วันเวลาปัจจุบัน 16 ก.ค. 2025, 09:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธ สาธุ :b42: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 12:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
สาธุ สาธุ สาธุ :b39: :b42: :b41:

:b42: :b42: :b42:

รูปภาพ

พระผู้ทรงสวัสดิโสภาคย์

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายและพระรูปพระโฉมงามสง่าหล่อเหลาจับตาจับใจหาที่เปรียบมิได้เป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่ว่าผู้ชายบางคนเห็นพระองค์แล้วหลงรักถึงกับออกบวชเพื่อที่จะได้มีเวลาชมพระสิริโฉมตลอดเวลาก็เคยมี ดังเรื่องของพระวักกลิ ที่ภายหลัง พระพุทธองค์ทรงโปรดจนได้สำเร็จธรรมขั้นสูงสุด เป็นพระอรหันต์มหาสาวกเอตทัคคะฝ่าย สัทธาธิมุติ(หลุดพ้นด้วยศรัทธา)เป็นต้นฯ

ส่วนผู้เฒ่าผู้แก่บางท่าน เมื่อเห็นพระพุทธองค์แล้ว ก็ถูกอกถูกใจเป็นนักเป็นหนา ถึงกับจะยกลูกสาวให้วิวาหะด้วยก็มี ต่อเมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมชี้แนะแล้ว จึงได้เข้าใจและยุติความตั้งใจนั้นๆไป....
ครั้งหนึ่ง จังกีพราหมณ์ได้กล่าวชื่นชมความสิริโสภาคย์ของพระพุทธองค์ทีเดียวว่า
"พระสมณโคดม มีพระรูปงดงาม น่าดู น่าเลื่อมใส มีพระฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนัก วรรณะและสรีระดุจดั่งพรหม น่าดูน่าชมนักหนา.."

:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42:
Credit:"เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 12:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b39: :b39: :b39:

ทรงคุณเป็นที่ชอบใจ

คนดีนั้นใคร ๆ ก็รัก อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย แม้แต่เทวดาก็ชอบ ท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพได้ถามพวกเทวดาชั้นดาวดึงษ์ว่า

"ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอยากจะฟังพระคุณ ๘ ประการของพระผู้มีพระภาคเจ้าตามที่เป็นจริงไหม"

เทวดาเหล่านั้นได้กล่าวรับคำว่า อยากจะฟัง
ท้าวสักกะได้กล่าวประกาศพระคุณ ๘ ประการของพระพุทธองค์ไว้ดังนี้

๑. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงปฏิบัติแล้วเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความเอ็นดูต่อโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ เราไม่เห็นประศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็นนอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น.

๒. พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ตรัสดีแล้ว เป็นธรรมอันผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ควรเรียกกันมาดู ควรน้อมเข้ามาใส่ตน เป็นธรรมที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้แสดงธรรมที่ควรน้อมเข้ามาสู่ตนอย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น

๓. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงบัญญัติดีแล้วว่า นี้เป็นกุศล นี้เป็นอกุศล นี้ประกอบด้วยโทษ นี้ไม่ประกอบด้วยโทษ นี้ควรเสพ นี้ไม่ควรเสพ นี้เลว นี้ประณีต นี้ประกอบด้วยการแบ่งแยกเป็นธรรมดำธรรมขาว เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้บัญญัติแล้วซึ่งธรรม โดยความเป็นกุศล อกุศล เป็นต้น อย่างนี้ เลยในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น.

๔. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงบัญญัตินิพพานคามีนีปฏิปทาแก่สาวก เป็นอย่างดีแล้ว นิพพานและปฏิปทาย่อมกลมกลืนกัน เปรียบเสมือนน้ำในแม่น้ำคงคากับน้ำในแม่น้ำยมุนาย่อมไหลกลมกลืนเสมอกัน เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองคคุณแม้อย่างนี้ ผู้บัญญัติปฏิปทา เพื่อให้ถึงซึ่งนิพพานอย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น

๕. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงได้ซึ่งสหายเป็นผู้ปฏิบัติในระดับพระเสขะและผู้อยู่จบพรหมจรรย์สิ้นอาสวะ : เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงทรงละจากหมู่แล้ว ประกอบความยินดีในการอยู่พระองค์เดียวอยู่ เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้ประกอบความยินดีในการอยู่ผู้เดียวอย่างนี้เลยในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผุ้มีพระภาคพระองค์นั้น.

๖. ลาภและเสียงสรรเสริญ ได้พรั่งพร้อมแก่พระผู้มีพระภาคอย่างเดียวกันกับที่พวกกษัตริย์เขาพอใจกันอยู่ แต่พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้น ปราศจากความมัวเมา เสวยพระกระยาหาร เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้เสวยพระกระยาหารอยู่โดยปราศจากความมัวเมาอย่างนี้ เลยในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น.

๗. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ตรัสอย่างไรทำอย่างนั้น ทำอย่างไรตรัสอย่างนั้น : เพราะเหตุนั้น พระองค์จึงชื่อว่าเป็นผู้ยถาวาทีตถาการี ยถาการีตถาวาที เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมแล้วอย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น.

๘. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงเป็นผู้ข้ามวิจิกิจฉาได้แล้ว ปราศจากความสงสัยว่าอะไรเป็นอะไร มีความดำริประสบความสำเร็จแล้ว ถึงกับมีอาทิพรหมจรรย์เป็นอัธยาศัย เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้มีอาทิพรหมจรรย์เป็นอัธยาศัยอย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็นนอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น


ท้าวสักกะผู้จอมเทพ ได้กล่าวประกาศพระคุณของพระผู้มีพระภาคตามที่เป็นจริงแก่เทวดาชั้นดาวดึงษ์ ๘ ประการเหล่านี้แล้ว พวกเทวดาพากันยินดีปรีดา ส่งเสียงกึงก้อง, บางพวกร้องขึ้นว่า อยากจะให้มีพระพุทธเจ้าอย่างนี้เกิดขึ้นในโลกสัก ๔ องค์, บางพวกร้องว่า อยากให้เกิดขึ้นสัก ๓ องค์,บางพวกว่า อยากให้เกิดขึ้นสัก ๒ องค์
แต่ท้าวสักกะอธิบายให้ฟังว่า เป็นไปไม่ได้ที่พระพุทธเจ้าจะเกิดขึ้นในโลกพร้อมคราวเดียวกันเกินกว่า ๑ องค์ฯ

:b39: :b39: :b39: :b39: :b48: :b48: :b48: :b41: :b41: :b41:
Credit:"เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 12:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: :b41: :b41: :b39: :b39: :b39:

ที่กล่าวว่า "พระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น หาประมาณมิได้"อาจจะพิจารณาโดยสังเขปได้จากระยะเวลาอันยืดยาวนานสุดประมาณที่ต้องทรงอดทนสร้างพระบารมีวัฏสงสารเป็นหนักหนา สุดที่สามัญสัตว์ใดจะพึงอดพึงทนจนตลอดรอดฝั่งได้ ดังนี้...

รูปภาพ

:b39: :b39: :b39: :b53: :b53: :b53: :b42: :b41: :b41: :b41:
Credit:"เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 12:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b42: :b41:

รูปภาพ

:b39: :b39: :b39: :b48: :b48: :b48: :b41: :b41: :b41:
Credit:"เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2011, 19:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: :b42: :b42:

กถาพรรณาเรื่องกัลป์

นี้ไปข้าพเจ้า จักเริ่มกถาพรรณนาเรื่องกัลป์
ชื่อต่อจากว่ากัลป์ มี ๒ อย่าง คือ สุญญกัลป์๑ อสุญญกัลป์๑ บรรดากัลป์ทั้ง๒นั้น ในสุญญกัลป์ทั้งหลายพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธจ้า พระขีณาสพแลพระเจ้าจักรพรรดิทั้งหลาย จะไม่อุบัติขึ้น เพราะเหตุนั้น กัลป์นั้นจึงเรียกว่า สุญญกัลป์ เพราะว่างเว้นจากบุคคลผู้มีคุณ

อสุญญกัลป์ มี ๕ อย่างคือ สารกัลป์๑ มัณฑกัลป์๑ วรกัลป์๑ สารมัณฑกัลป์๑ ภัททกัลป์๑

บรรดากัลป์ทั้ง ๕ นั้น กัลป์ที่ว่างจากคุณ หรือเว้นจากคุณ เรียกว่า สารกัลป์ เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้สร้างคุณสาระ คือยังคุณความดีให้เกิดขึ้น ปรากฏพระองค์เดียว

แต่ว่าในกัลป์ใด พระผู้นำของโลกเสด็จอุบัติขึ้น ๒พระองค์ กัลป์นั้นเรียกว่า มัณฑกัลป์
แต่ว่าในกัลป์ใด พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๓ พระองค์ ในบรรดาพระพุทธเจ้าทั้ง๓พระองค์นั้น พระพุทธเจ้าองค์ที่๑ จะพยากรณ์พระโลกนาถองค์ที่๒
พระโลกนาถองค์ที่๒ จะพยากรณ์พระโลกนาถองค์ที่๓ ในกัลป์นั้นมนุษย์ทั้งหลายมีใจร่าเริงเบิกบาน อ้อนวอน ปรารถนาตามปณิธานที่ตนปรารถนาไว้ เพราะเหตุนั้น กัลป์นั้น จึงเรียกว่า วรกัลป์
แต่ว่าในกัลป์ใด พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๔ พระองค์ กัลป์นั้นเรียกว่า สารมัณฑกัลป์ เพราะวิเศษกว่ากัลป์ต้น
แต่ว่าในกัลป์ใด พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๕ พระองค์ กัลป์นั้นเรียกว่า ภัททกัลป์

ก็ภัททกัลป์นั้น หาได้ยากอย่างยิ่ง แต่ในกัลป์นั้น สัตว์โดยมาก จะมากด้วยความดีและความสุข โดยมากสัตว์ทั้งหลายจะเป็น ติเหตุกะ ทำกิเลสให้สิ้นไปได้ สัตว์ที่เห็น
ทุเหตุกะ ก็จะไปสู่สุคติ ฝ่ายสัตว์ที่เป็นอเหตุกะ ก็จะกลับได้เหตุ เพราะฉะนั้น กัลป์นั้น
เรียกว่า ภัททกัลป์ ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ชื่อของกัลป์มี๒ คือ สุญญกัลป์๑ อสุญญกัลป์๑ อสุญญกัลป์ มี๕ส่วน กัลป์ที่เหลือ ชื่อว่า สุญญกัลป์ ในอสุญญกัลป์
ท่านประกาศกัลป์ไว้ ๕ กัลป์ คือ สารกัลป์๑ มัณฑกัลป์๑ วรกัลป์๑ สารมัณฑกัลป์๑ ภัททกัลป์๑

ในสารกัลป์มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเสด็จอุบัติขึ้น
ในมัณฑกัลป์มีพระชินเจ้า ๒ พระองค์ เสด็จอุบัติขึ้น
ในวรกัลป์มีพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์ เสด็จอุบัติขึ้น
ในสารมัณฑกัลป์มีพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ เสด็จอุบัติขึ้น
ในภัททกัลป์มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์เสด็จอุบัติขึ้น
พระชินเจ้าที่มีจำนวนมากกว่า ๕ พระองค์นั้น(ในกัลป์หนึ่ง)ไม่มีเลย
กถาพรรณนาเรื่องกัลป์พึงทราบว่า จบบริบูรณ์ด้วยถ้อยคำมีประมาณเท่านี้

ที่มา, เวปลานธรรม
Credit:"เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2011, 20:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ครั้งหนึ่ง ท่านพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรนั้นได้ตามไประลึกถึง พระพุทธคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในครั้งนั้นพระสารีบุตรได้เกิดความอัศจรรย์ใจว่า พระสัพพัญญูคุณนั้นเป็นอจินไตย ไม่มีข้อกำหนด มีอานุภาพมาก พระสัพพัญญูคุณเหล่านี้ เป็นโคจรแห่งพุทธญาณอย่างเดียวเท่านั้น โดยประการทั้งปวง มิได้เป็นโคจรแก่ผู้อื่นเลย

พระพุทธคุณอันมีอานุภาพเป็นอจินไตยมีอาทิอย่างนี้คือ
1. ศีลคุณ
2. สมาธิคุณ
3. ปัญญาคุณ
4. วิมุตติคุณ
5. วิมุตติญาณทัสสนคุณ
6. หิริโอตตัปปะ
7. ศรัทธา
8. วิริยะ
9. สติสัมปชัญญะ
10. ศีลวิสุทธิ
11. ทิฏฐิวิสุทธิ
12. สมถะ
13. วิปัสสนา
14. กุศลมูล ๓
15. สุจริต ๓
16. สัมมาวิตก ๓
17. อนวัชชสัญญา ๓ (สัญญาที่ไม่มีโทษ)
18. ธาตุ ๓
19. สติปัฏฐาน ๔
20. สัมมัปปธาน ๔
21. อิทธิบาท ๔
22. อริยมรรค ๔
23. อริยสัจ ๔
24. ปฏิสัมภิทา ๔
25. โยนิปริจเฉทกญาณ ๔ (ญาณกำหนดกำเนิด)
26. อริยวงศ์ ๔
27. เวสารัชชญาณ ๔
28. ปธานิยังคะ ๕ (องค์เป็นที่ตั้งแห่งความเพียร)
29. สัมมาสมาธิมีองค์ ๕
30. อินทรีย์ ๕
31. พละ ๕
32. นิสสรณิยธาตุ ๕ (ธาตุนำออกไป )
33. วิมุตตายตนญาณ ๕ (ญาณมีอายตนะพ้นไปแล้ว)
34. วิมุตติปริปาจนียธรรม ๕ (ธรรมอันเป็นความงอกงามแห่งวิมุติ)
35. สาราณิยธรรม ๖
36. อนุสสติ ๖
37. คารวะ ๖
38. นิสสรณิยธาตุ ๖
39. สัตตวิหารธรรม ๖ (ธรรมเป็นเครื่องอยู่เนื่องๆ)
40. อนุตตริย ๖
41. นิพเพธภาคิสัญญา ๖ (สัญญาอันเป็นส่วนแทงตลอด)
42. อภิญญา ๖
43. อสาธารณญาณ ๖
44. อปริหานิยธรรม ๗
45. อริยทรัพย์ ๗
46. โพชฌงค์ ๗
47. สัปปุริสธรรม ๗
48. นิททสวัตถุ ๗ (เรื่องชี้แจง)
49. สัญญา ๗
50. ทักขิไณยบุคคลเทศนา ๗
51. ขีณาสวพลเทศนา ๗ (การแสดงถึงกำลังของพระขีณาสพ)
52. ปัญญาปฏิลาภเหตุเทศนา ๘ (การชี้แจงถึงเหตุได้ปัญญา)
53. สัมมัตตะ ๘
54. การก้าวล่วงโลกธรรม ๘
55. อารัมภวัตถุ ๘ (เรื่องปรารภ)
56. อักขณเทศนา ๘ (การแสดงแบบสายฟ้าแลบ)
57. มหาปุริสวิตก ๘
58. อภิภายตนเทศนา ๘ (การแสดงอายตนะของท่านผู้เป็นอภิภู)
59. วิโมกข์ ๘
60. โยนิโสมนสิการมูลกะ ๙ (ธรรมเป็นมูลแห่งโยนิโสมนสิการ)
61. ปาริสุทธิปธานิยังคะ ๙ (องค์แห่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความเพียรอันบริสุทธิ์)
62. สัตตาวาส ๙
63. อาฆาตปฏิวินัย ๙ (การกำจัดความอาฆาต)
64. ปัญญา ๙
65. นานัตตเทศนา ๙ (การแสดงความต่างกัน)
66. อนุปุพพวิหารธรรม ๙
67. นาถกรณธรรม ๑๐
68. กสิณายตนะ ๑๐
69. กุศลกรรมบถ ๑๐
70. สัมมันตะ ๑๐
71. อริยวาสะ ๑๐
72. อเสกขธรรม ๑๐
73. รตนะ ๑๐
74. ตถาตคพล ๑๐
75. เมตตานิสสังสะ ๑๑ (อานิสงส์เมตตา)
76. อาการของธรรมจักร ๑๒
77. คุณธุตังคะ ๑๓
78. พุทธญาณ ๑๔
79. วิมุตติปริปาจนียธรรม ๑๕
80. อานาปานัสสติ ๑๖
81. อปรัมปริยธรรม ๑๖ (ธรรมที่ไม่เป็นปรัมปรา)
82. พุทธธรรม ๑๘
83. ปัจจเวกขณญาณ ๑๙
84. ญาณวัตถุ ๔๔
85. อุทยัพพยญาณ ๕๐
86. กุศลธรรมเกิน ๕๐
87. ญาณวัตถุ ๗๗
88. มหาวชิรญาณอันเป็นจารีต ร่วมกับสมาบัติสองล้านสี่แสนโกฏิและเทศนญาณเป็นเครื่องค้นคว้าและพิจารณา
89. สมันตปัฏฐาน อันมีนัยไม่มีที่สุด
90. อาสยาทิญาณ - ญาณประกาศ


อัธยาศัยเป็นต้นของส้ตว์ไม่มีที่สุด ในโลกธาตุ อันหาที่สุดมิได้ของ
พระปัญญาธิกสัมสัมพุทธเจ้า อันไม่ทั่วไปแก่ผู้อื่น
พระสารีบุตรนั้น เมื่อท่านตามระลึกถึงพระพุทธคุณก็มิสามารถที่จะทำให้ถึงที่สุดได้ ความอัศจรรย์ในพุทธคุณอันเป็นอจินไตย ได้เกิดขึ้นในครั้งนั้นอันพระสัพพัญญูคุณเหล่านี้เป็นโคจรแห่งพุทธญาณอย่างเดียวเท่านั้นโดยประการทั้งปวง สมจริงดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า


"แม้พระพุทธเจ้าก็กล่าวคุณของพระพุทธเจ้าและหากแม้ว่ากล่าวถึงพระพุทธคุณแม้ตลอดกัปป์ กัปป์พึงเสื่อมสิ้นไปในระหว่างเวลายาวนานนั้นก่อน แต่พระคุณของพระตถาคต หาได้สิ้นไปไม่"


อ้างอิงและที่มา
ปรมัตถทีปนีอรรถกถาจริยาปิฎก ในขุททกนิกาย
Credit:"เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)

:b41: :b53: :b42:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2011, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุสาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุสาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุสาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สุาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ ....


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 02 ส.ค. 2011, 00:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2011, 21:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

สาธุ สาธุ สาธุ

สาธุในพระคุณของพระตถาคต ไม่มีที่สุดที่ประมาณ

ขออานิสงส์ที่เกิดแก่ข้าพเจ้าจงบังเกิดแด่ทุกสรรพสัตว์ครับ

แรงสาธุการของท่าน อานิสงส์ทันตาเลยครับ
ขณะจิตที่เกิดเมื่อตากระทบตัวหนังสือสาธุบนจอ
จิตว่างจากตัวตน ตัวหายไปชั่วขณะเลยครับ สาธุครับ

แต่ก็ต้องวิปัสสนาว่าสัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง ยึดถือไม่ได้

:b8: :b8: :b8:

ทำให้ผมคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาครับ
ปกติผมจะทำอานาปานสติเป็นประจำ มีสติรู้ลมหายใจ ตั้งแต่ตื่นจนเข้าหลับ
ผมเคยได้ยินว่าทำสมาธิอานาปานสติจะไม่ค่อยพบสิ่งทีน่ากลัว
วันหนึ่งผมทำอานาปาสติจนหลับแล้วผมเห็นพ่อกับแม่ของแฟนเก่าผมมาปลุก
วันแรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร (อยู่คนละจังหวัด) แต่ท่านมาปลุกทุกคืนเลย ดึงแขนบ้าง ดึงขาบ้าง
ผมจึงคิดทบทวนแล้วคิดท่านต้องเสียแล้วแน่ๆเลย
ผมจึงทำสมาธิแล้วแผ่เมตตาให้ ในขณะจิตนั้นผมสัมผัสได้กับแรงสาธุการของท่านทั้งสอง
แล้วผมได้สอบถามไปยังแฟนเก่าได้รับคำตอบว่า พ่อกับแม่เสีย ผมจึงไปทำบุญให้ท่านอีกครับ

:b41: :b46: :b42:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2011, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ สาธุ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2011, 21:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: :b42: :b42:

:b8: :b8: :b8:

:b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2011, 22:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: :b42: :b42:

"...เพราะค่าที่พวกเราได้นำเอาหลักคำสอนของพระองค์มาใช้ในชีวิตจริง พวกเราจึงควรถวายการอภิวาทสดุดีแต่พระองค์ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระบรมครูของมวลมนุษย์ ตลอดเวลาที่โลกนี้ยังดำรงอยู่ ข้าพเจ้ามั่นใจอย่างไม่หลงเหลือความเคลือบแคลงเลยแม้แต่น้อยว่า พระองค์จะทรงดำรงฐานะปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ.."

มหาตมะ คานธี
ใน "สุนทรพจน์ในพิธีพุทธชยันตี" ปี พ.ศ. 2496 เมืองกัลกัตตา อินเดีย

:b39: :b46: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2011, 22:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: :b42: :b42:

"...พระพุทธเจ้า โอรสแห่งภารตประเทศ เป็นผู้รุ่งโรจน์ที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดและชาญฉลาดที่สุด ในโลกแห่งความขัดแย้ง เกลียด และเบียดเบียนกันนี้ พระธรรมคำสอนของพระองค์จึงเปล่งรัศมีเป็นประกาย ดั่งพระอาทิตย์ทรงกลด ฉะนั้น..."

ฯพณฯ ยวาหรลาล เนห์รู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย

:b42: :b51: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2011, 12:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b39: :b39:

"...พระพุทธเจ้าคือ กลุ่มก้อนแห่งคุณงามความดีทั้งหมด ซึ่งพระองค์เองได้เทศนาสั่งสอนตลอดช่วงเวลา 45 พรรษา แห่งการประการพรหมจรรย์อย่างสัมฤทธิ์ผล และน่าสังเกตนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงนำเอาพระดำรัสทั้งหมดปรับปรุงไปสู่การกระทำจริง ไม่มีที่ใดเลย ที่พระพุทธองค์จะเปิดช่องให้กับความอ่อนแอ หรือกิเลสของมนุษย์ ดังนั้น หลักการทางศีลธรรมของพระพุทธเจ้าจึงสมบูรณ์ที่สุด เท่าที่ชาวโลกเคยประสบมา..."

ศาสตราจารย์ แมกซ์ มีลเลอร์, นักภารตวิทยาคนสำคัญชาวเยอรมัน

:b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2011, 13:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: :b42: :b42:

คำที่ใช้กล่าวเรียกพระพุทธเจ้า

พระบรมโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์ หมายถึง ท่านผู้ที่กำลังบำเพ็ญ บารมี 10 คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐาน เมตา อุเบกขา และ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
อังคีรส หมายถึง ท่านผู้มีรัศมีแผ่ออกมาจากพระกาย
สิทธัตถะ หมายถึง ท่านผู้ที่มีความเพียรพยายาม เมื่อต้องการสำเร็จ เป้าหมายที่ประสงค์จะทำ
พระมหาบุรุษ เป็นคำที่ใช้เรียก พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ อีกความหมายหนึ่งคือ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่


ตถาคต เป็นคำที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงพระองค์เองมี ความหมาย 8 อย่างคือ
พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น
พระผู้เสด็จไปแล้วอย่างนั้น
พระผู้เสด็จมาถึงตถลักษณะ
พระผู้ตรัสรู้ตถธรรมตามที่มันเป็น
พระผู้ทรงเห็นอย่างนั้น
พระผู้ตรัสอย่างนั้น
พระผู้ทำอย่างนั้น
พระผู้เป็นเจ้า


ตถาคตโพธิสัทธา หมายถึง การเชื่อถือปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคต
ธรรมกาย หมายถึงท่าน ผู้มีธรรมในกาย
ธรรมราชา หมายถึง ท่านผู้เป็นราชาแห่งธรรม
ธรรมสวามิศร, ธรรมสามิสร หมายถึง ท่านผู้เป็นใหญ่โดยเป็นเจ้าของธรรม
ธรรมสามี หมายถึง ท่านผู้เป็นเจ้าของธรรม
ธรรมิศราธิบดี หมายถึง ท่านผู้เป็นอธิปดีในธรรม เป็นคำกวีหมายถึงพระพุทธเจ้า
บรมศาสดา, พระบรมศาสดา หมายถึง ท่านผู้เป็น ศาสดาอันยอดยิ่ง พระผู้เป็นครูสูงสุด พระบรมครู
พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระพุทธเจ้า หมายถึง ท่านผู้รู้ดี รู้ชอบ ด้วยตนเองก่อนแล้ว สอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ
พระศาสดา หมายถึง ท่านผู้ทรงสอนชนทั้งปวง
พระสัมพุทธเจ้า, พระสัมมาสัมพุทธเจ้า, พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมายถึง พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
ภควา หมายถึง ท่านผู้เป็นผู้มีโชค หรือ ท่านผู้จำแนกแจกธรรม
มหาสมณะ
โลกนาถ, พระโลกนาถ หมายถึง พระผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก
สยัมภู, พระสัมภู หมายถึง ท่านผู้ตรัสรู้ได้โดยตนเอง ไม่มีใครมาสั่งสอน
สัพพัญญู, พระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า หมายถึง ท่านผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
พระสุคต, พระสุคโต หมายถึง ท่านผู้เสด็จไปดีแล้ว


:b39: :b39: :b39: :b53: :b53: :b53: :b48: :b48: :b48: :b41: :b41: :b41:
Credit:"เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร