วันเวลาปัจจุบัน 18 พ.ค. 2025, 02:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 16:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


ชีวิตคู่

สมรส หมายถึงรสนิยมเสมอกัน
มีจริตนิสัย ชอบและไม่ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน
จึงเข้ากันได้เป็นอย่างดี

เมื่อเราใช้ชีวิตคู่ร่วมกับผู้อื่นในฐานะต่าง ๆ ต้องมี
คุณธรรม และมีรสนิยมเสมอกัน จึงจะมีความสุข
ถ้าต่างกันมาก เข้ากันไม่ได้ ก็มักเกิดปัญหาตามมา

โดยเฉพาะชีวิตคู่ เป็นสามีภรรยาต้องใกล้ชิดกันมา
จนเรียกได้ว่าทั้งเราและเขา
มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อยู่ร่วมกันตลอดชีวิต
จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบคอบ
หากตัดสินใจจะใช้ชีวิตคู่กับใคร

อารมณ์รักเป็นสิ่งไม่แน่นอน
เมื่อเราสามารถเริ่มต้นชีวิตคู่กับคนที่รักเรามาก ๆ
เรารู้สึกสมหวังในความรัก โลกทั้งโลกสดใสสวยงามสำหรับเรา
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรานี้ไม่แน่นอน
ชีวิตสมรส อาจจะเป็นชีวิตที่อบอุ่น
สร้างครอบครัวที่มีความสุขร่วมกัน
หรือโดยส่วนใหญ่ก็มีทุกข์บ้าง สุขบ้าง อย่างปุถุชนทั่ว ๆ ไป

แต่สำหรับบางคู่อาจจะเป็นชีวิตที่ตกนรกทั้งเป็นก็มี เปรียบชีวิตคู่เหมือน
ชีวิตแบบยักษ์อยู่ด้วยกัน
ชีวิตแบบเปรตที่อยู่ด้วยกัน
ชีวิตแบบเดรัจฉานอยู่ด้วยกัน

อย่าหลงเชื่อในความรู้สึกรัก ซึ่งไม่แน่นอน
อารมณ์รักก็มีลักษณะเช่นเดียวกับ จิตที่เกิดอุปทาน
เหมือนการติดบุหรี่ เล่นการพนัน ติดยาเสพติด
ที่เกิดจากอุปทานความยึดมั่นถื่อมั่นของจิต
การหลงรักในสิ่งที่คนทั่วไปไม่รักก็มีมาก
จึงทำให้ชีวิตมนุษย์เรานั้นสับสนวุ่นวายอยู่ในทุกวันนี้

เมื่อเรารู้ว่าอารมณ์รักเป็นสิ่งไม่แน่นอน
เราจึงไม่ควรใช้อารมณ์รักเพียงอย่างเดียว
มาเป็นข้อตัดสินใจในการเลือกคู่ชีวิต

พระพุทธเจ้าทรงให้หลักในการพิจารณาไว้ว่า
ชีวิตคู่ที่จะมีความสุขร่วมกันได้ดี
ควรมีคุณธรรมเสมอกัน ๔ ประการ คือ
- ศรัทธา ความเชื่อมั่นในสิ่งดีงาม
- ศีล ความประพฤติดีทางกาย และวาจา
- จาคะ ความเสียสละ รู้จักแบ่งปัน
- ปัญญา ความรู้ว่าสิ่งใดดีหรือชั่ว


อย่างไรก็ตาม ในชีวิตจริงเป็นเรื่องยากที่จะได้คู่ครอง
ที่มีความคิดจิตใจเหมือนกันกับเรา หลวงพ่อชาเคย
เปรียบเทียบชีวิตคู่ไว้ว่า เหมือนเอาไม้สองท่อนมามัดไว้ด้วยกัน
ถ้าไม้ท่อนเดียวกันเอามือจับปลายสองข้างจะดึงจะโค้งงออย่างไร
มันก็ทนกว่าไม้สองท่อนที่จับเอามามัดกันไว้
เมื่อเราจับงอหรือดึงไปคนละทาง
มันง่ายอยู่แล้วที่จะหลุดออกจากกัน

ดังนั้น เมื่อคนสองคนมาอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ต้องรักกัน
สามัคคีกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา
เพื่อเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างคนต่างแก้ไข
ปรับตัวเองเพื่อเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง ต้องรู้จักอดทน
เมื่อเกิดไม่พอใจ ไม่ถูกใจ ต้องละทิฏฐิมานะ
ความเห็นแก่ตัว พยายามปล่อยวาง และให้อภัยต่อกัน
เรียกได้ว่าทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติธรรมแบบอุกฤษฏ์
ต้องช่วยเหลือเอื้ออาทรต่อกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
เพื่อที่จะผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้
และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเป็นสุข สบายใจ :b42:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

โรงครัวที่ไม่มีน้ำตาล เกลือ ไม่ใช่โรงครัว
การปรุงอาหารให้อร่อย ต้องใช้น้ำตาล เกลือ
ขาดน้ำตาล ขาดเกลือ รสอาหารก็ไม่อร่อย
น้ำตาล เกลือ จึงเป็นของสำคัญในการปรุงอาหาร
ในเวลาเดียวกัน โทษของน้ำตาล เกลือ ก็มีมาก
โรคเจ็บไข้ได้ป่วยของคนเรามีหลายโรค มีสาเหตุมาจาก
การรับประทาน น้ำตาล เกลือ มากไป
บางคนก็บอกว่า น้ำตาลมีแต่โทษ ไม่มีประโยชน์เลย
แต่ร่างกายก็ต้องการน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม

ชีวิตที่ปราศจากความรัก ไม่ใช่ชีวิต
สำคัญที่สุดในชีวิต คือ ความรัก
ความรักคือชีวิต ชีวิตคือความรัก
ความสุขของชีวิต เกิดจากความรัก
ความทุกข์ของชีวิต เกิดจากความรักเช่นกัน

ทุกข์เพราะความรัก ก็มีมาก
จนบางครั้งดูเหมือน ความรักคือความทุกข์
ทุกข์มาก ๆ ทำใจไม่ได้ จนถึงขั้นฆ่ากันตาย
ทำลายชีวิตตัวเอง ก็มีมาทุกยุคทุกสมัย

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 17:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธพจน์ ว่าด้วยรัก

ความโศกย่อมเกิดแต่ของที่รัก
ภัยย่อมเกิดแต่ของที่รัก
ความโศกย่อมไม่มีแก่บุคคลพ้นวิเศษแล้ว
จากของที่รัก ภัยจักมีแต่ที่ไหน

ความโศกย่อมเกิดแต่ความรัก
ภัยย่อมเกิดแต่ความรัก
ความโศกย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้พ้นวิเศษแล้ว
จากความรัก ภัยจักมีแต่ที่ไหน

ความโศกย่อมเกิดแต่ความยินดี
ภัยย่อมเกิดแต่ความยินดี
ความโศกย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้พ้นวิเศษแล้ว
จากความยินดี ภัยจักมีแต่ไหน

ความโศกย่อมเกิดแต่กาม
ภัยย่อมเกิดแต่กาม
ความโศกย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้พ้นวิเศษแล้ว
จากกาม ภัยจักมีแต่ไหน

ความโศกย่อมเกิดแต่ตัณหา
ภัยย่อมเกิดแต่ตัณหา
ความโศกย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้พ้นวิเศษแล้ว
จากตัณหา ภัยจักมีแต่ที่ไหน

พระพุทธเจ้า ตรัสแก่ภิกษุสาวก ถึงเรื่องความรักไว้ว่า
ความรักเป็นความร้าย ความรักเป็นสิ่งทารุณ
และเป็นเครื่องทำลายความสุขของปวงชน
ทุกคนต้องการความสมหวังในชีวิตรัก
แต่ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ
ยิ่งความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่หาด้วยแล้ว ก็เป็นพิษแก่จิตใจ
ทำให้ทุรนทุรายดิ้นรนไม่รู้จักจบสิ้น ความสุขที่เกิดจากความรักนั้น
เหมือนความสบายของคนป่วยที่ได้กินของแสลง

เธอทั้งหลายอย่าได้พอใจในความรักเลย
เมื่อหัวใจยึดถือไว้ด้วยความรัก
หัวใจนั้นจะสร้างความหวังขึ้นมาอย่างเจิดจ้า
แต่ทุกครั้งที่เราหวัง ความผิดหวังก็จะรอเราอยู่

“การไม่มีภรรยาเป็นลาภอันประเสริฐ
การไม่มีสามี เป็นลาภอันประเสริฐ”
ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เช่นนี้ เพื่อเตือนว่า
ชีวิตคู่มีทุกข์ สุขคละเคล้ากันไป
แต่เกือบทุกคู่ ทุกข์จะมากกว่าสุข
ตามวัย ตามสัญชาตญาณของสัตว์โลก
มักแสวงหาชีวิตคู่ แล้วเกิดความรัก ความผูกพัน ตามมา
ความรู้สึกว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม
เป็นความสุขอย่างที่สุดนั้น เป็นความรู้สึกของตัณหา
เพื่อที่จะได้ความสุขนั้น เหมือนต้องติดหนี้สินมากมาย
เพราะเมื่อได้ดำเนินชีวิตคู่ไปแล้ว หลายคน
รู้สึกว่าตัวเองได้คำนวณผิดพลาดไป ดอกเบี้ยแพง
ตั้งใจแก้ตัว พยายามอย่างไรก็ติดลบตลอด
มีทุกข์มาก มีสุขน้อย หลายคู่ก็ผิดหวัง
เหมือนมีหนี้สิน ชดใช้ไม่รู้จักจบจักสิ้น

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่ออกหัก
เมื่อไม่มีใครรัก แม้แต่ตัวเองก็ยังเกลียดชังตัวเอง
บางคนถึงชั้นอยากฆ่าตัวตาย ควรจะทำอย่างไร

๑. หาที่สงบสติอารมณ์ ให้เวลากับตัวเอง
ทำความเข้าใจกับตัวเราเองให้ถ่องแท้

๒. พึงเข้าใจว่าการทำร้ายตัวเอง
การฆ่าตัวตายไม่ใช่การแก้ปัญหา
ไม่ใช่วิธีหนีพ้นจากทุกข์
กลับเป็นการเพิ่มปัญหายึ่งขึ้นร้อยเท่าทวีคูณ
เพราะการฆ่าคนเป็นบาปหนัก
ต้องชดใช้กรรมอีกไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ

๓. ทำใจให้ได้ว่าเขาไม่ได้เป็นเนื้อคู่ของเรา
ถึงจะอยู่ด้วยกันก้จะมีปัญหาในอนาคตแน่นอน
อกหักตั้งแต่ตอนนี้ก็ดีแล้ว
น่าดีใจที่เรารู้จักความจริงเสียแต่บัดนี้

๔. ให้ระลึกถึงพุทธภาษิตที่ว่า
“ความรักเสมอด้วยความรักตนไม่มี”
หมายถึงความรักตน เป็นความรักอันสูงสุด

๕. เรากำลังผิดหวัง หลงอยู่ในอารมณ์อกหัก
จึงคิดว่าไม่มีใครรักเรา พ่อแม่ก็ไม่รักเรา
คนนี้คนนั้นไม่ดี ไม่รักเรา เรากำลังผิดหวัง
จากความรู้สึกที่ว่าไม่มีใครรักเราเลย
พิจารณาดูให้ดีว่าเรารักตัวเองไหม ก็คงจะไม่
ถ้าแม้แต่เรายังคิดที่จะทำลายตัวเอง
ทั้งทางกาย วาจา ใจ
แสดงว่าเราก็ไม่ได้รักตัวเองเลย
แล้วจะให้คนอื่นมารักได้อย่างไร

๖. พยายามตั้งสติระลึกถึงอารมณ์ปกติที่เราก็มีอยู่
ที่เราเคยมีชีวิตอยู่ตามปกติของเราตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก ๆ
อารมณ์ยามอกหักก็เปรียบเหมือนถูกน้ำเน่ากระเด็นใส่ตัว
เปื้อนเสื้อผ้าเลอะเทอะเต็มไปหมด เรารู้สึกตัวเหม็นเน่า
น่ารังเกียจ แต่นั่นไม่ใช่ของจริงอะไร
นั่นไม่ใช่ชีวิตจริงของเรา เมื่อเราชำระล้าง
เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นปกติตามเดิม
อารมณ์เมื่อเราอกหักก็เหมือนกัน
มันเพียงแต่ผ่านเข้ามากระทบใจเราเท่านั้น

๗. พระพุทธองค์ตรัสว่า จิตของเรานี้ประภัสสร
บริสุทธิ์ผ่องใสโดยธรรมชาติ
จิตเศร้าหมองเพราะอุปกิเลส ครอบงำจิต
โอปนยิโก น้อมเข้ามาหาตน
ค้นหาธรรมชาติของตนที่บริสุทธิ์
ผ่องใส เบิกบานใจ สบายใจ

๘. ตั้งใจ หยุดคิด ปล่อยวางความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ

หายใจออกยาว ๆ
หายใจแรง ๆ หน่อย ๆ
หายใจเข้า ลึก ๆ หน่อย ๆ
เน้นที่หายใจออกยาว ๆ

ความตั้งใจปรับลมหายใจยาว ๆ
ช่วยให้เกิดสติ ระลึกได้
สัมปชัญญะ ความรู้สึกตัว
ความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่สบายใจ จะค่อย ๆ จางหายไป
ความสบายอกสบายใจ จะปรากฏขึ้นแทน

ในที่สุด เราจะค้นพบตัวเอง
เข้าถึงธรรมชาติของจิตใจ
ที่สงบ เบิกบานใจ
ซึ่งมีอยู่ในตัวเราทุกคน นั่นเอง
เมื่อเราสบายใจ สุขใจ เราจะรักตัวเอง

เมื่อเรารักตัวองแล้ว
เราจะมีความสุข สุขภาพใจดี
และเป็นที่รักของบุคคลรอบข้างด้วย

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเราจะเป็นที่รักของผู้อื่นได้
ด้วยการประพฤติตนตามหลักธรรม ๔ ประการ

๑ มีความโอบอ้อมอารี
๒ มีปิยวาจา
๓ ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อผู้อื่น
๔ วางตนเหมาะสมเสมอต้นเสมอปลาย

ถ้าเราประพฤติตนตามนี้ได้ ก็จะเป็นการสร้าง
เหตุปัจจัยที่ดีให้เราอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
ทั้งปัจจุบันในชาตินี้และชาติหน้า

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


กัลยาธรรม ๕
เป็นหลักธรรมที่ควรปฏิบัติ มี ๕ ประการดังนี้
๑. เมตตาและกรุณา คือ
ปรารถณาให้เขามีความสุขความเจริญ
และความสงสาร คิดช่วยให้เขาพ้นทุกข์

๒. สัมมาอาชีวะ คือ การหาเลี้ยงชีพในทางสุจริต

๓. กามสังวร คือความสังวรในกาม ความสำรวมระวัง
รู้จักยับยั้งควบคุมตนในทางกามารมณ์
ไม่ให้หลงใหลในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส

๔. สัจจะ คือ ความซื่อสัตย์ ซื่อตรง

๕. สติสัมปชัญญะ คือระลึกได้ และรู้ตัวอยู่เสมอ
ฝึกตนให้เป็นคนรู้จักยั้งคิด
รู้สึกตัวเสมอว่าสิ่งใดควรทำ และไม่ควรทำ
ระวังมิให้เป็นคนมัวเมา ประมาท

หลายคนอาจรู้สึกว่า การักษาศีล ๕ เป็นเรื่องพื้น ๆ
ไม่มีอะไรพิเศษ จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญ
ความจริงแล้วการรักษาศีล ๕ ให้สมบูรณ์
ด้วยการปฏิบัติอย่างเข้าถึงจิตใจจริง ๆ
ถือเป็นเป้าหมายของการพัฒนาชีวิตที่สมบูรณ์ได้
หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโมลูกศิษย์ของท่านอาจารณ์มั่น
ได้เคยแสดงธรรมไว้ว่า

จิตไม่ฆ่าสัตว์ จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน
จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
จิตไม่ลักทรัพย์ จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน
จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
จิตไม่คิดมีผัวเมีย จิตออกบวช จิตก็เป็นศีล
จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
จิตไม่ขี้ปด จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน
จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ทีหัวใจของเราทุกคน

ที่สุดของจิตบริสุทธิ์ คือต้องเข้าถึงศีล ๕ สมบูรณ์

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รักที่ไม่มีทุกข์

ความรักที่มีแต่สุข ไม่มีทุกข์เจือปน เป็นสิ่งที่เป็นไปได้
ในทางพุทธศาสนา ความรักอันบริสุทธิ์
ที่จะนำชีวิตไปสู่ความสุขแท้ คือความรักที่ต้องอาศัย
คุณธรรมสำคัญ ๔ ประการ คือ

พรหมวิหาร ๔ อันประกอบด้วย
๑. เมตตา ปรารถนาให้เขามีความสุข
๒. กรุณา ปรารถนาให้เขาพ้นจากทุกข์
๓. มุทิตา พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดี
๔. อุเบกขา ทำใจเป็นกลาง วางเฉย

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


สันติภาพโลกเริ่มที่ความรัก

การพูดถึงสันติภาพโลก ในยุคสมัยปัจจุบัน
ที่โลกกำลังร้อนด้วยไฟสงครามและการก่อการร้าย
ฟังดูเหมือนเป็นการพูดถึงสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม

สันติภาพโลก จะไม่เป็นเพียงโลกแห่งอุดมคติ
หากมนุษย์เราทุกคนปลูกฝังคุณธรรม
ความรักความเมตตาให้อยู่ในจิตสำนึกตลอดเวลา
สร้างค่านิยมที่ดีในสังคม ไม่หลงมัวเมาในวัตถุนิยม
จนลืมพัฒนาจิตใจ

เมื่ออาจารย์นึกถึงสังคมในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบ้านเกิด
ที่เคยใช้ชีวิตมากกว่า ๒๐ ปี สมัยเป็นฆราวาส
สังคมที่นั่นสงบสุข แทบจะไม่มีข่าวการฆ่ากันตีกัน
หรือแม้แต่เรื่องขโมยก็ไม่ค่อยจะได้ยิน
เป็นสังคมที่รังเกียจคนทำชั่ว ยกย่องคนดีมีศีลธรรม
รักชีวิตตนเอง ชีวิตครอบครัว รักสันติสุข

สันติภาพโลกไม่ใช่โลกแห่งอุดมคติที่ไกลเกินเอื้อม
สันติภาพโลกเริ่มต้นที่ตัวเราทุกคน
ด้วยการให้ความรักและเมตตาแก่ตนเองก่อน
รักและปรารถนาดีต่อตนเองอย่างถูกต้อง
มีหิริโอตตัปปะ เป็นอาวุธต่อสู้ทำลาย โลภ โกรธ หลง
มีหิริโอตตัปปะ ทำลายความรู้สึกยินดี ยินร้าย

รักษาตนให้พ้นจากสิ่งที่ชั่ง ตั้งมั่นอยู่ในศีล ๕ ได้
หากมนุษย์มีศีลธรรมประจำใจกันทุกคนแล้ว
จะทำให้ทุกชีวิตมีหลักประกันของความปลอดภัย
ไม่ต้องมีความกังวลหวาดระแวงเกรงกลัวสิ่งใด ๆ อีก
ทุกคนอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุขร่มเย็น
สันติภาพโลกเริ่มจากพวกเราทุกคนที่นี่และเดี๋ยวนี้

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 22:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2010, 03:38
โพสต์: 29

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้า.....ชุดใหญ่
จัดไป....:b4:

:b32: :b32: :b32:


tongue tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron