วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 14:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2009, 07:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

พระธรรมเทศนาเรื่อง “สงกรานต์”
โดย พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ)


ต่อไปนี้จะว่าด้วย เรื่องสงกรานต์ ประเพณีขึ้นปีใหม่ของไทยแต่โบราณ โดยถือเอาวันที่พระอาทิตย์โคจรจากราศีมีนขึ้นสู่ราศีเมษตามตำราโหราศาสตร์ เรียกว่า “สงกรานต์” หมายถึง การเคลื่อน การย้าย การเปลี่ยนราศี เมื่อครบรอบการโคจรของดวงอาทิตย์ เป็นเวลา ๓๖๕ วัน นั่นเอง

เรื่องของสงกรานต์นี่ไม่มีปรากฏอยู่ในบาลี แต่เป็นตำนานมาจากชมพูทวีป ชมพูทวีปในขณะนั้น มีเขาพระสุเมรุ มีต้นชมพูเป็นสัญลักษณ์ของเกาะ ๔ เกาะ ซึ่งเป็นโลกสมมติ ที่มาของประเพณีสงกรานต์มีอยู่ว่า “พระเจ้าชมพูทีปะ” ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ปกครองชมพูทวีป มีอิทธิฤทธิ์มากตั้งแต่โลกมนุษย์จนถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช พระเจ้าชมพูทีปะสามารถเรียกฝนให้ตกได้ และสั่งฝนให้หยุดได้

แต่พระเจ้าชมพูทีปะนี้ แม้มีอิทธิฤทธิ์มากมากมายปกครองตั้งแต่โลกมนุษย์จนถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชแล้ว ก็ยังไม่มีความรู้สึกพอใจ จึงคิดจะได้ไปครอบครองจนถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีก

ความทราบถึงเทวดา เทวดาก็เกรงว่าถ้าจะมาถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตนเองจะสู้พระเจ้าชมพูทีปะไม่ได้ เทวดาจึงนำเรื่องราวไปฟ้องต่อพระอินทร์ พระอินทร์เมื่อทราบจึงได้ไปฟ้องต่อมหาพรหม คือ พระกบิลพรหม เมื่อทราบดังนั้น จึงมีความคิดว่ามนุษย์นี้จะมีความทะเยอทะยานเกินไปแล้ว ถ้าอยากจะขึ้นมาครอบครองดาวดึงส์ ก็จะต้องมีการตกลงกันก่อน

ดังนั้น “พระกบิลพรหม” จึงได้มีการต่อรองกับ “พระเจ้าชมพูทีปะ” โดยพระกบิลพรหมได้ลงมาตั้งปัญหาถามพระเจ้าชมพูทีปะ ดังนี้ “ในร่างกายมนุษย์เรามีราศี ๔ และอราศี ๔ คืออะไร” เมื่อพระเจ้าชมพูทีปะได้ฟังคำถามนั้นแล้ว คิดว่าเป็นปัญหาซึ่งยากมาก ซึ่งพระกบิลพรหมก็ได้ให้เวลา ๗ วันในการคิดคำตอบ และได้มีการตกลงกันว่า ถ้าให้เวลาคิดแล้ว ๗ วัน พระเจ้าชมพูทีปะซึ่งตอบคำถามไม่ได้ ก็ต้องตัดคอพระเจ้าชมพูทีปะเพราะถือว่าเป็นผู้แพ้ แต่ถ้าพระเจ้าชมพูทีปะตอบถูกก็ต้องตัดคอพระกบิลพรหม

เมื่อได้ตกลงกันแล้ว พระเจ้าชมพูทีปะก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ เวลาล่วงเลยมา ๕ วันก็ยังคิดค้นหาคำตอบไม่ได้ พระเจ้าชมพูทีปะเห็นว่าคงจะถึงฆาตเสียแล้ว จึงคิดว่าถ้าจะตายก็น่าจะตายในป่าเสียจะดีกว่า อยู่ในเมืองก็ให้อายมนุษย์ทั้งหลาย

เมื่อคิดดังนั้นแล้ว พระเจ้าชมพูทีปะจึงเดินออกไปอยู่ในป่า และได้ไปอาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ๆ ต้นหนึ่ง บังเอิญต้นไม้ใหญ่นั้น บนต้นมีรังของนกแร้งอาศัยอยู่ ในเวลาบ่ายๆ นกแร้งก็กลับมายังรังซึ่งอาศัยอยู่กับลูก ๓ ตัว วันนั้นแม่นกแร้งและลูกนกแร้งหาอาหารไม่ได้ แม่นกแร้งก็ให้ลูกอดทนไว้ โดยบอกลูกนกแร้งว่าให้อดทนอีก ๒ วัน ซึ่งคิดว่าอีก ๒ วันนี้คงจะได้กินเนื้อมนุษย์แล้ว คือพระเจ้าชมพูทีปะ แม่นกแร้งบอกลูกว่า พระเจ้าชมพูทีปะจะต้องแพ้พระกบิลพรหมอย่างแน่นอน เนื่องจากตอบคำถามไม่ได้ เมื่อพระเจ้าชมพูทีปะถูกตัดคอแล้ว ก็จะถูกเอามาทิ้งไว้ในป่า และเมื่อนั้นแหละเราจะได้กินเนื้อมนุษย์กันอย่างอิ่มอร่อย ซึ่งในขณะนั้นพระเจ้าชมพูทีปะอยู่ใต้ต้นไม้ก็ได้ยินคำสนทนาของแม่นกแร้งและลูกแร้งอย่างชัดแจน

ลูกแร้งและแม่นกแร้งก็คุยกันต่อไปถึงคำถามที่พระกบิลพรหมถามต่อพระเจ้าชมพูทีปะ ลูกแร้งจึงถามว่าแล้วอะไรคือราศี ๔ และอราศี ๔ ซึ่งลูกแร้งเองก็ไม่เข้าใจ แม่นกแร้งจึงตอบว่า ราศี ๔ คือส่วนสำคัญที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ เช้าอยู่ที่ใบหน้า คือตื่นมาในตอนเช้าต้องล้างหน้าให้สะอาด พอเลยเที่ยงคืนไป ราศีก็จะอยู่ที่ปัทมะ (หน้าอก) บ่ายเข้าบ้านก็จะอยู่ที่เท้า คือเมื่อเข้าบ้านก็ต้องล้างเท้าให้สะอาด พอตอนดึกจะอยู่ที่เหนือหน้าอกเพราะต้องทากระแจะขมิ้น ซึ่งทั้ง ๔ อย่างนี้เป็นราศี แต่ถ้าไม่ชำระล้างไม่ทำให้สะอาดก็จะเป็นอราศี

เมื่อพระเจ้าชมพูทีปะได้ยินคำตอบของแม่นกแร้งแล้ว จึงรีบเดินทางกลับวัง สร้างโรงพิธีใหญ่โต เพื่อรอรับวันที่ ๗ วันที่ครบกำหนดตอบคำถาม เมื่อถึงครบกำหนด ๗ วัน ผู้คนก็มาร่วมฟังคำตอบกันมากมาย พระกบิลพรหมก็เสด็จลงมาฟังคำตอบจากพระเจ้าชมพูทีปะ ซึ่งพระเจ้าชมพูทีปะตอบคำถามได้ถูกทุกข้อตามที่ได้ฟังมาจากแม่นกแร้ง พระกบิลพรหมจึงเป็นผู้แพ้และต้องทำตามข้อตกลง คือถูกตัดศีรษะ แต่ก็ไม่กล้าตัดศีรษะ จึงมีการอธิษฐานเอานิ้วมือตัดศีรษะพระกบิลพรหมเพราะถ้าหากศีรษะตกลงบนดิน ก็จะทำให้พื้นดินเอียง หากศีรษะตกลงในทะเล น้ำก็จะเหือดแห้ง หากศีรษะตกอยู่ในอากาศ ฝนก็จะไม่ตก

พระกบิลพรหมมีลูกสาว ๗ องค์ คือ (๑) นางทุงษะเทวี (๒) นางโคราคะเทวี (๓) นางรากษสเทวี (๔) นางมณฑาเทวี (๕) นางกิริณีเทวี (๖) นางกิมิทาเทวี (๗) นางมโหทรเทวี ลูกสาวทั้ง ๗ องค์นี้ จึงผลัดเปลี่ยนกัน โดยถือเอาวันที่ ๑๓ เมษายนของทุกปีเป็นเกณฑ์ ถ้าวันที่ ๑๓ เมษายนเป็นวันอาทิตย์ก็จะเป็นหน้าที่ลูกสาวองค์ที่ ๑ หากเป็นวันเสาร์ก็เป็นหน้าที่ลูกสาวองค์ที่ ๗ จึงเรียกว่า นางสงกรานต์ ลูกสาวทั้ง ๗ องค์จึงมารับศีรษะของพระกบิลพรหมไว้คนละปี ร่างของพระกบิลพรหมก็ยังไม่เน่า ยังมีชีวิตอยู่

พระเจ้าชมพูทีปะจึงเรียกให้โหรมาทำนาย โหรจึงทูลว่าในวันที่ ๓ หลังจากถูกตัดศีรษะแล้ว ให้เสนาอำมาตย์ไปหาใครก็ได้ที่นอนหันศีรษะไปทางทิศเหนือ ถ้าไปเจอก็ให้ไปตัดศีรษะมา เพื่อมาต่อกับร่างของพระสหปติพรหม เสนาอำมาตย์รับคำสั่งไปดำเนินการ เดินไปพบช้างนอนหันศีรษะไปทางทิศเหนือ จึงตัดคอช้าง และนำศีรษะช้างมาต่อเข้ากับร่างของพระสหปติพรหม ก็เลยเกิดเป็นพระกบิลพรหมองค์ใหม่ขึ้นมา ซึ่งมีศีรษะเป็นช้างร่างเป็นพรหม

ลูกสาวพระกบิลพรหมซึ่งมารับศีรษะจะต้องลงมาล้างศีรษะ อาบน้ำผู้ซึ่งเป็นบิดาและจัดเป็นพิธีทุกปีหรือ ๓๖๕ วัน ซึ่งก็ต้องมีเทวดาลงมาร่วมในพิธีนี้ และนางสงกรานต์ก็จะต้องลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มาร่วมในการอาบน้ำชำระล้างพระกบิลพรหมที่เมืองพาราวะหนึก ซึ่งเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งของวังใหญ่ มีแม่น้ำใสสะอาด แม่น้ำสายนี้มาจากหิมพานต์ และที่เมืองพาราวะหนึกนี้เป็นที่แม่น้ำ ๔ สายมารวมกัน จึงเป็นแม่น้ำลึกที่ใสสะอาด และต้องอาบน้ำให้คนที่มาถือศีรษะให้พระกบิลพรหม ๓ วัน ๓ คืน

ดังนั้น จึงเป็นประเพณีของมนุษย์สืบเนื่องมาจากนางสงกรานต์ลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อมาอาบน้ำให้แก่ผู้ถือศีรษะพระกบิลพรหม ในวันสงกรานต์มนุษย์เราก็จะไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ที่มีอายุมาก และเป็นที่เคารพนับถือของบุคคลนั้นๆ หรืออาจไปรดน้ำผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว เช่น บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย เป็นเมตตาจิต เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจปีละครั้ง

รูปภาพ


คัดลอกเนื้อหามาจาก
http://www.navy34.com/

****************************************************

กระทู้เกี่ยวเนื่องกับวันสงกรานต์

คุณค่าทางวัฒนธรรมในประเพณีสงกรานต์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=30760

คำทำนายโบราณ เกี่ยวกับนางสงกรานต์และวันสงกรานต์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=41676

นางสงกรานต์ คำพยากรณ์...คติในตำนาน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=21352

ประกาศสงกรานต์ ปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ (จุลศักราช ๑๓๗๑)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=21354

****************************************************

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร