วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 02:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 13:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 15:06
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นสมาชิกใหม่ค่ะ เข้ามาอ่านข้อคิดธรรมะในกระทู้ความรัก-ผูกพัน-พลัดพราก ..เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติตัวในช่วงที่จิตใจอ่อนแอจากความเสียใจที่ไม่สมหวังในความรัก..และจิตใจยังไม่เข้มแข็ง (ระยะฟื้นฟูจิตใจ)..อ่านหลายกระทู้แล้วเห็นความทุกข์ของภรรยาที่ถูกสามีนอกใจมีหญิงอื่น ก็มีความทุกข์ที่พอเข้าใจได้..แต่มีบางกระทู้ที่ฝ่ายหญิงมีแฟนเป็นสามีคนอื่นคบกันเป็น 10 ปี บอกว่าไม่ต้องการแย่งมา ไม่อยากให้สามี-ภรรยาเค้ามีปัญหากัน อยากอยู่อย่างสงบ แต่ปัจจุบันมีความทุกข์ใจ...และตัดใจจากผู้ชายไม่ขาด..ทนอยู่แบบนี้เพราะคิดว่าเป็นเวรกรรมที่ต้องชดใช้กันอยู่แบบนี้...เลยสงสัยว่าถ้าหญิงที่เป็นน้อย(กิ๊ก)หรือเรียกอย่างอื่น เค้าบอกว่าตัดจากสามีคนอื่นไม่ได้และยอมทนทุกข์ทรมานในที่ต้องอยู่แบบนี้แล้วบอกว่าเป้นการชดใช้กรรม เช่นนี้จะเรียกว่าเป้นการ"ใช้กรรม" หรือสร้างกรรมใหม่ที่ร่วมกันทำบาปผิดศีลกาเมฯ..แล้วยังเป็นเหตุให้ผู้หญิงที่เป็นเมียหลวงทุกข์ใจ เจ็บช้ำน้ำใจ(ถึงแม้ตัวเมียน้อยจะบอกว่าไม่ต้องการแย่งสามีเค้ามาหรือไม่อยากให้เค้าเลิกกัน) แต่อย่างไรมันก็ทำให้อีกฝ่าย(เมียหลวง)เสียใจ ทุกข์ใจอยู่ดี(ดูจากกระทู้ที่มีมากมาย) แล้วตัวผู้หญิงคนที่แอบเค้ากิน(เรียกอะไรก็ตามแต่)จะไม่สำนึกแล้วยอมตัดใจ หันหน้าทำบุญเลยหรือไงค่ะ...คนที่เป็นต้นเป็นร่วมกับชายมากรักจะมีคำสั่งสอนใดทำให้เค้าตาสว่างได้ค่ะ..แล้วไม่สมควรมาขอความเห็นใจในนี้เลย(เพราะทำผิดมาตั้งแต่ต้น แถมไม่รู้สำนึกอีก)...ขออภัยที่ให้ความเห็นแรงไปนะค่ะ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 14:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


บีว่า:

อ้างคำพูด:
คนที่เป็นต้นเป็นร่วมกับชายมากรักจะมีคำสั่งสอนใดทำให้เค้าตาสว่างได้ ค่ะ..


ใครจะสอนใครได้นั้นย่อมไม่มี แต่ละคนต้องสอนตนเองเท่านั้นจึงจะเกิดหรือได้รับผลตามที่ตนปรารถนาการฟังหรืออ่านจากคนอื่น เป็นเพียงปัจจัยให้เกิดปัญญาแก่ตน เพื่อนำมาประพฤติปฏิบัติ .. ในที่นี้ เป็นเว็บธรรมะ คำแนะนำให้แก้ปัญหาจึงมีธรรมะเป็นพื้นฐาน การแก้ปัญหาด้วยธรรม ย่อมมุ่งเน้นไปในทางสันติ และการทำลายกิเลสในใจตน ซึ่งเป็นการทวนกระแสนิยมแบบโลกๆอย่างมาก บุคคลบางคนมีบุญเก่ามาสนับสนุนก็ย่อมถือเอาสาระธรรมที่กัลยาณชนทั้งหลายแนะนำ แล้วไปปฏิบัติเพื่อยุติบาปเวรภัยของตนเสียทันที..

บุคคลบางคน มีธาตุหยาบ ไม่มีบุญเก่าสนับสนุนให้ปัญญาเกิดได้โดยง่าย แม้เห็นคำแนะนำก็ไม่อาจเข้าใจสาระแห่งธรรมนั้น ทั้งตนมีตัณหาราคะกล้าสั่งสมมานานแล้ว การขูดเกลาลดละย่อมไม่ใช่ของง่ายที่จะทำ จึงได้อ้างเหตุผลประการต่างๆอย่างไม่รู้ที่มาที่ไป....เพียงเพื่อให้เกิดความ"ชอบธรรม"ในพฤติกรรมของตัว ที่ป๊อปปูล่าร์ก็ว่า "จะชดใช้กรรมเก่าให้หมดไป"บ้าง หรือ"ไม่ต้องการแย่งสามีเค้ามาหรือไม่อยากให้เค้าเลิกกัน"..เหล่านี้เป็นเพียงความเหลวไหลที่มาจากความบอดเขลาด้วยอำนาจตัณหาราคะที่ท่วมใจตนเองเท่านั้น..แท้จริง เขาผู้ที่กำลังบันเทิงในบาปใหม่นี้ กำลังพาตนเข้ามุมวิบัติในสังสารวัฏที่ไหลสืบเนื่องอย่างหาที่สุดมิได้อยู่อย่างน่าสงสาร เท่านั้น..

อ้างคำพูด:
แล้วไม่สมควรมาขอความเห็นใจในนี้เลย(เพราะทำผิดมาตั้งแต่ต้น แถมไม่รู้สำนึกอีก)...ขออภัยที่ให้ความเห็นแรงไปนะค่ะ..


คำกล่าวนี้ย่อมมาจากโทสะ เพราะเป็นไปด้วยพยาบาทวิตก ด้วยเหตุที่ตนต้องทุกข์เพราะการกระทำของคนอื่น..พึงละเสีย เพราะจะเป็นการสะสมอุปนิสัยเจ้าโทสะให้มากจนยากเกินแก้..ให้เปลี่ยนมาเป็นความเห็นใจเขา อันเป็นสภาพใจที่มีเมตตา หวังดีเสีย เพราะเอาเข้าจริงเราเองก็เคยทำเยี่ยงเดียวกับเขามาก่อน เช่นกัน จึงต้องมาพบเรื่องเดือดร้อนเช่นนี้..จะโทษใครได้เล่า?..พระพุทธเจ้าทรงตัสสอนความจริงแท้ในธรรมชาติว่า สิ่งทั้งปวงไหลมาจากเหตุ....สิ่งที่เราพบเจอ จึงล้วนเกิดเพราะเหตุทั้งหลายที่เรานั่นเองทำมา หาใช่พระเจ้าหรือจอมปลวกที่ใหนบันดาลมาไม่..และก็ไม่ได้เกิดแบบฟลุคๆ แบบลอยเบลอบังเอิญทั้งหลายเท่าที่จะกะคาดเดากันไป..

การที่เขาเหล่านั้นเข้ามาในเว็บนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเช่นกัน ย่อมมีเหตุที่นำมา..เขาเองก็ทุกข์ไม่เเพ้เราท่านทั้งหลาย ซ้ำืุ แย่กว่าตรงที่ทำบาปกรรมอยู่นี่สิ มันเดือดร้อนกว่าถูกน้ำมันเดือดราดรดอีก ..น้ำมันเดือดราดรดร้อนชั่วระยะหนึ่ง แต่อำนาจความเดือดร้อนใจจากบาปนี่ขนาดตายแล้วยังนำผลร้อนใจตามไปอีกหลายภพชาติ มีร้อยบ้าง พันบ้าง หมื่นชาติบ้าง ตามกำลังและเวลาในการทำบาปนั่น..

เมื่อเขาทุกข์ทุรนทุรายก็ย่อมวิ่งหาทางแก้ทุกข์ เหมือนเราท่านทั้งหลายอีกเช่นกัน เพราะใครไม่รักตัวย่อมไม่มี บางคนมาได้หลักจากที่นี่สามารถยุติบาปใหม่ และลดเวรเก่าไปก็มาก กระไรเราจึงไม่คิดกรุณาสงสารเขาผู้หลงทางบ้างเล่า?..การที่ป้องกันห้ามปรามเขาเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่"เหตุดี"แก่เราแต่ประการใด..เคยหรือไม่ ว่าเราพยายามหาความช่วยเหลือในบางกรณีหรือโอกาส แต่กลับถูกใครปัดปฏิเสธแถมกล่าวผรุสวาจาให้ได้ยิน ? และอย่าเข้าใจว่าที่เป็นเช่นนั้น "เพราะซวยด้วยบังเอิญ"นะครับ..

พึงเห็นว่าสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ที่ไม่เคยเกิดมาเกี่ยวข้องกันด้วยความเป็นพ่อแม่พี่น้องเพื่อนแฟนสามีภรรยา ฯลฯในสังสารวัฏอันยาวไกลนั้นไม่มี..ใครจะรู้ว่า เธอคนนั้น เคยหาเลี้ยงดูแลเรามาในฐานะมารดา ในสังสารวัฏนี้มาแล้วหลายชาติ...เรื่องเช่นนี้ แม้พระพุทธเจ้ายังทรงรับรองว่ามีอยู่และเป็นไปได้จริง..

จึงพึงวางใจให้ถูกควร ย่อมไม่เป็นโทษแก่ตนในภายหน้า...ขอให้มีความสุข และเจริญในธรรมครับ..

:b46: :b47: :b48: :b41:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 15:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 15:09
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากจะรบกวนถามคุณ ดีดี ว่า ความหลงที่เกิดขึ้นกับมนุษย์นั้น จะมีระยะเวลาของความหลงนานประมาณเท่าใด (เพราะเคยเห็นมาหลายรายที่เมื่อเกิดความหลง หน้าตาจะดูหมองคล้ำ เหมือนคนโดนของ และไม่สนใจในคำทัดทานต่างๆ ต่อเมื่อตนเจ็บ ถึงต้องถอยออกมาดูว่า ที่ทำไปนั้นคืออะไร)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


yo_yo:

อ้างคำพูด:
ความหลงที่เกิดขึ้นกับมนุษย์นั้น จะมีระยะเวลาของความหลงนานประมาณเท่าใด (เพราะเคยเห็น
มาหลายรายที่เมื่อเกิดความหลง หน้าตาจะดูหมองคล้ำ เหมือนคนโดนของ และไม่สนใจในคำทัดทานต่างๆ ต่อเมื่อตนเจ็บ ถึงต้องถอยออกมาดูว่า ที่ทำไปนั้นคืออะไร)
..

ตอบว่าเราทุกคนยังเป็นผู้หลงกันอยู่ื ตราบเท่าที่ยังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์ หลงกันมานานแล้วจากเบื้องต้นที่ไม่ปรากฏในสังสารวั ฏและยังหาที่สุดไม่ได้อีกต่อไปหากไม่เร่งปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อการยุติของความหลง..

คุณโยคงหมายถึงคนหลงในคู่คนอื่น ซึ่งผมไม่สามารถตอบได้แน่นอนว่าจะหลงนานเท่าไร....แต่พอเอาหลักจากพระอภิธรรมมาจับคร่าวๆได้ว่า ในคนที่สั่งสมตัณหาราคะมาอย่างยาวนานจนแก่กล้านั้น ย่อมยากที่จะไม่หลงจนหน้ามืด โดยเฉพาะที่ไม่เคยห้ามปรามตัวเองหรือขาดหิริโอตตัปปะก็ย่อมไม่สามารถกลับลำออกไปจากการหลงเช่นนี้ แม้ถูกโลกติเตียนอยู่ก็สามารถอยู่ได้ฝ่าได้อย่างน่าอัศจรรย์..เพราะตนเองทุกข์ทุรนทุรายแต่ก็ไม่ถอย สู้จนตายว่างั้นเถอะ.... :b14: :b5:

หรือก็ด้วยอำนาจผลของบาปเก่า ส่วนหนึ่งที่จัดแจงมาให้ มาผสานกับตัณหาที่กล้าแข็งของตนทำบาปใหม่ต่อเนื่องในปัจจุบัน จึงต้องใช้ชีวิตด้วยอาการหลบซ่อน เจ็บปวด ด้อยค่าหาสง่าราศีอะไรมิได้ แต่ก็พอใจยินดีในสภาพนั้นอย่างน่าอัศจรรย์อีกนั่นแหละ..ก็หลงไปจนตายอีกเช่นกัน.. :b7: :b14:

ส่วนไอ้ที่โดนของนั้น มีไม่มากนัก พอหมดอำนาจของ ก็หายหลงไปได้ราวปลิดทิ้ง กรณีนี้" ผู้หลง"..ใช้บาปกรรมที่เคยเล่นของมาก่อน ชักนำผลของบาปที่เคยล่วงศีลข้อ๓มาส่งผลทับซ้อน..ก็เลยได้ทำบาปใหม่ซ้ำซ้อนอีก จากความประมาทขาดสติในกาลก่อนมานั่นเทียว..ท่านว่าผลกรรมนี้ก็หนักหนาสาหัสนักเพราะทำไปด้วยความที่ไม่สามารถครองสติของตนได้ดุจคนเมาสุราที่หาสติไม่ได้ฉะนั้น ฟั่นเฟือนไปแล้วเพราะฤทธิ์ alcohol นั่นเทียว..

สำหรับอาการหน้าดำคร่ำเครียดนั้น ทั้งที่โดนหรือไม่โดนของก็ย่อมปรากฏอาการดังว่าพอๆกัน..เพราะอำนาจของความเดือดร้อนใจในจิตจากบาปกรรมย่อมมีผลกระทบถึงรูปคือกายนี้ด้วยอย่างแน่นอน อย่าว่าแต่บาปเช่นนี้เลย แค่ฟุ้งซ่านนอนไม่หลับเพราะห่วงน้องหมายังพาตาช้ำไปได้หลายวัน หรือท่านที่สามีไปกินข้าวต้มนอกบ้าน ตนเองก็กินไม่ได้ เพราะไฟคือโทสะอันแผดเผาจนความหิวเหือดหายไป ดูทีหรือว่าจะสดใสปิ๊งปั๊งดังกุหลาบแรกแย้มได้หรือไม่ หามิได้ ย่อมเหี่ยวเฉาราวกะถูกนกตระกูลกาหรือแร้งนั่นแลมาทึ้งเอา .. :b7: :b5: ..

พึงทราบความที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า จิตเป็นใหญ่เป็นประธานในที่ทั้งปวง..ดังนี้..

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
+ + + + + + + + + +

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อกุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
เป็นส่วนอกุศล เป็นฝ่ายอกุศล ธรรมเหล่านั้นทังหมด มีใจเป็นประธาน
ใจย่อมเกิดก่อนธรรมเหล่านั้น ดังคาถาประพันธ์ที่ตรัสไว้ว่า

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นประธาน มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จด้วยใจ
ถ้าบุคคลมีใจอันโทษประทุษร้ายแล้ว จะพูดก็ตาม จะกระทำก็ตาม
เพราะทุจริต ๓ อย่างนั้น ทุกข์ย่อมตามเขาไป เหมือนล้อหมุนไปตามรอย
เท้าโคตัวลากเกวียน ฉะนั้น ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นประธาน
มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจผ่องใสแล้ว
จะพูดก็ตาม จะกระทำก็ตาม เพราะสุจริต ๓ อย่างนั้น สุขย่อมไปตามเขา
เหมือนเงาไปตามตัว ฉะนั้น สัตวโลกอันจิตย่อมนำไป
ย่อมกระเสือกกระสนไปเพราะจิต สัตว์ทั้งหมดทีเดียว
ย่อมเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่ง คือจิต ดังนี้.


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมองเพราะจิตเศร้าหมอง
ย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จิตนี้เป็นประภัสสร
แต่ก็จิตนั้นแลเศร้าหมองแล้ว เพราะอุปกิเลสทั้งหลายจรมา.
ดูก่อนคหบดี เมื่อบุคคลไม่รักษาจิต แม้กายกรรมก็ชื่อว่าเธอไม่รักษา
แม้วจีกรรมก็ชื่อว่าไม่รักษา แม้มโนกรรมก็ชื่อว่าไม่รักษา …
ดูก่อนคหบดี เมื่อจิตไม่ถูกกิเลสรั่วรด กายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี
ก็ไม่ถูกกิเลสรั่วรด เพ่งถึงโลกิยธรรมอย่างนี้ด้วยประการฉะนี้
บัณฑิตพึงทราบว่า จิตเป็นใหญ่ เป็นธุระ เป็นประธาน ดังนี้

จาก
อรรถกถาจิตตุปาทกัณฑ์
อัฏฐสาลินี อรรถกถาธรรมสังคณี
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑ ภาคที่ ๑ ธรรมสังคณีและอรรถกถา
หน้า ๒๓๖-๒๓๗

+ + + + + + + + + + + + + + + + +

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 15:09
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ขออนุโมทนา ค่ะ คุณ ดีดี
ถ้าอย่างงั้นโยจะรบกวนถามว่า ถ้าเราอยากให้ความช่วยเหลือผู้ที่ยังหลงมัวเมากิเลสต่างๆ มีวิธีที่จะช่วยให้เขาได้มีความคิดที่สว่างทั้งทางโลกและทางธรรม เพราะจากที่เคยได้อ่านมา ผู้ที่หลงมัวเมาอยู่ในกิเลส มักจะล่มหลงมัวเมาอยู่นั่นแล มีสนใจคำเตือน ที่ผู้อื่นมองเห็น tongue


ขอคุณอีกครั้งค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาหนูโยในความคิดใคร่ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อคนที่หลงผิดให้เลือกเดินทางถูกครับ..

คิดได้ครับ แต่ทำได้หรือไม่นั้น ปัจจัยหลักคือเขาผู้หลงผิดครับ ใครจะบังคับใจใครได้เล่า เอาเถิด ใจของตัวนั้นยังบังคับไม่ได้เลย แล้วคนอื่นจะบังคับได้อย่างไร..ลองพิสูจน์ง่ายๆเลยนะครับ หนูโยลองสั่งบังคับตนไม่ให้เสียใจเศร้าแค้นกับเรื่องที่ถูกสวมเขาดู เอาสักสองช.ม.ดูนะครับ..ทำได้มั้ยครับ ถ้าทำได้ ก็แสดงว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นน่าจะผิดพลาดเสียแล้ว คือที่ว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา อันมีลักษณะคือบังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวตนคนสัตว์เราเขาอะไรไม่ แต่คือสภาพของการดำเนินไปของ"เหตุปัจ จัยเท่านั้น"..หลักความจริงในสากลนี้พระพุทธเจ้ามิได้ทรงสร้างขึ้น แต่งขึ้นแต่ประการใด แต่มีอยู่จริงในธรรมชาติ..ใครๆย่อมไม่อาจบิดเบือนความจริงเช่นนี้ได้เลย

ผู้หลงมากรายที่เคยสั่งสมบุญมาก่อน(อย่าลืมว่าเราเกิดตายมาจนนับภพไม่ถ้วนกันทุกคนแล้ว ย่อมเคยทำบุญและบาปมาแล้วทุกชนิด-) เมื่อได้พบธรรมก็ได้ปัจจัยกระตุ้นหิริโอตตัปปะให้ตั้งขึ้นได้ จึงสามารถห้ามตนจากการทำบาปกรรมใหม่ได้ในปัจจุบัน มากรายถึงกับเข้าหาธรรมะอย่างแน่วแน่ น่าชื่นชมยิ่ง..แม้ในที่นี้ก็มีหลายท่านที่เห็นได้ ..ท่านเหล่านี้ก็ได้ปัจจัย กลายเป็นผู้มีโอกาสทอง ที่จะต่อยอดบุญบารมีของตนต่อไปในอนาคต นี่เพราะท่านเหล่านั้น "สอนตนเป็น"...
ส่วนคนหลงอื่น ที่นอกจากสอนตนไม่เป็นแล้ว แม้คนอื่นชี้ทางถูกให้ ก็ไม่สนนั้น ใครจะทำอะไรเขาได้เล่า.. เขาก็มาด้วยกรรมของเขา จักไปตามกรรมของเขาน่ะเเหละ แม้เราเองก็ทำนองเดียวกัน..จึงไม่พึงห่วงคนนอกตัวมากกว่าดูเเลตนเองอย่างดีว่าบัดนี้ เรากำลังทำเหตุอะไร ดีหรือไม่ดี ควรเพิ่มหรือลดละเป็นต้น เพราะใครๆพาเราไปสวรรค์นรกหรือนิพพานไม่ได้ นอกจากตัวเองคนเดียวเท่านั้น..

:b46: :b47: :b48: :b54: :b55:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่เมียน้อยหรือกิ๊กยังฝืนที่จะคบกับสามีคนอื่นอยู่นั่นเป็นบาป เป็นการก่อกรรมให้ต่อเนื่องกันไปอีก ส่วนนึงใช่ที่ว่าเป็นการชดใช้กรรมแต่มีทางออกที่ดีกว่านั้น เธอควรเลือกจะตัดกรรมซะโดยออกจากชีวิตของสามีภรรยา แผลหัวใจนั้นรักษาได้อยู่แล้วค่ะเวลาจะช่วยได้มาก ไอ้ที่ว่าตัดใจไม่ได้น่ะนั่นก็เพราะหลงในกามตัณหาค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 08:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 15:09
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ต้องขออนุโมทนาคุณดีดีนะค่ะที่ได้ให้ความกระจ่างสว่างจิต


ขอบคุณค่ะ :b48: :b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 11:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 21:56
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำตัวน่ารักไปวัน ๆ
สิ่งที่ชื่นชอบ: คู่มือสะกดใจคน - เดวิด เจ.ไลเบอร์แมน
ชื่อเล่น: นุช
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


cool สวัสดีคร๊า

เรื่องแบบนี้ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ผลสุดท้ายลงเอยที่ความทุกข์ใจในทุกคน เวรกรรมมันผูกกันไปกันมา
ต่างฝ่ายต่างสร้างกรรมเพิ่ม ไม่หยุด ไม่หักห้ามใจ เพราะ คำว่า พอใจ หรือ มี อย่างอื่นแอบแฝง ซึ่งต่างกรรมต่างวาระ ของตัวบุคคลนั้น ..

ภรรยาหลวง คิดว่าฉันถูกดีเลิศเพราะมาก่อน ซึ่งมัวแต่ไปมองว่าเขาผิดเขามีทีหลัง เขามาอ่อยสามีเรา แต่ลืมมองว่า สามีของเราอยู่กับเรา แต่ฉะไหนเราถึงได้ถูกเขาเอาไปหรือสามีเราเดินไปกับเขาเอง เราต้องกลับมามองตัวเอง แก้ไขปรับปรุงนั้น สงบสติอารมณ์ สุขุมแล้วคิดไตร่ตรอง ให้มากกว่าเดิม

ภรรยาน้อย คิดว่า ถ้าภรรยาหลวงดีจริงเขาคงไม่มาหาเรา เราอยากได้คนนี้เหลือเกิน รักเหลือเกิน โดนใจไปซะทุกอย่าง แต่ติดตรงที่มีภรรยาแล้ว แต่นานวันสัมพันธ์เริ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเริ่มหายไป สิ่งต่าง ๆ เข้ามาครอบงำ จนยากที่จะถอนหรือไม่อยากถอน ก็เลยต้องอดทนต่อไป สุขช่วงแรกทุกข์ใจอีกมากโข และลืมมองว่า ภรรยาเขาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เขายังคิดนอกใจเป็นอื่นมาหาเรา วันนี้เราเป็นของใหม่ อยู่ไปวันเดียวก็กลายเป็นของเก่าซะแล้วววว ซักวันบาปกรรมต้องตามมาเล่นงานแน่นอน ลืมคิดไง ก็เลยติดอยู่ในวงจรกรรม

สามี เห็นของใหม่เป็นอาหารอันโอชะ เสพเสน่ห์เรือนกาย จนลืมคิดถึงศีลธรรมและความถูกต้อง มองว่าภรรยาหลวงน่าเบื่อ ภรรยาน้อยแสนเอาอกเอาใจ แต่ดันลืมมองว่า ตัวเรานั่นแหล่ะ เอาแต่ใจตัวเองจนลืมนึกถึงความรู้สึกของบุคคลคนอื่น หรือไม่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย แค่มองเป็นของเล่น นาน ๆ ไป ความผูกพันมันเริ่มมี คราวนี้หล่ะ งานเข้า .. จากไม่มีปัญหาเลยมีปัญหา เพราะ กรรมมาเล่นงานแล้ว

ซึ่งทั้งหมดของ 3 บุคคลนี้ ไม่ได้มีใครดีเด่ หรือเลวโด่ อย่างน้อยหน้ากัน ถ้าทั้งหมดยืนบนพื้นฐานของการปล่อยวาง มีธรรมะ ในจิตทุกห้วงนาทีของการมีลมหายใจ ... ก็คงไม่มีใครมานั่งทุกข์ใจกับเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่ยังหาแสงสว่างไม่เจอซักที


อดีตตัวนุชเองนั้นเคยอยู่มา 2 สถานะ ซึ่งเจ็บปวดไม่แพ้กัน ต่างคนต่างมีมุมมองในสิ่งที่ตัวเองยืนอยู่ที่แตกต่างกันออกไป และมั่นใจว่า ลึก ๆ ผู้ชายก็ปวดร้าวเหมือนกันและคงมีเหตุผลมากพอที่ทำให้มันเป็นไปอย่างนั้น ...

อยากให้ทุกคนได้คิดได้พิจารณาเอาธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ปล่อยวางในทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะสิ่งที่เราเห็นทั้งหมดอะไรที่มันเป็นของ ๆ เรามันก็ยังเป็นของ ๆ เราวันยังค่ำ .... แต่อย่าลืมมองกันนะคะ ว่าทุกสิ่งมันไม่ใช่ของเรา ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ นอกจากกรรมดีและกรรมไม่ดีที่สะสมมาทั้งชีวิต ...

ขอให้ทุกคนเจริญในธรรมค่ะ

.....................................................
กฏเหล็กข้อแรกสุด ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 13:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ชาย หนึ่ง...ผู้หญิง สอง
ผู้ชายก็ทุกข์...เพราะ เมียหลวงก็รักเมียน้อยก็รัก(น่ารักคนละแบบ)ปล่อยใครไปก็ไม่ได้ คิดหวง แบ่งเวลาหรือแทบไม่มีเวลาเป็นของตัว ไปๆมาๆ
ผู้ชายทุกข์..เพราะ เบื่อเมียหลวง..เบื่อความควบคุมชอบแสดงความเป็นเจ้าของ..อยากเลิก..หนี..แต่เพราะมีลูก..เลยไม่กล้าตัดขาด..แต่ก็ไม่เอาแล้ว เลยทุกข์ใจเพราะอยากจะทิ้งเขา
ผู้ชายทุกข์...เพราะเมียหลวงแก่ไม่เหมือนเดิม..แต่มีความรู้สึกว่าตัวเองยังหนุมแน่น..ยังมีเมียเด็กๆ ซึ่งเต่งตึง..ยังมีส่วนเว้า-โค้งอยู่ เลยมีข้อเปรียบมีเหตุต้องทิ้ง
ผู้หญิงเมียหลวง..ยิ่งทุกข์ เพราะมีคนมาแบ่งความรัก...สมบัติไปต่อหน้าต่อตา
เมียหลวงทุกข์...เพราะโดนทิ้ง..ต้องเลี้ยงลูกและอยู่ตามลำพัง
เมียหลวงทุกข์...คับแค้นใจ...เจ็บใจ...ถึงสามียังไม่เลิก ไปๆ มาๆ แต่วันหน้าไม่รู้อนาคต
เมียน้อย..ก็ทุกข์..เพราะเหมือนกับไปเบียดเบียนสามีเขา..ขอแบ่งปันความรักความใคร่จากสามีคนอื่น
เมียน้อยทุกข์...ถึงไม่อยากผิดศีลที่ไม่ตั้งใจแย่งเขา ขออยู่แบบหลบๆสังคม แต่ก็กลัวเขาจะอาฆาต
เมียน้อยทุกข์...เพราะอยากดึงเขามาเต็มตัว..อ้อน..มารยา..ยั่วยุต่างๆนาๆ จากความได้เปรียบร่างกายที่สดกว่า แต่ใจก็หวาดกลัวเป็นของเล่นของเขา
มีอีกหลายร้อนพันหมื่นกรณีแห่งความทุกข์ของรัก สามเส้า..สอง..หรือ..สี่เส้า..มันก็ทุกข์หมด..รวมแล้ว..มันก็ทุกข์หมด...ทุกข์หมดทุกคนจริงๆ..แม้อยู่คนเดียวแท้ๆ..ก็ยังอยากจะหาบ่วงโซ่หนักมาแขวนคอ..เฮ้อ..มนุษย์หนอมนุษย์

แต่..มีตัวอย่างหนึ่ง...
เมียหลวงไปเยี่ยมเมียน้อย ซื้อกับข้าวกับปลาผลไม้ไปฝาก รวมทั้งถามสารทุกข์สุกดิบ เพราะเห็นเมียน้อยเป็นเพื่อนมนุษย์ เกิด-แก่เจ็บ-ตาย ด้วยกัน...แถมยังเอาลูกเมียน้อยมาเลี้ยงช่วยดูแลอีกต่างหาก
และมีความสงสารเห็นอกเห็นใจ..เพราะหน้าตาอายุก็น้อยแทนที่จะได้ผัวที่ดีๆ กลับมาได้สามีของตน
ก็แอบภูมิใจ แสดงว่าสามีตนเป็นคนดีมีแต่คนรัก..และเมียน้อยเองยังมาแบ่งเบาภาระต่างๆ ทุกเรื่องเช่น...ที่เคยซักผ้าก็จะไม่ได้ซัก..เคยโดนบ่นโดนด่า..ก็จะย้ายออกไปให้เมียน้อยบ้าง..อะไรอย่างนี้
ส่วนสามีก็คอยสอน..เรื่องธรรมะให้เมียทั้งสอง..เห็น ความเบื่อหน่ายของกามคุณเหล่านี้..เบื่อ ระอา คลายความกำหนัด...เห็นความเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง..เห็นความเกิดดับ..หญิงไหนๆ รูปร่างหน้าตายังไงวัย..สูง-ต่ำยังไง..สัมผัส ถูกต้อง..อย่างเดียวกันหมด มันก็แค่นั้น..คิดดังนั้นแล้วจึงปล่อยวางเรื่องเหล่านี้ไม่มีความทุกข์ร้อน..ใครจะไป..จะมา..จะอยู่ก็ช่างเขา..ยินดีอยู่..ประคับประคองกันไปทั้งสองฝ่าย อยู่แบบสันติสงบ...เห็นอกเห็นใจ เพราะเรื่องมันได้ผ่านมาแล้วจะผลักใสใครก็คงไม่ถูกต้อง..ใครจะมาก่อน-มาหลัง..มันเท่าเทียมกันหมด..เพราะถึงที่สุดแล้วธรรมเหล่านี้ ย่อมจะสลายดับไปในที่สุด
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 14:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเห็นว่า ผู้หญิงเกือบจะทั้งหมด
เวลาเห็นผู้ชายเขามีคู่ของเขาแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะตัดใจ ไม่อยากจะวุ่นวาย
ไม่มีใครอยากเป็น "เมียน้อย"

แต่ส่วนใหญ่มารู้ตัวว่าเป็นเมียน้อยเอาทีหลัง
ตอนที่อะไรๆมันคารังคาซังจนแก้ลำบากแล้ว

คิดให้ดีนะ
ที่ชั่วน่ะ ผู้ชาย
ไม่ใช่เมียหลวง เมียน้อยอะไร
เกือบทั้งหมด คือผู้ชายมันชั่ว

แล้วเมียหลวง เมียน้อย ก็ตีกัน
เหยื่อกับเหยื่อ ตีกัน
ผู้ร้ายตัวจริง นอนสบาย

บรรดาเมียๆ ตีกันตอนแรกเพราะไปจับผู้ร้ายผิดคน
แต่พอตีกันแล้วก็อารมณ์พาไป สถานการณ์พาไป
กลายเป็นเกลียดกันหนักเข้าไปจริงๆ

คิดให้ดีนะ เรื่องเมียๆผัวๆ
ผมเห็นมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น ที่เป้นต้นเหตุ
ไม่รู้จักพอ แล้วก็ไปหลอกเขาเอามาทำเมีย
พวกเมียๆควรจะสามัคคีกัน เห็นใจกัน จึงจะถูก
เป็นเหยื่อและถูกหลอกด้วยกันทั้งนั้น

ผู้ชายอย่างนี้ ตัดใจได้ควรตัด ไม่งั้นจะทุกข์ทั้งชีวิต


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 29 พ.ค. 2010, 14:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 22:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 18:41
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยกะคุณชาติสยามค่ะ แต่ที่กล่าวว่า "พวกเมียๆควรจะสามัคคีกัน เห็นใจกัน จึงจะถูก"

หมายความว่า ให้สามัคคีกันเรื่องอะไรคะ ให้ทิ้งชายผู้เป็นสามีของเราทั้งสอง เลย ใช่หรือปล่าวคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 22:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


owi เขียน:
แต่ที่กล่าวว่า "พวกเมียๆควรจะสามัคคีกัน เห็นใจกัน จึงจะถูก"

หมายความว่า ให้สามัคคีกันเรื่องอะไรคะ ให้ทิ้งชายผู้เป็นสามีของเราทั้งสอง เลย ใช่หรือปล่าวคะ


สามัคคีคือเลิกอาฆาตพยาบาทกันนะครับ
พอญาติดีกันแล้ว ก็สามารถที่จะคิดอ่านแก้ไขปัญหาต่อไปได้
เรื่องทิ้งไม่ทิ้ง เมื่อไม่อาฆาตพยาบาทกันแล้ว มันก็มีทางออกอยู่
ผมก็ไม่อยากจะเข้ารายละเอียดหรอกครับ
มันจะเป้นบ่วงกรรมกับผมด้วย ได้แต่พูดไปกว้างๆเท่านั้นเอง
ซึ่งถ้าพูดไปทางนึง ก้จะกลายเป้นเข้าข้างผู้ชายด้วยกัน
ถ้าพูดไปอีกทางนึง ก็กลายเป้นพวกที่พูดให้คนแตกแยกกัน ให้เขาเลิกกัน

ผมรู้แต่ว่าถ้าสามัคคีกันได้ มันจะเห็นทางออกเอง
เมื่อใจสงบ มันจะคิดออก
ใจไม่สงบ คิดอะไรก็ยาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 00:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


nuchy เขียน:
cool อยากให้ทุกคนได้คิดได้พิจารณาเอาธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ปล่อยวางในทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะสิ่งที่เราเห็นทั้งหมดอะไรที่มันเป็นของ ๆ เรามันก็ยังเป็นของ ๆ เราวันยังค่ำ .... แต่อย่าลืมมองกันนะคะ ว่าทุกสิ่งมันไม่ใช่ของเรา ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ นอกจากกรรมดีและกรรมไม่ดีที่สะสมมาทั้งชีวิต ...

ขอให้ทุกคนเจริญในธรรมค่ะ


มามืด ไปสว่าง
เป็นอย่างนี้นี่เอง

อนุโมทนาค่ะคุณนช :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 00:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ชาติสยาม เขียน:

สามัคคีคือเลิกอาฆาตพยาบาทกันนะครับ
พอญาติดีกันแล้ว ก็สามารถที่จะคิดอ่านแก้ไขปัญหาต่อไปได้
เรื่องทิ้งไม่ทิ้ง เมื่อไม่อาฆาตพยาบาทกันแล้ว มันก็มีทางออกอยู่
ผมก็ไม่อยากจะเข้ารายละเอียดหรอกครับ
มันจะเป้นบ่วงกรรมกับผมด้วย ได้แต่พูดไปกว้างๆเท่านั้นเอง
ซึ่งถ้าพูดไปทางนึง ก้จะกลายเป้นเข้าข้างผู้ชายด้วยกัน
ถ้าพูดไปอีกทางนึง ก็กลายเป้นพวกที่พูดให้คนแตกแยกกัน ให้เขาเลิกกัน

ผมรู้แต่ว่าถ้าสามัคคีกันได้ มันจะเห็นทางออกเอง
เมื่อใจสงบ มันจะคิดออก
ใจไม่สงบ คิดอะไรก็ยาก


เห้นด้วยทุกประการ

อนุโมทนา สาธุค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร