วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 11:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

พุทธศาสนสุภาษิต

คำสอนในพระพุทธศาสนา มีองค์ ๙ ประการ ที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์ ได้แก่ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม และเวทัลละ

สุภาษิต แปลว่า ถ้อยคำที่กล่าวไว้ดี (สุ = ดี, ภาษิต = กล่าว) สามารถนำมาเป็นคติ ยึดถือเป็นหลักใจได้

พุทธศาสนสุภาษิต หมายถึง ถ้อยคำดีๆ ในพระพุทธศาสนา แต่มิได้หมายความเฉพาะคำที่พระพุทธองค์ตรัสไว้เท่านั้น แม้สุภาษิตแทบทั้งหมดจะเป็นพระพุทธพจน์ก็ตาม

เช่น ถ้าเป็นภาษิตพระสัมมาสัมพุทธตรัสเอง เรียกว่า พุทธภาษิต (หรือพระพุทธพจน์) ถ้าพระโพธิสัตว์ กล่าวเรียกว่า โพธิสัตว์ภาษิต ถ้าพระสาวกกล่าว ก็เรียกว่า เถรภาษิต บ้าง สาวกภาษิต บ้าง แม้แต่คำที่เทวดากล่าว และพระพุทธองค์ได้ตรัสรับรองว่าดีด้วยการตรัสคำนั้นซ้ำ เรียกว่า เทวดาภาษิต เป็นต้น

พุทธศาสนสุภาษิตได้มาจากเนื้อหาที่ปรากฏอยู่ในคำสอนในพระพุทธศาสนาดังกล่าว ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นเนื้อความสั้นๆ ที่ทรงคุณค่า ให้ข้อคิด ข้อเตือนใจ ให้ผู้ที่ได้ศึกษาแล้ว มีความรู้ความเข้าใจ และยึดถือเป็นหลักธรรมประจำใจ เพื่อนำไปประพฤติปฏิบัติ ในแนวทางที่ถูกที่ควร ตรงทาง อันจะนำไปสู่ความสุข ความเจริญงอกงามในชีวิตของตน แล้วยังเป็นการเสริมสร้างสันติสุขในสังคมโลกอีกด้วย

พุทธศาสนสุภาษิต ณ ที่นี้ ได้แบ่งออกเป็นหมวดต่างๆ เพื่อให้สะดวกแก่การศึกษา และนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีระบบ

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

หัวข้อ

๏ หมวดที่ ๑ อัตตวรรค - หมวดตน
๏ หมวดที่ ๒ จิตตวรรค - หมวดจิต
๏ หมวดที่ ๓ บุคคลวรรค - หมวดบุคคล
๏ หมวดที่ ๔ กัมมวรรค - หมวดกรรม
๏ หมวดที่ ๕ มัจจุวรรค - หมวดความตาย
๏ หมวดที่ ๖ ธัมมวรรค - หมวดธรรม
๏ หมวดที่ ๗ อัปปมาทวรรค - หมวดไม่ประมาท
๏ หมวดที่ ๘ ขันติวรรค - หมวดอดทน
๏ หมวดที่ ๙ วิริยวรรค - หมวดความเพียร
๏ หมวดที่ ๑๐ ปุญญวรรค - หมวดบุญ
๏ หมวดที่ ๑๑ สุขวรรค - หมวดสุข
๏ หมวดที่ ๑๒ ชยวรรค - หมวดชนะ
๏ หมวดที่ ๑๓ กิเลสวรรค - หมวดกิเลส
๏ หมวดที่ ๑๔ ปาปวรรค - หมวดบาป
๏ หมวดที่ ๑๕ ทุกขวรรค - หมวดทุกข์
๏ หมวดที่ ๑๖ โกธวรรค - หมวดโกรธ
๏ หมวดที่ ๑๗ วาจาวรรค - หมวดวาจา
๏ หมวดที่ ๑๘ มิตตวรรค - หมวดมิตร
๏ หมวดที่ ๑๙ เสวนาวรรค - หมวดคบหา
๏ หมวดที่ ๒๐ สามัคคีวรรค - หมวดสามัคคี
๏ หมวดที่ ๒๑ ทานวรรค - หมวดทาน
๏ หมวดที่ ๒๒ สีลวรรค - หมวดศีล
๏ หมวดที่ ๒๓ ปัญญาวรรค - หมวดปัญญา
๏ หมวดที่ ๒๔ ปกิณณกวรรค - หมวดเบ็ดเตล็ด
๏ อักษรย่อชื่อคัมภีร์

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๑
๏ อัตตวรรค - หมวดตน


อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี
ขุ.ธ. ๒๕/๒๙

อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม
ได้ยินว่าตนแลฝึกยาก
ขุ.ธ. ๒๕/๓๖

อตฺตา สุทนฺโต ปุริสสฺส โชติ
ตนที่ฝึกดีแล้ว เป็นแสงสว่างของบุรุษ
สํ.ส. ๑๕/๒๔๘

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
ตนแล เป็นที่พึ่งของตน
ขุ.ธ. ๒๕/๓๖, ๖๖

อตฺตา หิ อตฺตโน คติ
ตนแล เป็นคติของตน
ขุ.ธ. ๒๕/๓๖

อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ
ตนทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง
ขุ.ธ. ๒๕/๓๗

อตฺตนา อกตํ ปาปํ อตฺตนา ว วิสุชฺฌติ
ตนไม่ทำบาปเอง ย่อมหมดจดเอง
ขุ.ธ. ๒๕/๓๗

อตฺตตฺถปัญฺญา อสุจี มนุสฺสา
มนุษย์ผู้เห็นแก่ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด
ขุ.สุ. ๒๕/๒๙๖/๓๓๙

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา
บัณฑิต ย่อมฝึกตน
ขุ.ธ. ๒๕/๒๕

อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา
ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตน
ขุ.ธ. ๒๕/๓๔

อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ
บุคคลมีตนฝึกดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้ยาก
ขุ.ธ. ๒๕/๓๖

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ
ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ควรรักษาตนนั้นให้ดี
ขุ.ธ. ๒๕/๓๖

อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ
ถ้าพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ก็ควรทำตนฉันนั้น
ขุ.ธ.๒๕/๓๖

ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร
จงถอนตนขึ้นจากหล่ม เหมือนช้างตกหล่มถอนตนขึ้นฉะนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๕๘

อตฺตทตฺถํ ปรตฺเถน พหุนาปิ น หาปเย
อตฺตทตฺถมภิญฺญาย สทตฺถปสุโต สิยา
บุคคลไม่พึงยังประโยชน์ของตนให้เสื่อม เพราะประโยชน์ของผู้อื่นแม้มาก
บุคคลรู้จักประโยชน์ของตนแล้ว พึงขวนขวายในประโยชน์ของตน
ขุ.ธ. ๒๕/๒๒/๓๗

อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ
สุทนฺโต วต ทเมถ อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม
ถ้าพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ก็ควรทำตนฉันนั้น
ผู้ฝึกตนดี ควรฝึกผู้อื่น ได้ยินว่าตนแลฝึกยาก
ขุ.ธ. ๒๕/๓๖

อตฺตานเมว ปฐมํ ปฏิรูเป นิเวสเย
อถญฺญมนุสาเสยฺย น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต
บัณฑิตพึงตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน
สอนผู้อื่นภายหลัง จึงไม่มัวหมอง
ขุ.ธ. ๒๕/๓๖

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ
ตนแล เป็นที่พึ่งของตน คนอื่น ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
ก็บุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้ยาก
ขุ.ธ. ๒๕/๓๖

นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ นตฺถิ ธญฺญสมํ ธนํ
นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา วุฏฐิ เว ปรมา สราติ

ความรักเสมอด้วยความรักตนไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือกย่อมไม่มี
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาย่อมไม่มี ฝนต่างหากเป็นสระยอดเยี่ยม
สํ.ส. ๑๕/๒๙/๙

ยสฺส อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยํ มาลุวา สาลมิโวตฺถตํ
กโรติ โส ตถตฺตานํ ยถา นํ อิจฺฉตี ทิโส

ผู้ใดมีความไร้ศีลธรรม (ทุศีล) ครอบงำ เหมือนเถาย่านทรายคลุมไม้สาละ
ผู้นั้นชื่อว่าย่อมทำตนเหมือนถูกผู้ร้ายคุมตัว
ขุ.ธ. ๒๕/๒๒/๓๗

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๒
๏ จิตตวรรค - หมวดจิต


จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา
เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันหวังได้
ม.มู. ๑๒/๖๔

จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา
เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นอันหวังได้
ม.มู. ๑๒/๖๔

จิตฺเตน นียติ โลโก
โลกถูกจิตนำไป
สํ.ส. ๑๕/๑๘๑

จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ
การฝึกจิตเป็นความดี
ขุ.ธ. ๒๕/๑๙

จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ
จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้
ขุ.ธ. ๒๕/๑๓

จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ
จิตที่คุ้มครองแล้วนำสุขมาให้
ขุ.ธ. ๒๕/๑๓

วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี
ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก
ขุ.ชา. ๒๗/๓๑๖

เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข
พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน
ขุ.ชา. ๒๗/๙๖

ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย
ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใดๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้นๆ
สํ.ส. ๑๕/๖๓

อนวัฏฺจิต จิตฺตสฺส สทฺธมฺมํ อวิชานโต
ปริปฺวลปสาทสฺสุ ปญฺญา น ปริปูรติ

เมื่อจิตไม่มั่นคง ไม่รู้พระสัทธรรม
มีความเลื่อมใสเลื่อนลอย ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์
ขุ.ชา. ๒๗/๑๓

อานาปานสฺสติ ยสฺส อปริปุณฺณา อภาวิตา
กาโยปิ อิญฺชิโต โหติ จิตฺตมฺปิ โหติ อิญฺชิตํ

สติกำหนดลมหายใจเข้าออก
อันผู้ใดไม่อบรมให้บริบูรณ์ ทั้งกายทั้งจิตของผู้นั้นก็หวั่นไหว
ขุ.ปฏิ. ๓๑/๓๖๙

อานาปานสฺสติ ยสฺส ปริปุณฺณา สุภาวิตา
กาโยปิ อนิญฺชิโต โหติ จิตฺตมฺปิ โหติ อนิญฺชิตํ

สติกำหนดลมหายใจเข้าออก
อันผู้ใดอบรมบริบูรณ์ดีแล้ว ทั้งกายทั้งจิตของผู้นั้นก็ไม่หวั่นไหว
ขุ.ปฏิ. ๓๑/๓๖๙

ทิโส ทิสํ ยนฺตํ กยิรา เวริ วา ปน เวรินํ
มิจฺ ฉา ปณิหิตํ จิตตํ ปาปิโย นํ ตโต กเร

โจรกับโจรหรือไพรีกับไพรี พึงทำความพินาศให้แก่กัน
ส่วนจิตตั้งไว้ผิด พึงทำให้เขาเสียหายยิ่งกว่านั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๑๓

น ตํ มาตา ปิตา กยิรา อญฺเญ วาปิจ ญาตกา
สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ เสยฺยโส นํ ตโต กเร

มารดาบิดาหรือญาติเหล่าอื่น ไม่พึงทำเหตุนั้นให้ได้
ส่วนจิตที่ตั้งไว้ดีแล้ว พึงทำเขาให้ดีกว่านั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๑๓

ยถา อคารํ ทุจฺฉนฺนํ วุฏฐี สมติวิชฺฌต
เอวํ อภาวิตํ จิตฺตํ ราโค สมติวิชฺฌติ

ฝนย่อมรั่วรดเรือนที่มุงไม่ดีฉันใด
ราคะย่อมรั่วรดจิตที่ไม่ได้อบรมฉันนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๑๑

เสโล ยถา เอกฆโน วาเตน น สมีรติ
เอวํ นินฺทาปสํสาสุ น สมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา

ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด
บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๑๖

อนวสฺสุตจิตฺตสฺส อนนฺวาหตเจตโส
ปุญฺญปาปปหีนสฺส นตฺถิ ชาครโต ภยํ

ผู้มีจิตอันไม่ชุ่มด้วยราคะ มีใจอันโทสะไม่กระทบแล้ว
ผู้มีบุญและบาปอันละได้แล้ว ผู้ตื่นอยู่ ย่อมไม่มีภัย
ขุ.ธ. ๒๕/๒๐

กุมฺภูปมํ กายมิมํ วิทิตฺวา นครูปมํ จิตฺตมิทํ ถเกตฺวา
โยเธถ มารํ ปญฺญาวุเธน ชิตญฺจ รกฺเข อนิเวสโน สิยา

บุคคลรู้กายนี้ที่เปรียบด้วยหม้อ กั้นจิตที่เปรียบด้วยเมืองนี้แล้ว
พึงรบมารด้วยอาวุธคือปัญญา และพึงรักษาแนวที่ชนะไว้ ยับยั้งอยู่
ขุ.ธ. ๒๕/๒๐

จิตฺเตน นียติ โลโก จิตฺเตน ปริกสฺสต
จิตฺตสฺส เอกธมฺมสฺส สพฺเพว วสมนฺวคู

โลกถูกจิตนำไป ถูกจิตชักไป
สัตว์ทั้งปวงไปสู่อำนาจแห่งจิตอย่างเดียว
สํ.ส. ๑๕/๑๘๑

ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน ยตฺถ กามนิปาติโน
จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ

การฝึกจิตที่ข่มยาก ที่เบา มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่
เป็นความดี, (เพราะว่า) จิตที่ฝึกแล้ว นำสุขมาให้
ขุ.ธ. ๒๕/๑๙

สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ ยตฺถ กามนิปาตินํ
จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวี จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ

ผู้มีปัญญา พึงรักษาจิตที่เห็นได้ยากนัก ละเอียดนัก
มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่, (เพราะว่า) จิตที่คุ้มครองแล้ว นำสุขมาให้
ขุ.ธ. ๒๕/๑๙

ปทุฏฺฐจิตฺตสฺส น ผาติ โหต น จาปิ นํ เทวตา ปูชยนฺติ
โย ภาตรํ เปตฺติกํ สาปเตยฺย อวญฺจยี ทุกฺกฏกมฺมการี

ผู้ใดทำกรรมชั่ว ล่อลวงเอาทรัพย์สมบัติพี่น้องพ่อแม่
ผู้นั้นมีจิตชั่วร้าย ย่อมไม่มีความเจริญ แม้เทวดาก็ไม่บูชาเขา
(นทีเทวตา) ขุ.ชา.ติก. ๒๗/๑๒๐

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๓
๏ บุคคลวรรค - หมวดบุคคล


สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม
ชื่อว่าบัณฑิตย่อมทำประโยชน์ให้สำเร็จได้แล
สํ.ส. ๑๕/๘๒๕

ปฌฺฑิโต สีลสมฺปนฺโน ชลํ อคฺคีว ภาสติ
บัณฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมรุ่งเรืองเหมือนไฟสว่าง
ที.ปา. ๑๑/๑๙๗

อนตฺถํ ปริวชฺเชติ อตฺถํ คณฺหาติ ปณฺฑิโต
บัณฑิตย่อมเว้นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ถึงเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์
องฺ.จตุกฺก ๒๑/๔๒

ทนฺโต เสฎฺโฐ มนุสฺเสสุ
ในหมู่มนุษย์ ผู้ฝึกตนแล้วเป็นผู้ประเสริฐสุด
ขุ.ธ. ๒๕/๓๓

กุสโล จ ชหาติ ปาปกํ
คนฉลาดย่อมละบาป
ขุ.อุ. ๒๕/๑๖๘

นยํ นยติ เมธาวี
คนมีปัญญา ย่อมแนะนำทางที่ควรแนะนำ
ขุ.ชา.ทุก. ๒๗/๑๘๑๙

ธีโร โภเค อธิคมฺม สงฺคณฺหาติ จ ญาตเก
ผู้มีปรีชาได้โภคะแล้ว ย่อมสงเคราะห์หมู่ญาติ
ขุ.ชา. ๒๗/๙๓๖

สนฺโต น เต เย น วทนฺติ ธมฺมํ
ผู้ใดไม่พูดเป็นธรรม ผู้นั้นไม่ใช่สัตบุรุษ
สํ.ส. ๑๕/๗๒๕

สนฺโต สตฺตหิเต รตา
สัตบุรุษยินดีในการเกื้อกูลสัตว์
ชาตฏฺฐกถา ๑/๒๓๐

ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ หิมวนฺโตว ปพฺพโต
สัตบุรุษทั้งหลายย่อมปรากฏได้ในที่ใกล เหมือนภูเขาหิมพานต์
ขุ.ธ. ๒๕/๓๑

สนฺโต สคฺคปรายนา
สัตบุรุษมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า
ขุ.ชา. ๒๗/๑๔๔๘

อุปสนฺโต สุขํ เสติ
ผู้สงบใจได้ ย่อมนอนเป็นสุข
ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๔๑๕

สตญจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ
กลิ่นของสัตบุรุษย่อมหอนทวนลมได้
ขุ.ธ. ๒๕/๑๔

โย พาโล มญฺญติ พาลฺยํ ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส
คนซึ่งรู้สึกตนว่าโง่ จะเป็นผู้ฉลาดเพราะเหตุนั้นได้บ้าง
ขุ.ธ. ๒๕/๑๕

อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ รตฺติขิตฺตา ยถา สรา
อสัตบุรุษ แม้นั่งอยู่ในที่นี้เองก็ไม่ปรากฎ เหมือนลูกศรที่ยิงไปกลางคืน ฉะนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๓๑

อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ
อสัตบุรุษย่อมไปนรก
สํ.ส. ๑๕/๙๐

สุวิชาโน ภวํ โหติ
ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ
ขุ.สุ. ๒๕/๓๐๔

ครุ โหติ สคารโว
ผู้เคารพย่อมมีผู้เคารพตอบ
ขุ.ชา. ๒๘/๔๐๑

วนฺทโก ปฎิวนฺทนํ
ผู้ไหว้ย่อมได้รับไหว้ตอบ
ขุ.ชา. ๒๘/๔๐๑

เนกาสี ลภเต สุขํ
ผู้กินคนเดียวไม่ได้ความสุข
ขุ.ชา. ๒๗/๑๖๗๔

นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
ขุ.ธ. ๒๕/๒๗

อติติกฺโข จ เวรวา
คนแข็งกระด้างก็มีเวร
ขุ.ชา. ๒๗/๑๗๐๓

น อุชุภูตา วิตถํ ภณนฺติ
คนตรงไม่พูดคลาดความจริง
ขุ.ชา. ๒๗/๕๐๓

อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ
มารดาบิดาเป็นที่นับถือของบุตร
ขุ.อิติ. ๒๕/๒๘๖

ปุพพาจริยาติ วุจฺจเร
มารดาบิดาท่านว่าเป็นบูรพาจารย์ (ของบุตร)
องฺ.ติก. ๒๐/๑๖๘

ภตฺตา ปญฺญาณมิตฺถิยา
สามีเป็นเครื่องปรากฏของสตรี
สํ.ส. ๑๕/๕๗

สุสฺสูสา เสฏฺฐา ภริยานํ
บรรดาภริยาทั้งหลาย ภริยาผู้เชื่อฟัง เป็นผู้ประเสริฐ
สํ.ส. ๑๕/๑๐

โย จ ปุตฺตา นมสฺสโว
บรรดาบุตรทั้งหลาย บุตรผู้เชื่อฟังเป็นผู้ประเสริฐ
สํ.ส. ๑๕/๑๐

คุณวา จาตฺตโน คุณ
ผู้มีความดี จงรักษาความดีของตนไว้
ขุ.ชา.สตฺตก. ๒๗/๒๑๒

อจฺจยํ เทสยนฺตีนํ โย เจ น ปฎิคณฺหติ
โกปนฺตโร โทสครุ ส เวรํ ปฎิมจฺจติ

เมื่อเขาขอโทษ ถ้าผู้ใดมีความขุ่นเคือง
โกรธจัด ไม่ยอมรับ ผู้นั้นชื่อว่า หมกเวรไว้
สํ.ส. ๑๕/๑๑๐

เอวํ กิจฺฉาภโต โปโส ปิตุ อปริจารโก
ปิตริมิจฺฉาจริตฺวาน นิรยํ โส อุปปชฺชติ

ผู้ที่มีมารดาบิดาเลี้ยงมาได้โดยยากอย่างนี้
ไม่บำรุงมารดาบิดา ประพฤติผิดในมารดาบิดา ย่อมเข้าถึงนรก
ขุ.ชา. ๒๘/๑๖๒

เตชวาปิ หิ นโร วิจกฺขโณ สกฺกโต พหุชนสฺส ปูชิโต
นารีนํ วสงฺคโต น ภาสติ ราหุนา อุปหโตว จนฺทิมา

ถีงเป็นคนมีเดช มีปัญหาเฉียบแหลม อันคนเป็นอันมากสักการบูชา
อยู่ในอำนาจสตรีเสียแล้วย่อมไม่รุ่งเรือง เหมือนพระจันทร์ถูกพระราหูบังฉะนั้น
ขุ.ชา. ๒๘/๓๑๓

ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ หิมวนฺโตว ปพฺพโต
อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ รตฺติขิตฺตา ยถา สรา

สัตบุรุษทั้งหลายย่อมปรากฎได้ในที่ใกล เหมือนภูเขาหิมวันต์
อสัตบุรุษทั้งหลายถึงในที่นี้ก็ไม่ปรากฏ เหมือนลูกศรที่ยิงไปกลางคืน ฉะนั้น
ขุ.ชา. ๒๘/๓๑๓

ธีโร โภเค อธิคมฺม สงฺคณฺหาติ จ ญาตเก
เตน โส กิตฺตึ ปปฺโปติ เปจฺจ สคฺเค ปโมทติ

ผู้มีปรีชาได้โภคะแล้ว ย่อมสงเคราะห์หมู่ญาติ
เพราะการสงเคราะห์นั้น เขาย่อมได้เกียรติ ละไปแล้วย่อมบันเทิงในสวรรค์
ขุ.ชา. ๒๗/๙๓๖

มธุวา มญฺญตี พาโล ยาว ปาปํ น ปจฺจติ
ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ อถ ทุกฺขํ นิคจฺฉติ

ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน
แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๑๕

ยสฺส ปาปํ กตํ กมฺมํ กุสเลน ปิถียติ
โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา

ผู้ใดทำกรรมชั่วแล้ว ละเสียได้ด้วยกรรมดี
ผู้นั้นย่อมยังโลกให้สว่าง เหมือนพระจันทร์พ้นจากเมฆ
ม.ม. ๑๓/๕๓๔

ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสีเทยฺย สเยยฺย วา
น ตสฺส สาขํ ภญฺเชยฺย มิตฺตทุพฺโพ หิ ปาปโก

บุคคลนั่งหรือนอน (อาศัย) ที่ร่มเงาตันไม้ใด
ไม่ควรรานกิ่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคนเลวทราม
ขุ.เปต. ๒๖/๑๐๖

โย มาตรํ ปิตรํ วา มจฺโจ ธมฺเมน โปสติ
อิเธว นํ ปสํสนฺติ เปจฺจ สคฺเค ปโมทติ

ผู้ใดย่อมเลี้ยงมารดาบิดาโดยธรรม
บัณฑิตย่อมสรรเสริญผู้นั้นในโลกนี้ เขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์
ขุ.ชา. ๒๘/๕๒๒

อกฺโกธโน อนุปนาหี อมกฺขี สุทฺธตํ คโต
สมฺปนฺนทิฏฺฐิ เมธาวี ตํ ชญฺญา อริโย อิติ

ผู้ใดไม่โกรธ ไม่ผูกโกรธ ไม่ลบหลู่ ถึงความหมดจด
มีทิฏฐิสมบูรณ์ มีปัญญา, พึงรู้ว่าผู้นั้นเป็นอริยะ
(สารีปุตฺตเถร) ขุ.ปฏิ. ๓๑/๒๔๑

อนาคตปฺปชปฺปาย อตีตสฺสานุโสจนา
เอเตน พาลา สุสฺสนฺติ นโฬว หริโต ลุโต

คนเขลาย่อมซูบซีด เพราะคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง
เพราะเศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว เหมือนต้นอ้อสดที่ถูกตัด
สํ.ส. ๑๕/๗

อนุทฺธโต อจปโล นิปโก สํวุตินฺทฺริโย
กลฺยาณมิตฺโต เมธาวี ทุกฺขสฺสนฺตกโร สิยา

คนฉลาด ไม่ฟุ่งซ่าน ไม่คลอนแคลน มีปัญญา
สำรวมอินทรีย์ มีมิตรดี พึงทำที่สุดทุกข์ได้
(อญฺญาโกณฺฑญฺญเถร) ขุ.เถร. ๒๖/๓๖๖

อปฺปสฺสาทา ทุกฺขา กามา อิติ วิญฺญาย ปณฺฑิโต
อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ รตึ โส นาธิคจฺฉติ

กามทั้งหลายมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก,
บัณฑิตรู้ดังนี้แล้ว ไม่ใยดีในกามแม้เป็นทิพย์
ขุ.ธ. ๒๕/๔๐

อโยเค ยุญฺชมตฺตานํ โยคสฺมิญฺจ อโยชยํ
อตฺถํ หิตฺวา ปิยคฺคาหี ปิเหตตฺตานุโยคินํ

ผู้ประกอบตนในสิ่งที่ไม่ควรประกอบ และไม่ประกอบตนในสิ่งควรประกอบ
ละประโยชน์เสีย ถือตามชอบใจ ย่อมกระหยิ่มต่อผู้ประกอบตนเนืองๆ
ขุ.ธ. ๒๕/๔๓

อสตญฺจ สตญฺจ ญตฺวา ธมฺมํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สพฺพโลเก
เทวมนุสฺเสหิ จ ปูชิโต โย โส สงฺคชาลมติจฺจ โส มุนิ

ผู้ใดรู้ธรรมของอสัตบุรุษและของสัตบุรุษ ทั้งภายใน ทั้งภายนอก
มีเทวดาและมนุษย์บูชาในโลกทั้งปวง ผู้นั้นจึงล่วงข่ายคือเครื่องข้องได้ และเป็นมุนี
ขุ.สุ. ๒๕/๔๓๒, ขุ.มหา. ๒๙/๔๐๖

อากาเสว ปทํ นตฺถิ สมโณ นตฺถิ พาหิโร
สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิ นตฺถิ พุทฺธานมิญฺชิตํ

สมณะภายนอกไม่มี, สังขารเที่ยงไม่มี,
ความหวั่นไหวของพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มี, เหมือนรอยเท้าไม่มีในอากาศ
ขุ.ธ. ๒๕/๔๙

อุฏฺฐานวโต สตีมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน
สญฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ

เกียรติยศย่อมเจริญแก่ผู้ขยัน มีสติ มีการงานสะอาด
ใคร่ครวญแล้วจึงทำ สำรวมแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท
ขุ.ธ. ๒๕/๑๘

ชยํ เวรํ ปสวติ ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต
อุปสนฺโต สุขํ เสติ หิตฺวา ชยปราชยํ

ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมนอนเป็นทุกข์
คนละความชนะและความแพ้ได้แล้ว สงบใจได้ ย่อมนอนเป็นสุข
ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๔๑๕

ตสฺมา สตญฺจ อสตญฺจ นานา โหติ อิโต คติ
อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ สนฺโต สคฺคปรายนา

(เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม)
คติที่ไปจากโลกนี้ของสัตบุรุษและอสัตบุรุษจึงต่างกัน, คืออสัตบุรุษไปนรก, สัตบุรุษไปสวรรค์
ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๔๑๕

ตสฺมา หิ ธีโร อิธุปฏฺฐิตาสติ กาเม จ ปาเป จ อเสวมาโน
สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเม ปฏิโสตคามินี ตมาหุ ปุคฺคลํ

เพราะนักปราชญ์มีสติตั้งมั่นในธรรมวินัยนี้ ไม่เสพกามและบาป
พึงละกามทั้งทุกข์ได้ ท่านจึงกล่าวบุคคลนั้นว่า ผู้ไปทวนกระแส
องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๗

ทุทฺททํ ททมานานํ ทุกฺกรํ กมฺมกุพฺพตํ
อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ สตํ ธมฺโม ทุรนฺวโย

เมื่อสัตบุรุษให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก, อสัตบุรุษย่อมทำตามไม่ได้
เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.ทุก. ๒๗/๖๓

น ชจฺจา วสโล โหติ น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ
กมฺมุนา วสโล โหติ กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ

บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่
(แต่) เป็นคนเลวเพราะการกระทำ เป็นผู้ประเสริฐก็เพราะการกระทำ
ขุ.สุ. ๒๕/๓๕๒

นิฏฺฐํ คโต อสนฺตาสี วีตตณฺโห อนงฺคโณ
อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ อนฺติโมยํ สมุสฺสโย

บุคคลถึงความสำเร็จแล้ว (พระอรหันตผล) ไม่สะดุ้ง ปราศจากตัณหา
ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ตัดลูกศรอันจะนำไปสู่ภพได้แล้ว ร่างกายจึงชื่อว่า มีในที่สุด
ขุ.ธ. ๒๕/๖๓

ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ อหึสา สญฺญโม ทโม
ส เว วนฺตมโล ธีโร โส เถโรติ ปวุจฺจติ

ผู้ใดมีความสัตย์ มีธรรม มีความไม่เบียดเบียน มีความสำรวม และมีความข่มใจ
ผู้นั้นแล ชื่อว่า ผู้มีปัญญา หมดมลทิน เขาเรียกท่านว่า เถระ
ขุ.ธ. ๒๕/๕๐

ยทา ทุกฺขํ ชรามรณนฺติ ปณฺฑิโต อวิทฺทสู ยตฺถ สิตา ปุถุชชนา
ทุกฺขํ ปริญฺญาย สโต ว ฌายติ ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ

เมื่อใด บัณฑิตรู้ว่า ชราและมรณะเป็นทุกข์ กำหนดรู้ทุกข์ซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งปุถุชน
มีสติเพ่งพินิจอยู่ เมื่อนั้น ย่อมไม่ประกอบความยินดีที่ยิ่งกว่านั้น
(ภูตเถร) ขุ.เถร. ๒๖/๓๔๔

เย เกจิ กาเมสุ อสญฺญตา ชนา อวีตราคา อิธ กามโภคิโน
ปุนปฺปุนํ ชาติชรูปคา หิ เต ตณฺหาธิปนฺนา อนุโสตคามิโน

คนบางพวกเหล่าใด ไม่สำรวมในกาม ยังไม่ปราศจากราคะ เป็นผู้บริโภคกามในโลกนี้,
คนเหล่านั้นถูกตัณหาครอบงำ ลอยไปตามกระแส (ตัณหา) ต้องเป็นผู้เข้าถึงชาติชราร่ำไป
องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๗

เย จ โข พาลา ทุมฺเมธา ทุมฺมนฺตี โมหปารุตา
ตาทิสา ตตฺถ รชฺชนฺติ มารกฺขิตฺตสฺมิ พนฺธเน

คนเหล่าใดเขลา มีปัญญาทราม มีความคิดเลว ถูกความหลงปกคลุม,
คนเช่นนั้น ย่อมติดเครื่องผูกอันมารทอดไว้นั้น
(นนฺทกเถร) ขุ.เถร. ๒๖/๓๑๒

เย จ สีเลน สมฺปนฺนา ปญฺญายูปสเม รตา
อารกา วิรตา ธีรา น โหนฺติ ปรปตฺติยา

ผู้มีปัญญาเหล่าใด ประกอบด้วยศีล ยินดีในความสงบด้วยปัญญา
ผู้มีปัญญาเหล่านั้น เว้นไกลจากความชั่วแล้ว ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.จตุกฺก. ๒๗/๑๔๓

เย ฌานปสุตา ธีรา เนกฺขมฺมูปสเม รตา
เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ สมฺพุทฺธานํ สตีมตํ

ผู้มีปัญญาเหล่าใด ขวนขวายในฌาน ยินดีในความสงบอันเกิดจากเนกขัมมะ
เทวดาทั้งหลายก็พอใจต่อผู้มีปัญญา ผู้รู้ดีแล้ว มีสติเหล่านั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๓๙

โรสโก กทริโย จ ปาปิจฺโฉ มจฺฉรี สโฐ
อหิริโก อโนตฺตปฺปี ตํ ชญฺญา วสโล อิติ

ผู้ใดเป็นคนขัดเคือง เหนียวแน่น ปรารถนาลามก ตระหนี่
โอ้อวด ไม่ละอาย และไม่เกรงกลัวบาป พึงรู้ว่า ผู้นั้นเป็นคนเลว
ขุ.สุ. ๒๕/๓๕๑

โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา โคมิโก โคหิ ตเถว โสจติ
อุปธีหิ นรสฺส โสจนา น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ
ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร, ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโคเหมือนกัน,
นรชนมีความเศร้าโศกเพราะอุปธิ, ผู้ใด ไม่มีอุปธิ ผู้นั้น ไม่ต้องเศร้าโศกเลย
สํ.ส. ๑๕/๙

มหากรุณิโก นาโถ
ท่านผู้เป็นที่พึ่ง ประกอบด้วยกรุณายิ่งใหญ่

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๔
๏ กัมมวรรค - หมวดกรรม


สานิ กมฺมานิ นยนฺติ ทุคฺคติ
กรรมชั่วของตนเอง ย่อมนำไปสู่ทุคคติ
ขุ.ธ. ๒๕/๔๗

สุกรํ สาธุนา สาธุ
ความดี อันคนดีทำง่าย
ขุ.อุ. ๒๕/๑๖๗

สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ
ความดี อันคนชั่วทำยาก
ขุ.อุ. ๒๕/๑๖๗

ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ
ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลเป็นดี
ขุ.ธ. ๒๕/๒๓

น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ
ทำกรรมใดแล้วร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำแล้วนั้นไม่ดี
ขุ.ธ. ๒๕/๒๓

ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ

บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น
ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว
สํ.ส. ๑๕/๓๓๓

นิสมฺม กรณํ เสยฺโย
ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า
ว.ว.

รกฺเขยฺย อตฺตโน สาธุ ลวณํ โลณตํ ยถา
พึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม
ส.ส.

นานตฺถกามสฺส กเรยฺย อตฺถํ
ไม่พึงทำประโยชน์แก่ผู้มุ่งความพินาศ
ขุ.ชา.ทสก. ๒๗/๘๔

อติสีตํ อติอุณฺห ํ อติสายมิทํ อหุ
อิติ วิสฺฏฺฐกมฺมนฺเต อตฺถา อจฺเจนฺติ มาณเว

ประโยชน์ทั้งหลายย่อมล่วงเลยคน ผู้ทอดทิ้งการงาน
ด้วยอ้างว่า หนาวนัก ร้อนนัก เย็นเสียแล้ว
ที.ปาฏิ. ๑๑/๑๙๙

อถ ปาปานิ กมฺมานิ กรํ พาโล น พุชฺฌติ
เสหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ

เมื่อคนโง่มีปัญญาทราม ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก
เขาเดือดร้อนเพราะกรรมของตน เหมือนถูกไฟไหม้
ขุ.ธ. ๒๕/๓๓

โย ปุพฺเพ กรณียานิ ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ
วรุณกฏฺฐํ ภญฺโชว ส ปจฺฉา อนุตปฺปต

ผู้ใดปรารถนาทำกิจที่ควรทำก่อนในภายหลัง
ผู้นั้นย่อมเดือดร้อนในภายหลัง ดุจมาณพ (ผู้ประมาทแล้วรีบ) หักไม้กุ่ม ฉะนั้น
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.เอก. ๒๗/๒๓

สเจ ปุพฺเพกตเหตุ สุขทุกฺขํ นิคจฺฉติ
โปราณกํ กตํ ปาปํ ตเมโส มุญฺจเต อิณํ

ถ้าประสบสุขทุกข์ เพราะบุญบาปที่ทำไว้ก่อนเป็นเหตุ
ชื่อว่าเปลื้องบาปเก่าที่ทำไว้ ดุจเปลื้องหนี้ ฉะนั้น
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.ปณฺณาส. ๒๘/๒๕

สุขกามานิ ภูตานิ โย ทณฺเฑน น หึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน เปจฺจ โส ลภเต สุขํ

สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข ผู้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน
ไม่เบียดเบียนเขาด้วยอาชญา ผู้นั้นละไปแล้ว ย่อมได้สุข
ขุ.ธ. ๒๕/๓๒

สุขกามานิ ภูตานิ โย ทณฺเฑน วิหึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน เปจฺจ โส น ลภเต สุขํ

สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข ผู้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน
่เบียดเบียนเขาด้วยอาชญา ผู้นั้นละไปแล้ว ย่อมไม่ได้สุข
ขุ.ธ. ๒๕/๓๒

อุฏฺฐาตา กมฺมเธยฺเยสุ อปฺปมตฺโต วิจกฺขโณ
สุสํวิหิตกมฺมนฺโต ส ราชวสตึ วเส

ผู้หมั่นในการงาน ไม่ประมาท เป็นผู้รอบคอบ
จัดการงานเรียบร้อย จึงควรอยู่ในราชการ
ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๓๓๙

ปาปญฺเจ ปุริโส กยิรา น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ
น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ ทุกโข ปาปสฺส อุจฺจโย

ถ้าคนพึงทำบาป ก็ไม่ควรทำบาปนั้นบ่อยๆ
ไม่ควรทำความพอใจในบาปนั้น เพราะการสั่งสมบาป นำทุกข์มาให้
ขุ.ธ. ๒๕/๓๐

โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ
ปจฺฉา กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน กตฺตารํ นาธิคจฺฉติ

ผู้อื่นทำความดีให้ ทำประโยชน์ให้ก่อน แต่ไม่นึกถึง (บุญคุณ)
เมื่อมีกิจเกิดขึ้นภายหลัง จะหาผู้ช่วยทำไม่ได้
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.เอก. ๒๗/๒๙

สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา น หเนยฺย น ฆาตเย

สัตว์ทั้งปวงหวาดต่ออาชญา ล้วนกลัวต่อความตาย
ควรทำตนให้เป็นอุปมาแล้วไม่พึงฆ่าเอง ไม่พึงใช้ผู้อื่นให้ฆ่า
ขุ.ธ. ๒๕/๓๒

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๕
๏ มัจจุวรรค - หมวดความตาย


สพฺพํ เภทปริยนฺติ เอวํ มจฺจาน ชีวิตํ
ชีวิตของสัตว์เหมือนภาชนะดิน ซึ่งล้วนมีความสลายเป็นที่สุด
ที.มหา. ๑๐/๑๔๑

น มิยฺยมานํ ธนมนฺเวติ กิญฺจิ
ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้
ม.ม. ๑๓/๔๑๒

อฑฺฒา เจว ทฬิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุ ปรายนา
ทั้งคนมีคนจน ล้วนมีแต่ความตายเป็นเบื้องหน้า
ที.มหา. ๑๐/๑๔๑

ทหรา จ มหนฺตา จ เย พาลา เย จ ปณฺฑิตา
สพฺเพ มจฺจุวสํ ยนฺติ สพฺเพ มจฺจุปรายนา

ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเขลา ทั้งฉลาด
ล้วนไปสู่อำนาจแห่งความตาย ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า
นัย ที.มหา. ๑๐/๑๔๑

ยถา ทณฺเฑน โคปาลา คาโว ปาเชติ โคจรํ
เอวํ ชรา จ มจฺจุ จ อายุ ปาเชนฺติ ปาณินํ

ผู้เลี้ยงโคย่อมต้อนฝูงโค ไปสู่ที่หากินด้วยพลองฉันใด
ความแก่และความตาย ย่อมต้อนอายุของสัตว์มีชีวิตไปฉันนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๓๓

ยถา วาริวโห ปูโร วเห รุกฺเข ปกูลเช
เอวํ ชราย มรเณน วุยฺ หนฺเต สพฺพปาณิโน

ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด
สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น
(เตมิยโพธิสตฺต) ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๑๖๔

อจฺเจนติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ
เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานิ

กาลย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป
ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น พึงทำบุญอันนำความสุขมาให้
(นนฺทเทวปุตฺต) สํ.ส. ๑๕/๘๙

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๖
๏ ธัมมวรรค - หมวดธรรม


ธมฺโม รหโท อกทฺทโม
ธรรมเหมือนห้วงน้ำไม่มีตม
ขุ.ชา.ฉกฺก. ๒๗/๒๐๒

ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ
ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว นำสุขมาให้
สํ.ส. ๑๕/๕๘

ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารี
ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
ขุ.เถร. ๒๖/๓๑๔

น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี
ผู้ประพฤติธรรม ไม่ไปสู่ทุคติ
ขุ.เถร. ๒๖/๓๑๔

ธมฺเม ฐิตํ น วิชหาติ กิตฺติ
เกียรติ ย่อมไม่ละผู้ตั้งอยู่ในธรรม
องฺ.ปญฺจก. ๒๓/๕๑

ธมฺเม ฐิตา เย น กโรนฺติ ปาปกํ
ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่ทำบาป
องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๒๕

ธมฺมํ จเร สุจริตํ น ตํ ทุจฺจริตํ จเร
พึงประพฤติธรรมให้สุจริต ไม่ควรประพฤติให้ทุจจริต
ขุ.ธ. ๒๕/๓๘

นภญฺจ ทูเร ปฐวี จ ทูเร ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร
ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ สตญฺจ ธมฺโม อสตญฺจ ราช

เขากล่าวว่า ฟ้ากับดินไกลกัน และฝั่งทะเลก็ไกลกัน
แต่ธรรมของสัตบุรุษกับอสัตบุรุษ ไกลกันยิ่งกว่านั้น
(พฺราหฺมณ) ขุ.ชา.อสีติ. ๒๘/๑๔๓

ยทา จ พุทฺธา โลกสฺมึ อุปฺปชฺชนฺติ ปภงฺกรา
เต อิมํ ธมฺมํ ปกาเสนฺติ ทุกฺขูปสมคามินํ

เมื่อพระพุทธเจ้าผู้ทำความสว่างอุบัติขึ้นในโลก
พระองค์ย่อมประกาศธรรมสำหรับดับทุกข์นี้
(สารีปุตฺต) ขุ.ปฏิ. ๓๑/๔๑๘

เย จ โข สมฺมทกฺขาเต ธมฺเม ธมฺมานุวตฺติโน
เต ชนา ปารเมสฺสนฺติ มจฺจุเธยฺยํ สุทตฺตรํ

ชนใดประพฤติธรรม ในธรรมที่พระพุทธเจ้ากล่าวดีแล้ว
ชนเหล่านั้นจักข้ามแดนมฤตยูที่ข้ามได้ยาก
ขุ.ธ. ๒๕/๒๖

โย อิจฺเฉ ทิพฺพโภคญฺจ ทิพฺพมายุ ํ ยสํ สุขํ
ปาปานิ ปริวชฺ เชตฺวา ติวิธํ ธมฺมมาจเร

ผู้ใดปราถนาโภคทรัพย์ อายุ ยศ สุข อันเป็นทิพย์
ผู้นั้นพึงงดเว้นบาปทั้งหลาย แล้วประพฤติสุจริตธรรม ๓ อย่าง
(เทวธีตา) ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๓๐๖

อาทานตณฺหํ วินเยถ สพฺพํ อุทฺธํ อโธ ติริยํ วาปิ มชฺเฌ
ยํ ยํ หิ โลกสฺมึ อุปาทิยนฺติ เตเนว มาโร อนฺเวติ ชนฺตุ

พึงขจัดตัณหาที่เป็นเหตุถือมั่นทั้งปวง ทั้งเบื้องสูง เบื้องต่ำ เบื้องขวาง ท่ามกลาง,
เพราะเขาถือมั่นสิ่งใดๆ ในโลกไว้ มารย่อมติดตามเขาไป เพราะสิ่งนั้นๆ
ขุ.สุ. ๒๕/๙๔๖, ขุ.จู. ๓๑/๒๐๒.

อุจฉินฺท สิเนหมตฺตโน กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา
สนฺติมคฺคเมว พฺรูหย นิพฺพานํ สุคเตน เทสิตํ

จงเด็ดเยื่อใยของตนเสีย เหมือนเอาฝ่ามือเด็ดบัวในฤดูแล้ง
จงเพิ่มพูนทางสงบ (ให้ถึง) พระนิพพานที่พระสุคตแสดงแล้ว
ขุ.ธ. ๒๕/๕๓

โอวเทยฺยานุสาเสยฺย อสพฺภา จ นิวารเย
สตํ หิ โส ปิโย โหติ อสตํ โหติ อปฺปิโย

บุคคลควรเตือนกัน ควรสอนกัน และป้องกันจากคนไม่ดี
เพราะเขาย่อมเป็นที่รักของคนดี แต่ไม่เป็นที่รักของคนไม่ดี
ขุ.ธ. ๒๕/๒๕

กาเมสุ พฺรหฺมจริยวา วีตตณฺโห สทา สโต
สงฺขาย นิพฺพุโต ภิกฺขุ ตสฺส โน สนฺติ อิญฺชิตา

ภิกษุผู้เห็นโทษในกาม มีความประพฤติประเสริฐ ปราศจากตัณหา
มีสติทุกเมื่อ พิจารณาแล้ว ดับกิเลสแล้ว ย่อมไม่มีความหวั่นไหว
ขุ.สุ. ๒๕/๕๓๑, ขุ.จู. ๓๐/๓๕

จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน
องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต

พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ
เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต ทุกอย่าง
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.อสีติ. ๒๘/๑๔๗

ฉนฺทชาโต อนกฺขาเต มนสา จ ผุโฐ สิยา
กาเม จ อปฏิพทฺธจิตฺโต อุทฺธํโสโตติ วุจฺจติ

พึงเป็นผู้พอใจและประทับใจในพระนิพพานที่บอกไม่ได้
ผู้มีจิตไม่ติดกาม ท่านเรียกว่าผู้มีกระแสอยู่เบื้องบน
ขุ.ธ. ๒๕/๔๔

ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ
สตญฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ

ราชรถอันงดงามย่อมคร่ำคร่า แม้ร่างกายก็เข้าถึงชรา
ส่วนธรรมของสัตบุรุษย่อมไม่เข้าถึงชรา สัตบุรุษกับสัตบุรุษเท่านั้นย่อมรู้กันได้
สํ.ส. ๑๕/๑๐๒

เต ฌายิโน สาตติกา นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา
ผุสนฺติ ธีรา นิพฺพานํ โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํ

ผู้ฉลาดนั้นเป็นผู้เพ่งพินิจ มีความเพียรติดต่อ บากบั่นมั่นคงเป็นนิตย์
ย่อมถูกต้องพระนิพพาน อันปลอดจากโยคะ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้
ขุ.ธ. ๒๕/๑๘

ทุกฺขเมว หิ สมฺโภติ ทุกฺขํ ติฏฺฐติ เวติ จ
นาญฺญตร ทุกฺขา สมฺโภติ นาญฺญตฺร ทุกฺขา นิรุชฺฌติ

ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์ย่อมตั้งอยู่ และเสื่อมไป
นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ
(วชิราภิกฺขุนี) สํ.ส. ๑๕/๑๙๙, ขุ.มหา. ๒๙/๕๓๖

ธมฺโม ปโถ มหาราช อธมฺโม ปน อุปฺปโถ
อธมฺโม นิรยํ เนติ ธมฺโม ปาเปติ สุคติ

มหาราช ธรรมเป็นทาง (ควรดำเนินตาม)
ส่วนอธรรมนอกลู่นอกทาง (ไม่ควรดำเนินตาม) อธรรมนำไปนรกถึงสวรรค์
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.สฏฺฐิ. ๒๘/๓๙

นาญฺญตฺร โพชฺฌาตปสา นาญฺญตฺร อินฺทริยสํวรา
นาญฺญตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณินํ

เรา (ตถาคต) ไม่เห็นความสวัสดีของสัตว์ทั้งหลาย
นอกจากปัญญา ความเพียร ความระวังตัว และการสละสิ่งทั้งปวง
สํ.ส. ๑๕/๗๕

เย สนฺตจิตฺตา นิปกา สติมนฺโต จ ฌายิโน
สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสนฺติ กาเมสุ อนเปกฺขิโน

ผู้มีจิตสงบ มีปัญญาเครื่องรักษาตัว มีสติ
เป็นผู้เพ่งพินิจไม่เยื่อใยในกาม ย่อมเห็นธรรมโดยชอบ
ขุ.อิติ. ๒๕/๒๒๓/๒๖๐

สมฺมปฺปธานสมฺปนฺโน สติปฏฺฐานโคจโร
วิมุตฺติกุสุมสญฺฉนฺโน ปรินิพฺพายิสฺสตฺยนาสโว

ผู้ถึงพร้อมด้วยสัมมัปปธาน มีสติปัฏฐานเป็นอารมณ์
ดาดาษด้วยดอกไม้คือวิมุตติ หาอาสวะมิได้ จักปรินิพพาน
(เทวสภเถร) ขุ.เถร. ๒๖/๒๗๘๒

สุสุขํ วต นิพฺพานํ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ
อโสกํ วิรชํ เขมํ ยตฺถ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ

พระนิพพานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว
ไม่มีโศก ปราศจากธุลี เกษม เป็นที่ดับทุกข์ เป็นสุขดีหนอ
(หาริตเถร) ขุ.เถร. ๒๖/๓๐๙

โสรจฺจํ อวิหึสา จ ปาทา นาคสฺส เต ทุเว
สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ จรณา นาคสฺส เต ปเร

โสรัจจะและอวิหิสานั้น เป็นช้างเท้าหลัง
สติและสัมปชัญญะนั้น เป็นช้างเท้าหน้า
(อุทายีเถร) ขุ.เถร. ๒๖/๓๖๘

หีนํ ธมฺมํ น เสเวยฺย ปมาเทน น สํวเส
มิจฺฉาทิฏฺฐึ น เสเวยฺย น สิยา โลกวฑฺฒโน

ไม่ควรเสพธรรมที่เลว ไม่ควรอยู่กับความประมาท
ไม่ควรเสพมิจฉาทิฏฐิ ไม่ควรเป็นคนรกโลก
ขุ.ธ. ๒๕/๓๗

หีเนน พฺรหฺมจริเยน ขตฺติเย อุปปชฺชติ.
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ อุตฺตเมน วิสุชฺฌนฺติ

บุคคลย่อมเข้าถึงความเป็นกษัตริย์ ด้วยพรหมจรรย์อย่างเลว,
ถึงความเป็นเทวดา ด้วยพรหมจรรย์อย่างกลาง, ย่อมบริสุทธิ์ ด้วยพรหมจรรย์อย่างสูง
ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๑๙๙

จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน
องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต

พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ
เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต ทุกอย่าง
ขุ.ชา. ๒๘/๓๘๒/๑๔๗

ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ
สตญฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ

ราชรถอันงดงามย่อมคร่ำคร่า แม้ร่างกายก็เข้าถึงชรา
ส่วนธรรมสัตบุรุษย่อมไม่เข้าถึงชรา สัตบุรุษกับสัตบุรุษเท่านั้นย่อมรู้กันได้
สํ.ส. ๑๕/๓๓๓/๑๐๒

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๗
๏ อัปปมาทวรรค - หมวดไม่ประมาท


อปฺปมาโท อมตํ ปทํ
ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย
ขุ.ธ. ๒๕/๑๘

อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฏฺฐํว รกฺขติ
ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนรักษาทรัพย์อันประเสริฐ
ขุ.ธ. ๒๕/๑๘

อปฺปมตฺตา น มียนฺติ
ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย
ขุ.ธ. ๒๕/๑๘

อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต ปปฺโปติ วิปุลํ สุขํ
ผู้ไม่ประมาทพินิจอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์
ขุ.ธ. ๒๕/๑๘

อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา สจิตฺตมนุรกฺขถ

ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลดีงาม
ตั้งความดำริไว้ให้ดี คอยรักษาจิตใจของตน
ที.มหา. ๑๐/๑๔๒

อปฺปมาทรตา โหถ สจิตฺตมนุรกฺขถ
ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร

ท่านทั้งหลายจงยินดีในความไม่ประมาท จงตามรักษาจิตของตน
จงถอนตนขึ้นจากหล่มคือกิเลสที่ถอนได้ยาก เหมือนช้างที่ตกหล่ม ถอนตนขึ้น ฉะนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๓๓/๕๘

อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ ปมาเท ภยทสฺสิ วา
สญฺโญชนํ อณุ ํ ถูลํ ฑหํ อคฺคีว คจฺฉติ

ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความประมาท
ย่อมเผาสังโยชน์น้อยใหญ่ไป เหมือนไฟไหม้เชื้อน้อยใหญ่ไป ฉะนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๑๙

อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ ปมาเท ภยทสฺสิ วา
อภพฺโพ ปริหานาย นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก

ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความประมาท
เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะเสื่อม (ชื่อว่า) อยู่ใกล้พระนิพพานทีเดียว
ขุ.ธ. ๒๕/๑๙

เอวํวิหารี สโต อปฺปมตฺโต
ภิกฺขุ จรํ หิตฺวา มมายิตานิ
ชาติชรํ โสกปริทฺทวญฺจ
อิเธว วิทฺวา ปชเหยฺย ทุกฺขํ

ภิกษุผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท
ละความถือมั่นว่าของเราได้แล้วเที่ยวไป เป็นผู้รู้
พึงละชาติ ชรา โสกะ ปริเทวะ และทุกข์ ในโลกนี้ได้
ขุ.สุ. ๒๕/๕๓๕, ขุ.จู. ๓๐/๙๒

อุฏฺฐาเนนปฺปมาเทน สญฺญเมน ทเมน จ
ทีปํ กยิราถ เมธาวี ยํ โอโฆ นาภิกีรติ

ผู้มีปัญญา พึงสร้างเกาะที่น้ำหลากมาท่วมไม่ได้
ด้วยความหมั่น ความไม่ประมาท ความสำรวมระวัง และความข่มใจ
ขุ.ธ. ๒๕/๑๒/๑๘

อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสฺ สุตฺเตสุ พหุชาคโร
อพลสฺสํว สีฆสฺโส หิตฺวา ยาติ สุเมธโส

คนมีปัญญาดีไม่ประมาทในเมื่อผู้อื่นประมาท มักตื่นในเมื่อผู้อื่นหลับ
ย่อมละทิ้งคนนั้น เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว ทิ้งม้าไม่มีกำลังไป ฉะนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๑๘

อุฏฺฐานวโต สติมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมาการิโน
สญฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ

ยศย่อมเจริญแก่ผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด
ใคร่ครวญแล้วทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท
ขุ.ธ. ๒๕/๑๘

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๘
๏ ขันติวรรค - หมวดอดทน


ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
ขันติคือความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง
ที.มหา. ๑๐/๕๗

ขนฺติพลา สมณพฺราหฺมณา
สมณพราหมณ์ มีความอดทนเป็นกำลัง
องฺ.อฏฺฐก. ๒๓/๒๒๗

อตฺตโนปิ ปเรสญฺจ อตฺถาวโห ว ขนฺติโก
สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก

ผู้มีขันติ ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ ทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น
ผู้มีขันติ ชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน
ส.ม. ๒๒๒

เกวลานํปิ ปาปานํ ขนฺติ มูลํ นิกนฺตติ
ครหกลหาทีนํ มูลํ ขนฺติ ขนฺติโก

ขันติ ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น
ผู้มีขันติชื่อว่าย่อมขุดรากแห่งความติเตียนและการทะเลาะกันได
ส.ม. ๒๒๒

ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวา
ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก

ผู้มีขันตินับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และมีสุขเสมอ
ผู้มีขันติเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย
ส.ม. ๒๒๒

สตฺถุโน วจโนวาทํ กโรติเยว ขนฺติโก
ปรมาย จ ปูชาย ชินํ ปูเชติ ขนฺติโก

ผู้มีขันติ ชื่อว่าทำตามคำสอนของพระศาสดา
และผู้มีขันติ ชื่อว่าบูชาพระชินเจ้าด้วยบูชาอันยิ่ง
ส.ม. ๒๒๒

สีลสมาธิคุณานํ ขนฺติ ปธานการณํ
สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา ขนฺตฺยาเยว วฑฺฒนฺติ เต

ขันติเป็นประธาน เป็นเหตุ แห่งคุณคือศีลและสมาธิ
กุศลธรรมทั้งปวงย่อมเจริญเพราะขันติเท่านั้น
ส.ม. ๒๒๒

ขนฺติ ธีรสฺส ลงฺกาโร ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน
ขนฺติ พลํ ว ยตีนํ ขนฺติ หิตสุขาวหา

ขันติเป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์ ขันติเป็นตบะของผู้พากเพียร
ขันติเป็นกำลังของนักพรต ขันตินำประโยชน์สุขมาให้
ส.ม. ๒๒๒

น สุทฺธิ เสจเนน อตฺถิ นปิ เกวลี พฺราหฺมโณ
น เจว ขนฺติ โสรจฺจํ นปิ โส ปรินิพฺพุโต

ความบริสุทธิ์ก็ดี ผู้ที่จะประเสริฐล้วนก็ดี ขันติและโสรัจจะก็ดี
จะเป็นผู้เย็นสนิทก็ดี ย่อมไม่มีเพราะการชำระล้าง (ด้วยน้ำ)
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.ปกิณฺณก. ๒๗/๓๗๖

นเหตมตฺถํ มหตีปิ เสนา สราชิกา ยุชฺฌมานา ลเภถ
ยํ ขนฺติมา สปฺปุริโส ลเภถ ขนฺติพลสฺสูปสมนฺติ เวรา

เสนาแม้หมู่ใหญ่ พร้อมด้วยพระราชารบอยู่ ไม่พึงได้ประโยชน์ที่สัตบุรุษผู้มีขันติพึงได้
(เพราะ) เวรทั้งหลายของผู้มีขันติเป็นกำลังนั้น ย่อมสงบระงับ
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.จตฺตาฬีส. ๒๗/๕๓๘

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๙
๏ วิริยวรรค - หมวดความเพียร


กาลาคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ
คนขยันย่อมไม่พร่าประโยชน์ชั่วตามกาล
ขุ.ชา.ฉกฺก. ๒๗/๑๙๕

วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ
คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
ขุ.สุ. ๒๕/๓๖๑

ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ
คนมีธุระหมั่นทำการงานให้เหมาะเจาะ ย่อมหาทรัพย์ได้
ขุ.สุ. ๒๕/๓๖๑

น นิพฺพินฺทิยการิสฺส สมฺมทตฺโถ วิปจฺจติ
ประโยชน์ย่อมไม่สำเร็จโดยชอบแก่ผู้ทำโดยเบื่อหน่าย
ขุ.ชา.จตฺตาฬีส. ๒๗/๕๓๓

หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ
คนที่ผลัดวันประกันพรุ่งย่อมเสื่อม ยิ่งว่ามะรืนนี้ยิ่งเสื่อม
ขุ.ชา.วีส. ๒๗/๔๖๖

อปฺปเกนปิ เมธาวี ปาภเฏน วิจกฺขโณ
สมุฏฺฐาเปติ อตฺตานํ อณุ อคคึว สนฺธมํ

ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดย่อมตั้งตนได้ด้วยต้นทุนแม้น้อย
เหมือนคนก่อไฟน้อยขึ้นฉะนั้น
ขุ.ชา.เอก. ๒๗/๒

อฏฺฐาตา กมฺมเธยฺเยสุ อบฺปมตฺโต วิธานวา
สมํ กปฺเปติ ชีวิตํ สมภตํ อนุรกฺขติ

ผู้ขยันในหน้าที่การงาน ไม่ประมาท
เข้าใจเลี้ยงชีพพอสมควร จึงรักษาทรัพย์ที่หามาได้
อง.อฏฺฐก. ๒๓/๒๙๘

โย จ วสฺสสตํ ชีเว กุสีโต หีนวีริโย
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ

ผู้เกียจคร้าน มีความเพียรเลว พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี
ส่วนผู้ปรารภความเพียรมั่นคง มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็ประเสริฐกว่า
ขุ.ธ. ๒๕/๓๐

โกสชฺชํ ภยโต ทิสฺวา วิริยารมฺภญฺจ เขมโต
อารทฺธวิริยา โหถ เอสา พุทธานุสาสนี

ท่านทั้งหลายจงเห็นความเกียจคร้านเป็นภัย
และเห็นการปรารภความเพียรเป็นความปลอดภัย
แล้วปรารภความเพียรเถิด นี้เป็นพุทธานุศาสนี
ขุ.จริยา. ๓๓/๕๙๕

ตุมฺเหหิ กิจฺจํ อาตปฺปํ อกฺขาตาโร ตถาคตา
ปฏิปนฺนา ปโมกฺขนฺติ ฌายิโน มารพนฺธนา

ท่านทั้งหลายต้องทำความเพียรเอง ตถาคตเป็นแต่ผู้บอก
ผู้มีปกติเพ่งพิเนิจดำเนินไปแล้ว จักพ้นจากเครื่องผูกของมาร
ขุ.ธ. ๒๕/๕๑

นิทฺทํ ตนฺทึ วิชิมฺหิตํ อรตึ ภตฺตสมฺมทํ
วิริเยน นํ ปณาเมตฺวา อริยมคฺโค วิสชฺฌติ

อริยมรรคย่อมบริสุทธิ์ เพราะขับไล่ความหลับ ความเกียจคร้าน
ความบิดขี้เกียจ ความไม่ยินดี และความเมาอาหารนั้นได้ด้วยความเพียร
สํ.ส. ๑๕/๑๐

โย จ วสฺสสตํ ชีเว กุสีโต หีนวีริโย
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ

ผู้ใดเกียจคร้าน มีความเพียรเลว พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี
แต่ผู้ปรารภความเพียรมั่นคง มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว ประเสริฐกว่าผู้นั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๓๐

สพฺพทา สีลสมฺปนฺโน ปญฺญวา สุสมาหิโต
อารทฺธวิริโย ปหิตตฺโต โอฆํ ตรติ ทุตฺตรํ

ผู้ถึงพร้อมด้วยศีล มีปัญญา มีใจมั่นคงดีแล้ว
ปรารภความเพียรตั้งตนไว้ในกาลทุกเมื่อ ย่อมข้ามโอฆะที่ข้ามได้ยาก
สํ.ส. ๑๒/๗๔

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๑๐
๏ ปุญญวรรค - หมวดบุญ


ปุญฺญํ โจเรหิ ทูหรํ
บุญอันโจรนำไปไม่ได้
สํ.ส. ๑๕/๕๐

ปญฺญํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ
บุญนำสุขมาให้ในเวลาสิ้นชีวิต
ขุ.ธ. ๒๕/๕๙

สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย
ความสั่งสมบุญ นำสุขมาให้
ขุ.ธ. ๒๕/๓๐

ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ
บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า
สํ.ส. ๑๕/๒๖

อิธ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทติ กตปุญโญฺ อุภยตฺถ นนฺทติ
ปุญฺญํ เม กตนุติ นนฺทติ ภิยฺโย นนฺทุติ สุคตึ คโต

ผู้ทำบุญแล้วย่อมยินดีในโลกนี้ ตายแล้วย่อมยินดีชื่อว่ายินดีในโลกทั้งสอง
เขาย่อมยินดีว่าเราทำบุญไว้แล้ว ไปสู่สุคติย่อมยินดียิ่งขึ้น
ขุ.ธ. ๒๕/๑๗

ปญฺญญฺ ปริโส กยิรา กยิราถนํ ปุนปฺปุนํ
ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย

ถ้าบุรุษจะพึ่งทำบุญ ควรทำบุญนั้นบ่อยๆ
ควรทำความพอใจในบุญนั้น การสั่งสมบุญนำความสุขมาให้
ขุ.ธ. ๒๕/๓๐

มาวมญฺเญถ ปุญฺญสฺส น มตฺตํ อาคมิสฺสติ
อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ
อาปูรติ ธีโร บุญฺญสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ

ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง
แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด
ผู้มีปัญญาสั่งสมบูญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๓๑

สหาโย อตฺถชาตสฺส โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ
สยํ กตานิ ปุญฺญานิ ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกํ

สหายเป็นมิตรของคนผู้มีความต้องการเกิดขึ้นบ่อยๆ
บุญทั้งหลายที่ตนทำเองนั้น จะเป็นมิตรในสัมปรายภพ
สํ.ส. ๑๕/๕๑

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๑๑
๏ สุขวรรค - หมวดสุข


สพฺพตถ ทุกฺขสฺส สุขํ ปหานํ
ละเหตุทุกข์ได้เป็นสุขในที่ทั้งปวง
ขุ.ธ. ๒๕/๕๙

อพฺยา ปชฺฌํ สุขํ โลเก
ความไม่เบียดเบียนเป็นสุขในโลก
ขุ.ธ. ๒๕/๘๖

นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ
ความสุข (อื่น) ยิ่งกว่าความสงบไม่มี
ขุ.ธ. ๒๕/๔๒

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ
นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
ขุ.ธ. ๒๕/๕๙

อทสฺสเนน พาลานํ นิจฺจเมว สุขี สิยา
จะพึงมีความสุขเป็นนิตย์ ก็เพราะไม่พบเห็นคนพาล
ขุ.ธ. ๒๕/๔๒

สุขํ สุปติ พุทฺโธ จ เยน เมตฺตา สุภาวิตา
ผู้เจริญเมตตาดีแล้วย่อมหลับและตื่นเป็นสุข
ว.ว.

สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโทํ
ความเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนำสุขมาให้
ขุ.ธ. ๒๕/๔๑

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๑๒
๏ ชยวรรค - หมวดชนะ


ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะย่อมก่อเวร
สํ.ส. ๑๕/๑๒๒

สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
การให้ธรรมย่อมชนะการให้ทั้งปวง
ขุ.ธ. ๒๕/๖๓

สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
รสแห่งธรรมย่อมชนะรสทั้งปวง
ขุ.ธ. ๒๕/๖๓

สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ
ความยินดีในธรรมย่อมชนะความยินดีทั้งปวง
ขุ.ธ. ๒๕/๖๓

ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ
ความสิ้นตัณหาย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง
ขุ.ธ. ๒๕/๖๓

น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ ย ํ ชิตํ อวชิยฺยติ
ความชนะใดที่ชนะแล้วกลับแพ้ได้ ความชนะนั้นไม่ดี
ขุ.ชา.เอก. ๒๗/๒๒

อกฺโกเธน ชิเน โกธํ
พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ
ขุ.ธ. ๒๕/๔๕

อสาธุ สาธุนา ชิเน
พึงชนะคนไม่ดีด้วยความดี
ขุ.ธ. ๒๕/๔๕

ชิเน กทริยํ ทาเนน
พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้
ขุ.ธ. ๒๕/๔๕

สจฺเจนาลิกวาทินํ
พึงชนะคนพูดปดด้วยคำจริง
ขุ.ธ. ๒๕/๔๕

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๑๓
๏ กิเลสวรรค - หมวดกิเลส


สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม
ความกำหนัดเพราะดำริ เป็นกามของคน
สํ.ส. ๑๕/๑๐๓/๓๒

น สนฺติ กามา มนุเชสุ นิจฺจา
กามทั้งหลายที่เที่ยง ไม่มีในหมู่มนุษย์
สํ.ส. ๑๕/๑๐๓/๓๑

กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา
น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต

ผู้คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้งมั่น
ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว
องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๓๔

โกธสฺส วิสมูลสฺส มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ
วธํ อริยา ปสํสนฺติ ตญฺหิ เฉตฺวา น โสจติ

พราหมณ์ พระอริยเจ้าย่อมสรรเสริญผู้ฆ่าความโกรธ ซึ่งมีโคนเป็นพิษ
ปลายหวาน เพราะคนตัดความโกรธนั้นได้แล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก
สํ.ส. ๑๕/๒๓๖

นิทฺทํ น พหุลีกเรยฺย ชาคริยํ ภเชยฺย อาดาปี
ตนฺทึ มายํ หสฺสํ ขิฑฺฑํ เมถุนํ วิปฺปชเห สวิภูสํ

ผู้มีความเพียรไม่พึงนอนมาก พึงเสพธรรมเครื่องตื่น พึงละความเกียจคร้าน
มายา ความร่าเริง การเล่น และเมถุนพร้อมทั้งเครื่องประดับเสีย
ขุ.สุ. ๒๕/๕๑๕

ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส นิจฺจ ํ อุชฺฌานสญฺญิโน
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ อารา โส อาสวกฺขยา

คนที่เห็นแต่โทษผู้อื่น คอยแต่เพ่งโทษนั้น
อาสวะก็เพิ่มพูน เขายังไกลจากความสิ้นอาสวะ
ขุ.ธ. ๒๕/๔๙

ยา กาจิมา ทุคฺคติโย อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ
อวิชฺชา มูลกา สพฺพา อิจฺฉาโลภสมุสฺสยา

ทุคติในโลกนี้และโลกหน้า
ล้วนมีอวิชชาเป็นราก มีอิจฉาและโลภเป็นลำต้น
ขุ.อิติ. ๒๕/๒๕๖

เยน สลฺเลน โอติณฺโณ ทิสา สพฺพา วิธาวต
ตเมว สลฺลํ อพฺพุยฺห น ธาวติ น สีทติ

บุคคลถูกลูกศรใดแทงแล้ว ย่อมแล่นไปทั่วทิศ
ถอนลูกศรนั้นแล้ว ย่อมไม่แล่นและไม่จม
ขุ.มหา. ๒๙/๕๐๑

โลโภ โทโส จ โมโห จ ปุริสํ ปาปเจตสํ
หึสนฺติ อตฺตสมฺภูตา ตจสารํว สมฺผลํ

โลภะ โทสะ โมหะ เกิดจากตัวเอง
ย่อมเบียดเบียนผู้มีใจชั่ว ดุจขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่ ฉะนั้น
ขุ.มหา. ๒๙/๑๘

อนิจฺจา อทฺธุวา กามา พหุทุกฺขา มหาวิสา
อโยคุโฬว สนฺตตฺโต อฆมูลา ทุกฺขปฺผลา

กามทั้งหลาย ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีทุกข์มาก มีพิษมาก
ดังก้อนเหล็กที่ร้อนจัด เป็นต้นเค้าแห่งความคับแค้น มีทุกข์เป็นผล
(สุเมธาเถรี) ขุ.เถรี. ๒๖/๕๐๓

อิจฺฉาย พชฺฌตี โลโก อิจฺฉาวินยายุ มุจฺจต
อิจฺฉาย วิปฺปหาเนน สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธนํ

โลกถูกความอยากผูกพันไว้ จะหลุดได้เพราะกำจัดความอยาก
เพราะละความอยากเสียได้ จึงชื่อว่าตัดเครื่องผูกทั้งปวงได้
สํ.ส. ๑๕/๕๖

อิจฺฉา นรํ ปริกสฺสติ อิจฺฉา โลกสฺมิ ทุชชหา
อิจฺฉาพุทฺธา ปุถู สตฺตา ปาเสน สกุณี ยถา

ความอยากย่อมชักลากนรชนไป ความอยากละได้ยากในโลก
สัตว์เป็นอันมากถูกความอยากผูกมัดไว้ ดุจนางนกถูกบ่วงรัดไว้ ฉะนั้น
สํ.ส. ๑๕/๖๑

อุเปกฺขโก สทา สโต น โลเก มญฺญตี สมํ
น วิเสสี น นีเจยฺโย ตสฺส โน สนฺติ อุสฺสทา

ผู้วางเฉยมีสติทุกเมื่อ ไม่สำคัญตนว่าเสมอเขา ดีกว่าเขา
หรือต่ำกว่าเขาในโลก ผู้นั้นชื่อว่า ไม่มีกิเลสเฟื่องฟูขึ้น
ขุ.มหา. ๒๙/๒๘๙, ขุ.สุ. ๒๕/๕๐๑

โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ สญฺโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย
ตนฺนามรูปสฺมึ อสชฺชมานํ อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา

บุคคลพึงละความโกรธ พึงเลิกถือตัว พึงก้าวล่วงสังโยชน์ทั้งปวง,
(เพราะ) ทุกข์ทั้งหลายย่อมไม่ติดตามผู้ไม่ข้องอยู่ในนามรูป ไม่มีกังวลนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๔๔

โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ สญฺโญชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย
ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ สงฺคา

บุคคลพึงละความโกรธ พึงเลิกถือตัว พึงก้าวล่วงสังโยชน์ทั้งปวง,
(เพราะ) ทุกข์ทั้งหลายย่อมไม่ติดตามผู้ไม่ข้องอยู่ในนามรูป ไม่มีกังวลนั้น
สํ.ส. ๑๕/๓๕๐

ตญฺหา ชเนติ ปุรสํ จิตฺตมสฺส วิธาวติ
สตฺโต สํสารมาปาทิ ทุกฺขา น ปริมุจฺจติ

ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อมวิ่งพล่าน
สัตว์ยังท่องเที่ยวไป จึงไม่พ้นจากทุกข์
สํ.ส. ๑๕/๕๑

ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ จิตฺตมสฺส วิธาวติ
สตฺโต สํสารมาปาทิ ทุกฺขมสฺส มหพฺภยํ

ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อมวิ่งพล่าน
สัตว์ยังท่องเที่ยวไป จึงมีทุกข์เป็นภัยใหญ่
สํ.ส. ๑๕/๕๑

ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ จิตฺตมสฺส วิธาวติ
สตฺโต สํสารมาปาทิ กมฺมํ ตสฺส ปรายนํ

ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อมวิ่งพล่าน
สัตว์ยังท่องเที่ยวไป จึงยังมีกรรมนำหน้า
สํ.ส. ๑๕/๕๑

ตณฺหาย อุฑทิโต โลโก ชราย ปริวาริโต
มจฺจนา ปิหิโต โลโก ทุกฺเข โลโก ปติฏฺฐิโต

โลกถูกตัณหาก่อขึ้น ถูกชราล้อมไว้
ถูกมฤตยูปิดไว้ จึงตั้งอยู่ในความทุกข์
สํ.ส. ๑๕/๕๕

นิทฺทํ ตนฺทึ สเห ถีนํ ปมาเทน น สํวเส
อติมาเน น ติฏฺเฐยฺย นิพฺพานมนโส นโร

คนที่นึกถึงพระนิพพาน พึงครอบงำความหลับ ความเกียจคร้าน
ความท้อแท้, ไม่พึงอยู่ด้วยความประมาท ไม่พึงตั้งอยู่ในความทะนงตัว
ขุ.สุ. ๒๕/๕๑๘

นิราสตฺตี อนาคเต อตีตํ นานุโสจติ
วิเวกทสฺสี ผสฺเสสุ ทิฏฺฐีสุ จ น นิยฺยติ

ผู้ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ย่อมไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว
ผู้เห็นความสงัดในผัสสะทั้งหลาย ย่อมไม่ถูกชักนำไปในทิฏฐิทั้งหลาย
ขุ.สุ. ๒๕/๕๐๐

ปุราณํ นาภินนฺเทยฺย นเว ขนฺติมกุพฺพเย
หิยฺยมาเน น โสเจยฺย อากาสํ น สิโต สิยา

ไม่พึงเพลิดเพลินของเก่า ไม่พึงทำความพอใจในของใหม่
เมื่อสิ่งนั้นเสื่อมไป ก็ไม่พึงเศร้าโศก ไม่พึงอาศัยตัณหา
ขุ.สุ. ๒๕/๕๑๘

มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ มูฬฺโห ธมฺมํ ปสฺสต
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โมโห สหเต นรํ

ผู้หลงย่อมไม่รู้อรรถ ผู้หลงย่อมไม่เห็นธรรม
ความหลงครอบงำคนใดเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น
ขุ.อิติ. ๒๕/๒๙๖, ขุ.มหา. ๒๙/๑๘

ยสฺส นตฺถิ อิทํ เมติ ปเรสํ วาปิ กญฺจนํ
มมตฺตํ โส อสํวินฺทํ นตฺถิ เมติ น โสจติ

ผู้ใดไม่กังวลว่า นี้ของเรา นี้ของผู้อื่น ผู้นั้น
เมื่อไม่ถือว่าเป็นของเรา จึงไม่เศร้าโศกว่าของเราไม่มี ดังนี้
ขุ.สุ. ๒๕/๕๑๙, ขุ.มหา. ๒๙/๕๓๔

ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ ลุทโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โลโภ สหเต นรํ

ผู้โลภย่อมไม่รู้อรรถ ผู้โลภย่อมไม่เห็นธรรม
ความโลภเข้าครอบงำคนเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น
ขุ.มหา. ๒๙/๒๒/๑๗

วิสุทฺธิ สพฺพเกฺลเสหิ โหติ ทุกฺเขหิ นิพฺพุติ
ความหมดจดจากกิเลสทั้งปวง เป็นทางดับทุกข์ทั้งหลาย

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร