วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 02:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 03:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: ภาพบน - เจ้าฮาจิโกะเมื่อปี 1932 (2475)
ภาพล่าง - รูปปั้นของเจ้าฮาจิโกะ

Hajiko.jpg
Hajiko.jpg [ 170.05 KiB | เปิดดู 5287 ครั้ง ]
ความพลัดพราก เมื่อเกิดขึ้นกับมนุษย์

มนุษย์ส่วนใหญ่....แสดงออกด้วยการโศรกเศร้าเสียใจ


ลองมาดูการต้องพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก

ที่เกิดกับสุนัขชื่อ "ฮาจิโกะ" (ประเทศญี่ปุ้น)


http://www.youtube.com/watch?v=Hk5aiAsT ... _embedded#!

http://www.youtube.com/watch?v=P3s11acb ... re=related

ขอบอกว่าเศร้ามากๆ

หมายเหตุ.-
..........ส่วนเจ้าตัวที่อยู่ในภาพของ กระผมนั้น ไม่มีชื่อ,
..........แต่มีเรื่องราวเบื้องหลังเช่นกัน


แก้ไขล่าสุดโดย Eikewsang เมื่อ 26 มิ.ย. 2010, 03:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 03:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


**เรื่องของฮาจิโกะ**
สุนัขผู้ซื่อสัตย์
Hachiko Monogatari


ย่านชิบูยะ ในประเทศญี่ปุ่น
มีรูปหล่อสุนัขตัวหนึ่ง ชาวญี่ปุ่นหลายคนรู้จักมันเป็นอย่างดี
มันตัวแทนให้ระลึกถึงความรัก และมิตรภาพระหว่างคนกับสุนัข
เจ้าฮาจิโกะ (Hachikō) สุนัขพันธุ์อากิตะ (Akita)
คือ
ตำนานเบื้องหลังรูปปั้นนี้


เรื่องของ เจ้าฮาจิโกะ
เกิดขึ้นระหว่าง 10 พย.2466 ถึง 8 มีค.2496 (Nov 10,1923 - March 8, 1935)

ฮาจิโกะ เป็นสุนัขสายพันธุ์อคิตะ (Akita) ,
เกิดที่เมืองโอดาเตะ จังหวัดอคิตะ ประเทศญี่ปุ่น

ลืมตาขึ้นมาดูโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 1923 (2466) ในจังหวัดอากิตะ
เมื่ออายุได้เพียง 2 เดือน เจ้าฮาจิโกะ ถูกส่งตัวไปอยู่กรุงโตเกียวกับเจ้านายของมัน คือ
เอซะบุโระ อุเอะโนะ ศาสตราจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์
แห่งมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล(มหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบัน)

ศาสตราจารย์รู้สึกภาคภูมิใจกับเจ้าฮาจิโกะเป็นอย่างมาก
มันเป็นสุนัขอากิตะสายพันธุ์แท้ซึ่งหาได้ยากในสมัยนั้น

วันที่เจ้านายต้องไปทำงานจะต้องไปขึ้นรถไฟที่ สถานีชิบูยะ
เจ้าฮาจิโกะ จะคอยส่งเจ้านายถึงประตูหน้าบ้าน

จากนั้นเมื่อถึงเวลา 15.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานแล้ว
เจ้าฮาจิโกะจะมากระดิกหางรอพบเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟเสมอ

เมื่อเสียงรถไฟมาถึงสถานี เจ้าฮาจิโกะ เจ้าชะเง้อหน้ามองหานายของมัน
เมื่อเจ้านายมันเดินออกจากประตูสถานี มันก็จะวิ่งไปหาและออดอ้อน
ศาสตราจารย์จะก้มลงกอดมัน และพากันเดินกลับบ้าน เป็นเช่นนี้ทุกวัน วันแล้ววันเล่า

วันที่ 21 เดือนพฤษภาคม 1925 (2468)
ศาสตราจารย์ อุเอะโนะ เกิดอาการเส้นโลหิตในสมองแตก และเสียชีวิตขณะอยู่ที่มหาวิทยาลัย

วันนั้น ฮาจิโกะยังคงมารอเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟ
มันไม่มีทางรู้ได้หรอกว่า มันจะไม่ได้พบกับเจ้านายของมันอีกแล้ว

หลังจาก การเสียชีวิตของที่ศาสตราจารย์อุเอะโนะ ภรรยาของเขาได้ย้ายบ้านไป
โดยนำเจ้าฮาจิโกะไปไว้กับญาติของศาสตราจารย์ที่อยู่ห่างออก
บ้านใหม่ของ ฮาจิโกะ อยู่จากบ้านเดิมของมัน และสถานีรถไฟซิบูยะ หลายกิโลเมตร

เจ้าฮาจิโกะ ไม่ยอมอยู่กับเจ้านายใหม่ของมัน
ทันทีที่มันหลุดออกมาได้ มันวิ่งตรงไปที่บ้านเก่า
เมื่อไม่เจอใคร มันจึงกลับไปรอที่สถานีรถไฟ เหมือนเมื่อครั้งที่เจ้านายของมันยังมีชีวิตอยู่

หลังจากนั้น ทุกๆ วัน เมื่อถึงเวลา 15.00 น.
ผู้คนย่านนั้น จะเห็นเจ้าฮาจิโกะ มานั่งอยู่ที่เดิม จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน มันก็จะหายไป
มันไปอาศัยหลับนอนอยู่บริเวณใกล้เคียงกับสถานีรถไป

ไปนอนอยู่ใกล้ๆ บ้านเก่าของมันบ้าง เพื่อเฝ้ามองดูคนในบ้าน เผื่อว่า เจ้านายมันมาปรากฎตัว

คิคุซะบุโระ โคบายาชิ อดีตคนสวนของศาสตราจารย์
ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเป็นคนคอยดูแลเจ้าฮาจิโกะ

ในเวลาที่อากาศเย็นลง มันก็จะไปหลบอยู่ใต้ซากรถไฟเก่าบ้าง
เพื่ออาศัยความอบอุ่น หลับนอน

มันรอเวลา บ่าย 3 โมง เพื่อที่จะไปรอเหมือนเช่นทุกวัน
เมื่อเสียงรถไฟมาถึงสถานี เจ้าฮาจิโกะ ก็จะลุกลี้ลุกลนชะเง้อหน้ามองหานายของมัน
คนแล้วคนเล่า เดินผ่านมันไป.....ไม่มีเจ้านายของมัน
จนกระทั่ง คนสุดท้ายเดินผ่านไป มันจึงจะกลับไปที่อยู่ของมัน

วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า ที่มันรอคอย

ผู้คนย่านนั้น มองดูมันด้วยความสงสาร ซึ่งก็ได้ให้ความช่วยเหลือ ด้วยการให้อาหารแก่มัน

เรื่องราวความซื่อสัตย์ของมัน เริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวของมันถูกตีพิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นในปี 1932
ทำให้ผู้คนทั่วสารทิศเดินทางมาดู มาเล่นกับเจ้าฮาจิโกะ

ชาวญี่ปุ่น ได้ยกให้เจ้าฮาจิโกะเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเด็กๆอีกด้วย

ในเดือนเมษายน 1934 อันโดะ เทะรุ ศิลปินชื่อดังจึงได้ทำรูปหล่อทองแดงของเจ้าฮาจิโกะขึ้นมาเพื่อยกย่อง และนำไปตั้งไว้ที่สถานีรถไฟชิบูยะ


คืนวันหนึ่ง .........
.....เจ้าฮาจิโกะ เกิดมีความรู้สึกบางอย่างที่ พิเศษกว่าคืนอื่นๆ ที่ผ่านๆ มา
....มันออกไปรอนายของมันที่เดิม โดยไม่รอให้ถึง บ่าย 3 โมงอย่างเช่นที่เคย

มัน...รอ..คอย.....หลายชั่วโมง...ผ่านไป

มันรู้สึกเหนื่อยล้า..... แต่มันก็เชื่อว่าวันนี้แหละ.....มันจะได้พบนายของมัน อย่างแน่นอน

ความเหนื่อยล้า....ทำให้ มันต้องเปลี่ยนจากท่านั่ง

มันล้มตัวลงนอน ด้วยจิตใจที่กระชุ่มกระชวยกว่าทุกๆ วัน ที่ผ่านมา
มันนอนลง....ด้วยจิตใจที่หวังว่า....นายของมันจะกลับมา อย่างแนะนอน......ในไม่ช้า
ทว่า.....มันไม่ได้ลุกขึ้นยืน อีกเลย

วาระสุดท้าย แห่งการรอคอย.....มาถึงแล้ว กว่า 10 ปี....แห่งการอคอย

ล้มหายใจสุดท้าย.....หมดลงไปพร้อมกับ....การสิ้นสุดแห่งการรอคอย

เจ้าฮาจิโกะ จะได้พบกับเจ้านายของมันหรือไม่.......คงเหนือความหยั่งรู้


วันที่ 8 มีนาคม 1935 (2478)
ผู้คนที่เคยผ่านไปมาในย่านนั้น หลายคนต้องหลั่งน้ำตา

เจ้าฮาจิโกะ นอนนอนคอยเจ้านายของมันเหมือนทุกๆ วัน เหมือนกว่า 10 ปี ที่ผ่านมา

ต่างกันตรงที่ วันนี้ มันไม่มีลมหายใจแล้ว

คนที่เคยให้อาหารแก่มัน ยังคงเตรียมอาหารมาเหมือนเช่นทุกวัน
แต่วันนี้ ฮาจิโกะ ไม่ลุกขึ้นมาขออาหารแล้ว


ข่าวการตายของฮาจิโกะถูกตีพิมพ์ลงบนหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น

ร่างของฮาจิโกะ ได้รับการเชิดชูอย่างเกียรติ
มันถูกนำไปเก็บรักษาเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในกรุงโตเกียว

แม้ว่าฮาจิโกะจะจากไปแล้วแต่เรื่องที่น่าสนใจจากฮาจิโกะยังคงไม่จบ

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้เหล็กและโลหะเป็นอย่างมาก
จนถึงกับต้องเอารูปหล่อของเจ้าฮาจิโกะมาหลอมเลยทีเดียว

กระนั้นความซื่อสัตย์ของฮาจิโกะยังคงไม่เคยถูกลืมไปจากใจชาวญี่ปุ่น
เพราะในเวลาต่อมาได้มีการจัดทำรูปหล่อของฮาจิโกะขึ้นมาอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 1947
ศิลปินผู้รับหน้าที่นี้ก็คือ อันโดะ ทะเคะชิ ลูกชายของ อันโ ดะ เทะรุ
ผู้ที่ทำหน้าที่สร้างรูปหล่อฮาจิโกะเมื่อครั้งแรกนั้นเอง

ปัจจุบันจุดที่รูปหล่อฮาจิโกะตั้งอยู่นั้นได้กลายเป็นจุดนัดพบยอดนิยมของย่านชิบูยะ

ทั้งนี้ นอกจากรูปหล่อที่ย่านชิบูยะแล้ว ยังคงมีรูปปั้นที่เตือนให้ระลึกถึงฮาจิโกะอยู่อีกหลายแห่ง เช่น ที่หน้าสถานีรถไฟโอะดะเตะ ในจังหวัดอากิตะ บ้านเกิดของเจ้าฮาจิโกะ เป็นต้น
ส่วนเรื่องของเจ้าฮาจิโกะยังคงเป็นที่เล่าขานในญี่ปุ่น ถึงขนาดมีการนำไปสร้างเป็นละคร ภาพยนตร์ การ์ตูน และอื่นๆอีกมากมาย

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... 7&gblog=11


แก้ไขล่าสุดโดย Eikewsang เมื่อ 26 มิ.ย. 2010, 05:39, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 09:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


Eikewsang เขียน:
หมายเหตุ.-
..........ส่วนเจ้าตัวที่อยู่ในภาพของ กระผมนั้น ไม่มีชื่อ,
..........แต่มีเรื่องราวเบื้องหลังเช่นกัน


ขอบคุณเรื่องเล่ามิตรภาพดีดีที่มีให้กันทั้งคนและสุนัข...ซาบซึ้งค่ะ :b20:
อยากรู้เรื่องราวของเจ้าตัวที่อยู่ในรูปจัง...เล่าได้ไหมเอ่ย... :b16:
จะรอฟังค่ะ...คุณEikewsang :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 12:24
โพสต์: 42

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นบทความที่ซาบซึ้งกินใจมาก ได้ส่งต่อให้เพื่อนๆ ได้อ่านด้วย
ว่างๆ ช่วยลงเบื้องหลังภาพของเจ้าตัวน้อยที่เป็นเจ้าของภาพมาด้วยนะคะ จะรออ่านค่ะ :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: เจ้าช็อกโกแลทครับ
DSCN8896.jpg
DSCN8896.jpg [ 45.67 KiB | เปิดดู 5037 ครั้ง ]
cool ดีจัง อ่านแล้วซึ้งกินใจ ทำให้คิดถึง เจ้าช็อกโกแลท สุนัขพันธ์ พุดเดิ้ลทอย ที่บ้าน เวลากลับบ้านมันได้ยินเสียงรถก็จะรออยู่หลังประตู ทันทีที่เปิดประตูบ้านเจ้าช็อกโกแลทจะกระโดดเข้ามาเกาะขา ทำท่าเคลียคลอ ส่งเสียงร้องคราง หงิงๆๆๆๆ เป็นอย่างนี้ทุกวันไม่มีเบื่อเจ้านายของมันเลย ไม่ว่าวันนั้น จะเป็นวันที่ดีหรือไม่ดีของเราก็ตาม มันคงทำหน้าที่ไม่มีบกพร่อง เราจะเหนื่อย หรือเบื่อ หรือท้อ แต่เจ้าช็อกโกแลท ไม่เคยเหนื่อยไม่เีคยท้อ ทำทุกวัน ทำหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์ ไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียด มีแต่ความจริงใจ ไม่เคยต้องการทรัพย์สินเงินทอง ไม่เคยร้องขอสิ่งตอบแทน มอบแต่ความอบอุ่นและความสุขให้กับนายของตัวเอง น่ารักครับเรื่องราวของสุนัข ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีดี นะเณรน้อยเจ้าปัญญา

:b8: :b48: :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แก้ไขล่าสุดโดย ธรรมบุตร เมื่อ 26 มิ.ย. 2010, 16:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกโป่ง เขียน:
ขอบคุณเรื่องเล่ามิตรภาพดีดีที่มีให้กันทั้งคนและสุนัข...ซาบซึ้งค่ะ :b20:
อยากรู้เรื่องราวของเจ้าตัวที่อยู่ในรูปจัง...เล่าได้ไหมเอ่ย... :b16:
จะรอฟังค่ะ...คุณEikewsang :b48:


คนเดินทาง เขียน:
เป็นบทความที่ซาบซึ้งกินใจมาก ได้ส่งต่อให้เพื่อนๆ ได้อ่านด้วย
ว่างๆ ช่วยลงเบื้องหลังภาพของเจ้าตัวน้อยที่เป็นเจ้าของภาพมาด้วยนะคะ จะรออ่านค่ะ :b20:


สวัสดีครับ คุณลูกโป่ง และคุณคนเดินทาง

เรื่องของเจ้าแดง (ชื่อที่ผมตั้งขึ้นในใจ)
ตัวที่ ผมไม่เกียรตินำมาขึ้นเป็นรูปประจำตัว

ความจริงไม่มีเบื้องหลังอะไรมากมายนัก

ผมไปธุระแถว อสมท. หรือ ซอยที่ไป ธนาคารอาคารสงเคราะห์สำนักงานใหญ่

ในซอยนั้นจะมี วัดของพระชาวไตหวัน ใช้อาคารดัดแปลงทำเป็นวัด และมูลนิธิ
ด้านหน้าอาคาร(วัด) จะมีรูปสิงห์โตจีนหินทรายสลัก สองตัวซ้ายขวา

ภายในวัดมีพระพุทธรูปนำเข้ามาจากไตหวันหลายร้อยองค์
รวมทั้งพระประธานซึ่งประดิษฐานอยู่ชั้นหนึ่งในอาคารด้วย
ผมเคยเข้าไปไหว้พระ 1 ครั้ง แต่วิธีปฏิบัติของเราต่างจขากเขา
เขาไหว้แบบอัษดางคประดิษฐ์(ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือไม่)

รูปสลักสิงห์โตก็น่าจะนำเขามาจากไตหวัน

ผมไปธุระและไปจอดรถที่หน้าอาคารของวัดบ่อยมาก

สิ่งที่ผมพบทุกครั้ง คือ มีเจ้าแดงตามที่อยู่ในภาพ(บางครั้งก็มีตัวอื่นมานอน)
มานอนคู้กับสิงห์โตหินทรายทุกครั้ง

ธรรมแทบ "สิงห์โตเทียม" กับ "หมาแท้" ผุดขึ้นในใจทันที

ระหว่าง....สิงห์โตหินทรายราคาเรือนหมื่น ถูกนำข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไว้หน้าอาคาร
เพื่อทำหน้าที่เฝ้าอาคารสถานที่ ตาม "ความเชื่อ" (ทิฏฐิ) ของเจ้าของสถานที่

กับ.....เจ้าแดง กับพวก หมาข้างถนน ไร้ราคา ไร้มูลค่า ไร้ความมุ่งหวังจากเจ้าของสถานที่

ใครกันแน่ ทำหน้าที่เฝ้าสถานที่ได้ดีกว่ากัน

ความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้นกับเจ้าแดง ... จึงใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปไว้ดูเล่นเท่านั้น

แต่ที่นำมาขึ้นเป็นภาพประจำตัวก็ไม่มีอะไรมาก
เพียงแต่รู้สึกว่า ภาพนี้มีความหมาย คือ

พุทธศาสนิกอย่างเรา แม้จะไม่มีคุณค่าใด ในสายตาผู้อื่น

แต่ก็ขอปราวนาตนทำหน้าที่ทำหน้าที่ของชาวพุทธให้ดีที่สุดตามอัตภาพของตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 19:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Sayojang.jpg
Sayojang.jpg [ 72.8 KiB | เปิดดู 5001 ครั้ง ]
ธรรมบุตร เขียน:
cool ดีจัง อ่านแล้วซึ้งกินใจ ทำให้คิดถึง เจ้าช็อกโกแลท สุนัขพันธ์ พุดเดิ้ลทอย ที่บ้าน เวลากลับบ้านมันได้ยินเสียงรถก็จะรออยู่หลังประตู ทันทีที่เปิดประตูบ้านเจ้าช็อกโกแลทจะกระโดดเข้ามาเกาะขา ทำท่าเคลียคลอ ส่งเสียงร้องคราง หงิงๆๆๆๆ เป็นอย่างนี้ทุกวันไม่มีเบื่อเจ้านายของมันเลย ไม่ว่าวันนั้น จะเป็นวันที่ดีหรือไม่ดีของเราก็ตาม มันคงทำหน้าที่ไม่มีบกพร่อง เราจะเหนื่อย หรือเบื่อ หรือท้อ แต่เจ้าช็อกโกแลท ไม่เคยเหนื่อยไม่เีคยท้อ ทำทุกวัน ทำหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์ ไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียด มีแต่ความจริงใจ ไม่เคยต้องการทรัพย์สินเงินทอง ไม่เคยร้องขอสิ่งตอบแทน มอบแต่ความอบอุ่นและความสุขให้กับนายของตัวเอง น่ารักครับเรื่องราวของสุนัข ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีดี นะเณรน้อยเจ้าปัญญา
:b8: :b48: :b8:


หัวอกเดียวกันละซิครับ คุณธรรมบุตร

ของผมอายุประมาณ 5 ขวบ ชื่อ "ซาโยจัง" อุปนิสัยคล้ายกับ "เจ้าช็อคโกแลท"

แฟนผมเล่าให้ฟังว่า ตกเย็น เจ้าซาโยจัง จะออกมานั่งรอที่บริเวณโถงหน้าบ้าน
ทอดสายตาไปที่ประตูบ้าน ตั้งแต่ประมาณ 4 โมงเย็น

พอก่อนผมจะถึงบ้านประมาณสัก 5 นาที ซาโจยังจะเห่า แล้วลุกลี้ลุกลน

เงื่อนไขพิเศษขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง คือ ต้องขอจุบๆ ทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน
ถ้าไม่วันไหนไม่ยอมให้ทำ จะงอนๆ เช่น ไม่ยอมมาอยู่ใกล้ๆ หนีไปนอนใต้โซฟา

อุปนิสัยดังกล่าวก็เกิดมาจากเรานี่แหละครับ ไปปลูกฝั่งไว้เอง
สมัยเมื่อเจ้าซาโยจังยังเด็ก เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน เค้าก็จะวิ่งมาหา ขอเล่นด้วย
ผมเอาเค้ามากอด แล้วเอาหน้าไปแนบที่หน้าเค้า ทุกวัน

ดังนั้น เวลาที่ดูหนังเรื่องของเจ้าฮัทจิโกะ ผมจึงอินกับเนื้อเรื่องมากๆ
ดูจิตของตนเองที่ไหลไปไปกับความโศรกเศร้าแทบไม่ทัน น้ำตาแทบจะไหลออกมา

ส่วนแฟนผมร้องไห้ตั้งแต่ วันแรกที่เจ้าฮัทจิโกะ เริ่มไปนั่งรอเจ้านายมันในวันที่เจ้านายมันตาย
จนวาระสุดท้ายของชีวิตเจ้าฮัทจิโกะ เช้ามาอารมณ์เศร้ายังค้างอยู่เลย

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่พึงสังวรว่า จิตที่ผูกพันกับสัตว์เลี้ยงนี้
ต้องใช้ฝึกความเป็นอุเบกขาไว้ให้บ่อยๆ เนืองๆ

เพราะวันที่เค้าจากเราไปมีโอกาสมาถึงก่อนค่อนข้างมากกว่า เราจากเค้าไป

ถึงวันนั้น กฎไตรลักษณ์จะปิดกั้นน้ำตาเอาไว้ได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูกันไป
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2010, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 14:44
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมบุตร เขียน:
cool ชอคโกแลค

:b8: :b48: :b8:


ขอบอกว่า น่าจับกินที่สุด

:b14:

:b12:


แก้ไขล่าสุดโดย ผ้าเช็ดเท้า เมื่อ 27 มิ.ย. 2010, 11:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2010, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 14:44
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Eikewsang เขียน:
อันนี้ก็ ไวท์ชอคโกแลค


น่ากินอีกเหมือนกัน

:b5:

:b12:


แก้ไขล่าสุดโดย ผ้าเช็ดเท้า เมื่อ 27 มิ.ย. 2010, 11:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2010, 11:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 14:44
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Eikewsang เขียน:
ลูกโป่ง เขียน:
ขอบคุณเรื่องเล่ามิตรภาพดีดีที่มีให้กันทั้งคนและสุนัข...ซาบซึ้งค่ะ :b20:
อยากรู้เรื่องราวของเจ้าตัวที่อยู่ในรูปจัง...เล่าได้ไหมเอ่ย... :b16:
จะรอฟังค่ะ...คุณEikewsang :b48:


คนเดินทาง เขียน:
เป็นบทความที่ซาบซึ้งกินใจมาก ได้ส่งต่อให้เพื่อนๆ ได้อ่านด้วย
ว่างๆ ช่วยลงเบื้องหลังภาพของเจ้าตัวน้อยที่เป็นเจ้าของภาพมาด้วยนะคะ จะรออ่านค่ะ :b20:


สวัสดีครับ คุณลูกโป่ง และคุณคนเดินทาง

เรื่องของเจ้าแดง (ชื่อที่ผมตั้งขึ้นในใจ)
ตัวที่ ผมไม่เกียรตินำมาขึ้นเป็นรูปประจำตัว

ความจริงไม่มีเบื้องหลังอะไรมากมายนัก

ผมไปธุระแถว อสมท. หรือ ซอยที่ไป ธนาคารอาคารสงเคราะห์สำนักงานใหญ่

ในซอยนั้นจะมี วัดของพระชาวไตหวัน ใช้อาคารดัดแปลงทำเป็นวัด และมูลนิธิ
ด้านหน้าอาคาร(วัด) จะมีรูปสิงห์โตจีนหินทรายสลัก สองตัวซ้ายขวา

ภายในวัดมีพระพุทธรูปนำเข้ามาจากไตหวันหลายร้อยองค์
รวมทั้งพระประธานซึ่งประดิษฐานอยู่ชั้นหนึ่งในอาคารด้วย
ผมเคยเข้าไปไหว้พระ 1 ครั้ง แต่วิธีปฏิบัติของเราต่างจขากเขา
เขาไหว้แบบอัษดางคประดิษฐ์(ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือไม่)

รูปสลักสิงห์โตก็น่าจะนำเขามาจากไตหวัน

ผมไปธุระและไปจอดรถที่หน้าอาคารของวัดบ่อยมาก

สิ่งที่ผมพบทุกครั้ง คือ มีเจ้าแดงตามที่อยู่ในภาพ(บางครั้งก็มีตัวอื่นมานอน)
มานอนคู้กับสิงห์โตหินทรายทุกครั้ง

ธรรมแทบ "สิงห์โตเทียม" กับ "หมาแท้" ผุดขึ้นในใจทันที

ระหว่าง....สิงห์โตหินทรายราคาเรือนหมื่น ถูกนำข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไว้หน้าอาคาร
เพื่อทำหน้าที่เฝ้าอาคารสถานที่ ตาม "ความเชื่อ" (ทิฏฐิ) ของเจ้าของสถานที่

กับ.....เจ้าแดง กับพวก หมาข้างถนน ไร้ราคา ไร้มูลค่า ไร้ความมุ่งหวังจากเจ้าของสถานที่

ใครกันแน่ ทำหน้าที่เฝ้าสถานที่ได้ดีกว่ากัน

ความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้นกับเจ้าแดง ... จึงใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปไว้ดูเล่นเท่านั้น

แต่ที่นำมาขึ้นเป็นภาพประจำตัวก็ไม่มีอะไรมาก
เพียงแต่รู้สึกว่า ภาพนี้มีความหมาย คือ

พุทธศาสนิกอย่างเรา แม้จะไม่มีคุณค่าใด ในสายตาผู้อื่น

แต่ก็ขอปราวนาตนทำหน้าที่ทำหน้าที่ของชาวพุทธให้ดีที่สุดตามอัตภาพของตน


เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนแบกฟาง

พุทธศาสนิกชนอย่างเรา

แค่ไม่แบกฟางจำอวด แผ่นดินก็เบา


แก้ไขล่าสุดโดย ผ้าเช็ดเท้า เมื่อ 27 มิ.ย. 2010, 11:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร