วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 14:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 18:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




first.JPG
first.JPG [ 30.61 KiB | เปิดดู 2449 ครั้ง ]
ตะละแม่วีนัส

ธรรมเนียมหอบผ้าไปอยู่ด้วย กันเฉยๆเป็นธรรมเนียมตะวันตกที่คนไทยหันมาทำตามฝรั่งกันให้เกร่อ
อันที่จริงสมัยนี้คงหาสาวบริสุทธิ์ได้ยากเย็นเต็มที
แต่ผู้หญิงที่เคยมีแฟนมาแล้วกับเคยผ่านการอยู่กินกับผู้ชายเฉยๆมาแล้ว
ดีกรีความรุนแรงย่อมแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะผ่านการมีเซ็กส์มาแล้วทั้งสองกรณีก็ตาม

เผื่อจะช่วยให้มองเห็นข้อดีข้อเสียได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อยากรู้จักกันให้ลึกซึ้งก็ต้องอยู่ด้วยกัน

วู้ ย บางคู่แต่งงานกันมาเป็นสิบปียังมีเรื่องให้ช็อคให้แปลกใจกันบ่อยๆ
นับประสาอะไรกับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกค่ะ
แค่หอบผ้ามาอยู่ด้วยกันก็คิดว่ารู้จักกันดีแล้วงั้นหรือ

เราเรียนรู้คนได้ทุกวัน อย่าว่าแต่สิบเดือนเลย แม้แต่สิบปีก็ยังเรียนรู้กันไม่หมด
การอยู่ก่อนแต่งช่วยให้เรียนรู้กันและกันได้บางเรื่อง แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง

ข้อแตกต่างของการแต่งงานและการอยู่ด้วยกันเฉยๆคือ
การแต่งงานเป็นการผูกมัดกันไปตลอดชีวิต...ต่อให้ไปกันไม่รอดก็เถอะ

ส่วนการอยู่กินด้วยกันเฉยๆผูกมัดกันแค่ปีเดียวเท่านั้น
ความมั่นคงและมั่นใจในกันและกันยังมีน้อย
แถมยังมองข้อดีข้อเสียของกันและกันด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่รุนแรงกว่าปกติ
ถ้าหึงก็หึงกว่าปกติ ในขณะที่คู่แต่งงานจะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่มีอารมณ์หรืออคติที่รุนแรงเกินเหตุ

ถ้าอยากเรียนรู้นิสัยส่วน
ตัวกันจริงๆต้องออกเดินทางไปพักผ่อนไกลๆด้วยกัน
ยิ่งหลายวันยิ่งดี ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ
ไม่จำเป็นต้องหอบผ้าย้ายมาอยู่กับเขาให้เปลืองตัว
เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ได้ผลดีจริงๆ




อยากเสมอภาคและทันสมัยต้องอยู่ก่อนแต่ง

เป็น ความคิดที่ผิดมหันต์ มีผลการศึกษาสรุปออกมาแล้วว่า
การแต่งงานนั้นยุติธรรมและเสมอภาคกว่าการอยู่กินกันเฉยๆ เช่น
ผู้ชายแต่งงานแล้วจะเอาใจใส่ดูแลลูกมากกว่าผู้ชายที่อยู่กินกันเฉยๆ
ข้อดีของการอยู่กินกันคือ ผู้หญิงจะรู้สึกว่าสามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้
และมีอิสระได้เป็นตัวของตัว เองมากกว่า
ส่วนผู้ชายที่อยู่ด้วยกันก็จะทำงานบ้านน้อยกว่าผู้ชายที่แต่งงานแล้ว
ยิ่งเรื่องเงินด้วยละก็ ความรับผิดชอบจะน้อยกว่าผู้ชายที่เป็นสามีอย่างน่าใจหาย
ทำให้เขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปโดยปริยาย
ผิดกับสามีซึ่งจะแสดงพาวเวอร์ทางการเงินกับภรรยา
เพื่อแสดงความเป็นผู้นำครอบครัวอันภาคภูมิใจ
สำหรับผู้ชายที่อยู่กินกันเฉยๆ นอกจากเราต้องออกเงินในส่วนของตัวเองแล้ว
เวลาเลิกกันเราอาจจนลงกว่าเดิม เพราะไม่มีเงินเก็บสะสม
ผิดกับการหย่า อย่างน้อยยังได้ค่าเลี้ยงดูหรือทรัพย์สินอะไรติดไม้ติดมือบ้าง



แต่งงานเมื่อพร้อมมีลูก

แล้ว เมื่อไรวันนั้นจะมาถึงเล่าคะคุณขา ถ้าเขาไม่อยากมีลูกละ
แล้วเราก็รอจนแก่เกินแกง หมดวัยมีลูกน้อยไว้เชยชม...น่าเศร้ามาก
การอยู่ก่อนแต่งเป็นตัวถ่วงทำให้เสียเวลาช่วงวัยเจริญพันธุ์ไปอย่างน่า เสียดาย



เคล็ดลับรับมือ อยู่ก่อนแต่ง

* อย่าอยู่เกินหนึ่งปีถ้าหวังได้แต่งงานกัน

ยอมรับความจริงให้ได้ว่า ระยะเวลาหนึ่งปีนั้นนานพอที่เราจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ดังนั้นถ้าเราต้องการแต่งงานแต่เขาไม่...ก็ควรปลีกตัวออกมาดีกว่า ผลที่ตามมาหลังจากนั้นอาจมีสองทางคือ เขาจะคิดถึงเรามากจนต้องคัมแบ็ค หรือไม่ก็หายหัวไปเลย ซึ่งในกรณีหลังนี้เป็นทางออกที่ดี เพราะถึงอย่างไรเราคงไม่อยากร่วมชีวิตกับผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว

* เลียนแบบชีวิตแต่งงานให้เหมือนที่สุดด้วยการแชร์งานบ้าน

ไม่ควรทำตัวเป็นแจ๋วรับงานบ้านมาทำเองทั้งหมด การทำแบบนี้จะทำให้เขากลายเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัวไปโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นอย่าสร้างนิสัยเห็นแก่ตัวให้เขา ความสัมพันธ์ที่ดีต้องเสมอภาคกัน มีอิสระ เป็นตัวของตัวเอง และเคารพให้เกียรติกัน ไม่แข็งกร้าวใส่กัน โปรดอย่าลืมว่า เราได้สร้างนิสัยหลายอย่างขึ้นมาในระหว่างอยู่กินด้วยกันเฉยๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงหลังจากแต่งงานแล้ว ทำตัวในแบบที่เราภูมิใจในตัวเองดีกว่าค่ะ

* ตั้งเป้าหมายร่วมกัน อย่าอยู่ด้วยความหวังลมๆแล้งๆ

ลองหันมาฟังและยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แม้ว่าเป็นสิ่งที่เราไม่อยากฟังนัก ถ้าเขาบอกว่า ยังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน หรือไม่เคยคิดจะแต่งงาน ก็อย่าหลอกตัวเองหรืออยู่ด้วยความหวังลมๆแล้งๆว่า สักวันเขาคงเปลี่ยนใจ ถ้าเราต้องการคนซื่อสัตย์ ให้สังเกตพฤติกรรมตอนอยู่กินด้วยกันคือ ถ้าเราได้น้อยกว่าที่ต้องการ ก็อย่าจมปลักอยู่กับเขานานเกินไป ถึงแม้แต่งงานกันแล้ว ก็อาจจบด้วยการแยกทางกันชัวร์ เพราะการแต่งงานเปลี่ยนนิสัยคนได้ยาก ควรเชื่อในสิ่งที่เห็นและรู้สึก ทำความเข้าใจให้ชัดเจนไปเลยว่าเราต้องการอะไร และควรแชร์เป้าหมายในชีวิตด้วยกัน เวลาจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าจุดมุ่งหมายของเราและเขาคืออะไรกันแน่ การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการได้เรียนรู้กันและกัน

ถ้าการอยู่ก่อนแต่งไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมกับเรา ก็ยังมีวิธีอีกมากมายในการเรียนรู้ว่า นี่คือ
ความรักยืนยงหรือแค่ความหลงชั่วคราว.

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2009, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเห็นของคนส่วนใหญ่นี่น่ากลัวนะครับ
ถ้าเห็นผิดขึ้นมาล่ะก็เป็นเรื่อง..

:b41: :b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2009, 11:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อะไรๆ มันสะดวก
และรวดเร็วไปหมด รวมถึงเรื่องการตัดสินใจ
ของคนสมัยนี้ด้วย :b23:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร