วันเวลาปัจจุบัน 16 พ.ค. 2025, 15:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:02
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คบกันมา ปีหนึ่งได้ค่ะ เพิ่งเรียนจบได้งานทำ แต่ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจส่วนตัวตอนแรกลงทุนกับแฟนคนละครึ่งไม่มากค่ะ คนละไม่กี่พันต่อมาแฟนไม่ช่วยอะไรเลยค่ะ แม้กระทั้งดูแลร้าน รับโทรศัพ ไม่สนใจความเป็นไป เลยว่าจะร้านเป็นยังไง เค้าบอกว่าเป็นเพราะ เหมือนเป็นของดิชั้นแล้วชื่อบัญชีดิชั้นแล้วดิชั้นทำคนเดียว แต่เวลาเค้ามีปัญหาเรื่องเงินหรืออยากได้อะไร ดิชั้นไม่ว่านะค่ะ ซื้อให้ตลอด

ดิฉันเลยทำคนเดียวมาตลอดจนเก็บเงินได้ก้อนนึง เค้าเล่าให้แม่เค้าฟังตลอดค่ะว่า ดิชั้นทำธุรกิจตรงนี้กับเค้าแล้วมีเงินเท่าไหร่ พอจนแฟนดิฉันเรียนจบเค้าจบช้ากว่าดิชั้น เทอมนึง เค้ากลับไปอยู่บ้าน ก็ไม่มีเวลาได้คุยกันค่ะ เพราะเค้าบอกเกรงใจแม่ เราทะเลาะกันเรื่อยมา ล่าสุด แม่เค้าให้แฟนดิชั้นโทรมาขอยืมเงิน เจ็ดหมื่น ดิชั้น ร้องไห้เลยอ่ะค่ะ สำหรับเด็กคนนึงกว่าจะเก็บหามาได้ขนาดนี้เหนื่อยมากอ่ะค่ะ ดิชั้นเองไม่เคยใช้เลยด้วยซ้ำ ตัวแฟนก็น่าจะรู้ดิชั้นประหยัดมาตลอด แล้วถ้าให้ไปหมดนั่น เงินที่จะเหลือทำทุนร้านค้าต่อ สองหมื่นค่ะ ซึ่งมันไม่พอ แต่แม่เค้าจะเอาอ่ะค่ะ เค้าบอกว่าแม่ให้มาขอจำเป็นจริงๆแค่ยืมหนะค่ะ สุดท้ายก็ให้ไปค่ะ ตอนนี้ท้อแท้มาก เค้าบอกเอาไปใช้หนี้ นี่แค่ส่วนดอกนะค่ะ ดิชั้นไม่หวังจะได้คืนหรอกค่ะ แต่เสียใจมากที่เค้าไม่แคร์ความรู้สึกเราเลย และกลัวก็แต่คงจะมีคราวหน้าอีก แล้วคงต้องปิดร้านแน่นอน หลังๆนี้เค้าพยายามเอาปัญหาที่บ้านเค้ามารุมเร้าใส่ดิชั้นมาก พ่อแม่ดิชั้นก็ว่าอ่ะค่ะ เรื่องยืมเงิน เพราะหลังๆพ่อแม่ดิชั้นช่วยทำงานในร้านด้วย แล้วเค้าบอกว่าไม่น่ามายืมเด็ก แม่ยังไม่กล้ายืมดิชั้นเลยแม้จะลำบากมันเป็นเงินที่ดิชั้นตั้งใจเก็บเพื่อจะไปศึกษาต่อด้วยอ่ะค่ะ ตอนนี้ก็ทะเลาะกันตลอดค่ะเรื่องที่เค้าคุยโทรศัพท์ไม่ได้บ้างเวลาอยู่กับทางบ้าน หลายๆเรื่องมันทำให้ดิชั้นคิดว่า เค้ารักดิชั้นหรือเปล่า เห็นดิชั้นร้องไห้เค้ายังไม่รับโทรศัพท์ดิชั้นเลยเพราะเกรงใจคนในบ้าน ดิชั้นควรจะทำยังไงดีค่ะปรึกษาใครก็ไม่กล้า บอกพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ค่ะตอนนี้ปวดหัวไปหาหมอจนเป็นไมเกรนแล้วอ่ะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b4: มันเป็นวิบากกรรมที่เคยทำกันมา ต้องมารับร่วมกัน ในชาตินี้ ทุกคนที่ร่วมทำกันมาก็รับกันไป

ชาติก่อนคุณอาจเคยยืมเขามา ก็ต้องคืนเขาไป จะได้ไม่เป็นหนี้เวรหนี้กรรมกันอีก

จากนั้นก็ต้องพิจารณาให้รู้ว่าปัญหาทุกอย่างในโลกล้วนเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ดังนั้นไม่ต้องเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

และต้องหันหน้าเข้าหาปัญหา ยืนให้ได้ด้วยขาตัวเองไหนๆคุณก็ทำร้านรวงมาคนเดียวอยู่แล้ว :b35:

จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะดำเนินต่อ อายุยังน้อย เวลายังมีอีกมาก

อย่าไปยึดถือกับสิ่งที่เป็นกำพร้าเลยครับ ไม่จากกันวันนี้ สักวันก็ต้องจากอยู่ดี

ให้มีสติในการแก้ใขปัญหา ยึดธรรมะเป็นที่ตั้ง แล้วปัญหาทุกอย่างที่มีอยู่

จะทุเลา เบาบางลง อนุโมทนาสาธุครับ :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:02
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ หลายครั้งที่ดิชั้นเศร้าใจหรือมีปัญหาพอได้มาอ่านบอร์ดจะรู้สึกดีขึ้นมากค่ะ แต่พอสักพักก็กลับเป็นแบบเดิม แต่ก่อนไปอยู่วัดสองสามวัน รู้สึกดีขึ้นมาก แต่ตอนนี้ใจเร่าร้อนไม่เป็นสุขเลยค่ะ ดิชั้นต้องทำยังไงดีค่ะให้มันไม่ฟุ้งซ่านกลับมามีสติมีธรรมะในใจเหมือนเดิม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากกรัชกายมีแฟนแบบนี้ตัดหางปล่อยวัด ทางใครทางมัน

พยากรณ์ได้เลย เงินที่เขาว่ายืมนั้นไม่ได้คืน หากออกปากทวงเมื่อไหร่เป็นเรื่อง ไม่เชื่อลองแย้มๆดูก็ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


jan_coolgirl เขียน:
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ หลายครั้งที่ดิชั้นเศร้าใจหรือมีปัญหาพอได้มาอ่านบอร์ดจะรู้สึกดีขึ้นมากค่ะ แต่พอสักพักก็กลับเป็นแบบเดิม แต่ก่อนไปอยู่วัดสองสามวัน รู้สึกดีขึ้นมาก แต่ตอนนี้ใจเร่าร้อนไม่เป็นสุขเลยค่ะ ดิชั้นต้องทำยังไงดีค่ะให้มันไม่ฟุ้งซ่านกลับมามีสติมีธรรมะในใจเหมือนเดิม


:b8: ฟุ้งซ่านคืออารมณ์ที่ไม่มีสติ

ถ้าไม่อยากฟุ้งซ่านต้องสร้างสมาธิ เพราะถ้ามีสมาธิ สติจะมา ปัญญาจะเกิด

การสร้างสมาธิที่ดีและง่ายที่สุด คือ การภาวนา หรือสวดมนต์

หาบทสวดมนต์ ไว้ใกล้ๆตัว สวดทุกครั้งที่ไม่มีสติ

ทำบ่อยๆ เดี๋ยวสติจะมา พอมีสติแล้ว ให้กำหนดรู้ตัวทุกขณะตื่น

ว่าเรากำลังทำอะไร ถ้าฟุ้งซ่าน ก็ฟุ้งหนอ ๆๆๆๆๆ จนมันดับไป ถ้าไม่ดับให้กำหนดรู้ไปเรื่อยๆ อย่ายอมมัน

สาธุครับ เจริญในธรรมนะครับ :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 13:59
โพสต์: 50

อายุ: 0
ที่อยู่: ท่องไปดุจ..นอแรด

 ข้อมูลส่วนตัว


...ตอนนี้ต้องตั้งสติให้ดีก่อนครับ..
...แล้วลองคิดไตร่ตรองหาเหตุหาผล
...ที่คุณจะต้องได้รับจากการตัดสินใจไม่ว่าทางใดทางนึง
...อย่าไปใช้อารมณ์แต่ใช้สติหาเหตุและผล
...คนเราบางทีเจ็บป่วยถึงคราวที่ต้องผ่าตัดมันก็ต้องทำ
..บางทีบางครั้งเราต้องทนเจ็บเพื่อรักษาอาการเจ็บนั้น

...เมื่อวานก็ผ่านไปแล้ว..พรุ่งนี้ก็ยังมาไม่ถึง
...แต่ปัจจุบันที่เรารู้สึกตัวอยู่ก็ทำให้มันดีครับ
...นึกถึงเรื่องเก่าๆท้อแท้ใจ..มันก็ไม่ได้ดีขึ้นมาเลย
...มีสติอยู่กับปัจจุบัน..แล้วทำให้มันดี
...เมื่อเหตุดี..ผลก็ย่อมดี
...บางทีพรุ่งนี้อาจเป็นวันที่ดี..ก็ได้

.....................................................
"..หลักของพระพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่การพูดกันเฉย ๆ
หรือด้วยการเดา..หรือการคิดเอาเอง
หลักของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงคือ
การรู้เท่าทันความจริงตามความเป็นจริงนั่นเอง
ถ้ารู้เท่าทันตามความเป็นจริงนี้แล้ว
การสอนก็ไม่จำเป็น..แต่ถ้าไม่รู้ถึงความเป็นจริงอันนี้
แม้จะฟังคำสอนเท่าใด ก็เหมือนกับไม่ได้ฟัง!!!"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


การลงทุนร่วมกันมีทั้งการร่วมด้วยแรงและร่วมด้วยทรัพย์ ..

พิจารณด้วยความถูกจริงแท้ว่าการร่วมธุรกิจนี้ ใครร่วมสร้างประโยขน์ในสัดส่วนเท่าใด..แล้วจัดสรรค์แบ่งประโยชน์ไปตามสัดส่วนนั้น ส่วนเรื่องการยืมเงินของคนอื่น ก็พิจารณาว่าจะให้ได้เพียงไรจึงจะไม่ทำความเดือดร้อนแก่ตน เรื่องเงินนั้นไม่เข้าใครออกใคร เพราะเป็นสิ่งท้าทายกิเลสคือความโลภที่ไม่มีขีดจำกัด..เห็นมามากแล้วว่าัมันทำลายได้แม้กระทั่งความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูก ไม่พักต้องพูดถึงสัมพันธ์อื่นๆ..เมื่อคนไม่มีหิริโอตตัปปะต้องเกี่ยวข้องกันเมื่อใด ความวิบัติย่ิอมเลี่ยงไม่ได้..

เมื่อไม่สามารถให้ตามที่เขาขอมา ก็จงกล้าปฏิเสธ แสดงเหตุผลให้เขาทราบ การปฏิเสธเป็นจะเป็นเครื่องป้องกันมิให้คุณถูกรุกล้ำก้ำเกินโดยไม่สมควรในคราวต่อไป หากให้เพราะเกรงกลัว คราวต่อๆไปจะมีอีก..และการให้เช่นนี้ จะกลายเป็นการส่งเสริมการเรียกร้องอย่างไร้ขีดจำกัดอันเป็นบาปกรรมของคนโลภในคราวต่อไป การจะช่วยใครให้พิจารณาด้วยว่าเบียดเบียนตนด้วยหรือไม่..หาไม่ นอกจากจะไม่เป็นบุญแล้ว(เพราะฝืนใจให้เพราะกลัว) ยังเป็นบาปเพราะเดือดร้อนใจคับแค้นตลอดเวลา


เตรียมตัวรับผลกระทบกลับด้วยเมื่อต้องปฏิเสธ เพราะคนร่วมทุนอาจจะเผยธาตุแท้ให้คุณทราบอย่างเด่นชัดด้วยวาจาในครานี้..ขอให้เตือนตนเองเสมอว่า "ความไม่มีหนี้เป็นสุขอย่างยิ่ง" ..

อย่างไรก็ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีครับ..

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 21:56
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำตัวน่ารักไปวัน ๆ
สิ่งที่ชื่นชอบ: คู่มือสะกดใจคน - เดวิด เจ.ไลเบอร์แมน
ชื่อเล่น: นุช
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


cool สวัสดีคร๊า

ยืม 7 หมื่น เหลือ 2 หมื่นได้มั้ย ถ้าให้ไปหมดเราจะเหลืออะไร ต้องต่อรองกันบ้าง ไม่เอาก็ไม่เป็นไรนะ มีแค่นี้ ... ถ้าคราวหน้ามายืมอีก ครั้งก่อนใช้หรือยัง ... ทำอย่างไรก็ได้นะคะให้เราไม่ทุกข์ร้อนใจ เงินอยู่ในมือเรา เราจะทำให้มันเป็นอย่างไรก็ได้ บางทีน้ำท่วมปาก หรือเกรงใจต่าง ๆ ก็ต้องพูด

เขาไม่รับสายไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเดือดร้อนก็โทรหาเราเอง ... คิดในด้านดีก็คือเราเคยเอาของเขามา จะได้ทุกข์น้อย ๆ นะคะ

จริงอย่างพี่ dd บอกนะคะ แบ่งกันไปตามสัดตามส่วน น่าจะเหมาะกว่า นุชก็เคยทำธุรกิจกลับแฟนเก่า เนี่ยเป็นลักษณะแบบคุณนี่แหล่ะ ระยะหลังเริ่มจะมาเอาเงินของเรา ผลสุดท้าย ทวงบ่อยก..ไม่ให้ ไม่ทวง ก.. ลืม เป็นงั้นไป แต่ของคุณยังดีหลักหมื่น ของนุชเนี่ยหลักแสน แต่นุชคิดว่า ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ครั้งหน้าไม่มีแล้วแน่นอน แต่อย่างว่านะคะเงินมันเยอะ นุชก็ให้คนตามประกบ จนได้ครบ ....

เรื่องเงินก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกันเนอะ ...ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะ ...


.....................................................
กฏเหล็กข้อแรกสุด ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 22:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:02
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำค่ะ ให้ไปแล้วค่ะ แต่ยังให้ไม่ครบ ขาดอีกสองหมื่น แม่บอกว่าควรให้เท่านี้ แม่เค้าก็ให้มาขออีกอะค่ะบอกว่ามันไม่พอ คิดว่าไม่ให้เป็นครั้งที่สองแล้ว

ถ้าบ้านแฟนเค้าขยันกันทำงานทุกคนแล้วเกิดเดือดร้อนจริงๆก็อยากให้เต็มที่ค่ะ แต่หลายๆอย่างทำให้เรารู้สึกไม่ชอบ เพราะสมาชิกคนอื่นในบ้านที่ทำงานได้ก็ไม่ทำงาน บางคนก็ไปเมืองนอก มีค่าใช้จ่ายให้เป็นภาระในครอบครัวอีก ในครอบครัวเค้าก็ไม่ว่าให้ไปแม้จะต้องเป็นหนี้ แต่กลับมาลงทุกอย่างไว้ที่เรา

ครั้งนี้คงต้องทะเลาะกันหนักอ่ะค่ะ เค้าบอกว่าถ้าเป็นเค้าเค้าจะให้เค้าชอบพูดแบบนี้เสมอ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ

พอได้ระบายรู้สึกดีมากๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




278.gif
278.gif [ 5 KiB | เปิดดู 8881 ครั้ง ]
ยังดีที่ มันไม่มา ตบ ตี ๆลๆ เอาไป
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 01:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 04:04
โพสต์: 356

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะคุณjan-coolgirl เข้าใจความรู้สึกของคุณค่ะ ถ้าคุณว่างลองเข้าไปอ่านกระทู้ สามีเปลี่ยนไป
ตอนนี้อยู่หน้าที่ 3 มั้งค่ะ ดิฉันเองก็เจอปัญหาเดียวกับคุณค่ะ และเจอตลอดเป็นเวลา 10 กว่าปี จนถึง
ขั้นแตกหัก ....ปัจจุบันใช้วิธี เลิกติดต่อกับครอบครัวของสามี ไม่รับรู้เรื่องราวของพวกเค้า แต่สามียัง
สามารถจุนเจือครอบครัวของเค้าได้ด้วยกำลังทรัพย์ของเค้าเอง โดยไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับกระเป๋าเงิน
ของดิฉัน ดิฉันยังโชคดีหน่อยที่สามียังเลือกที่จะอยู่กับดิฉันและลูก และสามีก็จะกลับไปบ้านทางฝ่ายเค้า
เดือนละครั้งสองครั้ง อันนี้ดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรตามสบายเค้าค่ะ ใช้วิธีนี้รู้สึกดีค่ะ แต่ต้องมีการตกลงกัน
ก่อนทั้ง 2 ฝ่าย ....ดิฉันไม่แน่ใจว่าเรื่องของคุณมันจะตกลงกันง่าย ๆ เหมือนดั่งดิฉันไหม....ลองค่อย ๆ
คุยกันนะค่ะ ว่าคุณจะเก็บเงินนี้ไว้ทำอะไร ต่อเติมร้านหรืออะไรก็ค่อย ๆ เล่าให้สามีฟัง และอีกอย่างที่
อยากจะแนะนำ อย่าพยายามบอกสามีว่าเรามีเงินเก็บอยู่เท่าไหร่ พยายามซ่อนเอาไว้อีกบัญชีแยกต่าง
หาก ให้สามีเดือดร้อนอย่างไรถ้าไม่เลือดตกยางออกก็อย่าเอาออกมาให้สามีเห็น เพราะคนพวกนี้จะไม่
พยายามขวยขวายแก้ปัญหาของตัวเอง แต่จะเพ่งเล็งปัญหา-ทางออกของพวกเค้ามาที่เรา เค้าจะเห็นเรา
เป็นเทวดา แต่ถ้าเราปฏิเสธเราจะเป็นสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ


แม่ดิฉันมักจะพูดเสมอว่า ดินตรงไหนนิ่ม คนก็มักจะขุดอยู่แต่ตรงนั้น เพราะมันขุดง่ายดี

อย่าเครียดนะค่ะ เป็นไมเกรนห้ามคิดมาก ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 03:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อันความกรุณา ปรานี...เป็นสิ่งที่ดี ที่เราควรทำ
แต่ถ้าทำแล้วต้องไม่เบียดเบียนตัวเองด้วย....คุณให้เขายืมเงินด้วยความ
ไม่เต็มใจ....ก็เป็นสร้างเหตุก่อทุกข์ให้กันสืบเนื่องกันไปอีก.....

พูดกับแฟนให้เป็นเรื่องเป็นราวซิ....ว่าเงินที่ยืมไปนั้นให้ถือเป็นการถอนหุ้น
ตกลงกิจการนี้เป็นของคุณคนเดียว....นับแต่นี้ไปไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน
คุณจะเป็นผู้รับผิดชองบแต่เพียงผู้เดียว....แล้วก็พิจารณาว่า ผู้ชายคนนี้
คุณยังต้องการที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาในอนาคตอยู่หรือเปล่า?....
ขอให้โชคดีนะค่ะ :b1:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:02
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ไม่ได้คุยกับเค้าเลยค่ะปกติเค้าโทรหาทุกวัน พอโทรหาเค้าเค้าก็ไม่พูดบอกคุยไม่ได้ ไม่เข้าใจครอบครัวเค้าจริงๆค่ะ แค่คุยกันแค่หนึ่งนาทีก็ได้ เสียใจมากค่ะ เค้าไม่แพรความรู้สึกเราเลย เหมือนเค้าเลือกครอบครัวเค้าจริงๆไม่สนว่าเราจะเป็นอย่างไร แบบนี้จะตัดใจเลิกดีไหมค่ะ เพราะไม่มีความสุขเลย ทุกข์ตลอดเวลา ยิ่งเห็นเค้าไม่สนใจทั้งๆที่รู้ว่าเราไม่สบายใจเสียใจ ก็ยังนิ่งเฉย มันเจ็บปวดจริงๆค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 23:10
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่บอกเขาหล่ะครับว่าที่บ้านเราก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน.แล้วก็หาทางคุยกันดูจร้าว่าตกลงจะแบ่งกำไรกันยังไงทุนตอนนี้เท่าไหร่. ลองดูครับคิดว่าน่าจะไม่ร้ายแรงเกินไป.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


January:

อ้างคำพูด:
แบบนี้จะตัดใจเลิกดีไหมค่ะ เพราะไม่มีความสุขเลย ทุกข์ตลอดเวลา ยิ่งเห็นเค้าไม่สนใจทั้งๆที่รู้ว่าเราไม่สบายใจเสียใจ ก็ยังนิ่งเฉย มันเจ็บปวดจริงๆค่ะ


พิจารณาสิ่งต่อไปนี้แล้วตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร..

๑. ขาดเขาเราเดือดร้อนเรื่องเงินหรือไม่ืื..หมายความว่าเราต้องพึ่งพาเขาเพื่อยังชีพหรือเปล่า..
๒. เรากับเขาแต่งงานกันหรือเปล่า..หรืออยู่กันเฉยๆ หรือเป็นเพียงแฟนด้วยการคบกันเฉยๆ..
๓. คบกันนานเท่าใดเเล้ว นอกจากร่วมทุนทำกิจการแล้วมีการร่วมซื้ออะไรกันหรือไม่..
๔. เท่าที่คบกันมา เขามีนิสัยดีอย่างไร เสียอย่างไร ดีกับเสีย อะไรมากกว่ากัน..เขาทำให้ทุกข์เช่นนี้มากี่ครั้งแล้ว...มีบ้างใหมที่เขาแสดงอาการเอื้ออาทรต่อเรา ห่วงเรา ช่วยเหลือเราอย่างเต็มใจจริงใจ
๕. หากต้องร่วมชีวิตกันต่อไปในภายหน้า เขาต้องมาปันเงินในลักษณะนี้อีกจะรับไหวใหม หรือยินดีใหม
๖. พ่อแม่ของเรามีความเห็นต่อเขาอย่างไร บวกหรือลบมากกว่ากัน..

ไม่ต้องตอบมาในนี้ครับ ตอบตัวเอง เงียบๆ ..สำรวจดูคะเเนนว่าดีกับเสียอะไรมากน้อยกว่ากัน..แล้วตัดสินใจไปตามอาการอันควรโดยมุ่งที่ประโยชน์สุขของตนอันควรมีควรเป็นในปัจจุบันและอนาคต..เรื่องเช่นนี้ เจ้าของเรื่องมีข้อมูลพร้อม คนนอกไม่ทราบเบื้องลึก จะแนะนำอะไรไม่ได้มากนัก..ในบางกรณี เห็นข้อเตือนภัยจากพฤติกรรมของคู่ ก็พอมองออกว่า ชีวิตต่อไปจะโรยด้วยกลีบหรือหนามกุหลาบ เพียงเเต่ตัดสินใจก็พ้นวิโยคเหมือนตัดไฟแต่ต้นลม แต่เพราะตัณหาที่มีในคู่ แม้เดือดร้อนก็ยินดีจึงลังเล จนในที่สุดก็ต้องทุกข์ทบทวีคูณเมื่อมี"ขันธ์"มาเพิ่มให้พัวพันกันในกงกรรม ความซับซ้อนและเจ็บปวดก็มากขึ้นจนแทบหาทางออกไม่เจอ เรื่องเช่นนี้ปรากฏให้เห็นมากมายในโลก..จึงพึงพิจารณาให้รอบคอบเถิด..

ขอให้โชคดีครับ.. :b46: :b48:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร