วันเวลาปัจจุบัน 16 ก.ค. 2025, 02:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 14:41
โพสต์: 154

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอให้เจตนาดีของคุณที่ต้องการให้ชีวิตตัวเองเป็นอุทาหรณ์กับคนอื่น
ส่งผลให้คุณมีจิตใจที่เข้มแข็ง ยืนตั้งมั่นรับกรรมอย่างมีสตินะคะ
คนทำผิดแล้วกลับตัวกลับใจน่าสรรเสริญยิ่งนัก
เป็นกำลังใจให้ค่า :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 13:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สามีถามดิฉันว่า นึกมุขนี้นานมั้ย ??!!


นี่เป็นเรื่องปกติของคนที่มีนิสัยหยาบร้าย ว่าเขาย่อมไม่ยินดีพอใจให้ใครๆในแวดวงที่เกี่ยวข้องเป็นผู้"ใฝ่ธรรม" หรือมีอาการแสดงออก"ด้วยธรรม"คือความไม่ประทุษร้ายหรือตอบโ้ต้ด้วยอาการทุรนทุราย แต่สงบเย็น..ภาพเช่นนี้นอกจากไม่คุ้นตาของเขาแล้ว ก็ยังสร้างความเปรียบเทียบให้เห็นเด่นชัดขึ้นไปอีกว่า เขานั้นชั่วร้ายกับ"คนดี" ความรู้สึกผิดในใจเขาย่อมมากมากกดดันเขาอยู่ หากเคยมีบุญเก่ามาบ้างก็อาจสะดุดใจฉุกคิดถึงเหตุผลที่ควรเป็นได้บ้าง แต่เมื่อไม่ได้ทำบุญทางปัญญามา ก็ย่อมตกไปสู่ความบอดเขลายิ่งขึ้นจึงหาทางลดความ รู้สึกผิดในใจด้วยอาการเกรี้ยวกราดและด่าทอยิ่งขึ้นไป...ดูเหมือนว่าคุณกำลังช่วยส่งสามีไปในทางที่เขาและใครๆไม่ชอบอยู่อย่างจริงจังเสียแล้ว.. :b2: :b5:

อ้างคำพูด:
ไม่ต้องเอาเรื่องธรรมะมาคุยกับเขา แล้วถึงดิฉันอ่านธรรมะไปก็ไม่ได้ช่วยให้คนอย่างดิฉันดีขึ้นหรอก อ่านไปก็บาปเปล่าๆ อ่านไปแล้วทำไม่ได้ ไม่ต้องมาแกล้งทำหรอก


คนชั่วมีความหยาบในใจเมื่อเห็นสิ่งตรงข้ามก็ย่อม"ตื่นตระหนก" คล้ายๆกับว่า กลัวไม่มีพื่อนร่วมเลวด้วย...กลัวเหงาที่ทำบาปข้างเดียว กลัวไปนรกคนเดียวเลยพยายามหว่านล้อม กีดขวางการเข้าหาธรรมะของคุณ... :b5: :b7: ...การทำเหตุเช่นนี้..เขาย่อมพาตนให้ได้ฉิบหายจากพระธรรมอันเป็นของหายากยิ่งในโลก แม้เจออยู่ก็ไม่รู้ค่า แม้เข้าหา ใครๆก็ไม่นิยมกลับ...จะถูกเขาด่าทอห้ามปราม หรือทุบตีนั่นแหละ เเม้คุณก็เคยทำเหตุคล้ายๆกับที่เขาำมานี้แล้วในกาลก่อน จึงปรากฏผลเป็นทุกข์สาหัสในปัจจุบันเช่นนี้เอง... :b7: :b1:


อ้างคำพูด:
ทำยังไงจะให้สามีหายระแวง และไว้ใจดิฉันบ้าง


ข้อนี้คงไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะคงมีแต่สามีนั่นแหละที่ทำได้ แม้กระนั้นการจะทำได้ ก็มีได้ด้วยเหตุปัจจัยเช่นกัน หาได้เกิดด้วยอาการปิ๊งปุ๊บปั๊บได้ไม่..ปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือความเป็นผู้มีศีล อันนำผลคือความไม่เดือดร้อนใจมาสู่ตน..แต่เพราะตนล่วงศีลนั่นเอง อำนาจความเดือดร้อนจึงห้ามตนเสียจากความสงบใจอันมาจากการที่จะสามารถไว้ใจใครๆได้...

เหตุใดเล่าสามีจึงไม่ไว้ใจคุณ ขอตอบว่า เพราะบาปกรรมในการโกหกได้ตามมาทันแล้วนั่นเองในขณะนี้...ก็สามีและคุณ ร่วมกันโกหกอยู่เป็นประจำ ข้อที่เขาจะเชื่อถือในคำพูดของคุณย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย..อำนาจของบาปกรรมย่อมชักนำใจเขาให้ระเเวงใครๆ (ดังที่ผมได้กล่าวไว้ในความเห็นก่อนข้างบนแล้ว) ไม่เว้นคนในครอบครัวว่าจะไม่โกหกเขา เช่นกัน ..

อ้างคำพูด:
บางครั้งพอสามีด่าทอกลับมา ดิฉันก็มีน้อยใจนะคะ อยากหนีไปให้ไกลๆ จริงๆ เหมือนกัน ไปให้พ้นๆ หน้าอย่างที่สามีไล่ แต่ก็มานึก ยิ่งหนีก็เหมือนยิ่งเพิ่มกรรม ก็จะยิ่งไม่จบ


ที่ว่าเพิ่มกรรมคืออะไรครับ ?

คุณเข้าใจว่าขณะนี้กำลังลดกรรมอยู่หรือครับ
กรรมที่พูดถึง คุณหมายถึงอะไรครับ?
:b10: :b14:

อ้างคำพูด:
อยากเริ่มใหม่กับสามี ดิฉันรู้ว่าสามีรักดิฉัน ดิฉันรู้สึกผิดมากที่ทำร้ายจิตใจสามีแบบนั้น ดิฉันควรทำยังไงดีคะ อยากเริ่มใหม่กับสามีแต่พอสามีอารมณ์ร้อนมา ด่าว่ามา ทำให้ดิฉันกลัวสามีขึ้นมาอีก อยากให้จิตใจตัวเองเข้มแข็งกว่านี้จังคะ


ยุติความรู้สึกผิดทั้งหมด ไม่นำมาปรักปรำย้ำคิดอีกเพราะเป็นการทำบาปทางใจอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคิดจะ "เริ่มใหม่กับสามี"ก็ต้องทำใจและอดทนเท่านั้น ..และไม่ย่อท้อในการศึกษาและประพฤติธรรมไม่ว่าจะถูกขัดขวางประการใด บางที่ เมื่อบุญมีกำลังมากพอ ก็ย่อมนำพา ความสุขมาสู่ตนและคนรอบข้าง ในภายหน้า ... :b46: :b47: :b48:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ :b8: คุณ siyapat มากๆ เลยนะคะ ที่เข้ามาให้กำลังใจ :b1:
และขอบคุณ :b8: คุณ -dd- มากๆ เช่นกันคะ ที่คอยแนะนำแนวทาง และให้ข้อคิดดิฉัน


-dd- เขียน:
อ้างคำพูด:
เหตุใดเล่าสามีจึงไม่ไว้ใจคุณ ขอตอบว่า เพราะบาปกรรมในการโกหกได้ตามมาทันแล้วนั่นเองในขณะนี้...ก็สามีและคุณ ร่วมกันโกหกอยู่เป็นประจำ ข้อที่เขาจะเชื่อถือในคำพูดของคุณย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย..อำนาจของบาปกรรมย่อมชักนำใจเขาให้ระเเวงใครๆ (ดังที่ผมได้กล่าวไว้ในความเห็นก่อนข้างบนแล้ว) ไม่เว้นคนในครอบครัวว่าจะไม่โกหกเขา


ข้อนี้ ดิฉันเข้าใจกระจ่างแล้วคะ...ว่าเหตุใดสามีถึงไม่ไว้ใจดิฉันอีก กรรมตามทันจริงๆ เลยนะคะ

-dd- เขียน:
อ้างคำพูด:
ที่ว่าเพิ่มกรรมคืออะไรครับ ? คุณเข้าใจว่าขณะนี้กำลังลดกรรมอยู่หรือครับกรรมที่พูดถึง คุณหมายถึงอะไรครับ?


ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าดิฉันเข้าใจถูกมั้ยนะคะ คือ ถ้าดิฉันหนีสามีไป...
(กับเหตุการณ์นี้ ดิฉันหนีเขามา 2 ครั้ง รวมกับเมื่อหลายปีก่อน 1 ครั้ง ก็เป็น 3 ครั้งแล้วนะคะที่ดิฉันตัดสินใจเลือกที่จะหนี)
ดิฉันคิดแบบนี้อ่ะคะ ตามความรู้สึกนะคะ
1.สามีก็ต้องมาตามง้อดิฉันให้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม วนเวียนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อย
พอกลับมาอยู่ด้วยกัน ก็ทะเลาะกันอีก ก็ไม่พ้นฝ่ายหนึ่งหนี และอีกฝ่ายหนึ่งตาม

2.การที่ดิฉันหนีไป โดยที่สามีไม่ได้เต็มใจจะแยกทางจากดิฉันด้วยใจจริง คงทำให้สามียิ่งมีความโกรธ และแค้นดิฉันเข้าไปอีก อาจจะคิดว่าดิฉันหนีไปหาผู้ชายคนนั้นจริงๆ ก็เป็นได้ เพราะทุกวันนี้สามีก็ยังระแวงว่าดิฉันแอบคบหาผู้ชายคนนั้นอยู่ เหมือนยิ่งไปเพิ่มความผูกพยาบาทในตัวสามีเข้าไปอีก

3. เรื่องลูก ดิฉันหนีไปก็เหมือนทิ้งลูกๆ ไปด้วย คงบาปมากแน่เลยคะ

ไม่รู้ว่าดิฉันคิดแบบนี้ เรียกว่าเป็นการเพิ่มกรรมหรือเปล่า ยังไงรบกวนช่วยแนะนำดิฉันด้วยนะคะ
ตอนนี้เหนื่อยใจและทุกข์ใจจริงๆ คะ เมื่อซักครู่สามีก็แวะมาหาที่ทำงาน อยู่ๆ ก็อารมณ์เสียใส่ดิฉัน
หน้าตา คิ้วขมวด ดิฉันพูดดีๆ ด้วยก็ไม่ตอบ พอตอบทีก็เป็นคำตอบแบบพูดเหน็บใส่ เหนื่อยมากคะ

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 16:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าดิฉันเข้าใจถูกมั้ยนะคะ คือ ถ้าดิฉันหนีสามีไป...
(กับเหตุการณ์นี้ ดิฉันหนีเขามา 2 ครั้ง รวมกับเมื่อหลายปีก่อน 1 ครั้ง ก็เป็น 3 ครั้งแล้วนะคะที่ดิฉันตัดสินใจเลือกที่จะหนี)
ดิฉันคิดแบบนี้อ่ะคะ ตามความรู้สึกนะคะ
1.สามีก็ต้องมาตามง้อดิฉันให้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม วนเวียนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อย
พอกลับมาอยู่ด้วยกัน ก็ทะเลาะกันอีก ก็ไม่พ้นฝ่ายหนึ่งหนี และอีกฝ่ายหนึ่งตาม

2.การ ที่ดิฉันหนีไป โดยที่สามีไม่ได้เต็มใจจะแยกทางจากดิฉันด้วยใจจริง คงทำให้สามียิ่งมีความโกรธ และแค้นดิฉันเข้าไปอีก อาจจะคิดว่าดิฉันหนีไปหาผู้ชายคนนั้นจริงๆ ก็เป็นได้ เพราะทุกวันนี้สามีก็ยังระแวงว่าดิฉันแอบคบหาผู้ชายคนนั้นอยู่ เหมือนยิ่งไปเพิ่มความผูกพยาบาทในตัวสามีเข้าไปอีก

3. เรื่องลูก ดิฉันหนีไปก็เหมือนทิ้งลูกๆ ไปด้วย คงบาปมากแน่เลยคะ

ไม่รู้ว่าดิฉันคิดแบบนี้ เรียกว่าเป็นการเพิ่มกรรมหรือเปล่า ยังไงรบกวนช่วยแนะนำดิฉันด้วยนะคะ
ตอนนี้เหนื่อยใจและทุกข์ใจจริงๆ คะ เมื่อซักครู่สามีก็แวะมาหาที่ทำงาน อยู่ๆ ก็อารมณ์เสียใส่ดิฉัน
หน้าตา คิ้วขมวด ดิฉันพูดดีๆ ด้วยก็ไม่ตอบ พอตอบทีก็เป็นคำตอบแบบพูดเหน็บใส่ เหนื่อยมากคะ



อ้อ เป็นเช่นนี้เอง ..ก่อนจะตอบแต่ละข้อ ขอทำความเข้าใจให้ถูกตรงเรื่องกรรมดังนี้..
ที่เราพูดกันว่ากรรมนั้น ที่จริงมี๒ส่วนที่ต้องแยกออกจากกันคือ กรรมใหม่(=เจตนาใหม่) และผลของกรรม(เก่า)....

ที่เราบอกว่าต้องการใช้กรรมให้หมดนั้น หมายถึงความคิดว่าจะยอมรับ"ผลของกรรมเก่า"ให้หมดไป..แต่ในความจริงเราไม่ทราบว่ามันจะหมดเมื่อไร ... :b5: :b7: ... ในขณะเดียวกัน เรากลับทำ"กรรมใหม่"เพิ่มตามไปด้วยแทบตลอดเวลา(ยกเว้นเวลาหลับสนิทเท่านั้น).. และกรรมใหม่ที่ทำก็ต้องมีผลตามมา เมื่อเรากำลัง"ใช้กรรม" ที่นำความทุกข์มาสู่ตนด้วยโทสะเนืิองๆอันเป็น"บาปกรรมใหม่" ก็ย่อมได้รับผลคือความทุกข์เดือดร้อนตามมาไม่หมดสิ้น..กลายเป็นว่า เราใช้ผลกรรมมาเป็นฐานเพื่อขยายจำนวนกรรมและผลอีกนับไม่ถ้วน เพราะกรรมทำ๑ครั้ง ให้ผลเป็นร้อยพันหรือนับไม่ถ้วนทีเดียว...วัฏฏะจึงมีแต่ขยายตัวไปด้วยอาการเยี่ยงนี้ จะหดตัวได้ก็เฉพาะผู้ที่ประพฤติกรรมเพื่อความเป็นพระโสดาบันเป็นต้นไปเท่านั้น...

ทีนี้มาดูตามรายการที่คุณปรารภไว้..

อ้างคำพูด:
1.สามีก็ต้องมาตามง้อดิฉันให้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม วนเวียนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยพอกลับมาอยู่ด้วยกัน ก็ทะเลาะกันอีก ก็ไม่พ้นฝ่ายหนึ่งหนี และอีกฝ่ายหนึ่งตาม


ที่มันวนเวียนก็เพราะคุณมิได้มีเจตนาหนีจริงจังหรอก หากคิดหนีจริงจังคงไม่กลับมาเเล้วๆเล่าให้กลายเป็นวงเวียนใหญ่อย่างนี้แน่ ความลังเลของคุณมีจากเหตุปัจจัยที่สำคัญคือ ๑.ตัณหาในสามี ๒. อำนาจของวิบากอกุศลที่สนับสนุนให้คุณเกิดความคิดโอนอ่อนกลับไปอยู่รับวิบากไม่ดีนั่นเป็นประมาณ

สำหรับในคนที่มีความเข้มแข็ง เมื่อทราบว่าตนต้องทนทุกข์กับคนพาล ย่อมตัดใจไม่ยอมเกี่ยวข้องด้วยก็ย่อมสามารถยุติอกุศลวิบากจากการถูกคุกคามเบียดเบียนได้ในบัดนั้น ไม่ได้รองอมือเ้ท้าใช้กรรมอะไรๆอย่างที่พากันเข้าใจผิดไปเป็นอันมากในเวลานี้.. :b7: :b7:

อ้างคำพูด:
2.การ ที่ดิฉันหนีไป โดยที่สามีไม่ได้เต็มใจจะแยกทางจากดิฉันด้วยใจจริง คงทำให้สามียิ่งมีความโกรธ และแค้นดิฉันเข้าไปอีก อาจจะคิดว่าดิฉันหนีไปหาผู้ชายคนนั้นจริงๆ ก็เป็นได้ เพราะทุกวันนี้สามีก็ยังระแวงว่าดิฉันแอบคบหาผู้ชายคนนั้นอยู่ เหมือนยิ่งไปเพิ่มความผูกพยาบาทในตัวสามีเข้าไปอีก


แล้วต่างจากที่คุณอยู่กับเขาอย่างไรครับ จากที่เล่ามา เขาก็ไม่ได้ไว้ใจคุณแถมยังข่มขู่ถึงกับจะลงมือแลเท้ากล่าวหาแดกดัน ซ้ำร้ายยังห้ามปรามขัดขวางความเจริญในธรรมของคุณเสียอีก :b10: :b14: :b10: :b2: :b7: :b5: ..

และที่อยู่ด้วยนี่ เขาเลิกแค้นคุณหรือ? ถ้าเลิกแค้นแล้ว ทำไมจึงยัง .."ตะคอกดิฉันด้วยถ้อยคำหยาบคายและเสียงดังมาก บวกกับ หน้าตาและสายตาที่ดูน่ากลัว และท่าทาง ง้างมือเหมือนจะทำร้ายร่างกายดิฉัน"..หรือนี่คืออาการของความเมตตาหายโกรธแค้น และอภัยแล้ว.. :b10: :b10: :b10:

เขาจะแค้นโกรธ ใครจะห้ามเขาได้หรือ ใครจะควบคุมเขาได้หรือ??
เพราะกิเลสตัณหานั่นแหละลากจูงเขาไปแล้ว ใครที่คิดจะยังเขาให้หันหาความดีคือเมตตาและอภัยย่อมเสียเวลาเปล่า...เมื่อเขาโกรธแค้นคุณอยู่กรรมนั้นจะจัดสรรค์ผลชั่วมาสู่เขา คุณไม่ได้ทำบาปนั่นเลย เขาต่างหากทำร้ายตนเองอย่างขมักเขม้นไม่เมตตาตนเอง..


อ้างคำพูด:
3. เรื่องลูก ดิฉันหนีไปก็เหมือนทิ้งลูกๆ ไปด้วย คงบาปมากแน่เลยคะ


นี่คือปัญหาใหญ่ที่คุณต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เเน่นอนการทิ้งลูกย่อมไม่เป็นบุญ แต่อย่างใดหากสามารถพึ่งพาตนเองได้ก็ไม่ควรทอดทิ้งพวกเขาไป ..หากไม่มีทางเลือกก็คงต้อง"ทน"อยู่และอดทนให้มากเท่านั้น ซึ่งก็ต้องพิจารณาต่อไปว่าจะสามารถรับความกดดันจนไม่กลายเป็นโรคจิตไปในที่สุด..ถึงตอนนั้น ลูกจะขาดทั้งพ่อและแม่ไปจริงๆทั้งที่ยังอยู่ด้วยกันนั่นแหละ...นี่ก็มาจากอำนาจจัดแจงของกรรมเช่นกัน จะโทษใครเล่า ? สังสารวัฏจึงหาความปลอดภัยไม่ได้เลย...ดังนี้ :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากค่ะ tongue คุณ-dd- ตอบได้ตรงและทำให้ดิฉันเห็นภาพมากยิ่งขึ้นเลยค่ะ

ดิฉันจะอดทน และอดทนต่อไปคะ โดยใช้ธรรมะเข้าช่วยขัดเกลาจิตใจ ให้ดิฉันมีจิตใจที่เข็มแข็งกว่านี้...ยอมรับนะคะว่า ตอนนี้สภาพจิตใจอ่อนแอมาก แต่พอได้คำแนะนำก็พอจะมีแรงได้คิด เพื่อพร้อมรับกับแรงกดดันจากสามีโดยใช้น้ำเย็นเข้าลูบให้ได้มากและนานที่สุด แต่หากเมื่อไหร่น้ำเย็นไม่สามารถที่จะดับไฟในจิตใจซึ่งร้อนลุ่มโชติช่วง ดังพายุเพลิงได้แล้ว ก็คงแล้วแต่บุญและกรรมที่ดิฉันกับสามีได้เคยร่วมสร้างกันมาในหลายภพชาติ หากต้องหมดกรรมกันจริงๆ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่...ดิฉันก็พร้อมเต็มใจให้อภัยและอโหสิกรรมให้เขาทุกเมื่อคะ :b8: :b41: :b48:

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


TrueLife เขียน:
ดิฉันจะอดทน และอดทนต่อไปคะ โดยใช้ธรรมะเข้าช่วยขัดเกลาจิตใจ ให้ดิฉันมีจิตใจที่เข็มแข็งกว่านี้...

เป็นคำพูดที่ดีที่สุดในตอนนี้...สามีคุณ เขาทั้งรักและทั้งแค้นเราที่เคยคิดนอกใจ เพราะฉะนั้นหนีตอนนี้คงไม่ดีแน่ เพราะเขาก็รักเรา จะเห็นได้จากที่ตามง้อเรา ..แต่เมื่ออยู่กันไปเขาไม่พยายามปรับตัวเข้าหาเราหรือแทบไม่เห็นความดีของเราที่พยายามจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อจะร่วมชีวิตอยู่กับเขา...เหนื่อยใจแทนและเห็นใจจริงๆ ครับ...ไม่อยากให้ครอบครัวแตกแยกแต่เขาก็สร้างวิกฤตการณ์ตลอด..โมโหร้าย โทสะร้าย..อันนี้น่ากลัว และปฏิเสธธรรมะที่เราพยายามจะทำให้เห็น..
ใช้เวลาดูไปสักระยะ..และต้องเปิดอกปรึกษากัน ถ้าอยู่กันต่อไปแล้ว เราจะช้ำทั้งกายช้ำทั้งใจ พูดกับเขา..ถ้าจะอยู่ด้วยกันต่อไปต้องปรับปรุงพฤติกรรม หยาบเหล่านั้นเสีย เข้าใจความรู้สึกของคุณที่ยังกลัวใจเขาอยู่ กลัวความโมโหร้ายไม่มีเหตุผลอยู่ และห่วงลูกๆ อยู่
เห็นใจและเป็นกำลังใจให้ครับ
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณศรีสมบัติ มากค่ะ tongue ที่เข้ามาให้กำลังใจ และแนะนำข้อคิดให้ดิฉัน

...ก็คงต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดอ่ะคะ... :b1:
ดิฉันเคยพูดเรื่องอารมณ์ร้อนของเขามาตั้งแต่อยู่กินกันใหม่ๆ แล้ว ก็ดีได้แค่ซักพัก นิสัยตัวตนเขา
เป็นคนอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว..คงแก้ได้ยาก ดิฉันเคยขอหย่ามาตั้งแต่ ปี 45 และขอมาเรื่อยๆ
สงสัยเขาคงชินกับคำว่า ขอหย่า จนคิดว่า..ดิฉันพูดไปก็เท่านั้น มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ

นิสัยสามี เหมือน นิสัยพ่อของดิฉันเลยคะ ไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่ :b12:
(พ่อดิฉันเสียไปช่วงปี 48 สามีดิฉันบวชหน้าไฟงานศพให้พ่อดิฉันด้วย :b8: )
สมัยดิฉันวัยรุ่นเคยคิดนะว่า...ไม่อยากมีแฟนที่มีนิสัยแบบพ่อเลย ใจร้อน :b33:
เห็นแม่ก็สงสารแม่นะ ทำไมต้องมาเจอคนแบบพ่อ ไม่คิดว่าตัวเองก็ต้องมาเจอด้วย เฮ้อ...
แต่ถึงพ่อดิฉันจะใจร้อน พูดขวานผ่าซาก แต่ก็ไม่เคยทำร้ายแม่เหมือนที่สามีทำกับดิฉัน
และพ่อก็เอาใจใส่ในเรื่องครอบครัวดีที่เดียว ไม่สร้างหนี้ ขนาดวันที่พ่อเสีย
ครอบครัวเราไม่ต้องไปตามใช้หนี้อะไรเลยเพราะพ่อไม่มีหนี้สิน พ่อมีแต่ให้ด้วยซ้ำ
(พ่อดิฉันเป็นข้าราชการ เขาจะมีเงินส่วนของข้าราชที่ลูกเมียต้องได้รับ)
ยังคิดในใจเลยว่าขนาดพ่อหมดกรรมแล้ว พ่อยังมีแต่ให้ครอบครัว :b8: :b1:

ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ที่ช่วยให้คำแนะนำดิฉัน

ความทุกข์ทำให้คนเราได้พบเจอความสุขที่แท้จริงของชีวิต
อย่าไปโทษหรือเกลียดความทุกข์เลยนะคะ
หากเราไม่รู้จักทุกข์ก็คงไม่พบเจอกับความสุขในจิตใจที่แท้จริงหรอกคะ

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


แก้ไขล่าสุดโดย TrueLife เมื่อ 20 พ.ค. 2010, 16:08, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


TrueLife เขียน:
สมัยดิฉันวัยรุ่นเคยคิดนะว่า...ไม่อยากมีแฟนที่มีนิสัยแบบพ่อเลย ใจร้อน

หนีเสือ ปะ จระเข้...
อะไรที่คิดว่าไม่อยากเจอกลับยิ่งมาเจอ..นั่นหละครับ..ความอยากเป็น..หรือไม่อยากเป็น..มันเป็นตัวกิเลส...ถือว่าเป็นเวรของกรรมจริงๆ :b13:
แต่ถึงอย่างไร "พ่อ" ย่อมยิ่งใหญ่ที่สุด พ่อ-แม่ คือพระอรหันต์องค์แรกของเราครับ..แม้ท่านล่วงลับไปแต่รายังพึ่งใบบุญของท่านอยู่ครับ :b16:
ขอเจริญในธรรม :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ศรีสมบัติ เมื่อ 20 พ.ค. 2010, 15:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 15:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมบัติ เขียน:
TrueLife เขียน:
สมัยดิฉันวัยรุ่นเคยคิดนะว่า...ไม่อยากมีแฟนที่มีนิสัยแบบพ่อเลย ใจร้อน

หนีเสือ ปะ จระเข้...
อะไรที่คิดว่าไม่อยากเจอกลับยิ่งมาเจอ..นั่นหละครับ..ความอยากเป็น..หรือไม่อยากเป็น..มันเป็นตัวกิเลส...ถือว่าเป็นเวรของกรรมจริงๆ :b13:
แต่ถึงอย่างไร "พ่อ" ย่อมยิ่งใหญ่ที่สุด พ่อ-แม่ คือพระอรหันต์องค์แรกของเราครับ..แม้ท่านล่วงลับไปแต่รายังพึ่งใบบุญของท่านอยู่ครับ :b16:
ขอเจริญในธรรม :b8:


:b12: ยิ่งหนี ยิ่งเจอ จริงๆ นะคะ เพราะฉะนั้นหาทางแก้ปัญหาดีกว่าหาทางหนี :b5:
ก็เพราะความอยาก ไม่อยาก นี่แหละหนา นำพาคนที่เรา
ไ ม่ อ ย า ก ไ ด้ มาให้เราได้พบเจอ
เพื่อที่จะได้เรียนรู้และเป็นบทเรียนของ ความอยาก และ ไม่อยาก นู้น..นี่ ที่จิตเราปรุงแต่งมานั่นเอง

สู้ๆ ต่อไป :b4: ให้กำลังใจตนเอง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยค่ะ

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผ่านมา 5-6 วันหลังจากที่โพสต์ครั้งสุดท้ายไป ตอนนี้ดิฉันก็ยังคงอยู่บ้านสามี
เราแยกกันนอนคนละห้องได้ 2 วันแล้วคะ สามีเป็นคนเลือกที่จะเดินออกไปนอนอีกห้องหนึ่ง
ก่อนหน้านั้นก็เหมือนต่างอยู่ต่างอยู่ เตียงก็ออกจะกว้าง แต่นอนกันซะสุดเตียงของแต่ละฝั่ง
เหลือที่ว่างตรงกลางไว้ :b6: - - - - - - :b5: วันๆ ก็ไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะดูเหมือนสามีก็ไม่ค่อย
อยากจะคุยกับดิฉันเท่าไหร่ ดูจากสีหน้าที่นิ่งเฉย บวก คิ้วขมวดตลอดเวลาที่อยู่กับดิฉัน
ส่วนลูกๆ นอนกับปู่ย่า (พ่อแม่สามี)

ดิฉันก็สวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน สมาทานศีล 5 แผ่เมตตา
แต่ตอนช่วงที่กำลังสวดมนต์ จิตมันไม่นิ่งเลยคะ ไม่มีสมาธิเลย
บางทีดิฉันกำลังสวดมนต์อยู่ สามีเปิดประตูเข้ามา ดิฉันก็ใจหายแว๊บบ~ (รู้สึกกลัว)
เหลือบไปมองหน้าสามี ก็เห็นสีหน้าเขาแบบ...เหมือนเซ็งโลก ดิฉันก็หลับตาสวดต่อ
เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เหมือนเขาพยายามเดินไปเดินมา หยิบนู้นนี่ แล้วปิดประตู ปัง!!
ปกติตอนสวดมนต์ก็ไม่ค่อยจะมีสมาธิอยู่แล้ว (จิตไม่นิ่ง) พอสามีเดินเข้ามาอีก ไปกันใหญ่เลยคะ

ปัญหาหลักๆ เลย คือ ทุกวันนี้ก็ยังไม่ค่อยลงลอยกับสามี เรื่องอารมณ์สามียังเหมือนเดิม
(ดิฉันก็กำลังเริ่มชินกับสภาพที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แล้วค่ะ...หย่าหรือไม่หย่า ไม่ต่างกันเลย)
ปัญหาอีกอย่าง เวลาที่ดิฉันสวดมนต์ไม่มีสมาธิเลยค่ะ พอมีวิธีที่จะทำให้จิตเรานิ่งๆ
จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเวลาสวดมนต์ได้มั้ยคะ ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
:b8: :b1:

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 04:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 04:53
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมันคนเลวเองอ่ะครับ ภรรยาผมไม่ผิดหรอก ถ้าผมดีจริงเค้าคงไม่ทำแบบนี้หรอก
งานการก้อไม่มีทำ งอมืองอเท้าขอตังไปวันๆ ภรรยาอดทนกะผมมามากแล้ว ผมก็สมควรได้รับแบบนี้อ่ะครับ ต้องขอโทษภรรยาผมด้วยที่ทำตัวทุเรศอย่างนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 05:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 04:53
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมคงโกหกเป็นนิสัยแล้วมั๊งครับ ถึงได้ทำผิดอยู่บ่อยๆ งานการก็ไม่มีทำยังนอนตื่นสายอีก เป็นคนขี้ยา
ต้องตกนรกหลายๆชาติถึงจะสาสมกับการกระทำ ภรรยาผมควรได้เจอคนที่ดีๆ กว่านี้ มีหน้าที่การงานดีๆ
ไม่ต้องมาทนดักดานอยู่กับผมให้ช้ำใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 05:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 04:53
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภรรยาผมจะสวดมนต์ผมยังว่าเลย ผมคงขุนไม่ขึ้นแล้วจริงๆแหละครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 05:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 04:53
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโทษนะครับ การที่ทุกให้ความคิดเห็นและชี้แนะก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ ผมถามสั้กข้อนึงว่าทุกท่านเอาสิ่งไหนมาเปนตัวตัดสินคน การที่ผมไม่โต้ตอบก็เปนการดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 05:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 04:53
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเรามีรัก โลภ โกรธ หลง ถ้าภรรยาผมไม่ยึดติดอย่างที่พูดจริง มาตอบกระทู้ร่วมกันไหมครับ
ผมก็เบื่อปัญหาตรงนี้เหมือนกัน จริงผมก็อยากได้สั้ก 1 ท่านมาเปนสื่อกลางหั้ยหน่อยนะครับ มา
ตอบปัญหาให้หน่อย ก่อนที่ภรรยาผมจะตัดสินใจผิดๆไป แล้วต้องมาเสียใจทีหลังครับ ขอความอนุเคราะห์ล่วงหน้าด้วยครับ


แก้ไขล่าสุดโดย nallan เมื่อ 30 พ.ค. 2010, 05:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร