วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 01:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


รูปภาพ


บนโต๊ะทำงานของผมมีกระดาษชิ้นเล็กๆ เขียนข้อเตือนใจไว้ 4 ข้อ คือ

ความเชื่อ (BELIEVE) ความหวัง (HOPE)
ความรัก (LOVE) การอภัย (FORGIVE)


ดูๆ เหมือนจะเป็นการขัดกับกิจวัตรที่พยายามทำทุกวัน
คือ การทำสมาธิเพื่อให้สงบ (สมถะกรรมฐาน)
และการทำสมาธิเพื่อให้รู้ทันถึงความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลง (วิปัสสนากรรมฐาน)
เพื่อให้เกิดการปล่อยวางและพยายามจะปล่อยวางทุกๆ สิ่ง


แต่ทั้ง 4 ข้อเตือนใจนี้ ผมก็ยังใช้อยู่เสมอ
เพราะเชื่อว่าคนเราต้องมีความเชื่อ ความหวัง ความรัก และการอภัยเสมอ
จึงจะทำให้เกิดความปกติสุขในชีวิตปัจจุบันได้


:b39: ความเชื่อ (BELIEVE)

เกิดจากการได้ยินได้ฟังบ่อยๆ เราต้องเลือกเชื่อให้เป็น
ความเชื่อทั้งหลายยังไม่ใช่ความจริง
ถ้าเป็นความจริงแล้วไม่ต้องเชื่อเลยใช้คำว่า “ยอมรับ” ความจริงได้
(ความจริงได้แก่ลักษณะไตรลักษณ์ คือ ความไม่แน่นอน
ความเป็นทุกข์ และการครอบครองยึดถือเป็นเจ้าของไม่ได้
ภาษาคุ้นๆ หู คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไงเล่า)


คนจะมีความเชื่อได้ ต้องไม่สับสนกับความจริง
และต้องมีความกล้าหาญที่จะเชื่อในสิ่งที่ดีๆ เช่น


* เชื่อชีวิตต่อจากนี้ไปจะดีขึ้น


* เชื่อว่าจะทำสิ่งดีๆ ได้มากขึ้น ใจเย็นขึ้น
พูดเพราะขึ้น อดทนได้มากขึ้น


* เชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความจริง
และเชื่อว่าคนอื่นมีความดี ความเก่งตามความจริงของเขาได้ทุกคนซึ่งสำคัญมาก
เพราะจะทำให้เกิดความนับถือตัวเอง และคนอื่นตามความเป็นจริง
ทำให้เกิดมิตรภาพที่ดีๆ ได้กับทุกๆ คน


* เชื่อว่าเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่การไม่เคยล้ม
แต่อยู่ที่การลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก


* เชื่อว่าทุกปัญหามีโอกาสแก้ไขได้ ฯลฯ


ความเชื่อที่ดีๆ ทำให้เกิดความอยากมีชีวิตต่อไป



:b39: ความหวัง (HOPE)

เมื่อเชื่อแล้วจึงเกิดความหวัง ความหวังที่ดีๆ ทำให้ชีวิตชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา

ลองหวังว่าจะมีความรัก มีอนาคตที่ดีๆ
หวังว่าจะลดนิสัยที่ไม่ดีบางอย่างลงได้
และจะเพิ่มนิสัยที่ดีๆ บางอย่างให้ตัวเองได้
เพื่อจะทำให้ชีวิตในอนาคตจากนี้ไปมีคุณค่ามากขึ้น

ผมชอบชื่อแหลม Good Hope ที่แอฟริกาใต้มาก
เคยไปดื่มด่ำกับป้ายชื่อนี้ที่แหลมแห่งนี้มาแล้ว ให้กำลังใจดีจริงๆ


:b39: ความรัก (LOVE)

ความรัก จะเติมเต็มให้ชีวิต
คนที่มีความรัก และได้รับความรักตอบนั้นเป็นคนที่มีความสุขมากๆ


คาริล ยิบราน กล่าวว่า
“ชีวิตที่ปราศจากความรัก เหมือนต้นไม้ที่ปราศจากดอก และผล”


ความรัก เริ่มต้นจากการรู้สึกรักตัวเองได้ตามความจริง
ภาคภูมิใจตัวเองได้ก่อน แล้วจึงจะไหลบ่าความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นไปสู่ผู้อื่นต่อไป


ความรัก และมิตรภาพจะงอกงามได้ดี
ในบรรยากาศของความเกรงใจและให้เกียรติเสมอ
ถ้าเมื่อไรหมดความเกรงใจ และให้เกียรติ
ความรักจะกลายเป็นความกระด้าง ลามปาม และหยาบคาย
ปัจจัยของความรักคือความเข้าใจ ยอมรับ เห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือและอภัย



ความรักสามารถเอาชนะทุกอย่างได้ แม้ความโกรธ


น่าเสียดายที่คนทุกวันนี้ไม่ค่อยมีความรักกัน
หรือไม่แสดงความรักต่อกัน แต่ไปฝักใฝ่เรื่อเซ็กซ์กันหมด
ซึ่งเป็นเรื่องของความเข้าใจคลาดเคลื่อน คิดว่าเป็นสิ่งเดียวกัน
ร่วมกับการไม่ปลูกฝังความรักให้งอกงามในจิตใจของแต่ละคนด้วย


:b39: การให้อภัย (FORGIVE)

การอภัย ทำให้ชีวิตหมดทุกข์
และความรักทำให้เกิดความสุข ความชุ่มชื่นใจ

การอภัยเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่พูดได้ง่าย
การพูดถึงคำว่า “อภัย” หรือรู้ว่าการให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีนั้น
เป็นเพียงแค่เปลือกนอก หลายๆ คนทำได้ พูดได้
แต่การที่จะตระหนักถึงสำนึกของ “อภัย” จริงๆ นั้น
เหมือนเป็นการขุดรากเหง้าของความโกรธแค้น ผิดหวัง อาฆาต น้อยใจ
เสียใจออกไปจากจิตใจของเรา ซึ่งทำได้ยากมาก


ตัวจะรู้สึกเบาขึ้น จิตใจจะรู้สึกสะอาดขึ้น เมื่อเราอภัยผู้อื่นและตัวเองได้


คนจะอภัยได้นั้น ต้องเชื่อเรื่อง “กฎแห่งกรรม”
เชื่อ ว่า…ถ้าใครมีข้อบกพร่องมากเท่าไหร่ ทำผิดมากเท่าไหร่
เขาก็ต้องรับทุกข์หรือเดือนร้อนจากข้อบกพร่อง (อกุศลกรรม)
ของเขามากเท่านั้นในอนาคต


จึงไม่ใช่เรื่องของเราที่จะต้องไปโทษหรือตามไปจองเวรจองกรรมเขา
ปล่อยเขาไปรับวิบากกรรมของเขาเอง
ใจเราก็สะอาดและเบาขึ้นได้ และเราจะรู้สึกอภัยให้ทันที



หัวใจมนุษย์ทั้ง 4 ห้องนี้ ถ้าบรรจุสิ่งดีๆ 4 อย่างนี้เอาไว้
จะทำให้หัวใจมีคุณค่าพร้อมที่จะอยู่ในโลกปัจจุบันได้ดีขึ้น
พร้อมจะสู้กับโลกภายนอก ที่กำลังร้อนรุ่มด้วยการกระทำของมนุษย์
ที่อยู่ในยุควัตถุนิยม ที่เต็มไปด้วย Demand ที่เป็นโลภ โกรธ หลง มากขึ้นๆ


เมื่อเราเข้าใจ Demand ของเพื่อนมนุษย์
แสดงว่าเรามองโลกและชีวิตจากภายนอกเข้าหาภายใน (Outside In)
ไม่ใช่มองจากภายในออกไปภายนอก (Inside Out) อย่างเดิมๆ
ซึ่งเป็นการมองแบบค้นหา Supply ซึ่งไม่ถูกต้องกับยุคนี้แล้ว


โลกและชีวิตจะไม่เป็นเส้นตรงง่ายๆ หรือเป็นกล่องสี่เหลี่ยมอย่างที่เคยคิด
เคยเข้าใจกันมาในอดีตอีกต่อไปแล้ว
แต่จะมีซอกหลืบให้เราหลงทาง ไขว้เขว และไม่เข้าใจมากขึ้น


เตรียมหาสิ่งดีๆ ใส่ในหัวใจสี่ห้องเอาไว้รับมือกับโลก และชีวิตดังกล่าวแล้ว…เถิด.



ที่มา.. นิตยสารบันทึกคุณแม่ No.154 May 2006
ห้องสมุด E-LIB


:b48: :b8: :b48:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร