วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 18:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2011, 11:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

นำบทความดี ๆ มาฝากค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่คิดจะแต่งงานหรือแต่งไปแล้ว
ลองอ่านดูนะคะ ...อาจจะยาวหน่อย

คนเราแต่งงานเพื่ออะไร?

ดูเหมือนระยะหลังจะมีกระทู้เข้ามาขอความเห็นเกี่ยวกับปัญหาการสมรสที่เผชิญอยู่กันมาก
เคยมีคนถามผมเหมือนกันว่า คนเราแต่งงานเพื่ออะไร? เป็นคำถามที่ถ้าตั้งใจจะตอบจริงๆ
คงตอบยากทีเดียว แต่ถ้าจะตอบโดยที่ยังไม่ได้กลั่นกรองความคิดให้ดีคงตอบได้ด้วยเหตุผล
ต่างๆมากมาย ครั้งหนึ่งเคยฟังเทปธรรมะของอาจารย์พุทธทาส หัวข้อ "สมสู่ สืบพันธุ์ แต่งงาน สมรส"
ฟังแล้วได้ข้อคิดว่า ถ้ามองตื้นเขินมากๆแล้วคำสี่คำนี้มีความหมายใกล้เคียงกันทีเดียว
แต่ถ้าจะลองมาวิเคราะห์ดูดีๆ ทั้งสี่คำนี้มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน สองอย่างแรกมนุษย์และสัตว์อื่น
ทำหน้าที่เหมือนกัน แต่คำว่าแต่งงานคือ พิธีการ, วัฒนธรรม ที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่นใน
การใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่คำว่าสมรสมีความหมายว่า การที่คนสองคนผ่านรสชาติของความสุข
ทุกข์ ร่วมกันอย่างเสมอภาคกัน ดังนั้นคำว่าสมรสจึงไม่ได้หมายถึงชีวิตของคนๆหนึ่งโดยเฉพาะ
แต่หมายถึงชีวิตของคนสองคนที่ภายหลังตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกันยอมรับที่จะผ่านชะตากรรมต่างๆ
ไปพร้อมๆกัน
หลายคนคงมีเหตุผลว่าสมรสเพราะคิดว่าคงมีความสุขที่จะอยู่ร่วมกันกับคนอีกคน
(จะด้วยเหตุผลเพราะว่าเคยรักมาก่อน ไม่อยากเหงา กลัวจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต ฯ)
ในทางกลับกัน คนที่ตัดสินใจอยู่เป็นโสดก็สามารถมีความสุขได้เหมือนกันแต่เป็นความสุขของคนๆเดียว
คงไม่มาตัดสินว่าใครมีความสุขมากกว่ากันระหว่างคนที่อยู่เป็นโสดกับคนที่ใช้ชีวิตสมรส คนๆหนึ่งคง
เชื่อว่าสมรสคงดีกว่าเป็นโสดจึงตัดสินใจแต่งงาน แต่จะสุขหรือทุกข์แค่ไหนคงขึ้นอยู่กับคนสองคน
และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆที่มาประกอบกันขึ้นภายหลังสมรสเช่น ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้,
แม่ยายลูกเขย, สภาพการทำงานและสถานะทางการเงิน ความห่วงใยกัน ฯลฯ
เป้าหมายที่แท้จริงของการสมรสควรจะอยู่ตรงไหน? ถ้าหน้าที่เพียงเพื่อให้กำเนิดลูก เท่ากับว่าพอ
คลอดลูกออกมาก็จบหน้าที่ถือว่าบรรลุหน้าที่ของการสมรสอย่างนั้นหรือ? ถ้าคิดแบบนี้ดูเหมือนยังมอง
ไม่แยบคายทีเดียว ถ้ามนุษย์มีหน้าที่เพียงเพื่อผลิตปริมาณคนรุ่นใหม่ออกมาเรื่อยๆทดแทนคนรุ่นเก่า
ที่ตายลงเพื่อไม่ให้มนุษย์สูญพันธุ์ไปจากโลกโดยไม่มีการอบรมขัดเกลาคนรุ่นใหม่ให้เป็นคนที่ดีของสังคม
ไม่ได้จรรโลงสังคมให้น่าอยู่ ไม่มีการพัฒนาก้าวหน้าต่อไป อย่างนี้จะถือว่าทำหน้าที่มนุษย์ครบถ้วน
ได้หรือเปล่า?
ผมมีตัวอย่างที่ขอยกมาเล่าประกอบก่อนแสดงความเห็นตอนท้ายว่าคนเราสมรสกันเพื่ออะไร?
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น แต่ขอไม่นำชื่อของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ในเรื่องมาเอ่ยถึง เพื่อเป็นการไม่ไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของบุคคลดังกล่าว
ผู้หญิงคนหนึ่งเคยทำงานในธนาคารแห่งหนึ่งแต่แล้วชีวิตของเธอก็พลิกผันเมื่อเธอสมัครเข้าประกวด
Miss Japan Internationalและชนะเลิศ ความงามของเธอและชื่อเสียงที่ได้รับทำให้เธอก้าวเข้า
สู่วงการนางแบบ มีงานถ่ายแบบเข้ามาตลอด และนั่นทำให้เธอพบรักกับช่างภาพรายหนึ่ง
ทั้งคู่ใช้เวลาคบกันอยู่หลายปีจนตัดสินใจจะแต่งงานกัน กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว
เหลือเวลาไม่กี่วันก็จะถึงวันหมั้น ผู้หญิงรายนี้มีคิวถ่ายแบบที่ต่างจังหวัด เมื่อถ่ายแบบเสร็จเธอตั้งใจ
จะเดินทางกลับโดยรถไฟตามลำพังแต่สต๊าฟชวนนั่งรถกลับเข้าโตเกียวด้วยกัน เธออยากรีบไปพบ
แฟนเร็วๆจึงเปลี่ยนใจมานั่งรถสต๊าฟกลับโตเกียวแทน แต่นั่นกลับเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ของเธอเมื่อรถคันดังกล่าวไปชนกับรถคันอื่น เธอกระเด็นออกไปนอกรถหมดสติ มารู้ตัวอีกทีหลายวัน
ผ่านไปแต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ผลจากการตรวจอย่างละเอียดพบว่าไขสันหลังเธอได้รับการ
กระทบกระทือนอย่างแรงสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกายตั้งแต่ส่วนเอวลงไปอย่างถาวร
ลองนึกถึงคนที่เคยเป็นถึงนางงามระดับประเทศแล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจนมีผลทำให้พิการตลอดชีวิต
ความเจ็บปวดและเสียใจมันรุนแรงขนาดไหน แฟนของเธอเมื่อทราบข่าวยังทำใจไม่ได้ไม่กล้าไปเยี่ยม
ผู้หญิงคนนี้ทนอยู่กับความทุกข์ทรมานในสภาพที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้
จะเข้าห้องน้ำหรือนั่งบนโถส้วมเองไม่ได้ต้องให้พยาบาลมาช่วยจับให้นั่ง เธอเคยคิดฆ่าตัวตายแต่
ไม่มีแรงพอที่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากรถเข็นได้ ในใจเธอยังคงฝันถึงการได้เป็นเจ้าสาว
เธอเริ่มต้นเขียนจดหมายระบายความในใจถึงแฟนของเธอ เธอยังอยากจะพบหน้าแฟนของเธอ
แต่เธอรู้ดีว่าตราบเท่าที่เธอยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แม้แต่การพยุงร่างกายให้นั่งบนโถส้วมมันก็
ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะแต่งงานเพื่อไปเป็นภาระให้แฟนของเธอตลอดชีวิต เธอพยายามเอาชนะ
สภาพร่างกายที่พิการ เธอล้มแล้วล้มอีกในการพยายามพยุงร่างกายเพื่อจะนั่งบนโถส้วมให้ได้
หลังจากพยายามมาเป็นเวลากว่าเดือนในที่สุดเธอก็เอาชนะอุปสรรคในความพิการของร่างกาย
เธอจนได้ เธอสามารถพยุงร่างกายนั่งบนโถส้วมได้สำเร็จ ในเวลาเดียวกันเมื่อมีคนอื่นมาเห็น
สภาพโศกเศร้า
ของแฟนเธอในขณะนั้นและแนะนำให้แฟนของเธอเลิกล้มความตั้งใจที่จะคบเธอต่อดีกว่า
แฟนของเธอกลับได้สติและรู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาทั้งของเขาและเธอ ต่างฝ่ายต่างคอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
มาตลอดและชีวิตของเขาจะไม่มีความสุขเลยถ้าขาดเธอผู้ซึ่งให้กำลังใจไป
แฟนของเธอตรงเข้าไปขอเธอแต่งงานอีกครั้ง ทั้งคู่จัดพิธีสมรสหลังจากเธอออกจากโรงพยาบาล ๑ ปีต่อมา
เธอทำกายภาพบำบัดจนสามารถทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองได้ จนถึงตอนนี้ทั้งคู่ครองรักอย่างมีความสุข
มากว่า ๒๐ ปี ถึงแม้ว่าทั้งเขาและเธอจะไม่สามารถมีบุตรได้แต่เธอทำหน้าที่ของภรรยาได้อย่างดีเช่นเดียว
กับภรรยาของคนปกติทั่วไปทำกัน อาจจะเป็นข้อดีของสังคมญี่ปุ่นด้วยที่ให้ความสำคัญแก่
คนพิการและฝึกให้คนพิการช่วยเหลือตัวเองโดยไม่เป็นภาระแก่ใครและไม่รู้สึกว่าตนเองแตกต่าง
จากคนปกติทั่วๆไป เธอสามารถขับรถไปไหนมาไหนได้หรือนั่งรถเข็นไปขึ้นรถไฟได้ตามลำพัง
ตัวอย่างที่ยกมาเล่าให้ฟังจะเห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้ตัดสินใจสมรสกันเพื่อมีกิจกรรมทางเพศหรือเพื่อ
มีลูกด้วยกันเลย แฟนเขาเป็นผู้ชายที่ดีมากและสมควรยกย่อง เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะคบต่อ
หรือเลิกก็ได้ภายหลังจากที่เธอเกิดอุบัติเหตุ แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่กับเธอแม้รู้ว่าเธออยู่ในสภาพ
ที่แตกต่างไปจากเดิมแล้ว ความดีในตัวคนๆหนึ่งไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนๆนั้นไ
ม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ทั้งคู่เลือกที่จะสมรสกันเพราะต่างรู้ว่าไม่มีใครคนอื่นที่ทำหน้าที่ตรงนี้
ได้ดีกว่าเขาและเธอ
คราวนี้ผมขอแสดงความเห็นครับ ผมมองว่าคนทุกคนเกิดมาพร้อมกับหน้าที่ที่จะ
ต้องทำ และถ้าทำหน้าที่ดังกล่าวได้ครบถ้วนเขาก็ไม่เป็นทุกข์ การทำหน้าที่ให้ถูกต้องก็เป็นการปฎิบัติธรรม
อย่างหนึ่งเหมือนกันครับ ดังนั้นถ้าคนๆหนึ่งทำหน้าที่อย่างดีพร้อมสมบูรณ์ในตัวเอง
เขาคงไม่รู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป เขาสามารถจะดำรงชีวิตคนเดียวได้ตามลำพัง แต่เมื่อเขารู้สึกว่า
หน้าที่บางอย่างเขาไม่สามารถทำตามลำพังได้สมบูรณ์ และหน้าที่ดังกล่าวเขาจะสามารถทำได้อย่าง
สมบูรณ์ก็ต่อเมื่อเขาใช้ชีวิตร่วมกับคนอีกคนหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจสมรส ภายหลังการสมรสจึงมี
หน้าที่ตามมาและหน้าที่ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการสมรสเท่านั้น หน้าที่ดังกล่าวได้แก่
หน้าที่ของสามีและภรรยา หน้าที่ของพ่อและแม่ หน้าที่ของสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของสอง
ครอบครัวที่มารวมกันโดยผ่านการสมรส และเมื่อทำหน้าที่ดังกล่าวได้ดีก็เกิดความสุขตามมา

แต่ความสุขเป็นจุดมุ่งหมายของการสมรสหรือไม่? ถ้าคนสองคนที่ตัดสินใจสมรสกันและทำหน้าที่
ภายหลังสมรสครบถ้วน คนทั้งสองน่าจะมีความสุขจากการใช้ชีวิตสมรสมากกว่ามีความทุกข์
แต่ถ้าจะบอกว่าชีวิตปราศจากทุกข์เลยก็คงไม่ได้ทีเดียว เพราะทุกข์อาจจะเกิดจากหลายๆปัจจัย
ที่ควบคุมไม่ได้ในชีวิต และความทุกข์ก็ช่วยสอนให้มนุษย์รู้จักพัฒนาตนเองหาทางเอาชนะความทุกข์
ถ้าไม่มีทุกข์เลยมนุษย์จะไม่รู้จักพัฒนาตนเอง
ดังนั้นถ้าผมจะขอสรุปตรงนี้ก็คือ จุดมุ่งหมายของการสมรสของมนุษย์ก็เพื่อทำหน้าที่บางอย่าง
ที่ไม่สามารถทำได้ถ้าอยู่ตามลำพัง หน้าที่ดังกล่าวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อใช้ชีวิตสมรสด้วยกัน
แต่ผมไม่อยากสรุปว่าการสมรสเป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่ต้องทำ เพราะว่ามนุษย์มีสิทธิ์ที่จะเลือก
ว่าตนเองพึงพอใจความสุขจากการทำหน้าที่ของตนจากการใช้ชีวิตตามลำพังหรือความสุขจาก
การทำหน้าที่ที่เกิดจากการใช้ชีวิตสมรสมากกว่ากัน ลองเลือกดูครับว่าคุณพอใจความสุขอย่าง
ไหนมากกว่ากันสำหรับคนที่ยังไม่แต่งงาน สำหรับคนที่แต่งงานแล้วก็ลองทำหน้าที่ให้ครบถ้วน
สมบูรณ์เพื่อความสุขในชีวิตลมรสครับ เพราะว่าการทำหน้าที่อย่างถูกต้องและครบถ้วนถือเป็น
การปฎิบัติธรรมอย่างหนึ่งครับ
By: คุณชาคโร

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5113

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


จะอยู่ในสถานภาพไหนก็ทำหน้าที่ให้ตรงกับสถานภาพนั้นๆใช่ไหมคะ ให้มีธรรมเสมอ


คนอยู่คนเดียว ถ้าหัวใจร้อนรน เหงา ดิ้นรน ไม่พอใจสถานภาพของตัว ไม่มีธรรมะ ก็หาความสุขไม่ได้หรอกเนอะ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร