิดได้ สละความทุกข์ออกได้เร็ว ๆ ด้วยเถิ๊ดดด นู๋จะได้มาช่วยคนอื่นเค้ามั่ง สาาาาธุ onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 03:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 18:03
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


แฮะๆ ตอนนี้ผมยังมาตอบอะไรไม่ได้มากพอ สติสตังค์มันยังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว
ขึ้นๆลงๆ เป็นกำลังใจให้ก็พอ (เพราะอยากอ่านเรื่องต่อไวๆ ^^")

เอาคำนี้ซะก่อน "วนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ ถ้าเธอยังคิดต่อไป"

เวลาเผลอ เหม่อคิด ก็พูดออกมาเลยว่า "หยุด" คุยกับตัวเองว่า นิ่งไว้ๆ หยุดคิดซะๆ เรียกชื่อตัวเองให้หยุด

อย่าลืมรักษาสุขภาพร่างกายด้วยครับ เพราะหล่อสวยมันช่วยได้่มาก อิอิ
กินไม่ลง ไม่อยากกิน ก็อัดๆ ยัดๆมันเข้าไป ผ่านไปมื้อๆ อย่าทรมานสังขาร
เลือกสิ่งที่กินด้วยนะครับ เดี๋ยวอ้วนเอาได้ ^^

ยิ่งหาทางเหมือนยิ่งไม่เจอทาง
สับสนว้าวุ่น ชุลมุนไปหมด
หาโอกาสดีดีตอนที่มีสติพร้อม ร่างกายพร้อม วางแผน เลือกปฏิบัติสักทาง
หรือหลายทางแต่แนวคิดเดียวกันดูครับ ดีขึ้นไม่ดีขึ้นค่อยปรับอีกที

สับสน อลหม่าน ไปทั่ว ถามตัวเองจะเอายังไงกันแน่ ^o^
เอาอันนี้ก็ทุกข์ยาว อันนี้ก็ทุข์หนัก ทางไหนก็ทุกข์ๆๆ
ก็ใจมันทุกข์นินา ไอ่ที่หลอกให้ไม่ทุกข์ ก็สุขหลอกๆอยู่สักกี่นาที

ถ้าตอนนี้ผมปกติดี คงไม่มานั่งพิมพ์อย่างนี้ คงไปนอนหลับสุขกายไปแล้วครับ
พิมพ์มาจากทุกข์ ไตร่ตรองเอา เบาๆพอนะครับ

ปกติไม่ชอบอ่านนิยายนะครับ แต่เร่งต้นฉบับหน่อยครับ หลายคนรออาจลงแดง
เขียนแล้วได้ระบายมั่ง รู้สึกดีมั่ง เป็นประโยชน์มั่ง ก็เขียนไป แต่ถ้าทรมานใจก็หยุดพักนะครับ นู๋รอได้ๆ
(อยากอ่านเรื่องต่อไวๆ ^^" เด๋วปั๊ด เก๊าล้อเล่น)

ปล.
เคยคิดไหมครับว่าแต้มไพ่ในมือเขาเหนือกว่า
สีหน้าสายตาเรามันฟ้องว่าเรากลบเกลื่อนไพ่แต้มต่ำไว้
ยอมคว่ำไพ่เก็บชิฟที่เหลือเป็นค่ารถพาใจกลับบ้านดีกว่า
ปล่อยไป ไม่ยินดียินร้าย ยิ้มเข้าไว้ ให้อภัย
เดี๋ยววันที่ชิฟเค้าหาไม่เจอ วันนั้นเค้าก็อาจอยากมา
เราเองอาจที่ไม่อยาก ไม่ต้องไปวังวน ในเกมนั้น
เอาที่แน่นอน และสำคัญที่ทำอยู่ดีกว่า
เราอยู่ได้แบบนิ่งๆ มีค่า มีความสำคัญ
เหมือนวันที่เค้าเจอเราแรกๆ

แรกๆ โอ๊ย โอ๊ย โอ่ย โอ๊ย คิดถึงจัง....
หลังๆ โอ๊ย โอ๊ย เจ้อยากตาย...

ยิ่มหน่อยน่า นะ เผื่อนๆก็เอา :b32:

เป็นกำลังใจให้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


อาจไม่ตรงนัก แต่เอาไว้เป็นข้อมูลในการเขียนก็ได้นะครับ
หรือหากได้มีโอกาสพิจารณาดีๆ อาจได้วิธีละคลายความเมา
ความประมาทที่มีก็ได้ ลองพิจารณา


ขอความช่วยเหลือค่ะ (ไม่เกี่ยวกับน้ำท่วมนะคะ ^^) ทำอย่างไรเราจึงจะคิดถึงคนอื่นในแง่เมตตาธรรมคะ
http://larndham.org/index.php?/topic/42 ... _p__779892

(อย่างกรณีน้องเจ้าของกระทู้) คนต้นเรื่องนี้อยากได้วิธีเจริญเมตตา โดยเข้าใจผิดว่าตนไม่มีเมตตา กิเลสมันหลอกเอา อาจ(ใช่คำว่าอาจจะ) เหมือนโยมเจ้าของกระทู้นี้คนต้นเรื่องในกระทู้นี้ก็ได้
อาจไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมฆหมอกอะไรทีี่บดบังอยู่ จะได้กระจ่างลงนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของ
ประสบการณ์ที่ตกผลึกทางอารมณ์ทางความคิด จัดระเบียบชีวิตตนเองได้ ใช้(ควบคุม)
ตัวเองเป็น ตอบความรู้สึกที่มีในตัวเองได้ คำตอบที่ดีเยอะแยะเป็นแต่เพียงแนวทางในการ
แนะนำช่วยเหลือ ที่เหลือเป็นเรื่องพิจารณาตนเองโดยถ่องแท้ ยอมรับความจริง ที่ผ่านไป
ได้ส่วนใหญ่คือคนที่ ยอมรับความจริง พิจารณาตนเอง ให้เวลาเป็นตัวช่วยพัฒนาอารมณ์
ความรู้สึกนึกคิด ให้ค่อยๆ เติบโตกว่านี้

ข้อ๑) การจะเขียนเรื่องราวกล่อมเกลา(หรือมัวเมาไม่รู้)ในเรื่องความรัก ช่วยจรรโลง
จิตใจยกระดับสติ ผ่อนคลายความหลงให้คนอื่น แล้วหวังว่าแฟนจะกลับมาเพราะสิ่ง
ที่เราทำคล้ายๆ กับว่ามีบุญมีความสบายอกสบายใจแล้วทำให้ ความคาดหวังของเรา
ประสบความสำเร็จ พุทธฏีกานึกถึง นักเขียนที่หลอกตัวเอง หลงอยู่ในโลกของตัวเอง
เหมือนคนตาบอดสี วาดสายรุ้งอธิบายให้คนตาบอด อะไรประมาณนั้น

ข้อ๒)ศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา มีทั้งในระดับที่ดูใจกัน ก่อนจะมีความสัมพันธ์ที่จะ
พัฒนาไปถึงขั้น ตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน เรื่องนี้ก็ไม่ยาก ถ้าคนเขาชอบเรารักเรา
เชื่อมั่นว่าเราใช่ คือมีศรัทธาว่าต้องเป็นคนๆ นี้แหละ แท้จริงก็คือมี ความอยากได้อยาก
มี อยากมีเรา เป็นของๆ เขา เขาเองอยากเป็นเจ้าของๆ เรา เรียกสวยๆ ว่า ความรัก
ถ้าเราเองเดาเองอยู่คนเดียว พัฒนาความรักความเชื่อมั่นความศรัทธา กระต่ายขาเดียว
ลำพังคนเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้มีศรัทธากับเราจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัย
ทัศนคติ มีทิศทางเป็นไปในทางเดียวกัน ตัวศีล ศรัทธา จาคะความเสียสละ ทัศนคติ
หรือปัญญาจึงจะเป็นไปในทางเดียวกันได้ เพราะนั่นเป็นหลักการประพฤติปฏิบัติในการ
ช่วยเหลือเกื้อกูลกันประคับประครองกันไป

เราจะไปพัฒนาปัญญาอย่างไรได้ จนเกิดความเสียสละ เกิดศรัทธา เกิดศีลในตัวเราเอง
เมื่อเรื่องง่ายๆ เช่นวันนี้ตอนนี้เวลานี้ เรานั้นยังเป็นคนสำคัญ ยังเป็นหนึ่งหรือเปล่า?

ถ้าเขาไม่ศรัทธา ไม่ได้รักเรา ศรัทธาที่ไม่ตรงกันอย่างนี้ จะให้สิ่งที่เราคาดหวังเกิดขึ้น
ก็คงเป็นไปได้ยาก จะให้คนสองคนที่ไม่มีศรัทธา ไม่มีความรักที่ต้องการพัฒนาร่วมกัน
ไปด้วยกันมันไม่มี เหมือนเอาดอกไม้ไปติดไปต่อตาทาบกับกิ่งไม้ ไม่ช้าไม่นานมันก็ต้อง
แห้งตาย ไม่เ่บ่งบานชูสีสรรได้แน่นอนเพราะมันไม่ได้เกิดเองจากต้นจากกิ่งของมัน

ผิดกับในรายที่ใช่ที่ชอบที่ศรัทธาที่เชื่อ ว่าเรานั้นจะต้องประคับประครองกันไป ศีลที่
ส่งเสริ่มกัน ศรัทธาที่ตรงกัน ความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรารถนาให้คนที่ตนรักคน
ที่เป็นที่หนึ่งของตนมีความสุขตรงกัน ความคิดความเห็นทัศนคติี่ที่ตรงกัน อย่างนี้ก็เหมือน
ดอกไม้ที่ออกดอก ออกจากลำต้นของมันเอง ไม่ใช่ติดดอกต่อตาทาบกิ่งปลอมๆ ความ
งดงาม ความรัก ชีวิตย่อมเบิกบานสดชื่นกว่าดอกติดตาอย่างเทียบกันไม่ได้ฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีหรอกนะครับ ที่ฟังชั่นของศีลศรัทธาจาคะปัญญา ถ้ามากกว่าโดดเด่นกว่าจะทำให้
ใครคนใดคนหนึ่งต้องแยกจากกันเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วจะมีก็แต่ ด้วยเหตุด้วยผลอื่นๆ
ไม่ใช่เพราะฟังชั่นเหล่านี้ ยิ่งต่างฝ่าย(กรณีที่ รักกันมีกันและกันจริง ไม่ปิตหูปิดตายืนกระ-
ต่ายขาเดียว) ต่างยิ่งมีฟังชั่นนี้เท่าไหร่ ทั้งสองก็ยิ่งจะมีแต่ปรองดองเกื้อกูลกันและกันมาก
ยิ่่งขึ้นไปเท่านั้น ผิดกับ ดอกไม้ที่เอาไปทาบกิ่งติดตา ไม่ได้เกิดจาก ความรักความศรัทธา
ร่วมกันโดยแท้จริง ก็ไม่มีวัน เ่บ่งบานแ่น่นอน

ข้อ๓)ถึงตรงนี้ คงจะตอบคำถามตัวเองในหลายๆ เรื่องได้้บ้าง ว่าแท้จริงแล้วเรานั้นต้องการ
ดับทุกข์ เข้าใจทุกข์ หรือเพียงกลบเกลื่อนความทุกข์ หนีทุกข์ หลบทุกข์ไปวันๆ ธรรมะเป็น
เรื่องธรรมชาติง่ายๆ ไม่สับสนซับซ้อน เหมือนแสงอาทิตย์ ที่ให้ชีวิตกับดอกไม้ ถ้าวันนี้เรา
เป็นดอกทาบกื่งติดตา พอเช้ามาอาทิตย์ฉายแสง โยมคิดว่า ดอกที่ไม่แท้ที่เกิดจากความไม่รู้
เกิดจากความหลง ความสงสัย ไม่มีโอกาสพัฒนาฟังชั่นร่วมกับใครที่เป็นรักเป็นศรัทธาแท้
ดอกทาบกิ่งนี้จะไปสู่ ดอกที่มีฟังชั่นของศีลศรัทธาจาคะปัญญาแท้ด้วยตัวมันเอง(มีใครที่จริง-
จังจริงใจพร้อมพัฒนาไปด้วยกันจริง) ดอกทาบกิ่ง กับดอกแท้ ดอกไหนจะเบิกบานเติบโตกว่า
กันเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ธรรมะฉันใดก็ฉันนั้นเหมือนกัน ทำให้เราเข้าใจความจริงยอมรับความ
จริง ไม่หลงสงสัย เข้าใจในสิ่งต่างๆ ตลอดถึง ตนเองตัวเองอย่างชัดเจน

ยาพ่นยาฆ่าแมลงชุดนี้อาจแรงไปหน่อย แต่หวังว่า ดอกทาบกิ่งติดตานี้จะ แห้งตายไปเองช้าๆ
ไม่ไปทาบกิ่งติดตาผิดที่ผิดทางอีก ให้กลายเป็นอาหารของปถวีของดิน เน่าสลายกลายเป็น
แร่ธาตุอาหาร ถือกำเนิดเกิดใหม่ แล้วได้กลายเป็นดอกไม้ที่มีฟังชั่น(มีคนที่มีศีลศรัทธาจาคะ-
ปัญญา)ที่พร้อมพัฒนาศรัทธาเติบโตเองโดยแท้จากต้นจากรากจากใบจริงๆ

เพราะเมื่อยามอาทิตย์ส่องผ่านมา จะได้มีชีวิตชีวาจริงๆ เบิกบานและร่วงโรยไปอย่างงดงาม
ตามกาลเวลาตามความเป็นจริง ไม่ใช่ของปลอม ของพยายามจริงแต่ก็ไม่จริง
อะเดียวจะตายทั้งรากทั้งโคน เอาใจช่วยแล้วกันนะ มีสติพิจารณาตนเองดีๆ ขอเจริญพร


รูปภาพ



Credit image by:
http://glitter.kapook.com/

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 11:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


Sound of the Sea เขียน:
แฮะๆ ตอนนี้ผมยังมาตอบอะไรไม่ได้มากพอ สติสตังค์มันยังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว
ขึ้นๆลงๆ เป็นกำลังใจให้ก็พอ (เพราะอยากอ่านเรื่องต่อไวๆ ^^")

เอาคำนี้ซะก่อน "วนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ ถ้าเธอยังคิดต่อไป"

เวลาเผลอ เหม่อคิด ก็พูดออกมาเลยว่า "หยุด" คุยกับตัวเองว่า นิ่งไว้ๆ หยุดคิดซะๆ เรียกชื่อตัวเองให้หยุด

อย่าลืมรักษาสุขภาพร่างกายด้วยครับ เพราะหล่อสวยมันช่วยได้่มาก อิอิ
กินไม่ลง ไม่อยากกิน ก็อัดๆ ยัดๆมันเข้าไป ผ่านไปมื้อๆ อย่าทรมานสังขาร
เลือกสิ่งที่กินด้วยนะครับ เดี๋ยวอ้วนเอาได้ ^^

ยิ่งหาทางเหมือนยิ่งไม่เจอทาง
สับสนว้าวุ่น ชุลมุนไปหมด
หาโอกาสดีดีตอนที่มีสติพร้อม ร่างกายพร้อม วางแผน เลือกปฏิบัติสักทาง
หรือหลายทางแต่แนวคิดเดียวกันดูครับ ดีขึ้นไม่ดีขึ้นค่อยปรับอีกที

สับสน อลหม่าน ไปทั่ว ถามตัวเองจะเอายังไงกันแน่ ^o^
เอาอันนี้ก็ทุกข์ยาว อันนี้ก็ทุข์หนัก ทางไหนก็ทุกข์ๆๆ
ก็ใจมันทุกข์นินา ไอ่ที่หลอกให้ไม่ทุกข์ ก็สุขหลอกๆอยู่สักกี่นาที

ถ้าตอนนี้ผมปกติดี คงไม่มานั่งพิมพ์อย่างนี้ คงไปนอนหลับสุขกายไปแล้วครับ
พิมพ์มาจากทุกข์ ไตร่ตรองเอา เบาๆพอนะครับ

ปกติไม่ชอบอ่านนิยายนะครับ แต่เร่งต้นฉบับหน่อยครับ หลายคนรออาจลงแดง
เขียนแล้วได้ระบายมั่ง รู้สึกดีมั่ง เป็นประโยชน์มั่ง ก็เขียนไป แต่ถ้าทรมานใจก็หยุดพักนะครับ นู๋รอได้ๆ
(อยากอ่านเรื่องต่อไวๆ ^^" เด๋วปั๊ด เก๊าล้อเล่น)

ปล.
เคยคิดไหมครับว่าแต้มไพ่ในมือเขาเหนือกว่า
สีหน้าสายตาเรามันฟ้องว่าเรากลบเกลื่อนไพ่แต้มต่ำไว้
ยอมคว่ำไพ่เก็บชิฟที่เหลือเป็นค่ารถพาใจกลับบ้านดีกว่า
ปล่อยไป ไม่ยินดียินร้าย ยิ้มเข้าไว้ ให้อภัย
เดี๋ยววันที่ชิฟเค้าหาไม่เจอ วันนั้นเค้าก็อาจอยากมา
เราเองอาจที่ไม่อยาก ไม่ต้องไปวังวน ในเกมนั้น
เอาที่แน่นอน และสำคัญที่ทำอยู่ดีกว่า
เราอยู่ได้แบบนิ่งๆ มีค่า มีความสำคัญ
เหมือนวันที่เค้าเจอเราแรกๆ

แรกๆ โอ๊ย โอ๊ย โอ่ย โอ๊ย คิดถึงจัง....
หลังๆ โอ๊ย โอ๊ย เจ้อยากตาย...

ยิ่มหน่อยน่า นะ เผื่อนๆก็เอา :b32:

เป็นกำลังใจให้ครับ


ขอบคุณมากค่ะ สำหรับกำลังใจ คนเราเวลาฟุ้งซ่านมันคิดอะไรได้เลอะเทอะมากค่ะ
เวลาหายฟุ้งซ่าน มาย้อนคิดดู จะงงกึ่ง ๆ อายว่า เราคิดยังงี้ไปได้ไงว้าาา (แต่ตอนนี้ยังไม่หายค่ะ 555)
เห็นคุณ Sound of the Sea ไปตอบกระทู้คนอื่นเยอะแยะ ตอบแบบสบาย ๆ แต่ก้ดูอยากช่วยจริง ๆ
อนุโมทนาด้วยนะคะ ขอให้เจตนาดีทำให้หายจากเรื่องทุกข์ใจไว ๆ ค่ะ
ส่วนนิยาย (นิยายหรอ?) ที่กำลังเขียนอยู่ บางวันก็เกิดความคิดค่ะ ว่าเขียนทำไมว้า ประจานตัวเองชัด ๆ
แต่ยืนยันว่าก่อนเขียนมีเจตนาดีนะคะ นอกจากจะอยากระบายแล้ว ช่วงที่คิดได้ มันเหมือนมองย้อนไป แล้วเห็นความผิดของตัวเองอ่ะค่ะ เลยคิดได้ว่า เอ้อ เพราะเราทำงี้สินะ ผลมันถึงเป็นงี้ แต่ว่าพอเวลาทุกข์มันเข้ามา ตอนนี้หัวตันค่ะ คิดอะไรไม่ออก Onion_no
แต่จะรีบกลับมาอย่างไวค่ะ ขอชาร์ตแบตซักพัก ฮึบๆๆๆ rolleyes
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 11:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธฏีกา เขียน:
อาจไม่ตรงนัก แต่เอาไว้เป็นข้อมูลในการเขียนก็ได้นะครับ
หรือหากได้มีโอกาสพิจารณาดีๆ อาจได้วิธีละคลายความเมา
ความประมาทที่มีก็ได้ ลองพิจารณา


ขอบพระคุณท่านพุทธฏีกาค่ะ ไม่ตรงไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้อ่านได้หมดค่ะ

พุทธฏีกา เขียน:
ข้อ๑) การจะเขียนเรื่องราวกล่อมเกลา(หรือมัวเมาไม่รู้)ในเรื่องความรัก ช่วยจรรโลง
จิตใจยกระดับสติ ผ่อนคลายความหลงให้คนอื่น แล้วหวังว่าแฟนจะกลับมาเพราะสิ่ง
ที่เราทำคล้ายๆ กับว่ามีบุญมีความสบายอกสบายใจแล้วทำให้ ความคาดหวังของเรา
ประสบความสำเร็จ พุทธฏีกานึกถึง นักเขียนที่หลอกตัวเอง หลงอยู่ในโลกของตัวเอง
เหมือนคนตาบอดสี วาดสายรุ้งอธิบายให้คนตาบอด อะไรประมาณนั้น


หนูต้องกราบขออภัยด้วยค่ะ หากเรื่องที่หนูเขียนอาจจะเป็นการทำให้เกิดการมัวเมาในความรัก
หนูยอมรับว่าอยากเขียนเพื่อระบายเป็นส่วนหนึ่งค่ะ แต่หนูก็คาดหวังจะช่วยคนที่ประสบทุกข์เหมือน ๆ กับหนูค่ะ อยากเขียนให้ออกแนวอ่านเพลิน ๆ แต่ได้ข้อคิดอะไรบ้าง หนูคิดว่าคนเราพอได้เห็นความทุกข์ของคนอื่น จะรู้สึกดีขึ้น ว่าตัวเองไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว แต่พอยิ่งเขียนตอนนี้หนูก็หาทางไปไม่ถูก ว่าการที่หนูเขียนมันจะช่วยคนอื่นได้จริงรึเปล่า หรือเป็นการทำให้หนูยิ่งคิดมากกันแน่
กราบขออภัยพระคุณเจ้าด้วยค่ะ หากทำการไม่สมควรค่ะ

พุทธฏีกา เขียน:
ข้อ๒)ไม่มีหรอกนะครับ ที่ฟังชั่นของศีลศรัทธาจาคะปัญญา ถ้ามากกว่าโดดเด่นกว่าจะทำให้
ใครคนใดคนหนึ่งต้องแยกจากกันเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วจะมีก็แต่ ด้วยเหตุด้วยผลอื่นๆ
ไม่ใช่เพราะฟังชั่นเหล่านี้ ยิ่งต่างฝ่าย(กรณีที่ รักกันมีกันและกันจริง ไม่ปิตหูปิดตายืนกระ-
ต่ายขาเดียว) ต่างยิ่งมีฟังชั่นนี้เท่าไหร่ ทั้งสองก็ยิ่งจะมีแต่ปรองดองเกื้อกูลกันและกันมาก
ยิ่่งขึ้นไปเท่านั้น ผิดกับ ดอกไม้ที่เอาไปทาบกิ่งติดตา ไม่ได้เกิดจาก ความรักความศรัทธา
ร่วมกันโดยแท้จริง ก็ไม่มีวัน เ่บ่งบานแ่น่นอน

สรุปคือจากเหตุผลอื่น ๆ นอกเหนือจากฟังก์ชั่นเหล่านี้ เป็นสิ่งที่หนูไม่สมารถควบคุมได้ แก้ไขไม่ได้
การที่หนูทำอยู่ก็เหมือนพยายามเอาดอกไม้ปลอมไปทาบกับกิ่งไม้ ทำอย่างไรก็ไม่มีทางงอก เจริญเป็นกิ่งใหม่ได้ ใช่มั๊ยคะ

พุทธฏีกา เขียน:
ข้อ๓)ถึงตรงนี้ คงจะตอบคำถามตัวเองในหลายๆ เรื่องได้้บ้าง ว่าแท้จริงแล้วเรานั้นต้องการ
ดับทุกข์ เข้าใจทุกข์ หรือเพียงกลบเกลื่อนความทุกข์ หนีทุกข์ หลบทุกข์ไปวันๆ ธรรมะเป็น
เรื่องธรรมชาติง่ายๆ ไม่สับสนซับซ้อน เหมือนแสงอาทิตย์ ที่ให้ชีวิตกับดอกไม้ ถ้าวันนี้เรา
เป็นดอกทาบกื่งติดตา พอเช้ามาอาทิตย์ฉายแสง โยมคิดว่า ดอกที่ไม่แท้ที่เกิดจากความไม่รู้
เกิดจากความหลง ความสงสัย ไม่มีโอกาสพัฒนาฟังชั่นร่วมกับใครที่เป็นรักเป็นศรัทธาแท้
ดอกทาบกิ่งนี้จะไปสู่ ดอกที่มีฟังชั่นของศีลศรัทธาจาคะปัญญาแท้ด้วยตัวมันเอง(มีใครที่จริง-
จังจริงใจพร้อมพัฒนาไปด้วยกันจริง) ดอกทาบกิ่ง กับดอกแท้ ดอกไหนจะเบิกบานเติบโตกว่า
กันเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ธรรมะฉันใดก็ฉันนั้นเหมือนกัน ทำให้เราเข้าใจความจริงยอมรับความ
จริง ไม่หลงสงสัย เข้าใจในสิ่งต่างๆ ตลอดถึง ตนเองตัวเองอย่างชัดเจน

หนูจะพยายามพัฒนาตัวเองให้เป็นดอกแท้ค่ะ เพื่อรอคอยกิ่งแท้ที่เหมาะสมต่อไป ขอบพระคุณพระคุณเจ้ามากค่ะ ที่กรุณาแนะนำหนู

พุทธฏีกา เขียน:
ยาพ่นยาฆ่าแมลงชุดนี้อาจแรงไปหน่อย แต่หวังว่า ดอกทาบกิ่งติดตานี้จะ แห้งตายไปเองช้าๆ
ไม่ไปทาบกิ่งติดตาผิดที่ผิดทางอีก ให้กลายเป็นอาหารของปถวีของดิน เน่าสลายกลายเป็น
แร่ธาตุอาหาร ถือกำเนิดเกิดใหม่ แล้วได้กลายเป็นดอกไม้ที่มีฟังชั่น(มีคนที่มีศีลศรัทธาจาคะ-
ปัญญา)ที่พร้อมพัฒนาศรัทธาเติบโตเองโดยแท้จากต้นจากรากจากใบจริงๆ

แรงจริงค่ะ หนูยอมรับ แต่เค้าว่ากันว่าคำพูดยิ่งแรง คนฟังจะยิ่งฝังใจ ทำให้ไม่ลืมค่ะ
ขอบพระคุณความกรุณาของพระคุณเจ้าอีกครั้งค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 13:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาสาธุ ฉีดยาฆ่าแมลงแล้ว ก็มาตัดแต่งให้้น้ำทนุถนอม
สักหน่อย อยู่วัดไม่รู้เรียกอะไร อยู่บ้านเรียก(ตบหัวแล้วลูบหลัง 55) :b43:

อ้างคำพูด:
หนูต้องกราบขออภัยด้วยค่ะ หากเรื่องที่หนูเขียนอาจจะเป็นการทำให้เกิดการมัวเมาในความรัก
หนูยอมรับว่าอยากเขียนเพื่อระบายเป็นส่วนหนึ่งค่ะ แต่หนูก็คาดหวังจะช่วยคนที่ประสบทุกข์เหมือน ๆ กับหนูค่ะ อยากเขียนให้ออกแนวอ่านเพลิน ๆ แต่ได้ข้อคิดอะไรบ้าง หนูคิดว่าคนเราพอได้เห็นความทุกข์ของคนอื่น จะรู้สึกดีขึ้น ว่าตัวเองไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว แต่พอยิ่งเขียนตอนนี้หนูก็หาทางไปไม่ถูก ว่าการที่หนูเขียนมันจะช่วยคนอื่นได้จริงรึเปล่า หรือเป็นการทำให้หนูยิ่งคิดมากกันแน่

นั่นนะสิ สาธุ ไม่ได้เบรคสิ่งที่เขียนนะ พุทธฏีกาหรือหลวงพี่ก็เคยเป็น :b9:
พระท่านบอกว่า คนที่จะช่วยคนที่จมอยู่ในบ่อน้ำ ต้องเป็นคนที่ขึ้นมาจากบ่อแล้วเท่านั้น
ถ้าคนที่ยังค้างอยู่ปากบ่อครึ่งตัว ระหว่างที่จะถูกดึงลงไป กับดึงคนในบ่อขึ้นมาโอกาสอย่างไหน
จะเกิดขึ้นได้มากกว่า เป็นไปได้ทั้งสองทางถูกไหม

แล้วถ้ายังจมอยู่ด้วยกันละ เราสามารถช่วยคนที่จมอยู่เสมอๆ กับเราได้ข้อนี้เป็นไปได้
มากน้อยเพียงใดก็ลองพิจารณา ประสบการณ์นะ จะตกผลึกอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด
ของแต่ละบุคคล การที่หนูเขียนก็เห็นด้วยสนับสนุน และควรเว้นบรรทัด ช่องห่างกว่านี้
หน่อยก็จะดี เรื่องมีเพื่อนไม่ต้องห่วง 55 เพราะโลกนี้มีตัณหาพาไป พูดประโยคใหม่
ตามพระท่านก็เรียกว่า โลกนี้อยู่ได้ด้วยความรัก มีความรักพาไป 55

นี้ไงข้อพิสูจน์ที่ว่าพวกเราเป็นเพื่อน เกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ <---- ด้วยเรื่องเดียวกัน
คือรักสุขเกลียดทุกข์เหมือนๆ กัน คนที่ทุกข์มักจะ ลืมหมด ลืมข้าวลืมปลา ลืมหน้าพ่อ
ลืมแม่ ลืมตัวเอง ลืมลมหายใจ นึกได้อย่างเดียวคือ "เค้า" กรณียังรัก หรือ
นึกได้อย่างเดียวคือ "มัน" กรณียังแค้น หรือทั้งรักทั้งแค้น 55

แปลว่าพวกที่ถูกตัณหาความรักพาไป หรือหากคุณทุกข์อยู่ ไม่ได้อยู่คนเดียวแน่นอน
คือมีหนู มีหลวงพี่ มีคนอื่นๆ ที่เคยทุกข์มาก่อนเป็นเพื่อนทั้งนั้นแหละ

ที่นี้กลับมาที่เรื่องช่วยตัวเองก่อน ถ้าเรายังพะงาบๆ ค้างอยู่กลางบ่อเป็นประเภท
ครึ่งบกครึ้งน้ำ (เดี่ยวมีสติ เีดี๋ยวขาดสติ) ขอบอกเลย หลวงพี่ผ่านมาเพราะจมมาก่อน
ค้างคาบ่อมาก่อน แล้วก็ช่วยเหลือตนเองพร้อมคนอื่นไปด้วย สิ่งที่หนูทำถูกต้องแล้วดี
แล้วละนะ ไม่ได้เบรคหรือขัดนะ เห็นด้วย แต่ต้องพาตัวเองขึ้นไปพ้นจากบ่อไปก่อนจริงๆ
หัวจิตหัวใจได้รับการบรรเทาแล้ว คือพร้อมแล้ว ไม่ใช่แค่ "ฮาโหลเป็นไงบ้างสบายดีนะ"
แค่นี้ก็เล่นเอา ไปต่อไม่ได้ทำอะไรไม่เป็นแบบนี้ ลงน้ำนะสิ 55

ค่อยๆ เขียนดีแล้วละนะ แต่ต้องแบ่งเวลามาเจริญสติ ดูจิตดูใจไม่หลอกตัวเอง หรือพาตัว
เองหลงไปกับ อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ในกระทู้ที่แปะไว้ให้ หลวงพี่ไปโพสต์เรื่องฆ่ามังกร
หรือเรื่องจับต้นต่อ จับอารมณ์ที่บงการ กำกับบทบาทการแสดงเราอยู่เบื้องหลัง

ตรงนี้แหละเป็นการอบรมเจริญสติ ที่จะช่วยให้เรา ไม่หวั่นไหว ดูแลจิตใจตัวเองได้จริงๆ
ตรงนี้พัฒนาเมื่อไหร่ ฟังก์ชั่นที่คนเราจะอยู่ร่วมกันได้ ก็จะเกิดขึ้น เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม หนู
ก็จะมองออกมองเห็น เขาหรือใครคนนั้น มีศีลซื่อสัตย์จริงใจ มีศรัทธาความเชื่อ ความรัก
ความมั่นใจในเราแค่ไหน มีจาคะ มีความเสียสละ ทั้งกายใจทุ่มเทรักเราอย่างจริงใจแท้จริง
มีปัญญา คือทัศนคติความคิดความอ่านเป็นไปในทิศทางเดียวกับเราหรือไม่

ปัญญาตรงนี้จะบอกเราอีกต่างหากว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีพบมีพรากมีวัน
เริ่มก็ต้องมีจุดจบ แล้วก็วนเวียนดำเนินไปไม่สิ้นสุดอย่างนี้ เพราะเมื่อทุกสิ่งไม่เป็นไปตาม
ที่เราคิดเราหวัง เราจะได้ไม่พยายาม เอาดอกที่ไม่ได้โตขึ้นเองจากรากจากใบ ไปต่อกับกิ่ง
ที่มันไม่ใช่ พยายามไปก็เป็นเรื่อง หลอกเรื่องหลง เรื่องไม่รู้สึกตัวเสียมากกว่า

หลวงพี่เห็นว่าเราเองก็เข้าใจแล้วก็อนุโมทนา

เช่นเป็นเหตุเป็นปัจจัยภายนอกที่บังคับไม่ได้จริงๆ ก็ขนาดเหตุปัจจัยภายใน ตัวเราเองใจเรา
เองยังบังคับไม่ให้ฟุ้ง ไม่ให้หวั่นไหวยังไม่ได้ ถ้าับังคับตัวเองได้ ก็ต้องสั่งมันไม่ให้รักไม่ให้
หลงไม่หวั่นไหวได้นะสิ ก็ขนาดปัจจัยภายในเราเองยังบังคับไม่ได้ แล้วเหตุปัจจัยภายนอกใน
คนอื่น ใจคนอื่น เป็นไปได้ไหมที่เราจะไปบังคับ คาดหวังให้ ใช่ในเมื่อมันไม่ใช่ ก็คล้ายๆ กับ
เรื่องติดดอกต่อตาของดอกไม้อะนะ ความจริงก็คือความจริง

ยังมีอีกหลายอย่าง เกรงว่าสำคัญกว่าเรื่อง "เค้าหรือมัน" คือเรื่องอนาคตเรื่องเรียน ต่อไปนี้
ใครจะเข้ามา หรือเราจะไปหา ก็ต้องดูดีๆ สังเกตุใจเค้า ใจเราเองดีๆ

อะวันนี้คงพอแค่นี้ก่อน เดียวมีแมลงมารบกวน ทำแกว่งทำฟุ้งเมื่่อไหร่เดียวจะมาบริการ
กำจัดให้ใหม่ ค่อยๆ สังเกตุจิตสังเกตุใจดีๆ นะ ทุกข์และความดับทุกข์อยู่ตรงใจเราี่นี่เอง
เอาใจช่วย ขอเจริญพร

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 14:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธฏีกา เขียน:
อนุโมทนาสาธุ ฉีดยาฆ่าแมลงแล้ว ก็มาตัดแต่งให้้น้ำทนุถนอม
สักหน่อย อยู่วัดไม่รู้เรียกอะไร อยู่บ้านเรียก(ตบหัวแล้วลูบหลัง 55) :b43:

กราบขอบพระคุณหลวงพี่มากค่ะ ที่กรุณาลูบหลัง หนูเป็นเด็กภูมิต้านทานต่ำด้วย ยาฆ่าแมลงอย่างเดียว กว่าจะฟื้นจากฤทธิยาอาจจะนานหน่อย ถ้ามีการให้น้ำตกแต่งเล็กน้อย อาจจะฟื้นไวขึ้นค่ะ

พุทธฏีกา เขียน:
พระท่านบอกว่า คนที่จะช่วยคนที่จมอยู่ในบ่อน้ำ ต้องเป็นคนที่ขึ้นมาจากบ่อแล้วเท่านั้น ถ้าคนที่ยังค้างอยู่ปากบ่อครึ่งตัว ระหว่างที่จะถูกดึงลงไป กับดึงคนในบ่อขึ้นมาโอกาสอย่างไหน
จะเกิดขึ้นได้มากกว่า เป็นไปได้ทั้งสองทางถูกไหม

ค่ะ ตอนนี้หนูเปรียบเหมือนคนที่อยู่ในบ่อ เห็นคนที่เค้ากำลังปีนจะขึ้นปากบ่อได้แล้ว ก็อยากทำได้บ้าง
แต่กำลังจะเริ่มปีนได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็นึกว่าตัวเองแน่ หันไปฉุดเพื่อนในบ่อขึ้นมาอีก ตอนนี้เลยลื่นตกกลับไปอยู่ในบ่อตามเดิมแล้วค่ะ 555 อวดเก่งดีนัก!


พุทธฏีกา เขียน:
แปลว่าพวกที่ถูกตัณหาความรักพาไป หรือหากคุณทุกข์อยู่ ไม่ได้อยู่คนเดียวแน่นอน คือมีหนู มีหลวงพี่ มีคนอื่นๆ ที่เคยทุกข์มาก่อนเป็นเพื่อนทั้งนั้นแหละ

ขอบคุณค่า แต่ตอนนี้หนูอยากเปลี่ยนสถานะเป็นคนเคยทุกข์ แล้วก็พาคนที่มีความทุกข์คนอื่น ๆ มาเปลี่ยนสภาพจาก"กำลัง"ทุกข์ เป็น "เคย"ทุกข์ ให้เยอะ ๆ น่ะค่ะ ขอให้หนูทำได้ด้วยเถิ๊ดดด

พุทธฏีกา เขียน:
ค่อยๆ เขียนดีแล้วละนะ แต่ต้องแบ่งเวลามาเจริญสติ ดูจิตดูใจไม่หลอกตัวเอง หรือพาตัว เองหลงไปกับ อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด

เวลาที่หนูเจริญสติ ช่วงแรกหนูรู้สึกดีมากเลยค่ะ แถมพอรู้สึกดี หนูก็คิดได้ว่า ตอนนี้รู้สึกดี ซึ่งก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เที่ยง เดี๋ยวก็ดับลงไปอีก วันนั้นที่หนูคิดได้ หนูดีใจมากเลยค่ะ
แต่พอวันถัดมาเท่านั้น อยู่ ๆ หนูก็คิดไม่ได้เหมือนเดิม ทำไมการคิดได้ ได้สติของคนเรา มันไม่เหมือนการฝึกขับรถ ฝึกว่ายน้ำก็ไม่ทราบนะคะหลวงพี่ การฝึกพวกนั้นถ้าทำได้แล้วก็จะไม่มีวันลืม แต่การฝึกจิต หนูคิดว่าหนูทำได้แล้ว หนูก็แอบลำพองใจนิดหน่อย ว่าต่อไปหนูคงไม่ต้องทุกข์แล้ว หนูจะไปเขียนบอกคนอื่น ว่าหนูคิดยังไงถึงทำได้ แต่พอหนูตั้งใจอย่างงั้น หนูกลับลืมความรู้สึกที่ทำได้ไปหมดเลยค่ะ แล้วกลับมาเศร้า หดหู่กว่าเดิมอีกค่ะ


พุทธฏีกา เขียน:
ตรงนี้แหละเป็นการอบรมเจริญสติ ที่จะช่วยให้เรา ไม่หวั่นไหว ดูแลจิตใจตัวเองได้จริงๆ ตรงนี้พัฒนาเมื่อไหร่ ฟังก์ชั่นที่คนเราจะอยู่ร่วมกันได้ ก็จะเกิดขึ้น เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม หนู
ก็จะมองออกมองเห็น เขาหรือใครคนนั้น มีศีลซื่อสัตย์จริงใจ มีศรัทธาความเชื่อ ความรัก
ความมั่นใจในเราแค่ไหน มีจาคะ มีความเสียสละ ทั้งกายใจทุ่มเทรักเราอย่างจริงใจแท้จริง
มีปัญญา คือทัศนคติความคิดความอ่านเป็นไปในทิศทางเดียวกับเราหรือไม่

หนูจะพยายามเพียรปฏิบัติจนกว่าจะมีวันนั้นค่ะหลวงพี่ ขออนุญาตกราบขอคำปรึกษาหลวงพี่เป็นครั้งคราวนะคะ หนูทราบมาว่าการเจิรญสติด้วยตนเองนั้นสามารถทำได้ แต่ด้วยสติปัญญาของหนู หนูเกรงว่าจะไปผิดทางซะก่อนน่ะค่ะ การมีอาจารย์ดี อาจจะทำให้หนูมีปัญหาเห็นปัญหาและพบทางแก้ได้เร็วขึ้นค่ะ

พุทธฏีกา เขียน:
ยังมีอีกหลายอย่าง เกรงว่าสำคัญกว่าเรื่อง "เค้าหรือมัน" คือเรื่องอนาคตเรื่องเรียน ต่อไปนี้ ใครจะเข้ามา หรือเราจะไปหา ก็ต้องดูดีๆ สังเกตุใจเค้า ใจเราเองดีๆ
อะวันนี้คงพอแค่นี้ก่อน เดียวมีแมลงมารบกวน ทำแกว่งทำฟุ้งเมื่่อไหร่เดียวจะมาบริการ
กำจัดให้ใหม่ ค่อยๆ สังเกตุจิตสังเกตุใจดีๆ นะ ทุกข์และความดับทุกข์อยู่ตรงใจเราี่นี่เอง
เอาใจช่วย ขอเจริญพร

หนูก็อยากเอาเวลาไปใส่ใจเรื่องเรียนจริงจังซักทีค่ะหลวงพี่ เรียนมานาน อยากจบไปทำงานทำการ หาเงินมาเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่บ้างค่ะ กราบขอบพระคุณคำสอนของหลวงพี่มากนะคะ หนูเห็นจากคำตอบ รู้ได้เลยค่ะว่า หลวงพี่ตั้งใจอ่านคำถามของแต่ละคนอย่างตั้งใจจริง ไม่ได้อ่านผ่าน ๆ หนูขออนุโมทนาในความเมตตา และกรุณาของหลวงพี่ด้วยค่ะ (หนูไม่ค่อยได้พูดคุยกับพระสงฆ์มากนัก ถ้าหนูใช้คำไม่เหมาะสม หรือพูดผิดไปตรงไหน หนูต้องกราบขอโทษด้วยนะคะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 14:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


หลังจากเริ่มเจริญสติ นั่งสมาธิมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็หลงคิดว่าตัวเองแน่แล้ว
เลิกเศร้าได้แล้ว ไม่ร้องไห้มาสองอาทิตย์
แต่พอวันนี้เหมือนตกกลับมาจุดเดิม สาเหตุไม่มีอะไรเลยค่ะ เพราะใจตัวเองคิดไปเองเพียงคนเดียว
คิดถึงเรื่องในอดีต คิดถึงคำสัญญา จินตนาการไปเองว่าเค้ากำลังมีความสุขกับคนใหม่
ผลคือ จากที่เก็บกด ไม่ร้องไห้อยู่นาน เพราะคิดว่าตัดได้แล้ว กลายเป็นว่า แค่เก็บกดเอาไว้
วันนี้เลยเหมือนปลดปล่อยออกมาหมดเลย ร้องไห้อีกจนได้ค่ะ
พอหยุดร้อง ได้อ่านคำสอนของหลวงพี่พุทธฏีกา ก็ร้องอีกรอบค่ะ
แต่คราวนี้ไม่ได้ร้องเพราะความเสียใจ แต่ร้องเพราะซึ้งใจในคำสอน และร้องเพราะน้อยใจในความโง่เง่าและถือดีของตัวเองค่ะ นึกว่าเก่ง ทำได้แล้ว ต่อไปจะพยายามนับหนึ่งใหม่อีกครั้งค่ะ
ไม่ว่าจะล้มใหม่อีกกี่ครั้ง ก็จะไม่ท้อ จะฮึดนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งไป
ขอให้ทุกคนที่มีความทุกข์ อย่าท้อนะคะ สู้ ๆ ค่ะ rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 22:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 14:47
โพสต์: 31

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: 7 เดือนบรรลุธรรม
อายุ: 0
ที่อยู่: หุบเขาไร้รัก

 ข้อมูลส่วนตัว


กราบอนุโมทนาสาธุ ค่ะ ตุ๊

สาธุ...สาธุ...สาธุ

:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

และขอเป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ ^^

.....................................................
เพียงพบพาน เพื่อผ่านภพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 02:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


หุบเขาไร้รัก เขียน:
กราบอนุโมทนาสาธุ ค่ะ ตุ๊

สาธุ...สาธุ...สาธุ

:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

และขอเป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ ^^


ขอบคุณมากค่ะ :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 10:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 13:12
โพสต์: 14


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ เพราะเมื่อเดือนที่แล้วตัวเองก็เป็นแบบนี้ค่ะ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นบ้างค่ะ แม้จะอยากให้อะไรๆ เหมือนเดิม แต่ก็ทำได้แค่อยาก สู้ๆ นะคะสักวันคงเป็นของเรา มีคนเคยบอกว่า กรรมทำให้เราต้องมาเจอกันและก็ไม่รู้ว่าจะต้องกลับมาเจอกันอีกมั้ย ขอให้มีสติเตรียมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ได้ แล้วเราจะผ่านไปได้ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 12:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


indy เขียน:
เป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ เพราะเมื่อเดือนที่แล้วตัวเองก็เป็นแบบนี้ค่ะ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นบ้างค่ะ แม้จะอยากให้อะไรๆ เหมือนเดิม แต่ก็ทำได้แค่อยาก สู้ๆ นะคะสักวันคงเป็นของเรา มีคนเคยบอกว่า กรรมทำให้เราต้องมาเจอกันและก็ไม่รู้ว่าจะต้องกลับมาเจอกันอีกมั้ย ขอให้มีสติเตรียมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ได้ แล้วเราจะผ่านไปได้ค่ะ


ขอบคุณมากค่ะ สำหรับกำลังใจ วันนี้ก็กำลังพยายามอยู่อีกวันค่ะ
ถึงจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทุกวัน แต่ก็จะพยายามต่อไปค่ะ onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 16:30
โพสต์: 74

ชื่อเล่น: ใบเฟิร์น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Fa_Bluesky เขียน:
หลังจากเริ่มเจริญสติ นั่งสมาธิมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็หลงคิดว่าตัวเองแน่แล้ว
เลิกเศร้าได้แล้ว ไม่ร้องไห้มาสองอาทิตย์
แต่พอวันนี้เหมือนตกกลับมาจุดเดิม สาเหตุไม่มีอะไรเลยค่ะ เพราะใจตัวเองคิดไปเองเพียงคนเดียว
คิดถึงเรื่องในอดีต คิดถึงคำสัญญา จินตนาการไปเองว่าเค้ากำลังมีความสุขกับคนใหม่
ผลคือ จากที่เก็บกด ไม่ร้องไห้อยู่นาน เพราะคิดว่าตัดได้แล้ว กลายเป็นว่า แค่เก็บกดเอาไว้
วันนี้เลยเหมือนปลดปล่อยออกมาหมดเลย ร้องไห้อีกจนได้ค่ะ
พอหยุดร้อง ได้อ่านคำสอนของหลวงพี่พุทธฏีกา ก็ร้องอีกรอบค่ะ
แต่คราวนี้ไม่ได้ร้องเพราะความเสียใจ แต่ร้องเพราะซึ้งใจในคำสอน และร้องเพราะน้อยใจในความโง่เง่าและถือดีของตัวเองค่ะ นึกว่าเก่ง ทำได้แล้ว ต่อไปจะพยายามนับหนึ่งใหม่อีกครั้งค่ะ
ไม่ว่าจะล้มใหม่อีกกี่ครั้ง ก็จะไม่ท้อ จะฮึดนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งไป
ขอให้ทุกคนที่มีความทุกข์ อย่าท้อนะคะ สู้ ๆ ค่ะ rolleyes


สู้ๆนะค่ะ..สาเหตุที่ทุกข์ก็เพราะใจเราไปคิดไปแต่งขึ้นมาเอง ช่วงนี้เราก็ดีขึ้นกว่าเดือนที่แล้วเยอะ เวลาก็อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเราได้ แต่เคยมีคนบอกว่า ถ้าตัวเองไม่รู้จักให้กำลังใจตัวเอง ต่อให้เวลามีมากแค่ไหนก็ไม่พอหรอก..เราก็พยายามคิดว่าเราไม่ใช่คู่กัน ถ้าคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 11:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


baifearn02 เขียน:
สู้ๆนะค่ะ..สาเหตุที่ทุกข์ก็เพราะใจเราไปคิดไปแต่งขึ้นมาเอง ช่วงนี้เราก็ดีขึ้นกว่าเดือนที่แล้วเยอะ เวลาก็อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเราได้ แต่เคยมีคนบอกว่า ถ้าตัวเองไม่รู้จักให้กำลังใจตัวเอง ต่อให้เวลามีมากแค่ไหนก็ไม่พอหรอก..เราก็พยายามคิดว่าเราไม่ใช่คู่กัน ถ้าคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอก


ขอบคุณมากค่ะ คุณใบเฟิร์น ตอนแรกก็พยายามคิดว่า คู่แล้ว ไม่แคล้วกันค่ะ
แต่พอคิดอีกที เราจะไม่พยายามหน่อยหรอ ถ้าเราอยากได้เค้ามาเป็นคู่จริง ๆ
แต่พอเริ่มจะพยายาม (ในแบบของเรา) ก็แอบคิดว่า คนนี้เค้ามีค่าคู่ควรกับความพยายามของเราจริง ๆ หรอ
สรุปตอนนี้คือ ที่พยายามไป ไม่มีผลอะไรกับเค้า เราต้องกลับมารักษาใจตัวเอง กลับมาอยู่จุดเดิมเลยค่ะ กลับมาทำใจใหม่ อยากให้มีไทม์แมชชีน เวลาผ่านไปเร็ว ๆ ข้ามไปถึงตอนที่เราจะบอกคนอื่นได้ว่า เฮ้ย ไม่เป็นไรแล้ว ทำใจได้แล้วว ซะที อ่ะจ้า Kiss


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร