วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 04:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2010, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




1_display.jpg
1_display.jpg [ 31.71 KiB | เปิดดู 6360 ครั้ง ]

เดิมๆอยู่ทุกวัน
.... เรื่องธรรมดา ....

ทำตามอย่างเขาไป
ไม่มีปัญหา

อยากลองอยากคิดเดิน หนทางใหม่ๆ
ประตูยังเฝ้าคอยให้เราออกไป

ก็ไม่รู้หนทางที่วาดไว้
จะดีร้ายขอไปอย่างใจต้องการ

ปล่อยชีวิต
ตามทางที่เลือกเดิน
เปิดความคิดให้ใจได้เพลิดเพลิน

แค่ได้พบความสุขที่บรรเลง
แค่ได้ร้องตามจังหวะที่ครื้นเครง
.... เท่านี้ก็สุขใจ ....

จะเร็วจะช้าไปก็ไม่เป็นไร
เดินทางมาแสนไกล แค่เรายังไหว
อะไรไม่สำคัญเท่าเป็นตัวเอง
ได้เป็นดั่งเสียงเพลงที่เราเต้นไป

บทเพลงที่มาจากใจ
.... ส่งไปให้ใครต่อใคร ....

อาจมีสักคนเข้าใจ
จิตใจ
ข้างในบทเพลง

บทเพลงที่มาจากใจ ส่งไปให้ใครต่อใคร
อาจมีสักคนเข้าใจ เท่านี้ก็สุขใจ

http://www.you2play.com/player/media_type,song/id,4459/




จงปลดปล่อยตัวเองจากพันธทนาการที่มีอยู่
จงเป็นอิสระจากทุกสรรพสิ่ง

เพราะทุกสรรพสิ่ง ล้วนมี และเป็นในสิ่งที่ควรเป็น
ตามเหตุปัจจัยของสิ่งๆนั้น ก่อนที่จะมี " เรา " ขึ้นมา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 26 ก.ย. 2010, 15:22, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2010, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ในเวลาปวดร้าว
เรื่องราวหมอง
ใจมันอยากร่ำร้อง ทำนองเศร้าตรม

บางเวลาอ่อนไหวใจระบม
กลืนกินความขื่นขม
ระทมข้างใน จนใจอาวรณ์

นอนน้ำตาไหลซึม
หลั่งรดลงใจ
คนใจดำนั้นทำเจ็บซ้ำเจียนตาย

ช่างโหดร้ายเรื่องราวในดวงแด
สร้างรอยแผลให้ต้องเจ็บจำ
เป็นรอยซ้ำจากรักไม่จริง
เป็นรอยซ้ำจากรักไม่จริง

http://solno07.exteen.com/20100508/entry-5





ทุกคนเกลียดความทุกข์ พยายามสลัดทิ้ง พยายามขจัดทุกวิถีทาง
ไปทำลายผล แล้วทุกข์นั้นๆจะดับไปได้อย่างไร เพราะมันเป็นเพียงผล
ที่เกิดจากเหตุในอดีตที่ทำกันไว้

ซึ่งส่งเป็นตัวผลหรือสภาวะที่เกิดขึ้นกับทุกคนในปัจจุบัน
เราจะปฏิเสธความจริงข้อนี้ไปได้อย่างไรกัน

ในเมื่อต้นตอที่แท้จริง เหตุที่เกิดทั้งหมด เกิดจากตัวเราเอง กระทำมันขึ้นมาเอง
ไม่มีใครมาจับมือหรือบีบบังคับให้เราทำเลย มีแต่ความเต็มใจที่จะกระทำ

เพราะความไม่รู้ตัวเดียวแท้ จะทำลายความทุกข์ได้ ต้องดับที่เหตุ
คือสิ่งที่ทุกๆคนกำลังสร้างให้เกิดขึ้น ที่กำลังทำกันอยู่ในปัจจุบันนี่เอง
ที่กำลังจะส่งเป็นผลไปในอนาคต กลายเป็นเหตุที่จะต้องเกิดขึ้นกับเราในอนาคตอย่างแน่นนอน

การดับที่ต้นเหตุหรือทำลายต้นเหตุคือตัวเรานั้นทำอย่างไรล่ะ
ฆ่าตัวตายกระนั้นหรือ อย่าเข้าใจผิดๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย

ดับหรือทำลายด้วยการกระทำไง หมั่นสร้างแต่กกรรมดีหรือเหตุดี
ที่ผ่านมาแล้วกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ที่แก้ได้คือ ผลที่จะได้รับในอนาคต
คือ เหตุที่กำลังจะทำให้เกิดขึ้นในปัจจุบันนี่เอง ดับการปรุงแต่งตามความคิดของเรา
ที่มีเกิดขึ้นจากการกระทบทุกๆขณะ

เราจึงต้องมาฝึกเจริญสติกันเพราะเหตุนี้ ฝึกเพื่อจะดับเหตุที่ไม่ดีที่กำลังจะทำให้เกิดขึ้นในปัจจุบันนี่เอง
นี่แหละตัวตัดกรรมที่แท้จริง ไม่ต้องไปหาหมอดู ไม่ต้องไปหาคนทรงเจ้า หาผีหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนๆ

สติ สัมปชัญญะนี่แหละ คือ ตัวที่ตัดกรรมที่แท้จริง
ตัดกรรมล่วงหน้า กรรมในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น

กรรมในอดีตเราไปแก้ไขไม่ได้ ไปตัดทอนทิ้งออะไรไม่ได้เลย
ทำไว้อย่างไร ต้องได้รับผลเช่นนั้น

แต่สิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นในปัจจุบันต่างหากที่สำคัญเสียยิ่งกว่าในอดีต
เพราะปัจจุบนนี่เราแก้ไขได้ โดยเลือกสร้างแต่เหตุดี

ขอเพียงเรามาเจริญสติกัน เพื่อจะได้มี สติ สัมปชัญญะที่แข็งแรง
จะได้เกิดปัญญาแยกแยะดี แบ่งแยกถูกได้ เลือกที่จะกระทำได้

ไม่ใช่แยกดีหรือชั่ว ไม่ออก มองแค่ว่ามันเหมือนๆกันหมด
นั่นก็ถูก นี่ก็ถูก ถูกเพราะอะไร ถูกในความคิด ที่เกิดอุปทานว่าถูก

คนส่วนมากบอกว่า เกลียดทุกข์
แต่มองๆดูแล้ว เห็นวิ่งเข้าหาทุกข์กันเป็นแถวๆ
โดยไม่รู้เลยว่า นั่นคือ กำลังหาทุกข์ใส่ตัวกันเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 26 ก.ย. 2010, 15:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


จะบอกอย่างไร
ให้เธอเข้าใจ
ว่าโลกนี้มีอะไรอีกมากมาย
ให้ลืมเรื่องราวที่มันยังฝังใจ ปล่อยไปให้มันผ่านเลย

หากเก็บเอาความช้ำตรม
เก็บความขื่นขม ใครเล่าเขาจะรู้
ให้ลืมเรื่องราว หาใครดูสักคน ปลอบโยน ด้วยรักที่จริงใจ

ฉันก็เคยเป็นเช่นเธอ
ที่เคยเจอะเจอกับเรื่องเลวร้าย
คงต้องมีเรื่องราวอีกมากมาย
สีสัน หลากหลาย ความหมายรักต่างกัน


http://solno07.exteen.com/20100508/entry-3






ไม่มีใครอยากผิดพลาด ไม่มีใครอยากเป็นคนเลวหรอก
ทุกคนอยากเป็นคนดี
เราอยากดีทุกคน

เราทุกข์กันมานาแค่ไหนแล้ว
เคยพิจรณาบ้างไหม ทุกข์เพราะอะไร
ทำไมถึงต้องทุกข์ แล้วทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตอยู่กับทุกข์นั้นๆได้

เพราะเราไปคิดว่า สิ่งนั้น สิ่งนี้ที่เกิดขึ้นล้วนเป็นทุกข์
มันเลยกลายเป็นความทุกข์ขึ้นมาจริงๆตามที่เราคิด

เพราะความไม่รู้ จึงก่อให้เกิดกระทำที่เป็นวิบากกรรมต่อกันและกันไม่รู้จักจบสิ้น
เราเองก็เคยเป็นแบบเขาเหล่านั้น

เมื่อได้มาเจริญสติปัฏฐาน ทำให้รู้เห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น
รู้สึกเห็นใจเขาเหล่านั้น

ขอให้เขาได้พบทางอันประเสริฐแบบที่เราได้พบด้วยเถิด
เขาจะได้เลิกแสวงหาสิ่งนอกตัวกัน เลิกกล่าวโทษสิ่งต่างๆนอกตัวกัน
แต่หันกลับมาทบทวนดูในกายและจิตของตนเองมากยิ่งๆขึ้นไป


สิ่งที่เราทุกรูปทุกนาม ที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่กับสิ่งต่างๆที่มากกระทบ
ทำให้เกิดการปรุงแต่งแตกต่างกันไปตามแต่กิเลสในใจ
ที่มีมากน้อยแตกต่างกันไป

แต่ถ้ามาทบทวน มานั่งพิจรณาดู สิ่งที่มากระทบที่ไปคิดว่า
มันสุขหรือทุกข์หรือไม่สุขไม่ทุกข์นั้น เกิดจากอะไรล่ะ

เหตุที่เกิดขึ้นในปัจจุบันในชีวิต แต่มันคือเหตุของการกระทำในอดีตของทุกคน
ที่กระทำลงไปเพราะความรู้ที่มีแตกต่างกันไป แต่ส่วนมากคือเกิดจากความไม่รู้เสียมากกว่า
ผลมันถึงส่งที่ปัจจุบัน คือ เหตุที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง ณ ขณะนั้นๆ


ต้องถูกทดสอบตลอดเวลา จากใคร จากกิเลส
จากสภาวะหรือสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นเอง มันไม่ได้ยากหรือง่ายเลย
แต่ อยู่ที่ความเพียร ความต่อเนื่อง

ใหม่ๆต้องความอดทนต่อความเจ็บช้ำน้ำใจ จะจากใครล่ะ ไปโทษใครล่ะ
กระทำเองทั้งนั้นเลย แล้วจะไปร้องหาความยุติธรรมที่ไหนล่ะ
ในเมื่อทำเองก็ต้องรับผลเอง

ไปกล่าวโทษนอกตัว นั่นคือ โง่ เพราะอะไร เพราะนั่นคือ การขาดสติ
กำลังสร้างเหตุใหม่ ที่เป็นการก่อภพก่อชาติขึ้นมาใหม่อีกแล้ว
วัฏฏสงสารถึงยาวนานออกไปไม่รู้จักจบจักสิ้น


เพราะทุกๆการกระทำที่เจอๆกันนั้น
นั่นคือในอดีตที่เคยสร้างเหตุเอาไว้ ทำไปด้วยความไม่รู้


เรา เขา ทั้งหลาย ล้วนไม่มีความแตกต่างกันเลย
เหตุเกิดที่ใคร ที่ตัวเองทั้งนั้น ดับก็ต้องดับที่เหตุ คือตัวของเราเอง

ตราบใดที่ยังมีคำว่า " เขา " " เรา "
ทุกข์ย่อมมีเนืองๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว






มีพบย่อมมีจาก

มีจากย่อมมีพบ

ตราบใดที่ยังมีเหตุ ย่อมมีผล

เมื่อใดหมดเหตุ เมื่อนั้นไม่ต้องมีทั้งพบและจาก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทรงผมนี่...ก็สำคัญเหมือนกันนะ
ตอนที่กำลังประกวด เดอะสตาร์ ๕ กันนั้น จำได้ว่าชอบ
น้องดิวมาก...เพราะเขายิ้มสดใสดี...วันก่อนเห็นในรายการ
บันเทิงอะไรสักอย่าง ตัดผมสั้น ดูหน้าตาจืดๆ แปลกๆ
ไม่เด่นเหมือนที่เคยเห็นครั้งแรกเลย.... :b1:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
ทรงผมนี่...ก็สำคัญเหมือนกันนะ
ตอนที่กำลังประกวด เดอะสตาร์ ๕ กันนั้น จำได้ว่าชอบ
น้องดิวมาก...เพราะเขายิ้มสดใสดี...วันก่อนเห็นในรายการ
บันเทิงอะไรสักอย่าง ตัดผมสั้น ดูหน้าตาจืดๆ แปลกๆ
ไม่เด่นเหมือนที่เคยเห็นครั้งแรกเลย.... :b1:






ค่ะ ชอบผมทรงนี้ของน้องเขา เหมาะกับบุคคลิกของเขาเวลาร้องเพลง
เห็นแล้วค่ะ ทรงผมทรงใหม่ ไม่เด่นเลยค่ะ

เสียงของเขา ได้ฟิวล์ดีนะคะ เวลาที่ร้องเพลง
น้ำจะชอบฟังเพลง กลัวความมืด ของเขา ขอเชิญมารับชมและรับฟังด้วยกันนะคะ :b32:










แถมท้ายความรู้สึกที่ได้ฟังเพลงนี้ค่ะ





คนเรามักจะหวาดกลัวต่อสิ่งที่ยังไม่เกิด
บางครั้งสิ่งนั้นๆยังไม่เกิด ก็อุปทานคาดเดาล่วงหน้าแล้ว ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ทั้งๆที่จริงแล้ว มันไม่ได้มีอะไรเลย มีแต่ความคาดเดาของตัวเราเอง

แล้วความคาดเดานั้นๆก็สามารถก่อให้เกิดได้ทั้งความสุขหรือความทุกข์
ให้แก่เขาเหล่านั้นได้ ทุกข์เพราะการให้ค่า สุขเพราะการให้ค่า

เกิดการกระทบสิ่งนั้นๆแล้วทำให้เกิดความพอใจ ก็อุปทานเกิดเป็นความสุข
เกิดการกระทบสิ่งนั้นๆแล้วทำให้เกิดความไม่พอใจ ก็อุปทานเกิดเป็นความทุกข์
อุปทานซ้อนอุปทาน แล้วก็ซ้อนๆขึ้นไปอีก เพียงแต่ว่า สติจะเห็นทันไหมแค่นั้นเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2010, 02:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


แม้สภาพรอบกายจะมืดมิด
แต่ถ้าใจเราสว่าง...ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน?
ตรงกันข้ามแม้สภาพรอบกายจะสว่าง สดใสสักแค่ไหน?
ถ้าใจมืดมน....อันนี้ซิน่ากลัวที่สุด... :b20:

เผลอแผล็บเดียว...น้องดิวกำลังจะกลายเป็น
เดอะสตาร์ซีเนียร์ไปอีกหนึ่งปีแล้ว อีกไม่นาน
คงจะเริ่มคัดตัวเดอะสตาร์เจ็ดอีกแล้ว....
เหมือนสายน้ำจริงๆ มีแต่ไหลไป
ไม่มีไหลย้อนกลับมาเลย...... :b7:

เอ...แล้วตัวเราเป็นใครกัน?
หรือเป็นแม่ยก "เดอะสตาร์" :b32:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2010, 22:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว





ตบมือหนึ่งครั้งเสียงมันอาจจะดัง
... จะดังก็ดังไม่นาน ...

หากตบมือด้วยกัน หลายมือช่วยประสาน
... คงกังวานไปไกล ...

จากหนึ่งถึงร้อยถึงแสนถึงล้านตบมือ
มันจะมีเสียงดังเพียงใด
... คงจะดังไปถึงใกล้ๆดวงดาว ...

... แค่หนึ่งอมยิ้ม ...
บางคนอาจจะมอง มองแค่เพียงหนึ่งยิ้ม

แต่หากเราอมยิ้ม
... และยิ้มต่อๆกันไป ...

ยิ้มจากใจของเรา
จากหนึ่งถึงร้อยถึงแสนถึงล้านส่งยิ้ม
โลกทั้งใบก็คงจะเบาคงบรรเทาภัยพาลให้ผ่านพ้นไป

มามอบยิ้มกันและกัน
... เพราะหัวใจเราอยู่ในนั้น ...

มามอบความมั่นใจต่อกันให้มันมั่นคงเนิ่นนาน
มาอมอบยิ้มทุกครั้งเมื่อมีคำทักทายถึงกัน
มาสร้างยิ้มพิมพ์ใจให้พิมพ์บนใจผู้คน

ทุกวันจึงบอกตัวเองตลอด
ขอทำในสิ่งที่ทำแล้วใจมีความสุข
และยังทำให้คนอื่นสุขใจในสิ่งที่เราทำแจกอมยิ้มให้คนที่เจอ

แจกความสุขที่มาจากหัวใจ
แจกไปเท่าไร ก็กลับคืนมาเหมือนเดิม
(แจกอมยิ้มให้คนที่เจอ แจกความสุขที่มาจากหัวใจ
แจกไปเท่าไร ยิ่งกลับคืนมามากกว่าเดิม)

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 15 ต.ค. 2010, 22:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2010, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว






เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ฟังแล้วต้องนั่งอมยิ้มทุกๆครั้ง
ภาพของมิตรภาพที่มีให้ต่อกัน ถึงแม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนก็ตาม
ความรู้สึกดีๆยังคงอยู่ในใจเสมอมา

บางครั้งหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมาในชีวิต อาจจะไม่ได้ดั่งใจของเราเสมอไป
แต่ละคนย่อมมีเหตุผลในการกระทำของแต่ละคน เราควรให้อภัยซึ่งกันและกัน

ไม่ใช่พอไม่ได้ดั่งใจก็เก็บความขุ่นเคืองใจเอาไว้
จนกลายเป็นความพยาบาทไปโดยไม่รู้ตัว เหตุเพียงเพราะไม่ได้ดั่งใจเท่านั้นเอง
เพราะเหตุอย่างนี้ๆ ภพชาติจึงยืดยาวออกไปเรื่อยๆ เพราะความไม่รู้ตัวเดียวนี่เอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2010, 01:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www





ครั้งแรกที่ได้ยินเพลงนี้....ตอนนั้นยังไม่มีลูก
แต่ก็ทำให้สะเทือนใจ....สงสารแม่ลิงที่ต้องตาย สนองตัณหาของมนุษย์
เพีงแค่...คึกคะนอง(ความเข้าใจตอนนั้น...ยังไม่รู้ประวัติของเพลง)

สงสารลูกลิง...ที่ต้องมากำพร้า...ขาดความอบอุ่น...แล้วจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?
ท่ามกลางอันตราย..ทั้งจากสัตว์ป่าด้วยกัน...และจากน้ำมือของมนุษย์

ตอนหลังมาทราบประวัติว่า....ที่แม่ลิงถูกยิง เพราะความ "อยาก" กินแค่เนื้อของเขา
มีอาหารให้เลือกกินมากมาย...แต่กลับต้องการกินเนื้อลิง...ซึ่งกำลังให้นมลูกอ่อน
ก็ยิ่งเศร้าใจ...หัวใจจะหยุดเต้นทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้...เสียงดนตรีที่เศร้าสร้อย
เนื้อเพลงที่เหมือนเสียงคร่ำครวญของแม่ลิง...ทำให้ใจหวิวๆ....เพราะเข้าใจลึกซึ้ง
ของความห่วงใย ที่แม่มีให้ลูก...และรู้ตัวว่าตัวเองไม่อาจจะอยู่ดูแลลูกเล็กๆได้อีกต่อไป
จิตจะเศร้าหมอง ขนาดไหนนะก่อนที่จะตาย เพราะมีแต่ "ห่วง" แล้วแม่ลิงตัวนี้
จะไปสู่สุขคติได้อย่างไร?.....

เคยอ่านหนังสืออยู่เรื่องหนึ่ง...เป็นเรื่องเกี่ยวกับกรรมเก่า....ผู้ชายคนหนึ่ง มีอาชีพ
ล่าสัตว์ป่า...มีอยู่วันหนึ่งเขาก็ยิงถูกลิงที่มีลูกอ่อนติดหน้าอกแบบนี้...พอถูกยิงร่วง
ลงมาจากต้นไม้....นายพรานคนนี้ก็วิ่งไปดู...แม่ลิงตานอนปริบๆเลือดท้วมตัว..
รีบยื่นลูกลิงเล็กๆที่เกาะอกอยู่ให้นายพราน....เหมือนจะเป็นการบอกว่า
"อย่าทำร้าย" ลูกเลย แล้วก็ขาดใจตาย....นายพรานคนนั้น...นำลูกลิงกลับบ้าน
เพื่อนำไปขายไม่ได้มีจิตเมตตาต่อชะตากรรมของสองลิงแม่ลูกนั้นเลย....

ต่อมาภรรยาเขาท้องและคลอดลูกออกมา...เด็กที่ออกมามีลักษณะท่าทางเหมือนลิงมาก
จำไม่ได้ว่าเรื่องต่อไปจะเป็นอย่างไร?....รู้แต่ว่าเจ้าตัวเขานั่นแหละที่นำเรื่องมาถ่ายทอด

สมองของมนุษย์นี้เป็นเลิศจริงๆ...สามารถเบียดเบียน...ข่มเห่ง สัตว์โลกที่ร่วมทุกข์ด้วยกัน
ในทุกรูปแบบ....ไม่มีสัตว์โลกชนิดใดที่จะใจร้าย ใจดำเท่ากับมนุษย์(บางคน)ได้อีกแล้ว
พูดแล้วเศร้าจัง..... :b7:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2010, 22:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว











ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้น

จันทร์คืนแรม วับแวมอยู่บนปลายฟ้า คงล้าอ่อนแรง ทอแสงแหว่งเว้าครึ่งดวง

คืนเหงามันเศร้ามันซึมในทรวง จันทร์เพียงครึ่งดวง คล้ายจันทร์เจ้ารอใคร

จันทร์คืนแรม วับแวมมีเพียงครึ่งใบ คงดังกับใจฉันที่มีเพียงครึ่งดวง

คอยรักที่จักเดิมเต็มในทรวง โอ้ใจครึ่งดวง เฝ้ารอมาเนิ่นนาน

จันทร์เอ๋ยจันทร์ที่ลอยเด่นฟ้า จะมีน้ำตาหลั่งมาเหมือนฉันบ้างไหม

ความรักมันช่างห่างไกลแสนไกล ไม่รู้วันไหน หัวใจถึงจะเต็มดวง

คงมีวันที่จันทร์เจ้าจะเต็มใบ แต่ว่าหัวใจฉันจะมีไหมวันนั้น

ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง

จันทร์เอ๋ยจันทร์ที่ลอยเด่นฟ้า จะมีน้ำตาหลั่งมาเหมือนฉันบ้างไหม

คงมีวันที่จันทร์เจ้าจะเต็มใบ แต่ว่าหัวใจฉันจะมีไหมวันนั้น

ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง

ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง



บางคนเกิดมา มีเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้แล้ว บางคนเพิ่งมากำหนดเส้นทางให้กับตัวเอง
บางคนก็ยังไม่รู้เส้นทางของตัวเอง แต่ยังคงหาเส้นทางนั้นอยู่ บางคนทั้งยังไม่รู้ ทั้งยังไม่ได้ค้นหา

สภาวะที่ผ่านมา ทำให้เข้าใจเรื่องราวของความรัก
ทำให้รู้สึกเข้าใจในความทุกข์ของคนที่มีความรัก

รักมาก คือ ยึดมาก ย่อมทุกข์มาก

รักน้อย คือ ยึดน้อย ย่อมทุกข์น้อย

ไม่มีความรักยังไงก็ยังมีทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากอุปทาน
ตราบใดที่ยังมีอุปทาน ย่อมมีทุกข์เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากเหตุที่เคยร่วมกระทำด้วยกันมาทั้งนั้น

หากแม้นไม่สมหวัง จะด้วยเหตุใดๆก็ตาม ให้ขออโหสิกรรมต่อกัน
อย่าได้โกรธเคืองหรือผูกใจเจ็บต่อกัน เราเคยทำเขา เขาย่อมทำเรา
เราเคยทิ้งเขา เขาย่อมทิ้งเรา ทุกอย่างมันมีเหตุ ผลเลยมาแสดงให้เห็น
ควรให้การอโหสิกรรมต่อกัน เมื่อมีการให้อโหสิกรรมต่อกันทั้งสองฝ่ายแบบออกจากใจจริงๆ
กรรมที่เคยมีต่อกัน ย่อมสิ้นสุดลง

ฤามีให้หนีกรรม ทำสิ่งใด ย่อมได้รับผลตามนั้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม
ยังไงก็ต้องชดใช้ จากโจทย์ที่หนึ่ง หากสิ้นอายุขัยไปก่อน หรือจะด้วยเหตุใดๆก็ตาม
โจทย์ที่สองจะขึ้นมาแทนที่โจทย์ที่ 1 ที่สิ้นไป เปรียบเสมือนห่วงโซ่
หากยังตัดห่วงโซ่นี้ยังไม่ได้ ผลย่อมได้รับอย่างแน่นอน

ชายไม่ชาย หญิงไม่ใช่หญิง
เหตุที่เป็นหญิงหรือชาย ล้วนเกิดจากเหตุที่กระทำมา
ความรักที่แท้จริงไม่มีการแบ่งเพศ แบ่งวัย แบ่งชั้นวรรณะ
แต่เพราะเหตุที่กระทำมาจึงทำให้มีผลแสดงให้เป็นไปเช่นนั้น

เราทั้งหลาย ทุกรูป ทุกนาม ไม่เคยไม่เกิดมาเป็นทั้งหญิงและชาย
ไม่เคยไม่เป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ ร่วมตระกูลกันมา

บางคู่เกิดมาเพื่อสร้างบารมี บางคู่เกิดมาเพื่อทำลายล้างกัน
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากเหตุที่เคยกระทำร่วมมากันทั้งสิ้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 17 ต.ค. 2010, 22:58, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2010, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว








ทุกๆเส้นทางที่เดินผ่าน ล้วนแตกต่างไปตามเหตุที่แต่ละคนกระทำมา
สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แล้วแต่เราจะปรุงแต่งตามสิ่งที่มากระทบ

กลไกของจิตนี้ละเอียดยิ่งนัก มีอะไรที่ซับซ้อนมากมาย
เหมือนเราผ่านไปทีละเฟืองๆ ตามกลไกของจิต
กว่าจะเข้าได้ถึงจิต ต้องเจอบททดสอบอะไรมากมาย

สติทัน สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น
สติไม่ทัน เป็นไปตามกับดักกิเลส

รอบๆตัว มีแต่หลุมพรางของกิเลส
จากเห็นหยาบๆ จนถึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2010, 00:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว














คู่บารมีหลวงปู่มั่น – วิญญาณรักและผูกพัน


สิ่งที่เกี่ยวกับครูบารมีของหลวงปู่มั่นมาดั้งเดิม ท่านเล่าว่าแต่ก่อนที่ยังไม่ถึงธรรมขั้นนี้
คู่บารมีของท่านเคยปารถนาพุทธภูมิมาด้วยกัน

แต่สมัยก่อนโน้นก็เคยมาเยี่ยมท่านทางสมาธิภาวนาเสมอ
ท่านแสดงธรรมให้ฟังเล็กน้อยแล้วสั่งให้กลับไป นานๆมาครั้งหนึ่งแต่มาในรูปแห่งวิญญาณ
มองร่างไม่ปรากฏเหมือนภพอื่นๆ

เวลาท่านถามก็ตอบว่า เป็นห่วงท่านมาก ยังมิได้ตั้งใจไปเกิดในภพภูมิที่เป็นหลักเป็นฐานใดๆทั้งสิ้น
ทั้งกลัวท่านจะหลงลืมความสัมพันธ์ และความปารถนาที่เคยพาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง
ในอนาคต จึงต้องคอยฟังเรื่องราวอยู่เสมอด้วยความเป็นห่วงและเสียดาย

ท่านก็ได้บอกว่า ได้ของดความปารถนานั้นไปแล้ว และได้ตั้งใจปฏิบัติตนให้พ้นทุกข์ในชาตินี้
ไม่ขอเกิดอีก ซึ่งเท่ากับเอาทุกข์ภัยที่เคยพบเคยเห็นมาชาตินั้นๆมาแบกหามต่อไปอีก
แม้มิได้ตอบให้ท่านทราบว่าหายห่วงหรือยังห่วงอยู่ในเรื่องนั้น
แต่ก็ยังเป็นห่วงคิดถึงท่านตลอดมามิได้หลงลืมจืดจาง
แต่นานๆมาเยี่ยมท่านหนหนึ่งดังนี้


พอมาระยะนี้องค์ท่านเองนึกเป็นห่วงและสงสารที่เคยรับความทุกข์ยากลำบากในภพชาตินั้นๆมาด้วยกัน
ตามที่ท่านพิจรณารู้เห็น จึงนึกวิตกอยากพบเพื่อจะได้ปรับปรุงความเข้าใจและเล่าอะไรที่จำเป็นให้ฟัง
จะได้หายสงสัยหมดกังวลความผูกพันในความหลัง

เพียงนึกวิตกเท่านั้น พอตกกลางคืนยามดึกสงัด คู่บารมีของท่านก็มาจริงๆ
และมาในรูปแห่งวิญญาณตามเดิม

ท่านเริ่มถามถึงภพชาติที่กำลังเป็นอยู่ว่า ทำไมมีแต่ดวงวิญญาณ
ไม่มีร่างเหมือนภูมิอันเป็นทิพย์ทั่วๆไป เวลานี้เกิดเป็นอะไรจึงได้มาในลักษณะวิญญาณเช่นนี้

ดวงวิญญาณตอบท่านว่า นี่เป็นภพย่อยอันละเอียดอีกภพหนึ่งในบรรดาภพทั้งหลาย
ที่มารออยู่ในภพนี้ก็เพราะความเป็นห่วงดังที่เคยเรียนแล้วนั่นเอง

ที่มานี้ก็ทราบว่าท่านอยากให้มาถึงได้มา ไม่กล้ามาบ่อยนักเพราะเป็นความกระดากอายอยู่ภายใน
ทั้งๆที่อยากมาบ่อยที่สุด แม้มาแล้วจะไม่มีความเสียหายอะไรทั้งสองฝ่าย
เพราะมิใช่วิสัยจะทำให้เกิดความเสียหายได้ก็ตาม แม้ความรู้สึกอันดั้งเดิมที่เคยมีต่อกัน
หากทำให้เกิดความตะขิดตะขวงใจไม่กล้ามาไปเอง

ทั้งท่านก็เคยบอกว่าไม่ให้มาบ่อยนัก แม้ไม่เสียหายก็อาจเป็นอารมณ์เครื่องทำให้เนิ่นช้าแก่การปฏิบัติได้
เพราะใจเป็นสิ่งละเอียดอาจรับเอาอารมณ์อันละเอียดมาเป็นอุปสรรคแก่การดำเนินของตนได้
ก็เชื่อว่าอาจเป็นดังได้ที่บอกจึงมิได้มาบ่อยนัก

คืนวันที่ท่านตัดขาดจากภพจากชาติจากญาติมิตรสหาย จากสายบารมีผู้หวังพึ่งเป็นพึ่งตาย
อย่างไม่อาลัยเสียดายเลยนั้นก็ทราบ เพราะเรื่องกระเทือนไปทั่วโลกธาตุต้องทราบกันทุกแห่งหน
แต่แทนที่จะชื่นบานหรรษาอนุโมทนาด้วยดังที่เคยมีมาแต่ก่อนนั้น กลับเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ
ด้วยความวิปริตคิดไปต่างๆว่า ท่านไปแบบไม่เหลียวแล แม้คู่บารมีที่เคยทุกข์เคยตะเกียกตะกาย
ถวายความจงรักภักดีในภพน้อยภพใหญ่มาด้วยกันก็ไม่เหลือบมอง ชาติวาสนาของตัวนี้แสนอาภัพ
ก็อยู่ไปตามกรรม มีแต่ลูบคลำทุกข์ไม่มีวันปล่อยวางอย่างนี้แล


( มีต่อ )

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2010, 04:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เรื่องนี้ไม่เคยผ่านตามาก่อนเลย
กำลังรออ่านเรื่องราวต่อจากนี้อยู่นะค่ะ อ.น้ำ

อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2010, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว







เมื่อก่อน ก่อนที่สภาวะของน้ำจะมาอยู่ที่จุดๆนี้
เวลาที่ได้อ่านเรื่องนี้ จะรู้สึกสะเทือนใจทุกๆครั้ง พร้อมกับน้ำตาก็ไหลออกมาเอง
ด้วยความสงสารที่มีต่อดวงวิญญาณ ตลอดจนจิตที่มั่นคงในความรักของดวงวิญญาณที่มีต่อคู่ของตน

ซึ่งเรื่องราวตรงนี้ ก็ได้พบประสพเจอด้วยตัวเอง
จึงเข้าใจในสภาวะที่ดวงวิญญาณได้เป็นอยู่ในขณะนั้นๆ

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงสภาวะ แต่เรื่องความผูกพันที่มีต่อกัน แม้จะข้ามภพข้ามชาติ
แม้จะกี่ภพกี่ชาติก็ตาม ความผูกพันนั้นยังคงมีต่อกันอยู่ มันไม่เหมือนเรื่องราวของความรัก
ความผูกพันเป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าความรัก เพราะไม่ได้เจือในเรื่องของกิเลสตัณหาราคะแต่อย่างใด

มันมีแต่จะคิดคอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
และชักนำไปในทางธรรมที่ควร ที่ถูกต้อง

เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องจากไป เป็นธรรมดาของอีกฝ่ายที่ยังไม่เข้าใจย่อมตัดพ้อต่อว่า
กล่าวหาว่าทอดทิ้งให้ตัวเองต้องทุกข์ทรมาณอยู่ฝ่ายเดียว เอาแต่สบายไปเพียงผู้เดียว

ครูบาอาจารย์ท่านพูดถูก " เป็นอารมณ์เครื่องทำให้เนิ่นช้าแก่การปฏิบัติได้
เพราะใจเป็นสิ่งละเอียดอาจรับเอาอารมณ์อันละเอียดมาเป็นอุปสรรคแก่การดำเนินของตนได้ "

ใจนี้เป็นเรื่องละเอียดยิ่งนัก ยากยิ่งนักหากยังไม่เข้าใจในเรื่องของเหตุและผล
ยิ่งใจที่มีสติ สัมปชัญญะน้อยนิด ยิ่งมีแต่การสร้างเหตุไม่รู้จักจบสิ้น จึงหลงเวียนว่ายในวัฏสงสารกันต่อไป

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร