วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 21:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: ทุกข์ก็สักแต่ว่าทุกข์ เศร้าก็สักแต่ว่าเศร้า ฟุ้งซ่านก็สักแต่ว่าฟุ้งซ่าน รู้สักแต่ว่ารู้
ทำใจให้เป็นกลาง เป็นอุเบกขา เฉยๆไว้ ไม่ทำความยินร้ายไม่ทำความไม่พอใจในทุกข์นั้น
แล้วเราจะเห็นว่าทุกข์นั้นเกิดได้ก็ดับได้ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน
เป็นของชั่วคราว ไม่มีตัวตน เป็นของว่างเปล่า

เจริญในธรรม :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 15:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุนมากครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 15:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 15:29
โพสต์: 8


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: รู้จักให้อภัย จิตใจจะมีสุขครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b7:
...ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์...ไม่ว่าจะรักอะไรก็ตาม...เพราะสิ่งที่ถูกรักคือสิ่งที่เราพอใจรัก...
...แต่ว่าสิ่งที่ถูกรักเมื่อเป็นคน...ก็ไม่อยู่นิ่งมีความต้องการเหมือนๆตัวเราคือพอใจก็จรัก...
...เมื่อไม่พอใจรักนั้นก็จะกลายเป็นโทสะคือแสดงความโกรธ...ก็คนที่โกรธก็ทุกข์ใจ...
...คนที่ถูกโกรธก็ทุกข์ใจและเศร้าหมองด้วย...เพราะไม่เข้าใจว่านั่นเป็นสภาพธรรมชาติ...
...ที่เกิดโกรธแล้ว...เศร้าหมองแล้ว...สะสมนอนเนื่องไว้ในจิตเป็นกรรมเรียบร้อยแล้วด้วย...
:b5:
...ทุกวินาที่ที่ไม่หายโกรธและไม่หายเศร้าใจ...ก็คือแต่ละคนคือจิตแต่ละดวงต่างสะสมกรรม...
...ที่ตัวเองคิดเองลงที่ใจตนเอง...เพราะสภาพแวดล้อมเป็นเพียงสิ่งที่เอื้ออำนวยต่อการทำกรรม...
...ก็ทำแค่2อย่างคือทำกุศลกับอกุศล...กุศลคือจิตคิดดีพูดดีทำดี...อกุศลคือจิตคิดไม่ดีรักโลภโกรธ...
...ส่วนจิตที่เป็นกลางคือไม่สุขไม่ทุกข์ไม่เดือดร้อนใจ...ปล่อยวางได้...ก็เป็นการลดการสะสมกรรม...
:b44:
...ถ้าเข้าใจชีวิต...ทุกขณะที่เห็นว่าเป็นเราจริงๆไม่ใช่...เป็นแต่เพียงสภาพความจริงที่ปรากฎให้เห็นได้เท่านั้น...
...เอาอะไรไปไม่ได้นอกจากความคิดเกิดขึ้นแล้วก็หมดไปทุกเวลาวินาทีที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา....
...นั่นไม่ใชเรา...ไม่ใช่คน...ไม่ใช่สัตว์...ไม่ใช่สิ่งของ...ที่มารองรับอารมณ์ชอบใจไม่ชอบใจของเรา...
...เพราะมีแต่สภาพเกิด-ดับ 6 ทาง(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)และแต่ละทางต่างอันต่างเกิดไม่มีอะไรเกิดพร้อมกันได้...
...นอกจากความหลงผิดในจิตเราที่เข้าใจเหมาว่าเป็นเราเป็นคนเป็นสัตว์และเป็นสิ่งของ...คือโมหะความหลง...
:b43:
...ซึ่งสภาพจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมคำสอนเพื่อให้จิตแต่ละดวงคลายความติดข้องในตัวตน...
...ไม่ใช่ง่ายที่จะเข้าใจ...จึงต้องค่อยๆศึกษาและพิจารณาไตร่ตรองว่าสิ่งที่ทรงแสดงโดยละเอียดคือความจริง...
...มีแต่สภาพธรรมเกิด-ดับที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา คือเกิดเห็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจแล้วก็หมดไป...
...เอาง่ายๆแค่กระพริบตาแล้วลืมตาขึ้นมาสิ่งที่เห็นอันเก่าก็ไม่มีร่องรอยปรากฎ...ซึ่งแปลว่าเรายึดและติดข้องทุกอย่าง...
...ที่ไม่มีตัวตนนั่นเอง...ต้องศึกษาไปเรื่อยๆ...จนกว่าจะเริ่มเข้าใจสิ่งที่ปรากฎจริง...นานแค่ไหนก็ท้อไม่ได้ค่ะ...
...ขอแนะนำให้บริกรรมพุทโธ...ทุกลมหายใจเข้า-ออก...จิตจะได้ไม่เสร้าหมองขุ่นมัวค่ะ...
:b20: :b20:
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 17:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุนมากครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 19:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้

เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง

เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง

ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2011, 11:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2011, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 09:31
โพสต์: 292

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันค่ะ
ตอนเกิดเรื่อง วิ่งเข้าหาทุกคนที่คิดว่าพึ่งพิงได้
สุดท้ายสิ่งที่คิดว่าจะดี กลับไม่ใช่อย่างที่คิด และดูแย่กว่าเดิม
สวดมนต์ ศึกษาธรรมะ อ่านหนังสือธรรมะเยอะแยะมาก
ทำไปสักพัก ยังไม่ดีขึ้นอยู่ดี บางวันสวดมนต์ไป คิดไป ร้องไห้ไปด้วย
รู้สึกทรมานสังขารตัวเองเหลือเกิน จิตใจแย่มากช่วงนั้น
ลานธรรมจักรเป็นที่หนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าสงบขึ้น ดีขึ้น คิดช้าลง น้อยลง
จากเคยหมกหมุ่นกับเรื่องราวของตัวเอง ได้ไปรับรู้เรื่องราวของคนอื่นบ้าง
ได้ช่วยคิด ช่วยแนะนำคนอื่นบ้าง บอกคนอื่น ปลอบคนอื่น ตัวเองก็ดีขึ้นด้วย
ทีนี้สวดมนต์ได้แบบมีสติ มีสมาธิ นั่งสมาธิได้ไม่วอกแวกมาก
ที่ใครๆแนะนำว่า คิดก็สักแต่ว่าคิด ความคิดอะไรที่ทำร้ายจิตใจเรามันผุดขึ้นมา
ก็ปล่อยให้มันคิดไป ไม่ต้องไปคิดต่อยอดความคิดตัวเอง พอคิดปุ๊บก็รู้ตัวว่าคิดอีกแล้ว
พอเรารู้ตัวว่าคิดเช่นนี้แล้ว จะไม่ดีกับตัวเอง มันก็ไปคิดเรื่องอื่นแทน
แต่ถ้าปล่อยให้มันคิดไปเรื่อยๆ เพลินไปกับมัน มันก็จะเข้าสู่ภาวะเศร้า หดหู่อีก
ถามตัวเอง ที่คิดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทำไปแล้วได้อะไรหรือป่าว
จะเศร้า จะสุข จะทุกข์ เขาไม่ได้รับรู้ มีแต่เราคนเดียวเท่านั้น
สิ่งใดมีอยู่กับตัวกับใจแล้วไม่ดี ไม่พาตัวพาใจไปในทางที่ดีก็ละทิ้งเสีย
อย่าเอามาเก็บไว้ให้ออกดอกออกผลเป็นความเศร้าหมอง ความหดหู่ ความเสียใจอยู่เลย
ยอมรับความจริงที่เป็นอยู่วันนี้ ว่าอะไรๆมันก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
พรุ่งนี้ก็มีสิ่งใหม่ๆเข้ามาให้เราพบเจออีก ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิตเรา
เพราะฉนั้น ทำตัวทำใจให้ดี ให้มีสติ ทำความดี คิดดี พุดดี ทำปัจจุบันดีแล้ว
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆไปต้องดีขึ้นแน่นอน
เอาใจช่วยให้ดีขึ้นเรื่อยๆแล้วกันค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2011, 15:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุน คุณปริตา ด้วยครับที่มาแชร์ประสบการณ์และให้คำแนะนำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2011, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2011, 10:52
โพสต์: 256

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องการธรรม เขียน:
ผมได้มีปัญหาทะเลาะกับเพื่อนครับ และผมก็ไดด้ขอโทษในส่วนที่ผมได้ทำไม่ดีกับเขาไว้ ก็ขอให้เขายกโทษให้ แต่เขาก็ไม่หายโกรธผม ทั้งๆที่ผมขอโทษไปแล้ว และก็ขอโอกาศแก้ตัวในสิ่งที่ผมทำผิดพลาดไป แต่ดูเหมือนเขาจะยังโกรธและมีฐิถิอยู่ ตัวผมเองเป็นคนคิดมากและก็มีใจที่เป็นทุกข์ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำใจยังไงให้หายทุกข์ ขอคำแนะนำและชี้แนวทางให้ผมได้คลายทุกข์ด้วยครับ ทรมานใจเหลอเกิน



สิ่งที่คุณทำลงไปไม่ทราบว่าผิดมากมายแค่ไหนในสายตาของเพื่อนคุณ แต่คุณก็ได้สำนึกผิดและขอโทษเขา

ไปแล้ว เขายังไม่หายโกรธก็คงต้องทำใจละค่ะ และคงต้องใช้เวลาสักหน่อยแล้วทุกอย่างคงจะค่อยๆดีขึ้น

เอง ถ้ายังไม่ดีขึ้นคุณก็คงต้องรักษาใจตัวเองก่อนให้หายทุกข์ สวดมนต์ภาวนาเจริญสติสัมปชัญญะก็ช่วยได้

นะคะ มีสติพิจารณาสิ่งที่คุณทำอยู่และพยายามแก้ใขให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ

ในบอรดนี้มีข้อความดีๆมากมายที่หลายๆท่านเข้ามาโพสเอาไว้ มีเวลาเข้ามาอ่านบ่อยๆนะคะ ช่วยได้มาก

ทีเดียวค่ะ ธรรมะสวัสดีช่วยได้ ถ้าจิตใจคุณสบายดีหายทุกข์ ความคิดดีๆก็จะมีเข้ามาเอง แล้วคุณ

ก็จะรู้สึกได้เองว่าควรจะทำอย่างไรให้มันดีขึ้นเรื่อยๆระหว่างตัวคุณและเพื่อนคุณ

เอาใจช่วยค่ะ

:b44: :b8: :b8: :b44:

.....................................................
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้อง อ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน
พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง
พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ
อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ - เพ็ญบุญ กุศลนำ ให้ถูก ให้พอ ต่อตน
ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง
ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่ว กลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพรฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2011, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2011, 17:27
โพสต์: 72


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องการธรรม เขียน:
หลังจากที่มีผู้ให้คำแนะนำมาในหลายๆวิธีผมก็ลองนำไปปฎิบัติตาม ก็ดีขึ้นบ้างครับ แต่บางเวลามันก็ฟุ้งซ่าน จากที่คิดแล้วยิ้ม พอฟุ้งซ่านกับเศร้าเหมือนเดิม ผมจะต้องต่อสู้กับทุกข์ในใจอีกนานแค่ไหนหนอ

ก็ขออนุโมทนา ในการแสวงหาหนทางดับทุกข์ ด้วยครับ ท่านบอกว่าเพื่อนยังไม่ให้อภัย ยังโกรธอยู่ แล้วตัวท่านเองหล่ะ ให้อภัยตัวเองรึยังครับ ท่านควรให้อภัยตัวเองด้วย ในการหลงผิดทำผิด แล้วสำนึกได้ว่าผิด รู้ชัดประจักษ์ว่าผิด
เมื่อท่านให้อภัยในกรรมนี้กับตัวท่านเอง ท่านก็อาจจะคลายจากทุกข์นี้ได้บ้างกะมังครับ...ผมคิดว่า ที่ท่านยังทุกข์อยู่เพราะท่านยังไม่คลายว่าตัวผิดอยู่ จึงผูกติดว่าต้องให้เพื่อนให้อภัย และมาดีต่อท่านท่านจึงคลาย
นี่ก็แต่เพียงความคิดเห็น จะช่วยท่านได้เพียงใด ก็ไม่ทราบได้ แต่ก็ขอเสนอไว้เป็นแนวให้ลองทำ ก็ขอให้พ้นจากทุกนี้โดยเร็ววันนะครับ

.....................................................
มองทาง สำรวจทาง รู้ทุกเส้นทาง เผื่อเจอแยกจะได้จำได้ และเลือกเส้นทางได้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2011, 13:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 17:30
โพสต์: 19


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุขออนุโมทนาและขอบคุนครับ ที่ช่วยแนะนำ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร