วันเวลาปัจจุบัน 21 พ.ค. 2025, 01:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 15:18
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีเรื่องกลุ้มใจและเครียดมากครับ เนื่องจากตนเองต้องทำงานอยู่อีกที่ ส่วนแม่นั้นอยู่บ้าน ตจว. แต่แก
ไม่รู้จักรักษาตัวเองบอกหรือแนะนำอะไรก็ไม่เอา เห็นแก่ตัวเอง ขี้เกียจ (อันที่จริงผมไม่ได้ต้องการให้แม่
ผมทำอะไรพิเศษแต่ที่อยากให้ทำงานบ้างเพื่อที่แกจะได้ออกกำลังกายบ้าง) เวลาป่วยผมต้องลงมาดูแม่
เนื่องจากผมเป็นลูกคนเดียว ญาติๆ รอบข้างก็มีแต่แก่ๆกันหมดแล้ว ต้องมาดูแลแม่ผมอีกผมก็เกรงใจเขา
แต่แม่ผมกลับไม่ดูแลตัวเองเลย กลับมาที่ไรผมรู้สึกปาบขึ้นเป็นกองเพราะต้องมาค่อยบอกค่อยสอนแม่
ตัวเอง ทั้งที่มันก็ไม่เห็นจะมีประโยนช์ ตัวผมเองลองมาหมดแล้วทั้งจิตวิทยา ไม่แข็งไม่อ่อนเพื่อที่แกจะ
ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเพื่อตัวของแกเอง อยากให้แกเข้าวัดเพื่ออะไรจะดีขึ้นแกก็ไม่ไป ผมควรทำอย่างไรดี
ครับ ตัวผมเองก็ไม่ไหวถ้าจะต้องทำงานและดูแลไปพร้อมๆกัน อีกอย่างผมเป็นห่วงอนาคตภายภาคหน้า
ของแกนะครับ เพราะไม่เคยสร้างหรือทำบุญอะไรไว้เลย ใครพอจะมีอะไรแนะนำผมบ้างไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2010, 11:15
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พักใจ เขียน:
มีเรื่องกลุ้มใจและเครียดมากครับ เนื่องจากตนเองต้องทำงานอยู่อีกที่ ส่วนแม่นั้นอยู่บ้าน ตจว. แต่แก
ไม่รู้จักรักษาตัวเองบอกหรือแนะนำอะไรก็ไม่เอา เห็นแก่ตัวเอง ขี้เกียจ (อันที่จริงผมไม่ได้ต้องการให้แม่
ผมทำอะไรพิเศษแต่ที่อยากให้ทำงานบ้างเพื่อที่แกจะได้ออกกำลังกายบ้าง) เวลาป่วยผมต้องลงมาดูแม่
เนื่องจากผมเป็นลูกคนเดียว ญาติๆ รอบข้างก็มีแต่แก่ๆกันหมดแล้ว ต้องมาดูแลแม่ผมอีกผมก็เกรงใจเขา
แต่แม่ผมกลับไม่ดูแลตัวเองเลย กลับมาที่ไรผมรู้สึกปาบขึ้นเป็นกองเพราะต้องมาค่อยบอกค่อยสอนแม่
ตัวเอง ทั้งที่มันก็ไม่เห็นจะมีประโยนช์ ตัวผมเองลองมาหมดแล้วทั้งจิตวิทยา ไม่แข็งไม่อ่อนเพื่อที่แกจะ
ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเพื่อตัวของแกเอง อยากให้แกเข้าวัดเพื่ออะไรจะดีขึ้นแกก็ไม่ไป ผมควรทำอย่างไรดี
ครับ ตัวผมเองก็ไม่ไหวถ้าจะต้องทำงานและดูแลไปพร้อมๆกัน อีกอย่างผมเป็นห่วงอนาคตภายภาคหน้า
ของแกนะครับ เพราะไม่เคยสร้างหรือทำบุญอะไรไว้เลย ใครพอจะมีอะไรแนะนำผมบ้างไหมครับ


สวัสดีค่ะคุณพักใจมีปัญหาค่อนข้างเหมือนดิฉันเลยค่ะ แต่ของดิฉันดีกว่าที่ว่าอย่างน้อยท่านก็ยังใส่บาตรบ้าง
เป็นบางครั้งบางคราว แต่ถ้าดิฉันบอกให้ไปวัดถือศีล ท่านจะปฏิเสธอย่างเดียว ว่ายังไงก็ไม่ไปแถมย้อน
ดิฉันอีกนะคะว่า ไม่ทำก็เรื่องของท่านใครทำใครก็ได้ไป ดิฉันก็เลยต้องเป็นฝ่ายปฏิบัติเสียเอง แล้วอุทิศ
ให้ท่านทุกครั้งที่ทำบุญ ใส่บาตร ดิฉันใส่บาตรเกือทุกวัน (ยกเว้นตื่นสาย) เพราะพระบิณฑบาตรผ่านหน้า
บ้านทุกวัน ก่อนนอนดิฉันก็จะสวดมนต์อาราธนาศีล 5 ทุกวันเช่นกัน หลังจากนั้นก็จะอุทิศผลบุญที่เราได้
ทำให้แก่แม่ของดิฉันและบุคคลอื่นๆ ที่ดิฉันรักและเคารพ ยังงัยก็ลองปฏิบัติดูนะคะ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เหลือ
บ่ากว่าแรงของคุณแน่นอนค่ะ อ๋อ!!! ลืมบอกไป วันหยุดเข้าพรรษานี้ดิฉันก็จะไปปฏิบัติธรรมที่วัดด้วยคะ
ตั้งใจจะภาวนาขอให้ผลแห่งการปฏิบัตินี้ดลบันดาลให้แม่ของดิฉันหันมาใส่ใจในการทำบุญมากขึ้นค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 16:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 15:18
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


pupea2552 เขียน:
พักใจ เขียน:
มีเรื่องกลุ้มใจและเครียดมากครับ เนื่องจากตนเองต้องทำงานอยู่อีกที่ ส่วนแม่นั้นอยู่บ้าน ตจว. แต่แก
ไม่รู้จักรักษาตัวเองบอกหรือแนะนำอะไรก็ไม่เอา เห็นแก่ตัวเอง ขี้เกียจ (อันที่จริงผมไม่ได้ต้องการให้แม่
ผมทำอะไรพิเศษแต่ที่อยากให้ทำงานบ้างเพื่อที่แกจะได้ออกกำลังกายบ้าง) เวลาป่วยผมต้องลงมาดูแม่
เนื่องจากผมเป็นลูกคนเดียว ญาติๆ รอบข้างก็มีแต่แก่ๆกันหมดแล้ว ต้องมาดูแลแม่ผมอีกผมก็เกรงใจเขา
แต่แม่ผมกลับไม่ดูแลตัวเองเลย กลับมาที่ไรผมรู้สึกปาบขึ้นเป็นกองเพราะต้องมาค่อยบอกค่อยสอนแม่
ตัวเอง ทั้งที่มันก็ไม่เห็นจะมีประโยนช์ ตัวผมเองลองมาหมดแล้วทั้งจิตวิทยา ไม่แข็งไม่อ่อนเพื่อที่แกจะ
ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเพื่อตัวของแกเอง อยากให้แกเข้าวัดเพื่ออะไรจะดีขึ้นแกก็ไม่ไป ผมควรทำอย่างไรดี
ครับ ตัวผมเองก็ไม่ไหวถ้าจะต้องทำงานและดูแลไปพร้อมๆกัน อีกอย่างผมเป็นห่วงอนาคตภายภาคหน้า
ของแกนะครับ เพราะไม่เคยสร้างหรือทำบุญอะไรไว้เลย ใครพอจะมีอะไรแนะนำผมบ้างไหมครับ


สวัสดีค่ะคุณพักใจมีปัญหาค่อนข้างเหมือนดิฉันเลยค่ะ แต่ของดิฉันดีกว่าที่ว่าอย่างน้อยท่านก็ยังใส่บาตรบ้าง
เป็นบางครั้งบางคราว แต่ถ้าดิฉันบอกให้ไปวัดถือศีล ท่านจะปฏิเสธอย่างเดียว ว่ายังไงก็ไม่ไปแถมย้อน
ดิฉันอีกนะคะว่า ไม่ทำก็เรื่องของท่านใครทำใครก็ได้ไป ดิฉันก็เลยต้องเป็นฝ่ายปฏิบัติเสียเอง แล้วอุทิศ
ให้ท่านทุกครั้งที่ทำบุญ ใส่บาตร ดิฉันใส่บาตรเกือทุกวัน (ยกเว้นตื่นสาย) เพราะพระบิณฑบาตรผ่านหน้า
บ้านทุกวัน ก่อนนอนดิฉันก็จะสวดมนต์อาราธนาศีล 5 ทุกวันเช่นกัน หลังจากนั้นก็จะอุทิศผลบุญที่เราได้
ทำให้แก่แม่ของดิฉันและบุคคลอื่นๆ ที่ดิฉันรักและเคารพ ยังงัยก็ลองปฏิบัติดูนะคะ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เหลือ
บ่ากว่าแรงของคุณแน่นอนค่ะ อ๋อ!!! ลืมบอกไป วันหยุดเข้าพรรษานี้ดิฉันก็จะไปปฏิบัติธรรมที่วัดด้วยคะ
ตั้งใจจะภาวนาขอให้ผลแห่งการปฏิบัตินี้ดลบันดาลให้แม่ของดิฉันหันมาใส่ใจในการทำบุญมากขึ้นค่ะ
ทำให้กันได้ด้วยหรือครับ ทั้งๆที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เนี้ยนะครับ แต่ใจผมเองก็ยังอยากให้ท่าน
ทำเองจะได้เต็มๆนะครับ ปกติแกแข็งแรงพอเดินได้ผมก็จะพยายามพาแกไปครับ แต่ตอนนี้เริ่มขี้เกียจจะเดิน
แล้วครับ ผมเลยพาแกไปไหนไม่ได้นะครับ จะปลงแบบปล่อยวางไม่สนใจเลยก็ไม่ได้นะครับ ป้าผมเขา
เคยสอนผมไว้ว่า เขาจะดีหรือเลวอย่างไร ยังไงเขาก็แม่เรา นี้ล่ะครับคือสิ่งที่ผมต้องรับมันให้ได้แต่ผมก็มีขีดจำกัดอยู่เหมือนกัน ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ผมว่า ปัญหาอื่นๆ คงไม่ยากแล้วล่ะ ครับ ตอนนี้ผมไม่มีที่พึ่ง
ทางจิตใจที่ไหนก็เลยจะเข้าหาทางธรรมาบ้าง เผื่อว่าใจผมจะเย็นและนิ่งลง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนากับความตั้งใจดีนะคะ
ไม่รู้ว่าเราจะได้มีโอกาสตอบแทนพระคุณของแม่อีกนานแค่ไหน
อาจจะหลายสิบปี หลายปี หลายเดือน หลายวัน พรุ่งนี้หรือแค่ลมหายใจถัดไป

คุณจขกท.บอกว่าลองทำมาหมดแล้ว แต่ท่านยังไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะแม่ก็อาจจะมีทิฏฐิว่าลูกไม่ควรมาสอนแม่หรือเปล่า
ปรับวิธีจากการบอกการสอนตรงๆ แบบไม่ให้รู้ตัวว่าท่านถูกสอนอยู่
(มันคงต้องใช้ความพยายามมาก แต่ก็เพื่อแม่นะคะ)
แต่ตอนนี้อาจเงียบๆไปก่อน ธรรมชาติของคนไม่ชอบการบังคับควบคุม
บางทียิ่งพูด ยิ่งเกิดแรงต้าน

ส่วนเรื่องทำบุญทำทาน
ไม่รู้จะแนะนำยังไงดี เพราะตัวเองก็กำลังเจอสถานการณ์นี้เหมือนกัน
ถ้าในความเห็นแม่
หากคนที่แนะให้ท่านเข้าวัดทำบุญ ยังเป็นคนที่ขี้บ่น ใจร้อน ฯลฯ(สมมตินะคะ ขอโทษด้วยค่ะ)
ท่านอาจยังไม่เห็นดีด้วยว่าจะเข้าวัดไปเพื่ออะไร
เคยได้ยินว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เห็น เป็นการประกาศธรรมได้ดีกว่าทุกคำอธิบาย

และเวลาคุณจขกท.ไปทำบุญอะไร ก็บอกท่านให้รู้
หากท่านยินดีในบุญนั้นด้วย ท่านก็ได้รับผลบุญนะคะ

สุดท้าย ดิฉันกำลังคิดจะทำอยู่
หลังจากทำบุญ ปฏิบัติธรรม หรือไปกราบพระอริยสงฆ์ หลวงพ่อโสธร พระพุทธชินราช
หลวงพ่อวัดไร่ขิง ฯลฯ ก็อธิษฐานว่าขอให้แม่เรามีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกตรง
และหันมาสนใจทาน ศีล ภาวนา จนพ้นจากกองทุกข์ได้ด้วยเถิด

ข้างต้นเป็นความเห็นส่วนตัวนะ ผิดพลาดอะไรต้องขออภัยค่ะ

อ้างคำพูด:
ทำให้กันได้ด้วยหรือครับ ทั้งๆที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เนี้ยนะครับ แต่ใจผมเองก็ยังอยากให้ท่าน
ทำเองจะได้เต็มๆนะครับ ปกติแกแข็งแรงพอเดินได้ผมก็จะพยายามพาแกไปครับ แต่ตอนนี้เริ่มขี้เกียจจะเดิน
แล้วครับ ผมเลยพาแกไปไหนไม่ได้นะครับ จะปลงแบบปล่อยวางไม่สนใจเลยก็ไม่ได้นะครับ


หากเรามีบุญแล้วสามารถอุทิศบุญให้คนมีชีวิตอยู่ได้ค่ะ
ถ้าบอกให้เค้ารับรู้และเค้ายินดีในบุญกับเรา(อนุโมทนา)
แต่ถ้าทำบุญเอง จิตอาจจะบันทึกข้อมูลของกุศลกรรมนั้นได้หนักแน่นมากขึ้น
ลองดูบุญกิริยาวัตถุ 10 นะคะ
หากเดินไม่ไหวจริงๆ การรักษาศีล อ่านหนังสือธรรม
ฟังCD ธรรม หรือทำอะไร ยืน เดิน นั่ง กิน อาบน้ำฯลฯ แล้วมีสติรู้ตัว ก็ได้บุญแล้วค่ะ
เริ่มต้นจากเวลาที่แม่เดินไปเดินมาก็ให้รู้สึกถึงเท้าที่กระทบพื้น นั่ง นอนเฉยๆก็ระลึกรู้ลมหายใจ
เดี๋ยวจะเคยชินกับการรู้ตัวเองค่ะ

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


แก้ไขล่าสุดโดย จันทร์ ณ ฟ้า เมื่อ 15 ก.ค. 2010, 17:31, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มีเรื่องกลุ้มใจและเครียดมากครับ เนื่องจากตนเองต้องทำงานอยู่อีกที่ ส่วนแม่นั้นอยู่บ้าน ตจว. แต่แก
ไม่รู้จักรักษาตัวเองบอกหรือแนะนำอะไรก็ไม่เอา เห็นแก่ตัวเอง ขี้เกียจ (อันที่จริงผมไม่ได้ต้องการให้แม่
ผมทำอะไรพิเศษแต่ที่อยากให้ทำงานบ้างเพื่อที่แกจะได้ออกกำลังกายบ้าง) เวลาป่วยผมต้องลงมาดูแม่
เนื่องจากผมเป็นลูกคนเดียว ญาติๆ รอบข้างก็มีแต่แก่ๆกันหมดแล้ว ต้องมาดูแลแม่ผมอีกผมก็เกรงใจเขา
แต่แม่ผมกลับไม่ดูแลตัวเองเลย กลับมาที่ไรผมรู้สึกปาบขึ้นเป็นกองเพราะต้องมาค่อยบอกค่อยสอนแม่
ตัวเอง ทั้งที่มันก็ไม่เห็นจะมีประโยนช์ ตัวผมเองลองมาหมดแล้วทั้งจิตวิทยา ไม่แข็งไม่อ่อนเพื่อที่แกจะ
ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเพื่อตัวของแกเอง อยากให้แกเข้าวัดเพื่ออะไรจะดีขึ้นแกก็ไม่ไป ผมควรทำอย่างไรดี
ครับ ตัวผมเองก็ไม่ไหวถ้าจะต้องทำงานและดูแลไปพร้อมๆกัน อีกอย่างผมเป็นห่วงอนาคตภายภาคหน้า
ของแกนะครับ เพราะไม่เคยสร้างหรือทำบุญอะไรไว้เลย ใครพอจะมีอะไรแนะนำผมบ้างไหมครับ


แม่ของแฟนเรา ก็เป็นแบบคุณแม่ของคุณเลยค่ะ
ท่านไม่ทำอะไรทั้งนั้น ท่านจะบอกแต่ว่า เวลาทำปวดแขนปวดขา
จะโทรเรียกให้ลูก พาไปหาแต่หมอ ชอบกินยา เวลามียาแก้ปวดจะชอบ

เปิดน้ำเปิดไฟ ไม่เคยปิดจะพูดคำว่าลืม
หาคนให้ไปอยู่ดูแลท่าน ก็ไม่ยอมให้อาหารเค้ากิน
จะให้กินแต่ของที่เหลือ จากตัวเองกินเหลือ
เวลาที่ลูกๆของท่าน ซื้อของไปไว้ให้คนดูแลท่านกิน
ก็เอาของไปซ่อน บางครั้งซ่อนจนลืมหาไม่เจอ
ไปเจออีกทีก็เน่าอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า

ลูกๆของท่าน จะบอกจะว่า
ท่านก็เฉยๆ จะพูดคำว่า"ฉันเป็นแม่พวกเธอน่ะ"
มีอยู่เรื่องหนึ่ง ตลกมากๆเลยค่ะ คือทุกๆปี
จะไหว้ขนมไหว้พระจันทร์ เราก็เห็นท่านเอาขนมใส่จาน
แล้วก็เอาถุงพลาสติคไปห่อไว้ เราก็ถามว่า"ทำไมถึงเอาถุงมาห่อไว้"
ท่านตอบว่า"ต้องห่อไว้ ขนมจะได้ไม่สกปรกจะได้นำมากินได้"พอเราได้ยินเราต้องไปแอบขำค่ะ


ยากค่ะ พูดได้เลยยากมากมี ทางเดียวคือ
ซื้อของไปไว้ให้ท่านทาน ให้เงินท่านไว้ใช้
ถ้าคุณไปพูดอะไรมาก ก็จะบาปซะเปล่าๆ
แนะนำได้เท่านี้ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 15:18
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
อ้างคำพูด:
มีเรื่องกลุ้มใจและเครียดมากครับ เนื่องจากตนเองต้องทำงานอยู่อีกที่ ส่วนแม่นั้นอยู่บ้าน ตจว. แต่แก
ไม่รู้จักรักษาตัวเองบอกหรือแนะนำอะไรก็ไม่เอา เห็นแก่ตัวเอง ขี้เกียจ (อันที่จริงผมไม่ได้ต้องการให้แม่
ผมทำอะไรพิเศษแต่ที่อยากให้ทำงานบ้างเพื่อที่แกจะได้ออกกำลังกายบ้าง) เวลาป่วยผมต้องลงมาดูแม่
เนื่องจากผมเป็นลูกคนเดียว ญาติๆ รอบข้างก็มีแต่แก่ๆกันหมดแล้ว ต้องมาดูแลแม่ผมอีกผมก็เกรงใจเขา
แต่แม่ผมกลับไม่ดูแลตัวเองเลย กลับมาที่ไรผมรู้สึกปาบขึ้นเป็นกองเพราะต้องมาค่อยบอกค่อยสอนแม่
ตัวเอง ทั้งที่มันก็ไม่เห็นจะมีประโยนช์ ตัวผมเองลองมาหมดแล้วทั้งจิตวิทยา ไม่แข็งไม่อ่อนเพื่อที่แกจะ
ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเพื่อตัวของแกเอง อยากให้แกเข้าวัดเพื่ออะไรจะดีขึ้นแกก็ไม่ไป ผมควรทำอย่างไรดี
ครับ ตัวผมเองก็ไม่ไหวถ้าจะต้องทำงานและดูแลไปพร้อมๆกัน อีกอย่างผมเป็นห่วงอนาคตภายภาคหน้า
ของแกนะครับ เพราะไม่เคยสร้างหรือทำบุญอะไรไว้เลย ใครพอจะมีอะไรแนะนำผมบ้างไหมครับ


แม่ของแฟนเรา ก็เป็นแบบคุณแม่ของคุณเลยค่ะ
ท่านไม่ทำอะไรทั้งนั้น ท่านจะบอกแต่ว่า เวลาทำปวดแขนปวดขา
จะโทรเรียกให้ลูก พาไปหาแต่หมอ ชอบกินยา เวลามียาแก้ปวดจะชอบ

เปิดน้ำเปิดไฟ ไม่เคยปิดจะพูดคำว่าลืม
หาคนให้ไปอยู่ดูแลท่าน ก็ไม่ยอมให้อาหารเค้ากิน
จะให้กินแต่ของที่เหลือ จากตัวเองกินเหลือ
เวลาที่ลูกๆของท่าน ซื้อของไปไว้ให้คนดูแลท่านกิน
ก็เอาของไปซ่อน บางครั้งซ่อนจนลืมหาไม่เจอ
ไปเจออีกทีก็เน่าอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า

ลูกๆของท่าน จะบอกจะว่า
ท่านก็เฉยๆ จะพูดคำว่า"ฉันเป็นแม่พวกเธอน่ะ"
มีอยู่เรื่องหนึ่ง ตลกมากๆเลยค่ะ คือทุกๆปี
จะไหว้ขนมไหว้พระจันทร์ เราก็เห็นท่านเอาขนมใส่จาน
แล้วก็เอาถุงพลาสติคไปห่อไว้ เราก็ถามว่า"ทำไมถึงเอาถุงมาห่อไว้"
ท่านตอบว่า"ต้องห่อไว้ ขนมจะได้ไม่สกปรกจะได้นำมากินได้"พอเราได้ยินเราต้องไปแอบขำค่ะ


ยากค่ะ พูดได้เลยยากมากมี ทางเดียวคือ
ซื้อของไปไว้ให้ท่านทาน ให้เงินท่านไว้ใช้
ถ้าคุณไปพูดอะไรมาก ก็จะบาปซะเปล่าๆ
แนะนำได้เท่านี้ค่ะ

อันนี้ใก้ลเคียงผมอย่างมากเลยครับ ครับผมจะพยายามไม่ว่าแกครับ แล้วจะพยายามทำบุญเผื่อให้แก
จะพยายามทำเท่าที่ผมจะทำได้ อย่างน้อยมันอาจช่วยลดความปาบในการกระทำของผมบ้างก็ได้

ปล. ผมขอขอบคุณในทุกความเห็นและทุกข้อชี้แนะนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2010, 02:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้แสดงความกตัญญูได้อย่างเต็มที่
กลับไปเยี่ยมเยี่ยนท่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ลองเปลี่ยนจากคำแนะนำ เป็นขอร้องท่านดูซิค่ะ

พ่อของดิฉันเป็นคนจีน ท่านจะไม่ค่อยสนใจเรื่อง
การปฏิบัติธรรมเช่นกัน ก็คิดอยู่ตั้งนานนะว่าจะทำอย่างไร?
ให้ท่านได้มีโอกาสไปปฏฺบัติธรรมที่วัด สักครั้งในชีวิตก้ยังดี
แล้วอยู่ๆ ความคิดก็ผุดขึ้นมาในวันหนึ่งว่า "ปาอยากให้
ลูกโชคดีไหม? เมื่อคืนนี้ฝันว่า มีคนมาบอกว่า ถ้าปาไป
ถือศิลที่วัดสักเจ็ดวัน ลูก(หมายถึงดิฉ้น) จะมีโชคใหญ่
ค้าขายจะเจริญรุ่งเรือง" เพราะรู้ว่าความปรารถนาของท่าน
(ของคนจึนทั่วไป) อยู่ที่ความเจริญรุ่งเรืองในอาชีพการงานของลูก

ท่านคิดอยู่หลายวันเหมือนกันแต่ในที่สุด
ท่านก็บอกว่า "ไปก้ไป" ท่านอยู่จนครบเจ็ดวัน
และกลับมาด้วยความศรัทธา เดี๋ยวนี้ไม่ต้องบอกท่านก็จะ
ใส่บาตร ไปวัดตามแต่โอกาส และสวดมนตร์เองโดยไม่ต้อง
ขอร้อง คุณลองคิดดูซิค่ะว่า จุดอ่อนของแม่อยู่ตรงไหน?
ใช้ตรงนั้นมาเป็นกุศโลบาย ให้ท่านหันมาสนใจบุญกุศล
อย่างน้อยๆ สวดมนต์ ใส่บาตรบ้างก็ยังดี แล้วเรื่องอื่นก็จะง่ายเอง

ขออนุโมทนาในความกตัญญูของคุณนะค่ะ ขอให้มีความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร