วันเวลาปัจจุบัน 01 พ.ค. 2025, 13:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธกิจ


ตอนเช้า เสด็จบิณฑบาต โปรดสัตว์

ตอนบ่ายเย็น ทรงเทศนาโปรดประชาชน

ย่ำค่ำ ประทานพระโอวาทแก่พระสงฆ์

เที่ยงคืน ทรงเปิดโอกาสให้ผู้สงสัยเข้าเฝ้าทูลถามปัญหา

เช้าตรู่ ทรงวางแผนตรวจตราด้วยพระญาณว่าผู้ใดสมควร ได้เสด็จไปเทศนา โปรดเป็นการด่วนโดยเฉพาะ


.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


คำทำนายของโหราจารย์

เมื่อพระองค์ประสูติแล้ว พระเจ้าสิริสุทโธทนะราชบิดา ก็ได้พาเสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์ อัญเชิญพราหมณ์ปุโรหิต ที่เป็นโหราจารย์ยอดเยี่ยม ๑๐๘ คน มาเลือกสรรค์ เอาแต่ผู้เชี่ยวชาญยอดเยี่ยมจริงๆ ได้ ๘ คน ในพราหมณ์โหราจารย์แปดคนนั้นเป็นคนแก่ เจริญด้วยวัยวุฒิเสียเจ็ดคน พยากรณ์รวมพร้อมกันเป็นสองคติว่า
"พระกุมารนี้ถ้าอยู่ครองราชสมบัติ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ถ้าออกทรงผนวชจะได้ บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก"

ส่วนโกณฑัญญะพราหมณ์* ซึ่งยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่ในขณะนั้น แต่สูงด้วยความรู้ ได้ถวายพยากรณ์เป็นคติเดียวว่า
"พระกุมารพระองค์นี้ จะไม่อยู่ในราชสมบัติ จะเสด็จออกทรงผนวชและตรัสรู้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลกแน่นอน"
* ท่านโกณฑัญญะผู้นี้เชื่อในคำทำนายของตนเอง เลยออกบวชไปรออยู่ก่อน หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะ ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ก็ได้เป็นศิษย์องค์แรกของพระองค์ ต่อมาได้ฟังปฐมเทศนาจากพระพุทธองค์ได้สำเร็จโสดาบัน และเป็นพระสงฆ์องค์แรกของพุทธศาสนา


.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2010, 16:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 08:33
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: ขอนอบน้อมต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ไกลจากอาสวะกิเลส
:b8: :b8: :b8: ขอน้อมนำพระธรรมคำสอนที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ชอบด้วยดี
:b8: :b8: :b8: ขอนมัสการพระสุปฏิปันโน พระอรหันต์ทุกองค์ทั้งที่ละสังขารและยังไม่ละสังขาร
ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายที่มีดวงตาเห็นธรรมครับ สาธุๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2010, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
อ้างคำพูด:
กรัชกาย/เขียน
พระพุทธ เป็นมนุษย์หรือเทวดา?

ครั้งหนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้ากำลังเสด็จพุทธดำเนินทางไกล

พราหมณ์ผู้หนึ่งได้เดินทางไกลทางเดียวกับพระองค์ มองเห็นรูปจักรที่รอยพระบาทแล้วมีความอัศจรรย์ใจ

ครั้นพระองค์เสด็จลงไปประทับนั่งพักที่โคนไม้ต้นหนึ่งข้างทาง

พราหมณ์เดินตามรอยพระบาทมา มองเห็นพุทธลักษณาการที่ประทับนั่ง สงบลึกซึ้งน่าเลื่อมใสยิ่งนัก

จึงเข้าไปเฝ้า และทูลถามว่า “ท่านผู้เจริญ คงจักเป็นเทพเจ้า”

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “แน่ะพราหมณ์ เทพเจ้าเราก็จักไม่เป็น”

ทูลถามต่อไปว่า “ท่านผู้เจริญ คงจักเป็นคนธรรพ์” ตรัสตอบว่า “คนธรรพ์ เราก็จักไม่เป็น”

“ท่านผู้เจริญ คงจักเป็นยักษ์”

“ยักษ์ เราก็จักไม่เป็น”

“ท่านผู้เจริญ คงจักเป็นมนุษย์”

“มนุษย์ เราก็จักไม่เป็น”

ทูลถามว่า “เมื่อถามว่า ท่านผู้เจริญ คงจักเป็นเทพ ท่านก็กล่าวว่า เทพเราก็จักไม่เป็น

เมื่อถามว่า ท่านผู้เจริญ คงจักเป็นคนธรรพ์…เป็นยักษ์...เป็นมนุษย์ ท่านก็กล่าวว่า จักไม่เป็น

เมื่อเช่นนั้น ท่านผู้เจริญจะเป็นใครกันเล่า”

ตรัสตอบว่า “นี่แน่ะพราหมณ์ อาสวะเหล่าใด ที่เมื่อยังละไม่ได้ จะเป็นเหตุให้เราเป็นเทพเจ้า...

เป็นคนธรรพ์…เป็นยักษ์...เป็นมนุษย์

อาสวะเหล่านั้น เราละได้แล้ว ถอนรากเสียแล้ว..หมดสิ้น ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีกต่อไป

เปรียบเหมือนดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุณฑริก เกิดในน้ำ โตในน้ำ แต่ตั้งอยู่พ้นน้ำ ไม่ถูกน้ำฉาบติด

ฉันใด

เราก็ฉันนั้น เหมือนกัน เกิดในโลก เติบโตขึ้นในโลก แต่เป็นอยู่เหนือโลก ไม่ติดกลั้วด้วยโลก ฉันนั้น

นี่แน่ะพราหมณ์ จงถือเราว่าเป็น “พุทธะ” เถิด”

องฺ.จตุกฺก.21/36/48

(พุทธธรรมหน้า 482)

:b8:
...อนุโมทนาสาธุ...พระพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้เป็นผู้สิ้นกิเลสแล้วจึงมีความเป็นพุทธะ...
...ก่อนตรัสรู้ก็ทรงเป็นมนุษย์เพศชายชาติเชื้อหน่อเนื้อกษัตริย์ขัตติยราชที่ยังไม่สิ้นกิเลส...
...ต่อเมื่อได้ทรงฝึกจิตให้รอบรู้ในธรรมและกิเลสทั้งปวงคือใช้ธรรมฆ่ากิเลสในใจตนได้โดยสิ้นเชิง...
...จึงพ้นฐานะการวนเวียนในวัฎฏะคือเวียนว่ายตายเกิดใน 31 ภพภูมิเป็นวัฏวนเกิดสูงๆต่ำๆตามกรรม...
...เข้าสู่แดนนิพพานที่เป็นสภาวะจิตบรรลุถึงโลกุตรธรรม...ธรรมเหนือโลกขณะยังมีธาตุขันต์สมบูรณ์...
...เรียกว่าสอุปาทิเสสนิพพาน...และเมื่อสิ้นธาตุขันต์แล้วจึงเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานโดยสมบูรณ์...
...อนุปาทิเสสนิพพานเรียกอีกอย่างว่าปรินิพพาน...สิ้นสมมุติทั้งปวงเหลือแต่ความเป็นพุทธะนั่นเอง...
:b8:
...เพราะสิ้นกิเลสและเข้าถึงสภาวะธรรมที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเพราะจิตที่ฝึกไว้ดีแล้วนั้นแล...
:b20:
:b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 02 ก.ย. 2010, 16:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร