วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 00:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 12:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 08:56
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b53:
ทำไมเรามักทนคนอื่นได้ แต่เราทนคนใกล้ตัวไม่ได้
ทำไมเรามองเห็นว่าคนอื่นดี แต่เรากลับมองไม่เห็นความดีของคนใกล้ตัว
ทำไมเราแจกรอยยิ้มให้กับคนอื่นได้แม้ไม่รู้จักแต่เรากลับละเลยรอยยิ้มให้กับคนใกล้ตัว
ทำไมเราดูแลความรู้สึกของคนอื่นได้แต่กลับไม่ดูแลความรู้สึกของคนใกล้ตัว
ทำไมเราพูดดีกับคนอื่นเพื่อถนอมน้ำใจเขาได้แต่เรากลับไม่พูดดีกับคนใกล้ตัว
ทำไมเราควบคุมอารมณ์ต่อหน้าคนอื่นได้แต่คนใกล้ตัวเรากลับควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ทำไมเราอยากให้คนใกล้ตัวเข้าใจเราแต่เรากลับไม่เคยคิดทำความเข้าใจคนใกล้ตัว
นั่นเพราะเรามีแต่ความเห็นแก่ตัว รู้จักแต่การรับไม่รู้จักการให้ ทุกอย่างมี ได้ เป็น ก็เพื่อความอยาก
ความต้องการของตัวเองแล้วเราจะพบสุขได้อย่างไร
ในเมื่อตัวเองจ้องแต่จะเป็นผู้รับมากกว่าเป็นผู้ให้
การให้มีสุขยิ่งกว่าการรับ
สวัสดีค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


คนเรามักมองไม่เห็นขนตาของตัวเอง :b5:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 08:13
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รักคนไกล ระอาคนใกล้ (เราเป็นเช่นนั้นหรือไม่?)

“แอม” เสาวลักษณ์ ลีละบุตร เล่าว่าได้พบเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเพิ่งกลับจากการไปปลูกป่า
หน้าตาของเธอเบิกบานด้วยความปีติที่ได้ช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ เธอพรรณนาถึงคุณประโยชน์
มากมายของการปลูกป่า ทั้งบรรเทาโลกร้อน เพิ่มออกซิเจน ให้ร่มเงา ปกป้องหน้าดิน
และช่วยให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ฯลฯ เธอยังเล่าถึงนักปลูกป่าอย่าง ด.ต.วิชัย
ที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนมากมาย
“ดีจังเลย” แอมยินดีกับเพื่อน “ตอนนี้เธอปลูกต้นไม้ที่บ้านเยอะเลยซีท่า”
เพื่อนทำหน้าเซ็งทันทีแล้วตอบว่า
“โอ๊ย ใครจะไปกวาดใบไม้ไหว ร่วงอยู่ได้ เลยตัดทิ้งไปแล้ว”
รักป่ารักต้นไม้ทั่วทั้งโลกนั้น บางครั้งกลับง่ายกว่ารักต้นไม้ในบ้าน
เราพร้อมจะไปปลูกป่าทั่วทุกหนแห่ง แต่คร้านที่จะดูแลต้นไม้ในบ้าน
ปลูกป่านอกบ้านไม่ใช่เรื่องยาก แค่หย่อนกล้าไม้ลงหลุมแล้วกลบ
จากนั้นก็กลับบ้านได้เลย แต่ปลูกต้นไม้ที่บ้านสิ เรายังต้องรดน้ำพรวนดิน
ใส่ปุ๋ยนานนับปี ครั้นต้นไม้เติบโตสูงใหญ่ ก็ยังต้องเสียเวลากวาดใบไม้ร่วง
ไม่หยุดหย่อน วันดีคืนดีกิ่งไม้อาจตกมากระแทกหลังคาเป็นรู
เป็น เพราะต้นไม้นอกบ้านให้แต่สิ่งดี ๆ มีแต่สิ่งที่น่าชื่นชม
ไม่เป็นภาระแก่เราเลย เราจึงรักเขาได้ง่าย ส่วนต้นไม้ในบ้านนั้น
เรียกร้องการดูแลเอาใจใส่จากเรา แถมยังอาจก่อปัญหาให้ด้วย
หลายคนจึงมองเห็นแต่ข้อเสียของเขา จนรู้สึกระอาขึ้นมา
เป็นเพราะเหตุผลเดียวกันนี้หรือเปล่า ผู้คนเป็นอันมากจึงรัก
และชื่นชมคนอื่นได้ง่ายกว่าคนในบ้าน เราเห็นแต่ความดีของคนไกลตัว
เพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย
ส่วนคนในบ้านนั้นอยู่ใกล้กับเรามากเกินไปจึงเห็นแต่ข้อเสียของเขา
หรือเห็นเขาเป็นภาระที่ต้องดูแลเอาใจใส่จนกลบข้อดีของเขาไปเกือบหมด
ผลก็คือเรามักสุภาพอ่อนโยนกับคนไกล
แต่มึนตึงฉุนเฉียวง่ายมากกับคนใกล้ตัว
ลอง มองให้เห็นคุณประโยชน์หรือความดีของต้นไม้ในบ้านบ้าง
เราอาจจะรักเขาได้ง่ายขึ้น หลายคนมาเห็นประโยชน์ของต้นไม้ในบ้าน
ก็หลังจากที่โค่นจนเหลือแต่ตอ แต่นั่นก็สายไปแล้ว
จะไม่ดีกว่าหรือหากเรารู้จักชื่นชมเขาขณะที่ยังอยู่กับเรา
กับคนในบ้านก็เช่นกัน เราควรหัดชื่นชมคุณความดีของเขาบ้าง
ที่แล้วมาเราอาจมองข้ามไป เพราะ....
คุ้นชินความดีที่เขาทำกับเราจนมองเห็นเป็น เรื่องธรรมดา
เพลงที่แสนไพเราะ หากได้ฟังทุกวันทุกคืน
ก็กลายเป็นเพลงดาษ ๆ ไม่มีเสน่ห์สำหรับเรา
ฉันใดก็ฉันนั้น คำพูดที่ไพเราะของภรรยา
น้ำใจของสามี หรือความใส่ใจของพ่อแม่
หากเราได้ยินได้ฟังหรือได้รับติดต่อกันเป็นปี ๆ
หรือนานนับสิบปี ก็กลับกลายเป็นสิ่งสามัญจน
เรามองไม่เห็นความสำคัญ
ไม่ต่างจากอากาศที่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าทั้ง ๆ ที่ขาดมันไม่ได้เลย
น่าแปลกก็ตรงที่หากคนใกล้ตัวทำผิดพลาดหรือสร้างความไม่พอใจแก่เรา
แม้เพียงครั้งเดียว การกระทำนั้น ๆ กลับฝังใจเราได้นาน
หรือลึกกว่าความดีที่เขาทำกับเรานับร้อยนับพันครั้ง
ใช่หรือไม่ว่าเวลาเขาทำดีกับเรา เรามองว่านั่นเป็น “หน้าที่ของเขา”
หรือเป็น “สิทธิที่เราควรได้รับ” แต่เมื่อใดที่เขาทำไม่ดีกับเรา
ทำให้เราไม่พอใจ เรากลับมองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น
“สิ่งที่ไม่สมควร” เป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา”
ดังนั้นจึงฝังใจเราได้ง่ายกว่า อันที่จริงเขาอาจไม่ได้ทำผิดพลาดเกินวิสัยปุถุชน
แต่ความที่เรามักจะมีความคาดหวังสูงจากคนใกล้ชิด
ความผิดพลาดของเขาแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เราหัวเสีย
ขุ่นเคือง หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้ง่ายและนาน
คนในบ้านหรือคนใกล้ตัวนั้น ไม่ว่าจะดีแสนดีเพียงใด
ก็ย่อมมีวันที่ต้องกระทบกระทั่งกับเราบ้าง
แต่หากเราไม่ฝังใจอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้น
หันมามองและชื่นชมคุณความดีของเขา
เปิดใจรับรู้ความรักที่เขามีต่อเรา เราจะรักเขาได้ง่ายขึ้น
และตระหนักว่าเขามีความสำคัญต่อชีวิตของเรายิ่งกว่าคนไกลตัวเสียอีก
อย่ารอให้เขาจากไปเสียก่อน
ถึงค่อยมาเห็นคุณค่าของเขา ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว
อะไรก็ตามยิ่งอยู่ใกล้ตัวมากเท่าไร
เราย่อมหน่ายแหนงและระอาได้ง่ายมากเท่านั้น
เพราะใจที่ชอบเห็นแต่แง่ลบมากกว่าแง่บวก
มิใช่แค่ต้นไม้ในบ้าน หรือคนในบ้านเท่านั้น
หากยังรวมถึงทรัพย์สมบัติในบ้านด้วย
แต่นั่นยังไม่ใกล้เท่ากับร่างกายและจิตใจของเราเอง
ไม่ว่าสวยเท่าใดก็ยังเห็นแต่ความไม่งามของตัวเอง
ไม่ว่าจะทำดีเพียงใดก็ยังเห็นแต่ตัวเองในแง่ร้าย
คนที่เกลียดตัวเองนั้นทุกวันนี้มีมากมาย
ยิ่งรักก็ยิ่งเกลียดเพราะไม่ดีอย่างที่หวัง
ยิ่งยึดติดคาดหวังกับความสมบูรณ์พร้อม
ก็ยิ่งเห็นแต่ความพร่องของตนเอง
ลอง มองให้เห็นความดีของตัวเองบ้าง
ให้อภัยกับความผิดพลาด ยอมรับความไม่สมบูรณ์พร้อม
ใช้สิ่งที่มีอยู่แม้น้อยนิด เพื่อการสร้างสรรค์สิ่งดีงาม
แล้วคุณจะรักตัวเองได้มากขึ้น
--------------------------------------
แจกฟรี ! CD เสียงอ่าน "รู้จักรัก" ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจรัก
ตามลิงค์เลยจ้ะ
viewtopic.php?f=20&t=31040


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 13:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7820

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: tongue :b1: ขออนุโมทนาสาธุการกับทุกท่านด้วยค่ะ :b20: smiley :b20:

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 14:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บางทีอาจเป็นเพราะคนใกล้เป็นคนพิเศษกว่าคนอื่นไกล
เพราะคนใกล้อาจเป็นท่อระบายน้ำเสียให้กับเรา
เพราะคนใกล้รู้ในเราทุกอย่างมากกว่าคนไกล
เพราะคนใกล้ให้อภัยเราได้เสมอ(ยามเราพลาด)
เพราะคนใกล้เหมือนญาติพี่น้องคนหนึ่ง
เพราะเมื่อไม่มีคนไกลแล้วคนใกล้นี่แหละจะป็นคนสุดท้ายที่รับอารมณ์ของเราได้.. :b34: :b29:
คนใกล้จึงไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากยามคบกัน... :b11: :b13:
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 15:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เดิมแท้สรรพสิ่ง ไม่มีความเห็นความหมายอยู่เองแล้ว และที่เป็นทิฐิที่บริสุทธิ์ก็เช่นกัน ที่ว่ารู้สักแต่ว่ารู้ เห็นสักแต่ว่าเห็น นั้นก็หมายความว่าเห็นแบบแล้วๆไป ไม่ใสใจ ไม่เอ๊ะอ๊ะ ไม่ต้องให้ค่าความเห็น ความหมาย ที่จะตรงต่อคำว่า อนัตตา เป็นที่สุด
หากแต่ว่า ยึดดู รู้ เห็น อิน ดู รู้เห็น แช่ดู รู้ เห็น ไปเอ๊ะอ๊ะ ให้ความเห็นความหมาย จัดเป็นอัตตาทิฐิ ให้ความเห็นของตัวเองในรูปแบบต่างๆนา ตามที่ตนเองมัก รักชัง ว่าเป็นอะไร จัดเป็นแบบปุถุชนละ ร้อยคนร้อยความเห็นความหมาย ร้อยเรื่องร้อยปัญหาหรือมากกว่านั้น ก็คิดเออเองหมด สร้างขึ้นมาเองหมดแล้วยังวก วน ติดในสมมุติบัญญัติ ขัดข้องในใจเอง นำมารกในใจเองอีก ฉลาดมาก น่ารักซะเหลือเกิน แต่ก็ไม่พ้นทุกข์ ทางใจ มีแต่นำเรื่องมาให้เป็นข้องค้างคาใจ เกิดคำถามมากมาย ทำไม และทำไม ? อยู่ตลอดเวลา ปล่อยให้ความคิดเห็นนั้น นำมาสุ่ม รวม ในจิต ในใจมากมาย หากเปรียบคอมพิวเตอร์ที่มีข้อมูล เต็มฮาร์ดดิสอยู่แล้ว อะไรเฟ้อมากก็หัดตัดๆ ออกไป คลีนอัพออกๆไปบ้าง ลบออก เรื่องราวเก่าๆ และที่ใหม่ ก็หัดธรรมดาๆกับ การดู รู้ เห็น ของตัวเองไปบ้าง ไม่เอ๊ะ ไม่อ๊ะ ไม่อะไรกับอะไรไปบ้าง เห็นอะไรก็แบบเห็นแล้วๆไป ไม่สนใจ รู้อะไรก็รู้แล้วไป ไม่นำมารกใจ อย่างนี้จะสว่าง วาง ว่าง ไปละ จึงเป็นผู้ไม่รกด้วยความเห็น ความหมาย มากด้วยทิฐิมานะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร