วันเวลาปัจจุบัน 04 มิ.ย. 2025, 06:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 14:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว





ตราบใด มนุษย์ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาพื้นฐานแห่งชีวิตของตน ยังวางตัววางใจหาที่ลงไม่ได้กับทุกข์ถึงขั้นตัวสภาวะ
ตราบนั้น มนุษย์ก็จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ยังหลีกไม่พ้นการตามรังควาญของทุกข์ ไม่ว่าจะพบสุขขนาดไหน และจะยังไม่ประสบความสุขที่แท้จริง ซึ่งเต็มอิ่ม สมบูรณ์ในตัว และจบบริบูรณ์ลงที่ความพึงพอใจ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญหาของมนุษย์ มีต่างๆมากมาย เมื่อกล่าวให้สั้น ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับดี - ชั่ว หรือดี – ร้าย และสุข-ทุกข์
ถ้าพูดรวบรัดลงไปอีก ก็รวมลงในคำเดียว คือ ทุกข์

แม้ที่พูดว่า มีชีวิตอยู่เพื่อหาความสุข ก็เป็นการบ่งถึงทุกข์อยู่ในตัว และทุกข์นั้นยังอาจส่งผลเกี่ยวข้องถึงความดีความชั่ว และสุขทุกข์ต่อไปอีกหลายชั้นด้วย

เริ่มแรก การหาความสุขก็แสดงอยู่ในตัวถึงความขาดแคลนบกพร่อง ความบีบคั้นกระวนกระวายหรือภาวะไร้ความสุขอยู่ภายใน ซึ่งเรียกสั้นๆว่า มีทุกข์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 14:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกายเขียน

อ้างคำพูด:
ตราบใด มนุษย์ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาพื้นฐานแห่งชีวิตของตน ยังวางตัววางใจหาที่ลงไม่ได้กับทุกข์ถึงขั้นตัวสภาวะ
ตราบนั้น มนุษย์ก็จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ยังหลีกไม่พ้นการตามรังควาญของทุกข์ ไม่ว่าจะพบสุขขนาดไหน และจะยังไม่ประสบความสุขที่แท้จริง ซึ่งเต็มอิ่ม สมบูรณ์ในตัว และจบบริบูรณ์ลงที่ความพึงพอใจ


ตอนนี้เราอยากจะเจอกับความสุขที่แท้จริงของชีวิต จริงๆเลยค่ะ
ความสุขที่แท้จริงของชีวิตเป็นแบบไหน ตอนนี้เราก็พยายามที่จะใช้ชีวิตอยู่กับลมหายใจเข้า-ออก
แต่พอต้องมารับรู้กับโลกของแสงสี สุขนั้นก็หายไป

ช่วงที่เราเงียบๆไป ไม่มาคุยในเว็บฯเลย เพราะว่าเราจะหาว่า
ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์นั้นอยู่ที่ไหน

ตอนนี้สิ่งที่เรายึดติดอยู่คือลูกเท่านั้น ที่ทำใจปล่อยวางไม่ได้
ได้แต่รอให้พวกเค้าโตรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ เราก็คงจะไม่ยึดติดกับอะไรทั้งนั้น

แต่พอถึงเวลานั้น เราก็ยังไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสหาเจอหรือไม่
กับคำว่า "ความสุขที่แท้จริงของชีวิตเป็นแบบไหน" อยากได้คำตอบ คำนี้จริงๆค่ะ

ความสุขที่แท้จริง ในโลกนี้มีจริงๆหรือปล่าวค่ะ ?
หรือเป็นแค่คำพูด กับการเขียนเป็นตัวหนังสือออกมาแค่นั้น
เราจะได้หยุดกับการตามหา

กับคำว่า"ความสุขที่แท้จริงของชีวิต"ซะที :b41: :b55: :b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 14:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญหาเกิดจากมนุษย์มีทุกข์อยู่แล้ว แต่แก้ไขทุกข์ไม่ถูกต้อง จึงระบายทุกข์นั้นออกไป ทำให้ทุกข์กระจาย เพิ่มขยายปัญหาทั้งแก่ตนและผู้อื่น ด้วยความเป็นไปเช่นนี้ ทุกข์ที่เป็นสภาวะติดเนื่องมากับความเป็นสังขารของชีวิต หรือทุกข์ตามธรรมดาของธรรมชาติ แทนที่จะถูกแก้ไข กลับถูกละเลยมองข้ามหรือปิดกลบไว้เสีย แล้วสุขทุกข์และปัญหาต่างๆ ชนิดทีเกิดจากฝีมือเสกสรรผันพิสดารของมนุษย์ก็เกิดประดังพรั่งพรูวิจิตรนานัปการ จนแทบจะบดบังให้มนุษย์ลืมปัญหาพื้นฐานของชีวิตเสียทีเดียว

บางคราว มนุษย์เองยังคิดหลงไปด้วยซ้ำว่า หากลืมมองปัญหาพื้นฐานของชีวิตนั้นเสียได้ ก็จะสามารถหลุดพ้นไปจากความทุกข์ และชีวิตก็จะมีความสุข

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ความจริงยังคงยืนยันอยู่ว่า ตราบใด มนุษย์ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาพื้นฐานแห่งชีวิตของตน ยังวางตัววางใจหาที่ลงไม่ได้กับทุกข์ถึงขั้นตัวสภาวะ
ตราบนั้น มนุษย์ก็จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ยังหลีกไม่พ้นการตามรังควาญของทุกข์ ไม่ว่าจะพบสุขขนาดไหน และจะยังไม่ประสบความสุขที่แท้จริง ซึ่งเต็มอิ่ม สมบูรณ์ในตัว และจบบริบูรณ์ลงที่ความพึงพอใจ ซ้ำร้าย ทุกข์พื้นฐานที่หลบเลี่ยงและยังไม่ได้แก้นั้น กลับจะกลายเป็นเงื่อนปมซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง คอยส่งอิทธิพลออกมาบีบคั้นรุนเร้าให้การแสวงหา และเสวยสุขต่างๆ เป็นไปอย่างเร้าร้อนกระวนกระวาย ไม่รู้จักเต็มอิ่ม และไม่มีความแน่ใจจริง พร้อมทั้งส่งผลในทางจริยธรรมเกี่ยวกับความดีความชั่วให้รุนแรงยิ่งขึ้นด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:

ตอนนี้เราอยากจะเจอกับความสุขที่แท้จริงของชีวิต จริงๆเลยค่ะ
ความสุขที่แท้จริงของชีวิตเป็นแบบไหน ตอนนี้เราก็พยายามที่จะใช้ชีวิตอยู่กับลมหายใจเข้า-ออก
แต่พอต้องมารับรู้กับโลกของแสงสี สุขนั้นก็หายไป

ช่วงที่เราเงียบๆไป ไม่มาคุยในเว็บฯเลย เพราะว่าเราจะหาว่า
ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์นั้นอยู่ที่ไหน

ตอนนี้สิ่งที่เรายึดติดอยู่คือลูกเท่านั้น ที่ทำใจปล่อยวางไม่ได้
ได้แต่รอให้พวกเค้าโตรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ เราก็คงจะไม่ยึดติดกับอะไรทั้งนั้น

แต่พอถึงเวลานั้น เราก็ยังไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสหาเจอหรือไม่
กับคำว่า "ความสุขที่แท้จริงของชีวิตเป็นแบบไหน" อยากได้คำตอบ คำนี้จริงๆค่ะ

ความสุขที่แท้จริง ในโลกนี้มีจริงๆหรือปล่าวค่ะ ?
หรือเป็นแค่คำพูด กับการเขียนเป็นตัวหนังสือออกมาแค่นั้น
เราจะได้หยุดกับการตามหา

กับคำว่า"ความสุขที่แท้จริงของชีวิต"ซะที


ตอนนี้สิ่งที่เรายึดติดอยู่คือลูกเท่านั้น ที่ทำใจปล่อยวางไม่ได้
ได้แต่รอให้พวกเค้าโตรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ เราก็คงจะไม่ยึดติดกับอะไรทั้งนั้น


คิดปล่อยวางแบบนั้น สมมุติว่า ปล่อยวางลูกเพราะโตแล้วได้ ก็ติดหลาน ติดเหลน ติดโหลนอีกครับ :b1: :b12: ปล่อยวางใจ ไม่ใช่ปล่อยวางงาน หรือปล่อยวางหน้าที่ ต้นแบบคือพระพุทธเจ้า ท่านวางใจ แต่ทำหน้าที่

คุณวรรณ ลองอ่านหลักพรหมวิหารดู
อ่านให้ครบนะครับ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
มีสามตอนต่อกัน ที่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=1714.0

ค่อยๆอ่านแล้วพิจารณาดู โดยเฉพาะอุเบกขา เข้าใจยังไงเล่าให้ฟังอีกที

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 17:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(พิจารณาต่อ)

การดำเนินชีวิต ก็คือ ความพยายามที่จะแก้ปัญหาของชีวิต หรือการหาทางปลดเปลื้องไถ่ถอนทุกข์

แต่ถ้าไม่รู้วิธีแก้ไข หรือวิธีปลดเปลื้องไถ่ถอนที่ถูกต้อง การแก้ปัญหา ก็กลายเป็นการเพิ่มปัญหา

การปลดเปลื้องไถ่ถอนทุกข์ ก็กลายเป็นการสะสมทุกข์ ยิ่งพยายามดำเนินไป ปัญหาหรือทุกข์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น กลายเป็นวงจร และเป็นวงจรที่ยิ่งหนายิ่งเข้มข้นยิ่งซับซ้อนขึ้นทุกที

เรียกโดยภาพพจน์ว่า เป็นวังวนแห่งปัญหา และการเวียนว่ายอยู่ในทุกข์

สภาพเช่นนี้ คือ ความเป็นไปแห่งกระบวนธรรมแบบสังสารวัฏฏ์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในหลักปฏิจจสมุปบาทฝ่ายสมุทัยวาร หรืออนุโลมปฏิจจสมุปบาท

แสดงให้เห็นว่า ปัญหา หรือ ความทุกข์ของมนุษย์ เกิดขึ้นตามกระบวนการแห่งเหตุและผลอย่างไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกายเขียน



อ้างคำพูด:
คิดปล่อยวางแบบนั้น สมมุติว่า ปล่อยวางลูกเพราะโตแล้วได้ ก็ติดหลาน ติดเหลน ติดโหลนอีกครับ


คงจะไม่ค่ะให้พวกเค้าดำเนินชีวิตกันไปเอง
เพราะคนที่นี่ ถ้าหน้าที่การทำงานเงินเดือนไม่สูงจริงๆ ผู้หญิงที่นี่จะอยู่บ้านเลี้ยงลูกค่ะ
หรือถ้าไม่มีปัจจัยหนุน ผู้หญิงถึงจะช่วยสามีทำงานเพื่อสร้างครอบครัว
แต่สำหรับเรา เราถือว่ามีปัจจัยช่วยพวกเค้าแล้ว ถ้าถึงเวลานั้นเราปล่อยค่ะ :b1:


อ้างคำพูด:
คุณวรรณ ลองอ่านหลักพรหมวิหารดู
อ่านให้ครบนะครับ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
มีสามตอนต่อกัน ที่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=1714.0

ค่อยๆอ่านแล้วพิจารณาดู โดยเฉพาะอุเบกขา เข้าใจยังไงเล่าให้ฟังอีกที



ตรงนี้คุณกรัชกายถามเราหรือถามคุณวรรณค่ะ :b10: :b12:


ขอบคุณน่ะค่ะสำหรับคำตอบ ที่คุณกรัชกายเขียนมาให้อ่าน
ทำให้เราเข้าใจ อะไรๆได้เยอะค่ะ


เพราะทุกวันนี้เราจะเดินจงกรมที่บริเวณในบ้าน เดินกำหนดพุท-โธ
บางครั้งบางวัน เดินตั้งแต่2ทุ่มจนถึง5ทุ่มเที่ยงคืนก็มีค่ะ

เพราะอยากจะรู้ว่า จริงๆแล้ว " ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์เรานั้น "
ใช่อยู่ที่การมีชีวิตอยู่โดยการกำหนดลมหายใจเข้า-ออกหรือไม่

พอดีมีความโชคดีที่บ้านหลังใหม่นี้ อยู่ตรงมุมที่เงียบ
ไม่ใช่เป็นทางที่รถในหมู่บ้านต้องวิ่งผ่าน
คืออยู่บ้านสุดท้ายของบ้านแถวด้านหน้า จะเงียบดีค่ะต้องถือว่าเป็นความโชคดีของเราค่ะ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:

ตรงนี้คุณกรัชกายถามเราหรือถามคุณวรรณค่ะ



ขอโทษครับคุณเต้จำผิด :b8: :b12:

ต้องการให้อ่านความหมาย เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:

ทุกวันนี้เราจะเดินจงกรมที่บริเวณในบ้าน เดินกำหนดพุท-โธ
บางครั้งบางวัน เดินตั้งแต่2ทุ่มจนถึง5ทุ่มเที่ยงคืนก็มีค่ะ

เพราะอยากจะรู้ว่า จริงๆแล้ว "ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์เรานั้น "
ใช่อยู่ที่การมีชีวิตอยู่โดยการกำหนดลมหายใจเข้า-ออกหรือไม่




ความสุขที่ทางศาสนาจัดไว้มี 10 ขั้น แต่เอาง่ายๆก็คือ

ความสุขที่ไม่อิงอามิส ก็คือ ความสุขที่เกิดจากจิตเป็นสมาธิครับ

ลมเข้า-ออกก็ดี การเดินจงกรม เป็นต้น ก็ดี เป็นเสมือนอุปกรณ์ให้จิตกำหนดรู้ คือจิตจะต้องอยู่กับงานคือลมเข้า-ออก เป็นต้นนั้น พอนึกออกไหมครับ


ดูรายนี้เป็นตัวอย่างว่าเขารู้สึกมีความสุขอย่างไร

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 530#msg530

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2012, 08:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มารู้จักธรรมะซักหน่อย :b1: ดูความหมายสามอย่างไว้ด้วย (ความจริง ความถูกต้อง ความดีงาม)

ธรรม แปลว่า ความจริง, ความถูกต้อง, ความดีงาม

ความหมายที่เป็นหลักเป็นแกนของธรรม ก็คือ ความจริง หรือสภาวะที่เป็นอยู่เป็นไปของมันอย่างนั้นๆเป็นธรรมดา

มนุษย์เรานี้ ต้องการสิ่งที่เกื้อกูลเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ตน แต่สิ่งทั้งหลายที่จะเกื้อกุลเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่คนแท้จริง จะต้องสอดคล้องกับความจริง มิฉะนั้น ก็จะไม่เกื้อกูลเป็นประโยชน์ได้แน่แท้ยั่งยืน

สิ่งที่เกื้อกูลเป็นคุณประโยชน์แก่มนุษย์แท้จริง เรียกว่า เป็นความดีงาม

ความดีงาม จึงอยู่ที่สอดคล้อง คือถูกต้องตามความจริง

ความจริง เป็นหลักยืนตัว

ความดีงาม เป็นคุณค่าที่มนุษย์ต้องการ

ความถูกต้อง เป็นความสัมพันธ์ที่น่าพอใจ ระหว่างคุณค่าที่มนุษย์ต้องการ กับความจริงที่เป็นหลักยืนตัวนั้น


คงพอมองเห็นระบบของธรรมะแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2012, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงนี้เราเข้าใจค่ะ


อ้างคำพูด:
ครบแล้วนะหมดแล้ว สถานการณ์ในชีวิตมนุษย์ก็มี 3 นี่แหละ
หนึ่ง เขาอยู่เป็นปกติ เรามีเมตตา
สอง เขาตกต่ำเดือดร้อน เรามีความกรุณา
สาม เขาขึ้นสูง งอกงามสำเร็จดีขึ้นไป เรามีมุทิตา

ทีนี้ ยังมีอีกข้อ คือ ข้อ 4 ที่รอจะเอาเข้ามาคุม ข้อนี้แหละสำคัญยิ่งนัก เป็นหลักใหญ่ในการรักษาสังคมมนุษย์
ถ้าตัวนี้ไม่มา ถึงจะมี 3 ตัวแรก ก็รักษาไม่ไหว ไม่พอ


:b8: :b8: :b8:





แต่ตรงอุเบกขานี่......เราอ่านหลายรอบค่ะ ก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
คำว่าอุเบกขาในความรู้สึกของเรานี่คือ การปล่อยวางไม่ยึดติด(ไม่รู้ว่าเราเข้าใจถูกหรือปล่าวน่ะค่ะ)

อ้างคำพูด:
ต้องระวัง ที่คนไทยเราแปล อุเบกขา ว่าเฉย บอกแล้วว่า เฉยในที่นี้ คือ ไม่ขวนขวายตาม 3 อย่างแรก ในกรณีที่จะเสียธรรม หรือจะทำให้เกิดความไม่ถูกต้อง คือ ไม่ขวนขวาย เพราะถ้าขวนขวายไปแล้ว จะไม่ถูกต้อง ก็จึงหยุดขวนขวาย

แต่คนไทย แปลว่า เฉย นั้น มักว่ากันไปโดยไม่ค่อยรู้เข้าใจ หรือไม่ค่อยอธิบายกันให้ชัด ทำให้เข้าใจผิดเพี้ยน กลายเป็นเฉยเมย เฉยเมิน เฉยมึนงง เฉยเฉื่อยแฉะ จนถึงเฉยโง่ ก็เลยเสียหาย
ตัวคำว่า อุเบกขาเอง ในภาษาพระท่านก็ให้ระวังอยู่แล้ว ท่านจำแนกแยกอุเบกขาไว้ถึง 10 อย่าง ว่าอย่างรวบรัด ก็แบ่งเป็น ฝ่ายดี กับ ฝ่ายร้าย

พูดกันง่ายๆ ก็ถามว่า อุเบกขาที่ว่าเฉยนั้น เฉยเพราะอะไร ง่ายที่สุด คือ เพราะรู้ กับ เพราะไม่รู้




ถ้าในความหมายของคุณกรัชกาย คือเฉย
แล้วจะมีคนที่เฉยมากเฉยมายขนาดนั้นเลยหรือค่ะ :b1: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2012, 15:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฟัง (ดู) ที่คุณเต้พูดแล้ว นึกเห็นภาพที่นักธรรมบ้านเราถกเถียงเกี่ยวกับธรรมะกัน เพราะอะไร ? เพราะคิดเห็นไม่เท่ากัน อ่านพระสูตร พระอภิธรรม หัวข้อธรรมะ หน้าเดียวกันข้อเดียวกันสูตรเดียวกันนี่แหละแต่คิดเห็นต่างกัน ตีความกันไปคนละแง่คนละมุมกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2012, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกายเขียน

อ้างคำพูด:
ฟัง (ดู) ที่คุณเต้พูดแล้ว นึกเห็นภาพที่นักธรรมบ้านเราถกเถียงเกี่ยวกับธรรมะกัน เพราะอะไร ? เพราะคิดเห็นไม่เท่ากัน อ่านพระสูตร พระอภิธรรม หัวข้อธรรมะ หน้าเดียวกันข้อเดียวกันสูตรเดียวกันนี่แหละแต่คิดเห็นต่างกัน ตีความกันไปคนละแง่คนละมุมกัน


คงจะจริงค่ะ เรามีเรื่องเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งคล้ายๆกับที่คุณกรัชกายเขียนมานี่หละค่ะ
ถ้ายังไงถือว่าฟังนิทานธรรมะน่ะค่ะ

มีอยู่ช่วงหนึ่งเราจะนอนทำสมาธิจนหลับไปทุกคืน แล้วเราจะนิมิตว่า
เราได้ไปฟังธรรมเทศนาจากท่านอาจารย์องค์เทพที

นี้มีอยู่คืนหนึ่งค่ะ ท่านก็ให้ธรรมเทศนาแก่เราฟัง (ท่านจะมีภาพให้เราดูด้วยน่ะค่ะ)"
"ท่านก็พูดว่าสิ่งที่ท่านพูดมานี้ ในเว็บนี้มีคนนำมาเขียนไว้
ชื่อ........(เราจำชื่อกระทู้ไม่ได้แล้วค่ะ น่าเสียดาย)


ตอนนี้พวกเค้ากำลังเถียงกันอยู่ พรุ่งนี้ไปอ่านดูน่ะ
แล้วก็ไปบอกพวกเค้าว่า ที่ทุกคนเขียนมานี่ ถูกทุกคนแต่ถูกคนละแบบเท่านั้นเอง
เพียงแต่สิ่งที่ท่านพูดให้เราฟังวันนี้ ในหนังสือธรรมะไม่มีไปบอกพวกเค้า

พอตอนเช้าเราตื่นขึ้นมา เรารีบเปิดคอมพ์เข้ามาดูในเว็บฯเลย ก็มีชื่อกระทู้นี้จริงๆ
พอเราเปิดเข้าไปอ่านดู มีหลายคนต่างก็ยกตัวหนังสือมาจากพระไตรปิฎกทั้งนั้นเลย
มีคุณกรัชกายด้วย

ทุกๆคนก็มีความคิดเห็นไปคนล่ะแบบ ในลักษณะที่ว่า
ต้องแบบนี้ไม่ใช่แบบนั้น (มีหลายหน้าค่ะ) เราก็เกิดความรู้สึกว่า
ที่คุยๆกันอยู่นี้ มีแต่ท่านผู้รู้ทั้งนั้นเลย
แล้วถ้าเราไปpostตามที่ท่านอาจารย์องค์เทพให้เรามาเขียน

แล้วคุณกรัชกายคิดดูเถอะ ตอนนั้นเราก็ยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรมากมาย
แล้วจู่ๆเราไปเขียนสอนท่านผู้รู้ เราก็เกิดความไม่กล้า

เราก็อธิฐานจิตต่ออาจารย์องค์เทพว่า "ข้าพเจ้าไม่กล้า ต้องขอโทษอาจารย์องค์เทพด้วย"

เพราะฉนั้นเราเห็นด้วยกับที่คุณกรัชกายเขียนค่ะ :b41: :b55: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2012, 00:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอบ่นหน่อย :b1:


วันใดที่ทำงานได้เงินเยอะ...ก็วาดวิมาณในอากาศไว้ว่า
อนาคตของลูกจะต้องเป็นอย่างนี้ อย่างนั้น อย่างโน้น
นอนยิ้ม มีความสุขอยู่กับความฝัน ที่วาดหวังเอาไว้

แต่พออีกวันหนึ่ง ทำงานไม่ได้เงิน หรือได้เงินน้อยกว่าเมื่อวาน วิมาณในอากาศ
ที่วาดไว้ ก็ล่มสลายภายในพริบตา อนาคตของลูก อย่างโน้น อย่างนี้ อย่างนั้น
ก็พลันมืดมนขึ้นมาทันที แล้วก็กลุ้มอกกลุ้มใจอีกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ทุกๆวัน
จะทำอย่างไร? ความทุกข์ก็เข้ามาเยือนแทนที่ความสุขทันที

สลับ กลับไปกลับมา วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า....นานๆเข้า เริ่มเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต
ถ้าวันไหนได้เงินมาก...ก็ชักจะไม่ฝันแล้ว เริ่มคิดได้แล้วว่า พรุ่งนี้อาจจะไม่เหมือนวันนี้
ถ้าวันไหนได้เงินน้อย ก็จะไม่ค่อยกลุ้มแล้ว คิดว่า พรุ่งนี้ก็จะไม่เหมือนวันนี้

เริ่มจะไม่สุข เวลาได้เงินเยอะ และความทุกข์ก็มีไม่มากเมื่อวันใดได้เงินน้อย

ความกังวลเรื่องอนาคตของลูกๆ ก็เริ่มจะลดน้อย ไม่ใช่เพราะมีเงิน ไม่ใช่เพราะ
เตรียมทุกอย่างไว้พร้อม แต่เป็นเพราะ คิดได้ว่า ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน
ทุกอย่างเกิดแต่กรรม เมื่อคิดได้อย่างนี้ คราใดที่ความทุกข์กำลังเริ่มก่อตัวขึ้น
มันก็จะคลายตัวได้พร้อมกับการก่อตัว พอความสุขกำลังพองตัว
ก็จะยุบตัวได้ทันทีอีกเหมือนกัน

จึงรู้ว่าเพียงแต่วางทุกสิ่ง ไม่ไขว่คว้า ไม่กระเสือกกระสนที่จะหา ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไป
ตามที่ควรจะเป็น แม้จะทำได้เพียงเสี้ยวนาทีเดียวที่ปล่อยวาง ก็จะรู้สึก นิ่ง สงบ ชุ่มชื่น
นี่ละมั้ง ที่เรียกว่าความสุข

ขีดขั้นระหว่างความทุกข์กับความสุข มันใกล้กัน
แค่กระดาษแผ่นเดียว ที่พลิกด้านหนึ่ง ก็เจอด้านหนึ่ง

กำทุกอย่างไว้ ก็ทุกข์ วางทุกอย่างลง ก็ไม่ทุกข์

สรุป...ความสุขที่แท้จริงก็คือ ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย

เป็นความรู้สึกส่วนตัว ที่ผุดขึ้นมาเองในบางครั้ง
อาจจะใช้เป็นส่วนหนึ่งของคำตอบได้นะค่ะ :b13:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร