วันเวลาปัจจุบัน 15 ก.ค. 2025, 01:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 263 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 14, 15, 16, 17, 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 02:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


วันนี้การปฏิบัติค่อนข้างสงบ...
รู้ทีเท้าได้มากกว่าหลายวันที่ผ่าน...คิดมีน้อย...บางๆ
สติดีขึ้น....แม้แต่การปฏิบัติในแต่ละวันก็ยังไม่มีอะไร
ที่เที่ยงแท้....วันนี้ฟุ้ง...พรุ่งนี้ดี...อีกวันก็อีกอย่างหนึ่ง
แล้วเราจะเอาอะไรกับสังขาร...วิญญาณเหล่านี้....
ตอนนี้ที่รับรู้ได้อย่างเต็มๆ โดยไม่ต้องพยายามคือ
ความไม่แน่นอน...ไม่มีอะไรที่แน่นอนจริงๆ.....
แม้แต่ลมหายใจของเราที่หายใจเข้าๆออกๆ วันละ
ไม่รุ้กี่พันครั้ง...ถ้าสังเกตุให้ดีๆ...ก็ยังไม่เหมือน
ไม่เท่า และไม่สม่ำเสมอกันเลย....... :b48:

ตอนแรกว่าจะเข้ามาหาความสงบที่บ้านหลังนี้สักหน่อย
มาเห็นอาหารคาวหวาน และเครื่องดื่มที่ท่านใจบุญ ธรรบุตร
น้ำมาแจกจ่าย....ด้วยความอดอยากมานาน..เบรคไม่ทัน
ทานทุกอย่าง...จนอิ่มแปร้...ก็เลยตาปรือ...คิดว่าหลังจาก
ทานแล้วจะเข้าสักหนึ่งบัลลังค์...คงต้องงดก่อน เพราะคง
หลับคาทีแน่ะ....อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 14:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมบุตร เขียน:

:b8: ครับคุณพงพัน แหมตามเคี่ยวเข็ญ เหมือนโค้ชเลย อิอิ เจริญในธรรมครับท่านพงพัน อ้าวใครยังไม่ทำสมาธิ ยังไม่วิปัสสนา ท่าน อ.พงพัน มาแล้ว หรือใครทำแล้ว มีปัญหาตรงไหน สอบถาม สอบพฤติกรรม เพื่อแก้ไขการ วิปัสสนา ให้ถูกต้อง จะได้ไม่หลงทาง นานๆท่านจะมาที สมาชิก บ้านศาลารัก รายงานตัวด่วน


กล่าวเกินไปหรือเปล่าครับ
อย่างกับฝึกเหล่านักปฏิบัติเพื่อไปแข่งขันวิปัสสนาชิงแชมป์โลกอย่างนั้นแหละ :b32:

ผมก็เตือนทั้งตัวเองและผู้อื่นแหละครับ
บางทีตัวเราเองลืมเตือนตัวเอง ก็ต้องอาศัยคนอื่นเตือนบ้างเหมือนกัน
คิดว่าช่วยๆกัน เวลาเตือนผู้อื่นตัวเองก็จะได้สติในการพิจารณาไปด้วย

ดูง่ายๆว่าหลงหรือไม่หลงคือ
จิตที่ส่งออกนอกเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งสิ้น
จิตที่อยู่ภายในกายใจเป็นเครื่องดำเนินไปสู่ความพ้นทุกข์

ขอให้คุณธรรมบุตรและเหล่านักปฏิบัติเจริญในธรรมเช่นกันครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 15:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
วันนี้การปฏิบัติค่อนข้างสงบ...
รู้ทีเท้าได้มากกว่าหลายวันที่ผ่าน...คิดมีน้อย...บางๆ
สติดีขึ้น....แม้แต่การปฏิบัติในแต่ละวันก็ยังไม่มีอะไร
ที่เที่ยงแท้....วันนี้ฟุ้ง...พรุ่งนี้ดี...อีกวันก็อีกอย่างหนึ่ง
แล้วเราจะเอาอะไรกับสังขาร...วิญญาณเหล่านี้....
ตอนนี้ที่รับรู้ได้อย่างเต็มๆ โดยไม่ต้องพยายามคือ
ความไม่แน่นอน...ไม่มีอะไรที่แน่นอนจริงๆ.....
แม้แต่ลมหายใจของเราที่หายใจเข้าๆออกๆ วันละ
ไม่รุ้กี่พันครั้ง...ถ้าสังเกตุให้ดีๆ...ก็ยังไม่เหมือน
ไม่เท่า และไม่สม่ำเสมอกันเลย....... :b48:

ตอนแรกว่าจะเข้ามาหาความสงบที่บ้านหลังนี้สักหน่อย
มาเห็นอาหารคาวหวาน และเครื่องดื่มที่ท่านใจบุญ ธรรบุตร
น้ำมาแจกจ่าย....ด้วยความอดอยากมานาน..เบรคไม่ทัน
ทานทุกอย่าง...จนอิ่มแปร้...ก็เลยตาปรือ...คิดว่าหลังจาก
ทานแล้วจะเข้าสักหนึ่งบัลลังค์...คงต้องงดก่อน เพราะคง
หลับคาทีแน่ะ....อนุโมทนาค่ะ :b8:


ดื่มทั้งน้ำ ทานทั้งของว่าง ไอติม หวานเย็น จนพุงปลิ้นมีพลังแล้วก็มาสนทนากับคุณทักทายดีกว่า

สาธุกับปัญญาที่เห็นอนิจจังในกายใจ(ขันธ์๕)ครับ
ขออนุญาติแลกเปลี่ยนความรู้นะครับ
การมีสติรู้ที่กายอยู่เสมอนั้นดีมากๆเลยครับ เป็นกายานุปัสสนาที่ดี
เพียงแต่อย่าลืมว่า เมื่อมีสติที่กายแล้ว ให้พิจารณากายนั้นด้วยว่าน่ายึดมั่นตรงไหน
อย่างมีสติที่เท้าที่เคลื่อนไหว ก็ให้พิจารณาเท้าที่เคลื่อนไหวนั้นว่าเป็นเราตรงไหน

มันก็เป็นหนังที่หุ้มห่อกระดูก เยื่อในกระดูกเส้นเอ็น เส้นเลือด น้ำเลือด น้ำเหลือง เส้นใยประสาท สารสื่อประสาท
อีกทั้งประกอบด้วยช่องว่างต่างๆระหว่างเซลล์ ถ้าไม่มีช่องว่างเล็กๆเหล่านั้น ของเหลวต่างๆจะไม่สามารถไหลไปมาได้
ซึ่งสิ่งที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นเท้าเหล่านี้ ก็มีได้จากการที่เรากินอาหารต่างๆเข้าไป ทั้งข้าวทั้งน้ำ ที่เป็นสารอาหารและธาตุที่มาจากดินและน้ำทั้งสิ้น
อีกทั้งยังอาศัยลมหายใจเข้าไปเพื่อช่วยการทำงานของหัวใจ ร่างกายเผาผลาญเกิดเป็นพลังงานความอบอุ่น นี้ก็เป็นธาตุลมกับไฟทั้งสิ้น
และ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นเท้าเป็นร่างกายนี้ เมื่อตายไปมันก็คืนสู่ธรรมชาติในความเป็นดินน้ำลมไฟทั้งสิ้น

แล้วมีเราตรงไหน?????????
เวลาพิจารณากายให้พิจารณาลงความเป็นธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ แบบนี้ครับ

ขอให้คุณทักทายและผู้ปฏิบัติทั้งหลายเจริญในการปฏิบัติครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 05:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


วันนี้ไม่ได้ปฏิบัติ เนื่องจากทุกอย่างสายไปหมด
ไม่มีโอกาสได้ทำเลย.....จึงพิจารณาว่า...นี่ก็คือความไม่แน่นอนอีกเหมือนกัน
เมื่อวานกับวันนี้ไม่เหมือนกัน...แล้วพรุ่งนี้ก็ย่อมจะไม่เหมือนวันนี้

ความกังวลใจในเรื่องของอนาคต....ความอาวรณ์ถึงคนทางเมืองไทย
ค่อยๆคลายไปบ้าง....หลังจากต้องผจญกับความว้าวุ่นอย่างหนัก..เมื่อหลายวันก่อน
พอความกังวลเข้ามา....ก็วางลงว่า...อนาคตก็อีกตั้งไกล...จะมีอะไรที่แน่นอน
สิ่งที่เรากังวลในวันนี้...อาจจะมีหนทางที่คลี่คลายในวันข้างหน้าก็ได้...ทุกสิ่ง
ทุกอย่างไม่มีทางเหมือนเดิม...ทุกอย่างย่อมเคลื่อนไหวไม่มีอะไรทีไม่เปลี่ยนแปลง
รู้ว่าทุกอย่างไม่มีตัวตน...แต่ความกังวลต่อการดำเนินชีวิตก็ยังคงมีอยู่...วางยังไม่ได้
เพราะความไม่มีตัวตนนี้....ยังมีหน้าที...ยังต้องกิน...ยังต้องใช้....ยังต้องทำอยู่อีก
เพียงแต่ลดระดับความปรารถนาสิ่งสมมุติได้มากกว่าเดิม...ถึงแม้จะยังไม่หมดจด

อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: วันนี้มีถามตอบสำหรับท่านที่ชอบคนมีเจ้าของครับ :b8:

ด้วยสติที่ไม่สมบูรณ์ ดิฉันได้ทำผิดศีลข้อ 3 เป็นเวลา 1 ปีเพราะความหลงเชื่อในความรัก ดิฉันหลงทางผิดและกำลังชดใช้กรรมด้วยความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ทุกข์ใจเพราะรู้ว่าบาปแต่ก็รักเหลือเกิน ปัจจุบันดิฉันบอกเลิกความสัมพันธ์ และพยายามอย่างยิ่งที่จะปฏิบัติธรรมเพราะไม่อยากมีความรักที่ผิดศีลธรรมอีก ต่อไป แต่การลดกามกระทำยากเหลือเกินค่ะ ขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ด้วยค่ะ จะลดความกำหนัด ไม่มีความรักต้องทำอย่างไร

ผู้ผิดศีลกาเม

คำตอบ
ลองศึกษาการแก้ปัญหของสิริมาเป็นตัวอย่าง แล้วทำตามก็น่าจะแก้ปัญหานี้ให้ลุล่วงไปได้

สิริมาเกิดในครั้งพุทธกาล มีอาชีพเป็นหญิงงามเมืองของแคว้นมคธ นางได้เลิกอาชีพที่คนทั้งหลายเหยียดหยาม แล้วตั้งศรัทธาแน่วแน่ในพระรัตนตรัย นางได้จัดเตรียมอาหารอย่างดีด้วยมือของนางเอง แล้วนำไปถวายแต่ภิกษุสงฆ์ วันละ 8 รูป ทำเช่นนี้ เป็นนิตย์จนสิ้นอายุขัย นางตายแล้วได้โอปปาติกะเป็นเทพนารีอยู่ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตีอีกด้วย

ส่วนการแก้ปัญหาทุกข์ใจเรื่องความรักผิดทาง คือ รักด้วยตัณหาหวังครอบครอง เมื่อไม่สมหวังจึงเกิดทุกข์ ถ้าจะแก้ปัญหาเช่นนี้ต้องเจริญอสุภกรรมฐานบ่อย ๆ จนเห็นแจ้งในสัจธรรมของซากศพ จิตจะปล่อยวางความรักได้ หรือในอีกแนวทางหนึ่งให้เจริญเมตตาภาวนาอยู่เสมอ จนจิตบรรลุความมีเมตตาอย่างแท้จริง แล้วใช้เมตตาเป็นฐานรองรับความรัก คือรักด้วยเมตตาแล้วจะไม่ทุกข์

:b8: ดร.สนอง..

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 15:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: คำตอบสำหรับท่านที่สามีนอกใจหรือเข้ากับแม่สามีไม่ได้ :b8:

ดิฉันเป็นสะใภ้คนจีน แม่สามีไม่ชอบคนไทยอยู่กันมา9ปีระหว่างที่อยู่ที่บ้านนี้ก็มีปัญหามาตลอด9ปี แม่สามีเป็นคนเห็นแก่ฝ่ายตนเองอย่างเดียวมองดิฉันเป็นคนนอกตลอด ไม่เคยจุนเจือเลยในยามเรา2คนสามีภรรยาไม่มีเงินตอนสามีตกงาน ยังดีที่พ่อสามีแอบช่วยบ้างแต่ก็โดนว่า แต่ก่อนตอนมีปัญหากับแม่สามี สามีจะทำตัวเป็นกลางตลอด ดิฉันสวดมนต์ทุกวัน ชอบอ่านธรรมมะแล้วเอามาเล่าให้แม่สามีฟัง ชวนแม่สามีไปทำบุญที่วัด(ปกติเค้าไม่เคยไปแต่เห็นเราชวนไปแล้วไม่ต้องใช้ จ่ายอะไรเลยยอมไป) ดิฉันตั้งใจไว้ว่าหากแม่สามีมีธรรมมะมากๆจะดีทั้งกับเขาและเราด้วยแต่ไม่นาน มานี้สามีดิฉันแอบไปมีผู้หญิงอื่น ดิฉันจับได้และเสียใจมากแทบจะบ้าตายดิฉันมีลูกชาย1คนอายุ8ปี เสียใจเรื่องสามีไม่พอกลับเจอสามีและครอบครัวเขาทุกคนไล่ฉันออกจากบ้านทั้ง ที่รู้ว่าเราไม่มีที่ไป ทุกวันนี้ฉันต้องอดทนเพื่อลูกพยายามมองว่าเราอาจทำกับเขามาก่อนชาติที่แล้ว จึงมาใช้กรรมกันในชาตินี้ แต่ดิฉันไม่อยากเจอกับพวกเขาอีกแล้วติดที่ดิฉันชวน สามี แม่ พ่อ น้องสาว เขาทำบุญบ่อยๆอย่างนี้ก็หนีกันไม่พ้นแล้วใช่ไหมคะ เรียนอ.สนองช่วยตอบ แล้วสามีทำเราเสียใจมากถ้าวันหนึ่งเขากลับมาแล้วเราไม่เอาแล้ว เราจะกลายเป็นคนใจแคบไหมเพราะทุกวันนี้มองเขาอย่างสงสาร สงสารที่เขาหลงผิดไปกับกามตันหา

คำตอบ
นี่แหละโลก ถ้าฉลาดก็อยู่เป็นสุข ถ้าไม่ฉลาดก็อยู่เป็นทุกข์คุณอยากพิสูจน์ไหมล่ะว่า ที่พึ่งที่ดีที่สุดคือการพึ่งธรรม หากคิดพึ่งสิ่งที่เป็นสมมุติ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ นี่แหละเขาเรียกว่าทุกข์พึ่งแล้วผิดหวังแน่นอนพึ่งพ่อ พึ่งแม่ พึ่งสามี ฯลฯ พึ่งได้ชั่วคราว ทำไมคุณไม่แสวงหาที่พึ่งอันประเสริฐที่พึ่งที่ดีที่สุด คือพึ่งธรรม แม้แต่พระพุทธะยังต้องพึ่งธรรมเลย พระพุทธะทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วไง สละจักรพรรดิสมบัติ สละสิ่งที่เป็นสมมติทั้งหมดแล้วแสวงหาธรรมมาคุ้มครองใจ กินอยู่หลับนอนโดยมีธรรมะเป็นเพื่อนไม่ผิดหวัง ไม่ต้องทุกข์ใจ ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องเปลืองใจ ให้เสียเวลาแห่งชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์ ผู้ตอบปัญหาก็ดำเนินชีวิตตามทางที่พระพุทธะชี้นำนี่แหละไม่คิดจะพึ่งใครอื่น ใดให้ผิดหวัง คิดพึ่งตัวเอง เอาธรรมะมาบรรจุไว้ในใจจะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร จะปฏิสัมพันธ์กับใคร สบายใจ สุขแท้จริงหนอ อยากเป็นได้อย่างนี้ไหมล่ะ ฉลาดขึ้นสิ ช่วยตัวเองเอาธรรมะเข้าไว้ในใจแล้วคุณจะสบายใจ สุขใจ จริงแท้แน่นอน นะจะบอกให้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
...วางยังไม่ได้
เพราะความไม่มีตัวตนนี้....ยังมีหน้าที...ยังต้องกิน...ยังต้องใช้....ยังต้องทำอยู่อีก
เพียงแต่ลดระดับความปรารถนาสิ่งสมมุติได้มากกว่าเดิม...ถึงแม้จะยังไม่หมดจด


สาธุครับ วางไม่ได้นั่นถูกต้องแล้วครับ สัจธรรมคือ เราไม่สามารถวางอะไรได้เลย
ทำได้แต่สร้างเหตุให้ละอุปาทานที่เกาะเกี่ยวขันธ์ได้เท่านั้น

ที่คุณทักทายว่ายังไม่หมดจดนี่เป็นอย่างไรหรือครับ แล้วถ้าหมดจดจะต้องเป็นอย่างไรหรือครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 23:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


พงพัน เขียน:
taktay เขียน:
...วางยังไม่ได้
เพราะความไม่มีตัวตนนี้....ยังมีหน้าที...ยังต้องกิน...ยังต้องใช้....ยังต้องทำอยู่อีก
เพียงแต่ลดระดับความปรารถนาสิ่งสมมุติได้มากกว่าเดิม...ถึงแม้จะยังไม่หมดจด


สาธุครับ วางไม่ได้นั่นถูกต้องแล้วครับ สัจธรรมคือ เราไม่สามารถวางอะไรได้เลย
ทำได้แต่สร้างเหตุให้ละอุปาทานที่เกาะเกี่ยวขันธ์ได้เท่านั้น

ที่คุณทักทายว่ายังไม่หมดจดนี่เป็นอย่างไรหรือครับ แล้วถ้าหมดจดจะต้องเป็นอย่างไรหรือครับ


คือลดระดับความปรารถนาได้บ้าง แต่ไม่ได้งดไปเลยทั้งหมด
บางครั้งก็ยังฟูฟ่องขึ้นมาในใจ ยามที่เผลอ...ต้องค่อยๆระงับความอยากนั้นๆ
ให้ลดลง...แต่ไม่หายไปทั้งหมดค่ะ... :b7:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
คือลดระดับความปรารถนาได้บ้าง แต่ไม่ได้งดไปเลยทั้งหมด
บางครั้งก็ยังฟูฟ่องขึ้นมาในใจ ยามที่เผลอ...ต้องค่อยๆระงับความอยากนั้นๆ
ให้ลดลง...แต่ไม่หายไปทั้งหมดค่ะ... :b7:


ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสภาวะธรรม หรือธรรมชาติ
ถึงเมื่อเป็นดังปารถนาแล้ว สิ่งนั้นก็ยังเป็นสภาวะธรรม

จะลดความปารถนาหรือไม่ลดความปารถนา จะฟูฟ่องหรือไม่ฟูฟ่อง จะอยากหรือไม่อยาก
ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นที่ขันธ์ เป็นอาการของขันธ์ทั้งสิ้น
จึงต้องกำหนดดูอาการ ดูสภาวะต่างๆของขันธ์นั้น ว่ามันไม่ใช่เราอย่างไร

นี่เป็นสาเหตุที่หลวงพ่อให้พิจารณาขันธ์ทั้ง๕ให้ละเอียด เพื่อมันจะได้ไม่หลงในอาการทั้งหมด สภาวะทั้งหมดของขันธ์ จึงจะขจัดความหลงในขันธ์๕นี้ ให้หมดสิ้นเสียได้
ไม่ใช่ดับอาการของขันธ์ให้หมดสิ้น แต่เป็นการดับความหลงในขันธ์๕นี้ว่าเป็นเราเป็นของเราครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 11:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


[color=#BF40FF]เข้าใจแล้ว

อนุโมทนาค่ะ :b8:
[/color]

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องน่าอ่าน ... มีคติและหลักธรรม ... ถ้าท่านรู้จักใครที่มีทุกข์จากความรัก ให้เขาอ่านจะทำให้เขามีกำลังใจดีขึ้นนะครับ







มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน
ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตน แต่งงานกับคนอื่น อย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้ง งง และ เสียใจ มาก
ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ

เวลาผ่านไป ฝ่ายชาย ป่วยหนัก ขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มี หลวงตา แก่ๆผ่านมา
เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า
หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต
ในบ้านมีคนป่วยใช่มั้ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย
ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้
ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย
เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา!

เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
ชายคนดังกล่าวนอนอย่าง หมดอาลัยตายอยาก อยู่บนเตียง
สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่ง ครึ่งคนครึ่งศพ
เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ
ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ
ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ
ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล.... ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น
เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอน เปลือยกาย อยู่ที่ชายหาด
เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น
เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป
พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ
ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา
เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร
จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป

จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น
และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ
พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก

ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม
ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ
ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ
จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจาก กัน

เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว
ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด .....

คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย




เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่

ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง
เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่

fwd.mail

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มาเยี่ยมบ้านคุณธรรมบุตรครับ
วันวิสาขบูชาไปทำบุญนั่งสมาธิที่วัดปทุมมา
ถือโอกาสแผ่กุศลให้ผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายชุมนุมด้วย
เอาบุญมาฝากคุณธรรมบุตรและทุกท่านด้วยครับ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

อนุโมทนา..สาธุด้วยครับ คุณพงพัน ที่นำบุญมาฝาก ดีจังเลยครับที่คุณพงพันได้แผ่ส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตซึ่งยังไม่รู้เลยว่าใครฆ่าพวกเขาในเขตอภัยทาน ต้องขอบคุณและแสดงความชื่นชมในความมีเมตตาของคุณพงพันที่มีจิตใจแผ่เมตตาให้กับผู้เสียชีวิต อนุโมทนาครับ


ส่วนผมก็ไปทำบุญกฐินลอยฟ้า ๑ กอง ฟังธรรม นั่งภาวนา เวียนเทียน ที่วัดพระธาตุดอยสะเก็ดก็นำบุญมาฝากคุณพงพัน

และกัลยาณมิตรทุกท่านด้วยเช่นกันครับ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แก้ไขล่าสุดโดย ธรรมบุตร เมื่อ 30 พ.ค. 2010, 18:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2010, 00:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ว่าจะเป็นใคร ผู้ที่ฆ่าคนในวัดนั้นบาปหนักเหลือเกิน
ผมก็แผ่กุศลให้คนที่ฆ่าด้วย เพื่อลดความเศร้าหมองในจิตใจของตัวเองด้วยครับ

อนุโมทนาบุญด้วยครับคุณธรรมบุตร :b8:
ขอให้ผลบุญนี้ส่งผลให้คุณธรรมบุตรและทุกๆดวงจิต
ส่งให้เกิดความเจริญของปัญญาและความดีงามในกายใจยิ่งๆขึ้นไปครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2010, 00:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความรัก
ตัดตอนมาจาก ปฏิปัตติวิภังค์ จากหนังสือ ธัมมานุธัมมปฏิบัติ โดย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร
จัดพิมพ์โดย ชมรมพุทธศาสน์ การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย



ถาม เมตตา กรุณา กับรัก นั้นเหมือนกันหรือต่างกัน
ตอบ ต่างกันมาก อย่างละอริยสัจทีเดียว ความรักนั้นเป็นสมุทัย เมตตานั้นเป็นมรรค

ถาม เช่นรักบุตรหลาน ญาติมิตร คิดให้เป็นสุขและให้พ้นทุกข์หรือสงสารจะว่าเป็นสมุทัยได้อย่างไร รู้สึกรสชาติของใจประกอบด้วยความเอ็นดูปราณี
ตอบ ความรักและความสงสารบุตรหลานญาติมิตร ประกอบด้วยฉันทราคะอาลัยห่วงใยกังวลพัวพันยึดถือ หนักใจไม่โปร่ง เมื่อคนรักเหล่านั้นวิบัติไป เช่น ตาย เป็นต้นก็เกิดทุกข์โทมนัสเศร้าโศกเสียใจอาลัยคิดถึง ถ้ารักมาก็โศกมาก สมด้วยพระพุทธสุภาษิตคาถาธรรมบทปิยวรรคที่ ๑๖ ว่า

เปมโต ชายเต โสโก ความโศกย่อมเกิดแต่ความรัก
เปมโต ชายเต ภยํ ภัยย่อมเกิดแต่ความรัก
เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส ความโศกไม่มีแก่ผู้พ้นแล้ว
นตฺถิ โสโก กุโต ภยํ จากความรัก ภัยจะมีมาแต่ที่ไหน

เพราะฉะนั้น จึงผิดกับเมตตากรุณา ส่วนรักนั้นมีความชอบ และสงสารบุตรหลานญาติมิตร ไม่ทั่วไปในสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง เป็นแต่พรหมวิหาร ส่วนเมตตากรุณาที่เป็น

อัปปมัญญานั้นทั่วไปในสัตว์ไม่มีประมาณและไม่ประกอบด้วยความห่วงใยอาลัยพัวพันยึดถือ มีความโปร่งและเบาใจไม่หนัก มีจิตเย็นเป็นสุขและเป็นข้าศึกแก่พยาบาทโดยตรง และได้รับอานิสงส์ ๑๑ ประการด้วย ตามแบบที่ท่านแสดงไว้ในเมตตานิสังสสูตรว่า

๑. สขํ สุปติ หลับก็เป็นสุข
๒. สุขํ ปฏิพุชฺฌติ ตื่นก็เป็นสุข
๓. น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ ย่อมไม่ฝันเห็นลามก
๔. มนิสฺสานํ ปิโย โหติ ย่อมเป็นที่ชอบใจของมนุษย์ทั้งหลาย
๕. อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ ย่อมเป็นที่ชอบใจของอมนุษย์ทั้งหลาย
๖. เทวตา รกฺขนฺติ เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา
๗. นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ ไฟหรือยาพิษหรือศัสตรา
วา สตฺถํ วา กมต ย่อมไม่ต้องผู้เจริญเมตตานั้น
๘. ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยติ จิตของผู้เจริญเมตตาย่อมมั่นเป็นสมาธิเร็ว
๙. มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ สีหน้าของผู้เจริญเมตตาย่อมผ่องใส
๑๐. อสมฺมูโฬฺห กาลํ กโรติ ย่อมไม่มีสติหลงตาย
๑๑. อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺณนฺโต เมื่อยังไม่สำเร็จพระอรหันต์อันยิ่ง

พฺรหฺมโลกุปฺโค โหติ ย่อมไปเกิดในพรหมโลก


ได้หยิบหนังสือที่ตีพิมพ์ธรรมที่หลวงปู่มั่นแสดงไว้มาอ่านอีกครั้ง
ยังคงได้รับความร่มเย็น และเข้าใจธรรมที่ท่านแสดงมากขึ้น และส่วนที่ตัดตอนมานี้
เผอิญไปอ่านตอนที่มีคำถามนี้อยู่ในใจพอดี
เลยคิดว่าน่าจะสามารถตอบคำถามเรื่องความรักได้ในระดับหนึ่ง
เลยเอามาฝากครับ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 263 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 14, 15, 16, 17, 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร