วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 00:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 08:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 08:13
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จากวาทะดังตฤณ ฉบับรู้จักรัก

ถาม – แฟนดิฉันเคยชวนให้มั่นใจว่าเราเป็นคู่แท้แต่ปางก่อนพูดอย่างโน้นพูดอย่างนี้จนกระทั่งดิฉันปักใจเชื่อตามกัน
และยอมให้เขาทุกอย่างแต่ในที่สุดหลังจากคบกันมาระยะหนึ่งเขาก็จะขอแยกจากไป ดิฉันรักเขามากอยากได้เป็นคู่ชีวิตจริงๆ
จะมีวิธีทำบุญแบบใดไปดลใจให้เขากลับมาหาเราได้ไหมคะ?


__________________

ผมว่าทำบุญอธิษฐานขอให้ตาสว่างเถอะครับ เวลาโดนความพิศวาสครอบงำเราจะนึกว่านี่แหละใช่ที่สุด รักเขาไม่มีทางถอน
ฉะนั้นความลุ่มหลงพิศวาสจึงเปรียบเหมือนเมฆหมอกมืดมัว ทำให้เราไม่สามารถเห็นถนัดว่าเขาดีเลวอย่างไร
ต่อเมื่อมีแสงสว่างฉายสาดมาชำแรกเมฆหมอกจึงสลายตัวไป เปิดให้เห็นทัศนวิสัยปกติ
ซึ่งคุณอาจรู้สึกไปอีกแบบหนึ่งอย่างสิ้นเชิง ที่สุดแล้วเขาคือคนแปลกหน้าคนหนึ่งดีตรงไหน
เลวประมาณใด คุ้มหรือไม่คุ้มกับการเสียเวลาลงทุนลงแรงให้


หากทำบุญแล้วคิดอยากให้เขากลับมา ก็เหมือนใช้บุญแทนเสน่ห์ยาแฝดอันนั้นแหละจะยิ่งผูกจิตของคุณให้แนบกับความหลงอย่างแน่นหนา
ในที่สุดจะแก้ยากเข้าไปอีกครับ เพราะบุญเปรียบเหมือนยา หรืออาหารบำรุงกำลังคุณกินเข้าไปก็เพิ่มเรี่ยวแรงทุกครั้ง แต่หากตั้งเข็มไว้ผิด
แทนที่จะใช้กำลังวังชาหาทางออกจากป่า กลับวิ่งหลงเข้าป่ารก คุณก็จะพบความทึบตันหนักขึ้นเรื่อย ๆ
คราวนี้พอหมดกำลังงานจากยาอาหารก็จอดสนิทเลยครับ กระดุกกระดิกออกจากป่าไม่ไหวแน่แล้ว


เรื่องภพ ๆ ชาติ ๆ นี้นะครับ พอเราโดนใครกล่อม แล้วยอมร่วมสะกดจิตตัวเองไปกับเขาเฝ้าบอกตัวเองย้ำ ๆ อยู่ทุกวัน ว่าเราเป็นคู่แท้ เป็นเนื้อคู่ เป็นคู่บุญที่ร่วมกันมาหอบหิ้วกันมานับชาติไม่ถ้วน ในที่สุดจะเกิดพลังโมหะบีบให้ปักใจเชื่อตามนั้น เป็นจริงเป็นจัง แล้วคนเราพอหลงยึดหลงเชื่อด้วยอำนาจความพิศวาสก็ยากมากที่จะปล่อยวางลงด้วยอำนาจปัญญา การจะเชื่อว่าใครเป็นคู่ของเราจริง ๆ หรือเปล่า ก็น่าจะถามตัวเองได้ครับว่า โดยรวมทั้งหมดการคบหากันระหว่างเรากับเขาเป็นสุข หรือเป็นทุกข์ และที่สำคัญคือคบแล้วชวนกันมีจิตเป็นบุญหรือเป็นบาปโดยมากเพราะถ้าเคยร่วมบุญกันมาจริงบุญเก่าย่อมนำคู่บุญมาต่อยอดความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไปไม่ใช่เพื่อให้ฝ่ายหนึ่งแหนงหน่าย และอีกฝ่ายหนึ่งทนทุกข์อยู่อย่างเดียวดาย




หากอยู่กับเขา เพื่อเป็นสุขในเชิงกามแป๊บ ๆ แล้ว โดนเบื่อไม่เกิดความเจริญก้าวหน้าอันเป็นบุญกุศล ไม่มีความสว่างทางจิตเอาเลยก็ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเขาไม่ใช่ ‘คู่บุญ’หรอกครับ แค่เป็นคู่เวรที่ตามมาเอาคืนมากกว่าการถามว่าใช่เนื้อคู่หรือไม่นั้น รังแต่จะทำให้สับสน และไม่ยอมรับความจริงประสบการณ์เทือกนี้ น่าจะชวนให้คุณเห็นเสียทีครับว่า ปุถุชนคนหนึ่งพูดอะไรอย่างที่ใจอยาก ไม่ได้พูดอย่างที่ใจรู้ ตอนเขาอยากได้เราเขาก็บอกว่าคงเคยร่วมพนมมือต่อหน้าเจดีย์ทอง อธิษฐานขอเป็นคู่ชีวิตร่วมกันไปทุกภพทุกชาติ แต่ตอนโกรธกัน หรือเวลาเขาอยากจากไป ก็อาจหาว่าเราเคยจงเกลียดจงชัง สาปแช่ง และขอผูกเวรกันต่อหน้าจอมปลวก ขอจองล้างจองผลาญเป็นคู่อาฆาตไปชั่วกัปชั่วกัลป์


นี่แหละ อำนาจความไม่รู้ของมนุษย์ ผลักดันให้พูดอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ความเชื่อเรื่องผูกใจข้ามภพข้ามชาติ กลายเป็นเพียงเครื่องมือสนองราคะ หรือโทสะเป็นคราว ๆ เท่านั้นภพชาติ และกรรมสัมพันธ์ถึงได้เป็นเรื่องฟั่นเฝือเห็นจริงเห็นเท็จคละกันมั่วไปหมด สำหรับการทำบุญเพื่อให้ตาสว่าง ผมขอแนะแนวทางง่าย ๆ ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง คุณแค่ไปนั่งหน้าพระปฏิมาที่ไหนสักแห่ง ในบ้านหรือที่วัดก็ได้พนมมือแล้วคิดในใจ หรือเอ่ยปากเปล่งเสียงชัดถ้อยชัดคำ อ้างความจริงอันประเสริฐ เช่น พระพุทธเจ้าทรงทำลายความหลงผิดได้เด็ดขาดแล้ว ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์เป็นพระอรหันต์แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าขอนอบน้อมด้วยความเลื่อมใสและขออำนาจความเลื่อมใสนี้ จงเป็นแสงสว่างทำให้ข้าพระพุทธเจ้าตาสว่างในทุกเรื่องที่ยังหลงผิดมัวเมาอยู่ด้วยเถิด


เอาประมาณนี้ หรือจำคำสำคัญ ๆ ด้วยความเข้าใจไว้ก็พอครับนั่นคือ พระพุทธเจ้าไม่ทรงหลงผิดแล้ว เมื่อเราเลื่อมใสในท่านก็ย่อมเกิดโสมนัสขึ้นมาปรุงแต่งจิตเป็นมหากุศลชั่วขณะหนึ่ง มหากุศลจิตมีความสามารถซึมซับพลังของผู้ที่คุณศรัทธา หมายความว่าเมื่อคุณศรัทธาพระปัญญาของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับได้ส่วนแห่งแสงปัญญาของท่านมาฟรี ๆ ยิ่งถ้าอธิษฐานแบบจำเพาะเจาะจงสำทับลงไปว่าขอให้เลิกหลงเลิกงมงายอะไรผิด ๆ ในที่สุดก็ต้องได้ผลตามแรงอธิษฐาน



พระพุทธคุณเป็นของไม่มีโทษ ตื่นเช้า และก่อนนอนลอง ‘ทำบุญ’ ตามวิธีที่ผมว่านี้ขอรับรองผลภายในสามวัน เจ็ดวันครับ อย่างช้าวันที่เจ็ดความงมงายในรักจะคลายฤทธิ์ หรือถึงขั้นหมดพิษสงลงสนิท คุณจะตื่นเช้าขึ้นมาด้วยจิตใจที่โปร่งโล่ง หูตาสว่าง และถามตัวเองว่าที่ผ่านมาทำไมต้องไปมัวหลงเขาไม่เลิกคำตอบก็คือ เพราะอำนาจมนต์ดำแห่งความพิศวาสเสื่อมลงแล้ว

แจกฟรี! CD ที่จะช่วยให้คุณพ้นจากทุกข์ที่เกิดจากความรัก ดูรายละเอียดได้ในห้องธรรมทาน
viewtopic.php?f=20&t=31040


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2010, 07:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนา สาธุค่ะ tongue

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร