วันเวลาปัจจุบัน 22 พ.ค. 2025, 18:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 10:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


พิษของพารา...ใครว่าธรรมดา

ในสมัยโบราณมีการใช้เปลือกต้นหลิว (willow) เป็นยาลดไข้ (antipyretic)
และมีการค้นพบสารเคมีในเปลือกต้นหลิวคือ ซาลิซิน (salicins)
ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นแอสไพริน (aspirin) ได้
นอกจากนี้ยังค้นพบว่าในเปลือกซิงโคนา (cinchona) มีควินิน (quinine)
ที่มีฤทธิ์เป็นยาแก้ไข้ได้ซึ่งต่อมาถูกนำมาใช้เป็นยารักษามาลาเรีย


ในปี ค.ศ. 1880 เกิดภาวะขาดแคลนต้นซิงโคนา
จึงได้มีคนพยายามที่จะหาทางเลือกสำหรับยาลดไข้
จนมีการค้นพบยาลดไข้ตัวใหม่คือ
• ปี ค.ศ. 1886 พบ อะซิตานิไลด์ (acetanilide)
• ปี ค.ศ. 1887 พบ ฟีนาซิตีน (Phenacetin)


ขณะเดียวกันในปี ค.ศ. 1873 ฮาร์มอน นอร์ทรอป มอร์ส
(Harmon Northrop Morse) ก็สามารถสังเคราะห์ พาราเซตามอล
โดยปฏิกิริยารีดักชั่น พารา-ไนโตรฟีนอล (p-nitrophenol)
กับดีบุกในกรดอะซิติก (acetic acid)
แต่ก็ยังไม่มีการนำพาราเซตามอลมาใช้เป็นยาลดไข้
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1893 ได้มีการตรวจพบพาราเซตามอลในปัสสาวะ
ของผู้ที่ใช้ยาฟีนาซิตีน และยังค้นพบว่าอะซิตานิไลด์
จะถูกเปลี่ยนเป็นพาราเซตามอลในร่างกายก่อน
จึงสามารถออกฤทธิ์ลดไข้ได้ในปี ค.ศ. 1899


เนื่องจากพาราเซตามอล (paracetamol)
หรือ อะเซตามิโนเฟน (acetaminophen)
เป็นยาบรรเทาอาการปวด (analgesics)
ม่มีผลข้างเคียงเรื่องการระคายเคืองผนังกระเพาะอาหาร
และการแข็งตัวของเลือดเหมือนยากลุ่มเอ็นเซด
(non-steroidal anti-inflammatory; NSAIDs)
เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen)
หากใช้ในขนาดการรักษาปกติ ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่ค่อยรู้พิษสงของยานี้เท่าไหร่
นอกจากนี้ยังสามารถหาซื้อได้ง่ายโดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์
เป็นเหตุให้ปริมาณการใช้ยาตัวนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พาราเซตามอลกลายเป็นยาประจำบ้านที่ขายดิบขายดี
เป็นอะไรก็กินแต่พาราเซตามอล ปวดศีรษะ ไข้หวัด ก็พาราเซตามอล
ปวดหลัง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ก็พาราเซตามอล
ยิ่งกว่านั้นบางรายปวดท้อง เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ก็กินพาราเซตามอล
ซึ่งพาราเซตามอลก็คงไม่ได้ช่วยอะไร ทำได้แค่ให้สบายใจขึ้นเพราะได้กินยาแล้ว
บ้างก็มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ยอมไปหาหมอรักษากัน
พลอยทำให้โรคที่เป็นลุกลามมากขึ้น ต้องเสียเงินรักษามากขึ้นโดยใช่เหตุ


ในหลายประเทศได้แก่ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา
ได้มีการสำรวจวิจัยพบว่ามีการใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาดมากขึ้นทุกปี
และมีผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
จากการเกิดพิษของพาราเซตามอลจำนวนมาก
จนน่าตกใจจนต้องออกมารณรงค์ให้ใช้ยาพาราเซตามอลเฉพาะเมื่อมีความจำเป็น
และเผยแพร่ความรู้เรื่องพิษของยาให้ประชาชนตระหนักมากยิ่งขึ้นผ่านสื่อต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ ใบปลิว เอกสารกำกับยา หรืออินเตอร์เน็ต


อันตรายจากการใช้ยาพาราเซตามอล ที่พบได้มากที่สุด
คือ พิษต่อตับ ทำให้ตับวาย รองมาเป็นเรื่องของการเกิดปฏิกิริยากับยาอื่น
หรือตีกับยาอื่นนั้นเอง ซึ่งเกิดขึ้นจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจ



•ที่เกิดจากความตั้งใจ
ทุกคนคงทราบกันดี นั่นคือ การกินพาราเซตามอลประชดชีวิต
การฆ่าตัวตาย ซึ่งบางรายก็แค่ต้องการประท้วง เรียกร้องความสนใจ
นึกว่าพิษของพาราเซตามอลเป็นเรื่องเล็กๆ
แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเพราะพาราเซตามอล
จะทำให้ตับเสียการทำงานหรือตับวายได้
ซึ่งหากได้รับยาต้านพิษไม่ทันเวลาก็จะทำให้เสียชิวิตได้


•ที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ
เนื่องจากพาราเซตามอลที่ผลิตออกจำหน่าย
ในปัจจุบันนั้นมีหลายรูปแบบหลายความแรง หลายยี่ห้อ
ซึ่งเป็นการยากที่ประชาชนทั่วไปจะทราบ ได้แก่ รูปของยาเม็ด
ยาน้ำเชื่อม และการนำพาราเซตามอลไปผสมกับยาอื่นๆ
ได้แก่ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้หวัด ยาแก้ปวด เป็นต้น
ทำให้เกิดการกินยาซ้ำซ้อน โดยไม่รู้ตัว
หากเป็นระยะเวลาไม่นานแค่ 2 ถึง 3 วันก็ยังพอไหว
หากระยะเวลานานเป็นเดือนการเกิดพิษต่อตับคงเกิดอย่างแน่นอน
ดังนั้นทางที่ดี ก่อนกินยาอะไรควรอ่านฉลากยาให้ละเอียดเสียก่อน
และหากไม่แน่ใจว่าเป็นยาอะไร เป็นยาสูตรผสมหรือไม่
ก็ควรปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์ก่อนทุกครั้ง


เรื่องที่น่าคิดอีกเรื่อง คือ การกินพาราเซตามอลร่วมกับเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์

เช่น เหล้า ไวน์ รัม ยีน หรือ เบียร์ เพราะตัวแอลกอฮอล์เอง
เป็นที่ทราบกันดีว่าหากได้รับในปริมาณมาก หรือต่อเนื่องกันนานๆ
ก็ทำให้เกิดภาวะตับแข็ง ตับวายได้ หากกินร่วมกับพาราเซตามอล
ก็จะเท่ากับเป็นการเหยียบคันเร่งให้ตับพังได้เร็ว ยิ่งขึ้น
คณะกรรมการอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมาย
ให้มีการพิมพ์คำเตือนบน ฉลากยาพาราเซตามอลว่า
“ ห้ามรับประทานร่วมกับเครื่องดื่มที่ผสม แอลกอฮอล์ ”
เนื่องจากเกิดคดีพิพากษาเกี่ยวกับการกินยาพาราเซตามอลร่วมกับไวน์เป็นประจำ
ของชาวเวอร์จิเนียรายหนึ่งจนทำให้ตับวาย จนต้องมีการปลูกถ่ายตับใหม่
บริษัทผู้ผลิตยาแพ้คดีต้องจ่ายเงินชดใช้ถึง 8 ล้านดอลลาร์


เรื่องสุดท้ายที่อยากจะเตือนคุณผู้อ่านก็คือ เรื่องของยาตีกัน
ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง แต่เดิมไม่เคยมีใครคิดถึงเรื่องนี้เลย

คิดว่าพาราเซตามอลเป็นยาสามัญประจำบ้าน ไม่มีพิษสงอะไร
ไม่ตีกับยาอื่น แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว เนื่องจากระยะหลังนักวิจัย
ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะคนใช้ยาพาราเซตามอลมากขึ้น
ยังกับพาราเซตามอลเป็นขนมอย่างนั้นแหละ ตัวอย่างหนึ่งที่ดิฉันพบเองก็คือ
พาราเซตามอลตีกับยาต้านการแข็งตัวของเลือดตัวหนึ่งในผู้ที่เป็นเลือดข้น
กล่าวคือพาราเซตามอลทำให้เลือดแข็งตัวช้าลงได้ หากได้รับในปริมาณมาก
อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
ซึ่งเท่ากับไปเสริมฤทธิ์ของยาต้านการแข็งตัวของเลือด
จนทำให้ผู้นั้นเกิดเลือดออกผิดปกติขึ้น


ทางที่ดีคุณควรใช้ยาพาราเซตามอ ลเท่าที่จำเป็นในขนาดการรักษาปกติ
คือ ยาพาราเซตามอล 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
(เช่น น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ก็กินแค่ยาเม็ดขนาด 500 มิลลิกรัม 1 เม็ด ก็เพียงพอ)
และหากไม่มีอาการแล้วก็ควรหยุดกินยาทันที หรือหากใช้ยาติดต่อกัน
เป็นระยะเวลาประมาณ 3-4 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์
เพื่อการวินิจฉัยเพิ่มเติมจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง



ที่มา...HealthToday

:b48: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 10:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b6:
...มีบางคนคิดสั้นกินยาพาราเซตามอลหวังฆ่าตัวตาย...
...มันไม่ตายน่ะสิ...จะทรมาณทั้งชีวิตเพราะตับพัง...
:b8: :b13:
:b22: :b22: :b22: :b22: :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 12:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7820

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


cheesy :b8: ขออนุโมทนาสาธุการด้วยจ้า ลูกโป่ง :b20: tongue


Rosarin เขียน:
tongue
:b6:
...มีบางคนคิดสั้นกินยาพาราเซตามอลหวังฆ่าตัวตาย...
...มันไม่ตายน่ะสิ...จะทรมาณทั้งชีวิตเพราะตับพัง...
:b8: :b13:
:b22: :b22: :b22: :b22: :b22:


นั่นสิค่ะ เห็นด้วยเลย

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ค. 2010, 19:11
โพสต์: 10

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอให้ชัดเจนในเรื่องขนาดของพาราเซตามอลนะครับ ขนาดที่เป็นอันตรายต่อตับ ทำให้ตับวายได้นั้นต้องเป็นขนาดสูงมาก ๆ คือประมาณ 10-15 กรัม (ไม่ใช่มิลลิกรัมนะครับ) คือประมาณ 20-30 เม็ด เพราะพาราเซตามอล 1 เม็ด มีขนาด 500 มิลลิกรัม
และที่สำคัญไม่เคยมีใครฆ่าตัวตายโดยการกินพาราเซตามอลเป็นผลสำเร็จ และโง่มากครับกว่าจะเกิดเป็นคนแสนยาก


แก้ไขล่าสุดโดย กานพลู เมื่อ 11 พ.ค. 2010, 12:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b8: อนุโมทนา..สาธุ..จร้า..น้องลูกโป่ง :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร