วันเวลาปัจจุบัน 22 พ.ค. 2025, 01:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2010, 13:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


วิกฤติสุขภาพจากเทคโนโลยี

และเกินกว่าร่างกายจะรับได้กลับเป็นการทำร้ายสุขภาพ ที่นำมาซึ่งความเจ็บป่วยนานัปการ
ชีวจิตฉบับนี้ มีเรื่องราวสุขภาพอันเป็นผลพวงจากการใช้เทคโนโลยีใกล้ตัวมาเล่าสู่กันฟังค่ะ


:b5: หูดับเพราะโทร.นาน

การใช้โทรศัพท์พูดคุยกันตลอดเวลานั้นสามารถทำร้ายหูของเราได้
ดังกรณีของ คุณชเนษฎ์ ศรีสุโข นักศึกษาแพทย์ อายุ 23 ปี
ที่เคยใช้โทรศัพท์มือถือนานกว่า 3,000 นาที (ประมาณ 50 ชั่วโมง)
ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน ส่งผลให้หูข้างขวาสูญเสียการได้ยินชั่วคราว

“ช่วง ที่เป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 5 ผมเป็นกรรมการสโมสรนักศึกษาแพทย์
จึงต้องจัดกิจกรรมให้รุ่นน้อง โดยเฉพาะช่วงรับน้องใหม่
ทำให้ต้องใช้โทรศัพท์ติดต่อประสานงานการจัดกิจกรรมนักศึกษามากกว่าปกติ
หลายครั้งที่คุยจนโทรศัพท์ร้อนจัด

“หลังตื่นนอนวันหนึ่งพบว่า หูข้างขวาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
เมื่อไปพบคุณหมอ ท่านวินิจฉัยว่าเป็นอาการประสาทหูเสื่อมชนิดเฉียบพลัน
(หรือหูดับเฉียบพลัน) ซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจมีปัจจัยเสี่ยงคือ
การใช้โทรศัพท์มือถือแนบหูเป็นเวลานานและบ่อย

“ผมหูดับอยู่ประมาณสองเดือน เรียนและทำกิจกรรมไม่สะดวกจนต้องลาหยุด
ทำให้รู้สึกทรมานและเป็นกังวล บางครั้งจึงต้องกินยาคลายเครียดเพื่อช่วยให้นอนหลับได้

“ต่อมาหูข้าง ขวาก็กลับมาได้ยินเหมือนเดิม แต่ไม่ชัดเจนเท่ากับหูข้างซ้าย
เพราะประสาทหูบางส่วนเสื่อมไปแล้ว และยังมีอาการหูดับบ้างเป็นครั้งคราวมาจนถึงทุกวันนี้
แต่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็หาย

“ตั้งแต่นั้นมาผมจึงดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อนอย่างเต็มที่
และใช้โทรศัพท์มือถือเท่าที่จำเป็น โดยใช้หูฟังบลูทูธช่วย
เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับโทรศัพท์มือถือโดยตรง”

สิ่งที่เสียไปแล้วมักไม่คืนกลับมา ฉะนั้น ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ



:b5: ปวดศีรษะเพราะโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์

คุณณัฐณิชา สุขนาม พนักงานบริการลูกค้า อายุ 22 ปี
เล่าถึงผลร้ายจากการใช้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานว่า

“ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย มักใช้เวลาว่างคุยโทรศัพท์ ครั้งหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง
เคยคุยสูงสุดถึง 3 ชั่วโมง

“ตอนที่คุยโทรศัพท์มากๆ มักมีอาการปวดหัว วิงเวียน คล้ายคนเมารถ
ตอนนั้นก็คิดว่าเป็นเพราะนอนน้อยมากกว่าจึงไม่เอะใจ
จนกระทั่งช่วงที่เรียนปี 3 ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานเพื่อทำรายงาน
จนแทบไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมงติดต่อกัน
อาการปวดหัวก็เริ่มมากขึ้นจนต้องกินยาแก้ปวดแล้วนอนหลับพักผ่อนอย่างเดียว
ไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้เลย

“เมื่อหันกลับมาพิจารณาพฤติกรรมของตนเอง
จึงคิดว่าน่าจะเป็นเพราะการใช้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์
จึงพยายามจำกัดเวลาการใช้โทรศัพท์ หากจำเป็นต้องคุยเป็นเวลานาน
จะใช้อุปกรณ์เสริมอย่างสมอลล์ทอล์ค หรือหูฟังบลูทูธ

“ถ้ารู้สึกเหงาจะพยายามคุยกับคนที่อยู่ด้วยในเวลานั้น แทนการโทรศัพท์
และพยายามใช้คอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็น หากต้องใช้เป็นเวลานานจะพักสายตา
หรือลุกขึ้นเดินเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ อาการปวดหัวจึงค่อยๆ ทุเลาลง”

อะไรที่มากเกินไปมักจะเป็นผลร้ายเสมอค่ะ


:b5: ตาเสื่อมก่อนวัยจากโทรทัศน์

โดยทั่วไปแล้ว ประสิทธิภาพการมองเห็นของคนเราจะเสื่อมถอยไปตามอายุ
แต่เมื่อไรที่ใช้สายตามากเกิน ก็อาจทำให้สายตาเสื่อมตั้งแต่ยังเด็ก

คุณ ขนิษฐา ชินพัฒนา อาชีพนักเขียนอิสระ อายุ 34 ปี
เล่าถึงผลร้ายจากการที่ลูกชายวัยประถมศึกษาปีที่หนึ่งรักการดูโทรทัศน์ว่า

“ลูกชายชอบดูการ์ตูนทีวีเป็นชีวิตจิตใจตั้งแต่เขาเรียนอยู่อนุบาลสอง
หลังจากแยกห้องนอนกับลูก เขามักขอให้พี่เลี้ยงเปิดรายการการ์ตูนในทีวี
หรือจากแผ่นดีวีดีให้ดูเป็นประจำ และจะขอให้พี่เลี้ยงปิดไฟและรูดม่านในห้องลงจนมืดสนิท
เพราะชอบบรรยากาศมืดๆ แบบในโรงหนัง

“เคยห้ามลูกไม่ให้ทำแบบนี้ เพราะจะทำให้สายตาเสีย แต่ลูกกลับแอบใช้ผ้าห่มคลุมกันแสงจากทีวี
เพื่อไม่ให้เราเห็น ซึ่งอาจจะโดนดุได้ เราเลยจำกัดเวลาดูทีวีของลูกไม่ให้เกินสามทุ่มในวันธรรมดา
ส่วนวันหยุดจะปล่อยให้ดูตามสบาย

“วันหนึ่งลูกบอกว่ารู้สึกเหมือนมองเห็น ลูกโป่งหลายลูกแตกอยู่ในตาข้างขวา
ส่วนตาข้างซ้ายเห็นเป็นเงากลมๆ ลอยไปมา ทำอย่างไรก็ไม่หาย รู้สึกรำคาญ และมีอาการปวดหัว
จึงรีบพาไปหาคุณหมอ

“ผลการตรวจพบว่า ลูกมีอาการวุ้นตาเสื่อมที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้
อาการนี้เกิดจากเจลวุ้นที่คอยหล่อเลี้ยงลูกตาเสื่อมสภาพกลายเป็นน้ำ
ทำให้สารต่างๆ ในดวงตาเกาะรวมตัวกัน เลยมองเห็นคล้ายมีหยากไย่สีดำเกาะหรือลอยไปมา

“คุณหมอบอกว่าเด็กๆ ไม่ค่อยมีอาการนี้ เพราะอาการวุ้นตาเสื่อมมักเกิดกับคนสูงอายุมากกว่า
กรณีของลูกอาจเกิดจากการใช้สายตาอย่างหักโหม
และที่รักษาไม่ได้เพราะเป็นส่วนที่เสื่อมสภาพแล้ว
จึงต้องระวังไม่ให้มีอาการมากขึ้น เพราะอาจทำให้ตาบอดได้”

“หลังจากนั้นจึงเข้มงวดเรื่องการดูทีวีมากขึ้น
คอยถามลูกเรื่องอาการเป็นระยะๆ แล้วชวนทำกิจกรรมอย่างอื่น
เช่น ให้ช่วยเลี้ยงน้อง เล่นเกมที่ทำจากกระดาษ และให้กินอาหารบำรุงสายตา
เช่น ผัดผักบุ้ง ฟักทองแกงบวด”

เห็นไหมคะว่า ภัยจากโทรทัศน์ร้ายกว่าที่คิด
(ติดตามเนื้อหาเพิ่มเติมได้ใน นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 283 )



:b5: เทคโนโลยีใช้งานง่าย

นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีใช้งานง่ายอื่นๆ อีก เช่น เครื่องคิดเลข
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อสมองได้
แต่ความสะดวกสบายจากการใช้เทคโนโลยีที่ใช้งานง่ายทำให้คนเราคิด
และลงมือทำด้วยตัวเองน้อยลง ทำให้สมองที่ควรจะพัฒนาความฉลาดได้หลากหลายด้าน
กลับพัฒนาได้เพียงไม่กี่ด้าน อาจส่งผลให้ความสามารถของสมองถดถอย ตลอดจนสมองเสื่อมก่อนวัย

รู้ใช้จะเป็นนายเทคโนโลยี ดีกว่าให้เทคโนโลยีทำร้ายสุขภาพค่ะ


ที่มา...นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 283

:b48: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2010, 16:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b8: อนุโมทนา..สาธุ..จร้า..น้องลูกโป่ง :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร