วันเวลาปัจจุบัน 09 มิ.ย. 2025, 17:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 400 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17 ... 27  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2014, 16:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 11:12
โพสต์: 421

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

ยังคงปฏิบัติ มีวิถีชีวิตตามเดิมค่ะ แต่ก็มีบางวันที่ขี้เกียจเกเร ตื่นสายบ้าง ถึงกระนั้นก็ ยังให้เวลาในการสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เช้า-เย็น ทุกวัน และ บ่ายวันอาทิตย์ก็เข้าวัดร่วมปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์ ทานมังสวิรัติในวันพระและวันเกิดและมื้ออื่นๆตามสะดวกด้วยค่ะ ......
อาจจะเพิ่มการเข้าวัดในวันเสาร์บ่ายหากเป็นไปได้ แต่ขณะนี้วันเสาร์ก็จะเปิดเทศน์ของพระอาจารย์ ร่วมกับการทำงานบ้าน สะสาง เสื้อผ้า ซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดบ้าน พิมพ์งาน ที่ค้างอยู่...พอว่างจะอ่าน ศึกษาธรรมะทันที ไม่ให้จิตว่างให้กิเลสเข้ามาครอบงำจิตใจได้ ไม่ดูทีวีเลย.....

ไม่ทราบว่าเคร่งเครียดไปหรือเปล่าค่ะ.........แต่ตนเองมองตนว่ากำลังสบายสุขที่ได้ทำค่ะ...... :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2014, 20:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 10:27
โพสต์: 61

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="กล้วยไม้ม่วง"]onion
คุณบัวฟ้า.....
อะไรจะขนาดนั้นค๊า......

ท่านผู้รู้ก็เตือนอยู่ว่า......พอมีสุขก็ใช้ชีวิตอย่างประมาท....พอทุกข์ก็จะระวัง บอกว่าจะเฝ้าระวังสติ อยู่กับปัจจุบัน พอผ่านไปก็หลงลืม ละ กลับไปใช้ชีวิตอย่าง.....ตามความเคยชิน.....ร่องเดิม......

ต้องคอยระวังอยู่เสมอ...ตักเตือนตนเองเสมอ และข้อสำคัญ ต้องมีกัลยาณมิตรเช่นพวกเราที่ผ่านความทุกข์ มาด้วยกัน คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันนะค๊า...


จริงๆนะคะ...คุณกล้วยไม้ม่วงคะ
ความคิดตอนนี้แบบนี้จริงๆ...แต่ต่อไปหากหลงลืมเราจะช่วยกันพิจารณาเป็นประเด็นไปนะคะ...จริงๆบัวฟ้าก็รู้ว่าผู้ชายไม่เลวทุกคน(บัวฟ้าก็เพิ่งเจอคนเดียวนี่แหละค่ะ) มีคนบอกว่าชะตาเราเป็นอย่างไรก็จะได้อย่างนั้น...คือคนต่อไปก็คงเจอแต่คนเลวๆ...ต้องหาเลี้ยงเขา...คบคนใหม่เขาก็ไม่รักเราหรอกค่ะ เพราะชะตาเรามาแบบนี้... :b34: :b34: :b34:
ขอขอบคุณมาก ที่คอยช่วยเหลือนะคะ :b17: :b17: :b17:
:b8: :b8: :b8: สาธุ ขอให้ลูกมีสติ ไม่ประมาทในชีวิต สาธุ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2014, 09:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 11:12
โพสต์: 421

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley

เมื่อวานไปประชุมมาค่ะ....

เรื่องสิทธิสตรี เด็ก เยาวชน ปัญหา สถานการณ์ที่หญิงเจอแรงกดดัน ให้เป็นผู้รับผิดชอบทั้งตนเอง ครอบครัว สังคม ที่มองคาดหวัง โอ....จริง ๆ ก็น่าจะถึงยุคของความเสื่อมโทรมด้านจิตใจคนจริง ๆ ผู้ชายขาดความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม ฟันแล้วทิ้ง ปล่อยให้ผู้หญิง รับผิดชอบ เรื่องท้อง แท้งเอง ตอนสนุกก็ร่วมกัน พอเจอปัญหาไม่รับ ทิ้งอย่างเดียว ทารุณจริง ๆ ๆ

เป็นปัญหาตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงประเทศ โลก เลยทีเดียว คงต้องช่วยกันรณรงค์เยอะๆๆ เริ่มจากตัวเราเองที่ดูแลควบคุมสิทธิ หน้าที่ของตัวเราให้สมบูรณ์ จริง แผ่ขยายต่อครอบครัว พี่น้อง เพื่อนร่วมงาน สังคม ....ได้ 1 ยังดีกว่าไม่ได้เลย ฮึม ......

พวกเราในลานธรรมต้องช่วยๆกันค่ะ เริ่มจากเราเลย
ที่รับผิดชอบตนเองตามบทบาทหน้าที่.........ไม่เบียดเบียนตนและใคร ๆๆ


:b36: :b48: :b46: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2014, 20:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 10:27
โพสต์: 61

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กล้วยไม้ม่วง เขียน:
smiley

ที่รับผิดชอบตนเองตามบทบาทหน้าที่.........ไม่เบียดเบียนตนและใคร ๆๆ[/color]

:b36: :b48: :b46: :b8:


ok Kiss Kiss Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2014, 09:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 11:12
โพสต์: 421

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss

คุณบัวฟ้า...อย่าเยอะ....เข้าใจมากเลยค่ะ.....คุณกำลังอยู่ระยะของการฮันนีมูน....ไม่ได้ขู่น่า.....แต่ว่าเราผ่านมาก่อน.......สุขมากกกๆๆๆๆจริง ๆ ๆ ๆ.....จนวนกลับมาอีกรอบ......แล้วก็ต้องปรับกลยุทธ กลวิธีใหม่อีก.........55555

ช่วงนี้มีเหตุการณ์แปลกแต่จริง....คือหากเราสนใจเรื่องไหน อยากรู้เรื่องอะไร กำลังอ่านศึกษาอยู่แต่มีข้อติดขัด มีเอ๊ะ......ก็จะได้รับข้อมูลจากผู้รู้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น พระอาจารย์บรรยาย /เทศน์วันที่ไปปฏิบัติธรรม..หรือ ไปเปิด CDเจอพอดี อะไรอย่างนี้ค่ะ.......

พอสรุปได้ว่า ..มีข้อสงสัยว่า...ลักษณะของคนพาล......การอยู่ร่วมกับคนพาล...ผลของการเป็นคนพาล......ชีวิตของคนพาล....และที่สำคัญคือ คนพาล และบัณฑิตจะมีลักษณะ /มีส่วนที่คล้ายกันจึงจะไหลไปหากัน คบหากัน แบ่งพรรค แบ่งพวก ด้วยความคิดเห็น ที่เหมือนกัน..จะมีเหตุ - ปัจจัย..ที่จะส่งผลให้พอปะกัน คบหากัน.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2014, 12:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 11:12
โพสต์: 421

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

ลักษณะความคิดที่ดี ๆ ได้แก่

1. ความคิดเพื่อการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ใช่คิดจะเปลี่ยนแปลงคนอื่น แต่คิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองมากกว่า เวลาเกิดปัญหากับใครก็ตาม คนที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายที่สุดก็คือตัวเราเอง เคยคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองกันบ้างไหม ?

2. ความคิดให้อภัยความผิดพลาดของตัวเองและผู้อื่น ใคร ๆ ก็ทำผิดพลาดได้ทั้งนั้น เพราะทุกคนมีข้อบกพร่องทั้งนั้น รวมทั้งตัวเราเองด้วย ถ้าเราไม่รู้จักการให้อภัยทั้งตนเองและคนอื่น เราก็จะหมกมุ่นกับความแค้น ความโกรธ ไม่มีความสุข เมื่อไม่ให้อภัยตัวเอง ก็โกรธตัวเอง กลายเป็นความเศร้าได้ง่าย เมื่อไม่ให้อภัยคนอื่น ก็โกรธคนอื่น กลายเป็นความแค้นและก้าวร้าวได้

3. รู้จักคิดให้กำลังใจตนเองและผู้อื่น จิต มนุษย์พร่องได้เสมอทั้งตัวเราและคนอื่น การรู้จักให้กำลังใจตนเองและคนอื่นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อเติมความพร่องในใจให้เต็มขึ้น จะรอคอยคนอื่น ๆ มาช่วยเติมนั้นลำบากแน่ๆ ตัวเราเองรู้จักให้กำลังใจตนเองและคนอื่นจะง่ายกว่า

4. รู้จักชมเชยตัวเองและคนอื่น การ รู้จัก "จับถูก" ตนเองและคนอื่น พร้อมทั้งยกย่องชมเชยได้ จะทำให้เกิดกำลังใจ ลอง ๆ ดูซิ เราจะชอบตัวเราเองได้มากขึ้น และทำให้คนอื่นชอบตัวเขาเองได้มากขึ้น พร้อมทั้งเขาจะชอบคุณด้วย

5. คิดเป็นมิตรกับตนเอง รักตนเอง และผู้อื่นได้ หลาย ๆ คน ไม่เคยเป็นมิตรกับตนเอง ไม่เคยรักตนเอง แต่อยากให้คนอื่นเขามาเป็นมิตรกับเรา มารักเรา ขอบอกเลยว่า ไม่มีทางสำเร็จได้ ถ้าคุณไม่เริ่มต้นที่การเป็นมิตรกับตนเองและรักตนเองให้ได้ก่อน

คุณจะรู้สึกอบอุ่นกับตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองมีค่าและทำตัวให้มีค่ามากขึ้น เมื่อคุณรู้สึกเป็นมิตรกับตนเอง และรักตนเองได้ แล้วคนอื่น ๆ ก็จะเป็นมิตรและรักคุณได้ง่ายขึ้นด้วย จากนั้นคุณก็ต้องถ่อมตน กระจายความเป็นมิตรและความรักไปหาคนอื่นด้วย ซึ่งเป็นการดีแน่ ๆ

6. รู้จักคิดในแง่บวกให้มากขึ้น เวลามีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น ถ้าเราคิดในแง่บวก เราจะมีกำลังใจ กล้าเผชิญกับอุปสรรคได้มากขึ้น ถ้าอยากได้ของดี ๆ ในชีวิต อย่าคิดว่า "ไม่มีทาง" เพราะจะทำให้สมองตีบตัน ยอมแพ้ง่ายดาย แต่ให้คิดว่า "ทำอย่างไรจึงจะได้" จะทำให้สมองเริ่มคิดว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่เราจะทำได้ และคิดต่อไปว่า "ฉันจะได้ในสิ่งที่อยากได้ (ไม่มากก็น้อย)" ทำให้เกิดกำลังใจและสนุกกับการมีชีวิตอยู่


คนที่มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิต มักมีแนวคิดในแง่บวกจนตาย ถ้าฝึกความคิดแง่บวกนี้ ลองคิดซิว่า ชีวิตเรานี้มีอนิจจัง (คือ ความไม่แน่นอน) เป็นสิ่งที่จริงแท้แน่นอน เรียกว่าเป็น ปรมัตถ์สัจจะ


ความไม่แน่นอนของชีวิตอนาคต หมายถึง ทางเลือกหลายทาง ได้แก่ ดีขึ้น เลวลง เท่าเดิม ตาย ถ้าเราเลือกเชื่อ เลือกคิดว่าอนาคตเราจะดีขึ้น เราก็จะอยากอยู่ต่อไปแบบมีความหวัง มีความสุขกับชีวิต แต่ถ้าเราเลือกเชื่อ เลือกคิดว่าอนาคตของเราจะเลวลง หรือเท่าเดิม หรือตาย จะทำให้ไม่อยากอยู่ หรือไม่สนุกกับชีวิตเลย ฝึกคิดในแง่บวกให้ดีเถิด

7. คิดว่างานที่คุณกำลังทำหรือสถานภาพที่คุณกำลังเป็นอยู่นั้นมีความสำคัญทั้งนั้น ไม่ว่าจะทำงาน อะไรอยู่ เช่น แพทย์ วิศวกร เสมียน ผู้จัดการ นักการ ภารโรง ฯลฯ หรือมีสถานภาพอะไร ไม่ว่าจะเป็นสามี เป็นภรรยา เป็นคนใช้ เป็นลูกน้อง เป็นนาย ฯลฯ ล้วนแต่สำคัญทั้งนั้น เพราะคุณกำลังทำหน้าที่ของชีวิตเพื่อให้โลกนี้ดำเนินต่อไปได้ ถ้าทุกคนคิดว่า งานที่ตัวเรากำลังทำ หรือสถานภาพของตัวเองที่เป็นอยู่นั้นไม่สำคัญ ทุกคนก็จะทอดทิ้งหน้าที่ กิจกรรมทั้งหมดในโลกก็ดำเนินต่อไปไม่ได้ ก็คือให้คิดว่าคุณคิดคนสำคัญคนหนึ่งของโลกเราด้วย

8. ให้คิดแบบคนสำคัญหรือคนเก่งของโลกเขาคิดกัน
คนสำคัญ ๆ ของโลกมักคิดเรื่อง ใหญ่ ๆ เสมอ ไม่มีใครคิดเล็กคิดน้อย คิดหยุมหยิมแล้วเจริญเติบโตเป็นคนใหญ่คนโตหรอก ความคิดแบบคนสำคัญ มักคิดการณ์ใหญ่ คิดว่าทำได้ และลงมือทำเสมอได้แค่ไหนก็แค่นั้น หาทางพัฒนาความคิดและทำต่อไป เขาจะคิดแบบคนใจกว้าง รับฟังความคิดคนอื่นๆ แล้วรวบรวมคัดสรรมาเป็นความคิดที่เหมาะสมได้ พวกนี้มักประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นเศรษฐี เป็นผู้นำการเมือง เป็นคนสำคัญของโลก คนพวกนี้นอกจากคิดได้แล้ว เขาจะลงมือทำทันที เดี๋ยวนั้นเลย ผลงานจึงมากกว่าคนอื่นๆ ถ้าเกิดอุปสรรคเขาก็ไม่โทษคนอื่น แต่จะหาทางศึกษาพัฒนาแนวทางใหม่และเขาจะหาทางลดอุปสรรคของความสำเร็จลง อุปสรรคเหล่านั้นได้แก่ ความกลัว ความคิดด้านลบ ความขี้เกียจ ความหยิ่งยโส
:b18: :b18:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2014, 21:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 10:27
โพสต์: 61

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool ขอบคุณที่แบ่งปัน...ในความโชคร้าย กลับมีเรื่องที่น่ายินดีมากกว่า onion ขอบคุณจริงๆ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2014, 08:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 11:12
โพสต์: 421

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Onion_no

บางขณะจิต ก็เริ่มที่จะแค้น...อยู่ในหมวดโทสะ...ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์ พยายามพร่ำบอกตนเองเมื่อจิตแว๊บ....
จึงต้องพยายามหาบทความที่จะเตือนตน........ไม่ตกนรก เพราะในแต่ละวัน เกิดดับเป็นหลายหมื่นชาติ หลายหมื่นภพภูมิ ต้องตัดรอนภพภูมิให้มากที่สุด เน้นย้ำกับตนเองค่ะ...ดูเหมือนความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด....พยายามสุดกำลังค่ะ.....


กล้วยไม้ม่วง เขียน:
2. ความคิดให้อภัยความผิดพลาดของตัวเองและผู้อื่น ใคร ๆ ก็ทำผิดพลาดได้ทั้งนั้น เพราะทุกคนมีข้อบกพร่องทั้งนั้น รวมทั้งตัวเราเองด้วย ถ้าเราไม่รู้จักการให้อภัยทั้งตนเองและคนอื่น เราก็จะหมกมุ่นกับความแค้น ความโกรธ ไม่มีความสุข เมื่อไม่ให้อภัยตัวเอง ก็โกรธตัวเอง กลายเป็นความเศร้าได้ง่าย เมื่อไม่ให้อภัยคนอื่น ก็โกรธคนอื่น กลายเป็นความแค้นและก้าวร้าวได้


:b41: :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2014, 22:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 10:27
โพสต์: 61

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กล้วยไม้ม่วง เขียน:
2. ความคิดให้อภัยความผิดพลาดของตัวเองและผู้อื่น ใคร ๆ ก็ทำผิดพลาดได้ทั้งนั้น เพราะทุกคนมีข้อบกพร่องทั้งนั้น รวมทั้งตัวเราเองด้วย ถ้าเราไม่รู้จักการให้อภัยทั้งตนเองและคนอื่น เราก็จะหมกมุ่นกับความแค้น ความโกรธ ไม่มีความสุข เมื่อไม่ให้อภัยตัวเอง ก็โกรธตัวเอง กลายเป็นความเศร้าได้ง่าย เมื่อไม่ให้อภัยคนอื่น ก็โกรธคนอื่น กลายเป็นความแค้นและก้าวร้าวได้


:b41: :b41: :b41:[/quote]


:b20: :b20: :b20: บัวฟ้าก็ให้อภัยเขา...อโหสิกรรมให้แล้วด้วย...แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม...ตอนนั้นที่กลัว...คือถึงคนอื่นไม่รู้แต่เรารู้ว่าเราเป็นชู้...จึงสติแตก...แต่พอตั้งสติได้เราก็รู้ว่า..ขณะที่เราเป็นชู้เราไม่รู้จริงๆว่าเราเป็นชู้...พอรู้ว่าจะเป็นชู้เราก็เลิก...เราจึงไม่มีเจตนาจะเป็นชู้...จึงรู้สึกสบายใจบ้างและให้อภัยความผิดพลาดของตัวเอง...ถึงตอนนี้บัวฟ้าก็ดีใจที่คิดว่าตัวเองเดินทางถูก :b12: :b12: :b12: แฮ่ๆ!!!(คิดเอาเอง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2014, 13:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 11:12
โพสต์: 421

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley

ดีจังค่ะ...ของฉันไม่สนิท ไม่เนียนลึกซึ้งเข้าไปในความรู้สึกจริงๆๆค่ะ พูดว่าขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน สักแต่ว่าพูดเฉพาะลมปาก ไม่เนียนแนบสนิทในใจ ของอณูจิตใจจริงๆๆค่ะ....รับรู้ว่าอย่างนี้ค่ะ....วนไป วนมาบางขณะจิต..เฝ้าระวังอยู่....ต้องตามดูจิตในจิต ตลอด บางครั้งก็ว่าง แต่บางครั้งไม่ว่าง ปรุงแต่งเพิ่มอีกต่างหาก เหมือนสมรภูมิรบเชียวระหว่าง กุศลกรรม ...อกุศลกรรม.....

ก็พยายามไป.....คนอื่นๆเขาก็ไม่รู้ว่าเราคิด รู้สึกอย่างไรหรอกค่ะ ....ไม่ได้แสดงความทุกข์ร้อนออกไป ยังคงทำตัวตามปกติ ทำงาน ได้ดีทีเดียว ไม่มีบกพร่อง....มีคุณภาพเฉกเช่นเดิม.....รู้จากผู้มารับบริการ และเพื่อนร่วมงาน ส่งงานตามเวลาที่กำหนด ไม่มีดองงาน และไม่ผิดพลาด.....เพราะไม่มีใครรู้ว่าสถานภาพสมรสของเรากำลังจะเปลี่ยนแปลง?????พวก เขาคิดกันเองว่า สามีฉันคงไปทำงานต่างจว.เหมือนเดิม..และ.สามีลางานไม่ได้....เพราะเขาสังเกตเมื่อฉันเฝ้าพ่อป่วย จัดงานศพเพียงลำพัง .........ตามปกติเขาจะไม่ห่างกายเลยค่ะ หากอยู่บ้าน แม้แต่กลางวันยังต้องทานข้าวด้วยกัน หากงานยุ่งเขาก็จะตามไปที่ทำงาน หรือว่าฉันกลับมาทานที่บ้านกับเขา...เขาจะแสดงให้ทุกคนรู้ว่าเขาดูแลฉันดีมาก...มารับ ส่ง เหมือนเด็กนักเรียนค่ะ ช่วยถือของกลัวเมียจะหนัก เดี๋ยวเจ็บมือ ปวดเมื่อย ประมาณนี้ค่ะ

ฉันยังคงรู้สึกต่อเขาดี ดี และยังคงมีความรัก หวังดีต่อเขา เป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่....เหมือนที่กล้วยหอมบอกว่าจริงๆฉันยังคงรักเขามากอยู่ ก็น่าจะใช่ พยายามคิด หาเหตุผลมาแก้ตัวให้เขาว่าที่เขาทำไปเพราะว่าป่วย.....????ไม่รู้ว่าจริงๆหรือว่าฉันหาข้อแก้ตัวให้เขา เพื่อที่ฉันจะได้สบายใจและให้อภัยเขาได้ ...โอ....ฉันเป็นเอามากนะเนี่ย......แต่ที่เขียนก็แปลกอยู่อย่างทำไมใจนิ่ง...จังเลย ไม่มีใจตื่นเต้น ปวดแปล๊บๆๆ..หรือว่านี่คือการพิจารณาบนความจริง ตามดูจิตด้วยสติและปัญญา........
ท่านผู้รู้ค่ะ.....ช่วยวิเคราะห์จิตของฉันด้วยค่ะ......


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2014, 23:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 10:27
โพสต์: 61

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กล้วยไม้ม่วง เขียน:
smiley

ฉันยังคงรู้สึกต่อเขาดี ดี และยังคงมีความรัก หวังดีต่อเขา เป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่....เหมือนที่กล้วยหอมบอกว่าจริงๆฉันยังคงรักเขามากอยู่ ก็น่าจะใช่ พยายามคิด หาเหตุผลมาแก้ตัวให้เขาว่าที่เขาทำไปเพราะว่าป่วย.....????ไม่รู้ว่าจริงๆหรือว่าฉันหาข้อแก้ตัวให้เขา เพื่อที่ฉันจะได้สบายใจและให้อภัยเขาได้ ...โอ....ฉันเป็นเอามากนะเนี่ย......แต่ที่เขียนก็แปลกอยู่อย่างทำไมใจนิ่ง...จังเลย ไม่มีใจตื่นเต้น ปวดแปล๊บๆๆ..หรือว่านี่คือการพิจารณาบนความจริง ตามดูจิตด้วยสติและปัญญา........
ท่านผู้รู้ค่ะ.....ช่วยวิเคราะห์จิตของฉันด้วยค่ะ......



บัวฟ้าไม่ใช่ผู้รู้นะคะ...แต่มีความรู้สึกว่า...ยังคงรู้สึกต่อเขาดี ดี และยังคงมีความรัก หวังดีต่อเขา เป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่ พยายามคิด หาเหตุผล หาข้อแก้ตัวให้เขา เพื่อจะได้สบายใจและให้อภัยเขาได้... บัวฟ้าว่าน่าจะให้โอกาสเขาบ้าง...เผื่อเขาป่วยจริงก็น่าสงสาร..สามีภรรยากันจะเข้าใจกันมากกว่าคนอื่นๆ...คนเราอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานก็ผูกพันมาก...รักมากเป็นธรรมดา...ยิ่งมีข้อดีมากก็คิดถึงมาก...อภ้ยได้ทุกกรณี...ไม่มีเขาเราเป็นสุขมากกว่าทุกข์...หรือเป็นทุกข์มากกว่าสุข...มีเขาเป็นสุขมากกว่าทุกข์...หรือเป็นทุกข์มากกว่าสุข...ถ้ากล้วยไม้ม่วงคิดว่ามีเขาเป็นสุขมากกว่าทุกข์...ก็ช่วยรักษาเขาเถอะ...โรคใจ...รักษาด้วยใจค่ะ :b29: :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 09:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 11:12
โพสต์: 421

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="กล้วยไม้ม่วง"]เผื่อเขาป่วยจริงก็น่าสงสาร..สามีภรรยากันจะเข้าใจกันมากกว่าคนอื่นๆ...คนเราอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานก็ผูกพันมาก...รักมากเป็นธรรมดา...ยิ่งมีข้อดีมากก็คิดถึงมาก...อภ้ยได้ทุกกรณี...ไม่มีเขาเราเป็นสุขมากกว่าทุกข์...หรือเป็นทุกข์มากกว่าสุข...มีเขาเป็นสุขมากกว่าทุกข์...หรือเป็นทุกข์มากกว่าสุข...ถ้ากล้วยไม้ม่วงคิดว่ามีเขาเป็นสุขมากกว่าทุกข์...ก็ช่วยรักษาเขาเถอะ...โรคใจ...รักษาด้วยใจค่ะ
[quote="

ฉันรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจจิตใจของตนเองว่าจริงๆ ฉันรู้สึกอย่างไรกันแน่ ??มีความโลเลมากมายจริงๆ......บางขณะตัดทิ้งรู้สึกสบายดี เบาดี โล่งดีที่อยากทำอะไรก็ได้ ทำงานมีเงินก็ใช้จ่ายเอง ไม่ต้องแบ่งให้ใคร...มีอิสระ ไม่ต้องปรนนิบัติใคร ไม่มีภาระ ปลดขันธ์ลงไป อีกได้ 15 ขันธ์ คือสามี พ่อแม่สามีเหลือแค่เราและน้องชาย 10 ขันธ์ ...
...แต่บางขณะจิต ก็เหงา คิดถึงเขา ว่ามีเขาก็ดีไปอย่าง ได้เพื่อน... s006 ..มีคนทำงานในส่วนที่เราไม่ถนัดตามธรรมชาติหน้าที่ผู้ชาย ประมาณนี้ค่ะ จริงๆก็รักตนเองนั่นแหละ....ต้องการแรงงานชาย ประมาณนั้นเหรอเปล่าเรา....???? s004
...ณ เวลานี้ ต้องยอมรับว่า ยังรักเขาอยู่จริงๆด้วย....แต่การให้อภัยคงยาก......และคุยยาวมากๆๆๆๆ
...หรือว่า เรารัก แต่สุขในใจก็พอ ไม่จำเป็นที่ต้องเอาเขากลับมาเลี้ยงดู ดีกว่ามั๊ย ...เออ น่าจะดี.....

ฉันคิดแปลกๆๆไปมั๊ยค่ะ......... :b48: :b48: :b48:


นักวิชาการบอกว่า ใกล้วันวาเลนไทน์ จะมีผป.โรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้น ...น่าจะจริง ก็ฉันเริ่มๆแล้วนะนี่...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กล่าวสั้นๆ ความสุขมี 2 อย่าง คือ ความสุขภายนอก กับ ความสุขภายใน

ความสุขซึ่งต้องพึ่งพาอารมณ์ภายนอก ไ้ด้แ่ก่ความสุขจาก รูป (ทางตา เช่น ได้เห็นสิ่งสวยๆงามๆ) เสียง (ทางหู-ได้ฟังเสียงเพราะๆ) กลิ่น (ทางจมูก-ได้กลิ่นหอมๆ) รส (ทางลิ้น-ลิ้มรสอร่อยๆ) สิ่งต้องกาย (-สัมผัสสิ่งอ่อนนุ่ม นิ่มนวล...) ภาษาทางธรรมเรียก กามสุข โลกิยสุข

ความสุขอย่างที่สอง ได้แก่ ความสุขที่ต้องพัฒนาจิตใจ ฝีกจิตให้เกิดความสงบ เกิดปัญญา เมื่อจิตสงบมีสมาธิ ความสุขก็เกิด สุขชนิดนี้ เกิดจากข้างใน ไม่พึ่งพาอารมณ์ภายนอก ทางธรรมเรียกสมาธิสุข โลกุตรสุข

สุขเกิดจากข้างในพูดง่ายทำยากครับ

อ้างคำพูด:
นักวิชาการบอกว่า ใกล้วันวาเลนไทน์ จะมีผป.โรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้น ...น่าจะจริง ก็ฉันเริ่มๆแล้วนะนี่...


อาการนี้บ่งถึงจิตใจ ที่ต้องการเสพสิ่งภายนอก โหยหาวัตถุเสพข้างนอก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 18:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 11:12
โพสต์: 421

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อาการนี้บ่งถึงจิตใจ ที่ต้องการเสพสิ่งภายนอก โหยหาวัตถุเสพข้างนอก


ชักงง งง ๆค่ะท่าน.....ก็อาจจะจริงตอนนี้ระบายอารมณ์ด้วยการกิน....น้ำหนักเริ่มขี้นมาอีกแล้วค่ะ...
อ่านหนังสือธรรมะ.....สวดมนต์ ไหว้พระ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ค่ะ...ยกตัวอย่างนะคะ

..วันทำงาน เริ่มไหว้พระ ตั้งแต่ตื่น ตี 4 - 6 โมง โดยประมาณ ให้อาหารสุนัข ทานข้าง อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน กลับบ้าน ห้าโมงเย็นก็รดน้ำต้นไม้ ให้อาหารสุนัข อาบน้ำเตรียมตัวสวดมนต์ เดินจงกรมนั่งสมาธิเริ่ม 18.30-ทุ่ม ถึง สาม ทุ่ม โดยประมาณ เข้านอนเลยค่ะ....
....วันเสาร์-อาทิตย์ ภาคเช้าเย็นเหมือนเดิมค่ะ จะทำทุกวันไม่ขาดเลยค่ะ พอสายจะซักผ้าทำงานบ้าน ขณะที่ทำก็เปิดคำสอนของครูบาอาจารย์ฟังไปด้วยค่ะ ว่างก็จะอ่านหนังสือธรรมะ หรือเพิ่มรอบการนั่งสมาธิ เดินจงกรมค่ะ อีก บัลลังค์ ๆ ละ 30 นาที ถึง 45 นาที แล้วแต่ค่ะ....

...วันอาทิตย์ ร่วมปฏิบัติธรรมที่วัด เริ่ม ตั้งแต่ เที่ยงวันถึง สี่โมงเย็นค่ะ...ทุกวันอาทิตย์
...ตั้งสัจจะทานมัสสวิรัติในวันพระและวันเกิดของตนเองค่ะ สองวัน ใน เจ็ดวันค่ะ มีเพิ่มเป็นบางมือที่จะเพิ่มก็ตั้งจิตเป็นครั้ง ๆไปค่ะ....

นี่คือกิจกรรมประจำวันจริงๆ ค่ะ วันเวลาก็หมุนเร็วมากค่ะ เดี๋ยวก็เดือน ปี ต้องรีบทำรายงานประจำเดือน ประจำปี สรุปแผนงานโครงการ ปิดโปรเจ็ค และจัดทำแผนใหม่.....ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนี้จริงๆค่ะ เที่ยวห้างเดินเล่นไม่ต้องถามถึงค่ะเวลาไม่พอ เสียดาย เข้าห้างตรงแน่วไปหาสิ่งที่จำเป็นตามที่จดไว้...

เครียดไปมั๊ยค่ะท่าน.......แต่เวลางานก็ได้พูดคุยกับเพื่อร่วมงาน ผู้มารับบริการตลอดค่ะ ...ยังไม่เสียด้านสังคมค่ะ.... :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2014, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามว่าเครียดไปไหม ลองสังเกตดูนะครับ หากเราทำอะไรๆ ถ้าฝืนใจทำก็เครียด ถ้าเต็มใจทำ จะรู้สึกเบาและสนุกไปกับสิ่งที่ทำนั้น :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 400 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17 ... 27  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร