วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 03:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 11:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

เงินเป็นสื่อกลางสำหรับการแลกเปลี่ยน
ตำราทุกเล่มบอกเราเช่นนั้น

แต่ในปัจจุบัน เงินเป็นมากกว่านั้น มันได้ยกระดับจน
กลายเป็นสินค้าที่คนทั้งโลกพากันซื้อขายเพื่อหากำไรจากส่วนต่าง

ทุกวันนี้ตลาดเงินตราระหว่างประเทศมีอิทธิพลอย่างมาก
ต่อเศรษฐกิจโลกและสามารถสร้างความวิบัติให้แก่ประเทศใดประเทศหนึ่งก็ได้
ดังประเทศไทยได้ประสบมาแล้ว

เงินถูกสถาปนาให้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของสรรพสิ่ง
ตั้งแต่บุคคล ครอบครัว ซุมชน องค์กร ไปจนถึงประเทศ
แม้แต่ความสำเร็จของรัฐบาลก็ดูกันที่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
ของประเทศยิ่งกว่าอัตราการเกิดอาชญากรรมหรือ
ดัชนีวัดคุณภาพชีวิตของประชากร

ในระดับบุคคล เงินได้กลายเป็นเครื่องวัดคุณค่าชีวิตไปแล้ว
คนรวยจึงถือว่ามีคุณค่ามากกว่าคนจน
ใครที่มีเงินเดือนน้อยก็รู้สึกว่า ตัวเองมีคุณค่าด้อยกว่าเศรษฐี

เมื่อเป็นเช่นนี้ เงินจึงกลายมาเป็นจุดหมายของชีวิตไปในที่สุด

ผลก็คือ ชีวิตของเราถูกเงินครอบงำและผลักดันในแทบทุกด้าน
ไม่เว้นแม้กระทั่งความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือทัศนะต่อตนเอง

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในนามความเจริญก้าวหน้าของชีวิตและการพัฒนาประเทศ

.............................................

เมื่อเราตั้งคำถามกับอิทธิพลของเงินในชีวิตของเรา...

คำถามพื้นฐานก็คือ... เงินทำให้เรามีความสุขจริงหรือ...
การตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน ช่วยให้เราสมหวังกับชีวิตเพียงใด
และสิ่งที่เราสูญเสียไปกับการทำมาหาเงินนั้น
คุ้มค่ากับสิ่งที่เราได้มาหรือไม่


เมื่อเราบวกลบคูณหารด้วยตัวเองแล้ว
เมื่อเราพบว่า สิ่งที่เราได้มานั้นน้อยกว่าที่คิด
และสิ่งที่เราเสียไปนั้นมากเกินกว่าที่นึกเสียอีก
ที่สำคัญก็คือ สิ่งที่เราเสียไปนั้น เราเอาคืนมาไม่ได้
แม้จะมีเงินมากมายเพียงใด
เพราะสิ่งที่เสียไปนั้น คือเวลาที่เรามีอยู่อย่างจำกัดในโลกนี้

หากเงินทำให้เรามีความสุข ผู้คนทุกวันนี้ย่อมมีความสุขกันถ้วนหน้า
เพราะมีเงินมากกว่าแต่ก่อน แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่

.............................................

การสำรวจของศูนย์วิจัยทัศนคติแห่งชาติของมหาวิทยาลัยชิคาโกระบุว่า
นับแต่ พ.ศ. 2500 จนถึง พ.ศ.2541
ชาวอเมริกันที่ยอมรับว่าตนมี "ความสุขมาก"
ได้ลดลงจากร้อยละ 35 เหลือร้อยละ 30
ทั้งๆที่รายได้เฉลี่ยของประชาชนได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

รายงานดังกล่าวบอกเราว่า
แม้ผู้คนรวยขึ้นเป็น 2 เท่า แต่กลับเป็นสุขน้อยลง

...................................................

ผู้คนมีความสุขน้อยลง ส่วนหนึ่งก็เพราะมีเวลาว่างน้อยลงที่จะแสวงหาความสุข
นับวันเราจะหมดเวลาไปกับการหาเงินมากขึ้นเรือยๆ จนไม่มีเวลา
แม้แต่จะใช้เงินที่ได้มาด้วยซ้ำ มิพักต้องพูดถึงการมีความสุขโดยไม่ต้องใช้เงิน

เช่น การนอน หรือ การสังสรรค์กับคนในครอบครัว
ซึ่งผู้คนสมัยนี้ให้เวลาน้อยลง ...
เพราะยิ่งมีเงินมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่า เวลามีค่ามากเท่านั้น

ดั้งนั้นจึงต้องใช้เวลาให้ "คุ้มค่า" มากที่สุด
ซึ่งก็มักจะหมายถึงการมีผลตอบแทนเป็นตัวเงินเยอะๆ
ในขณะที่การพักผ่อนอยู่กับบ้าน หรือกับคนในครอบครัว
ถือเป็นการใช้เวลาที่ไม่คุ้มค่า หรือ "ไม่สมเหตุสมผล"

ด้วยเหตุนี้ เราจึงตั้งหน้าตั้งตา "หาเงิน" กันไม่เลิกราเสียที...


------------------------------------------------------
โดย พระไพศาล วิสาโล. บทนำจากหนังสือ "เงินหรือชีวิต".
โดมิงเกซ, โจ. "จะเลือกเงินหรือชีวิต : เปลี่ยนทัศนคติต่อเงินสู่อิสรภาพของชีวิต".
กรุงเทพฯ : มูลนิธิโกมลคีมทอง, 2546.

ที่มา...บ้านใส่ใจ


:b48: :b8: :b48:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron