วันเวลาปัจจุบัน 09 มิ.ย. 2025, 11:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2009, 10:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ความกังวลของลูกหลานที่มีต่อคุณตาคุณยาย
หรือผู้สูงอายุที่บ้าน มักมาจากโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะโรคที่สัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้นอย่าง “อัลไซเมอร์”

อัลไซเมอร์ เป็นสาเหตุของอาการสมองเสื่อม
(DEMENTIA) ชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย
ซึ่งเกิดจากสารหลั่งในสมองที่เกี่ยวกับความจำลดลง
และมีการตายของเซลล์สมอง
พบว่า มีสารผิดปกติอมัยลอยด์ ในสมองผู้ป่วยอัลไซเมอร์
ทำให้การทำงานของสมองเสื่อมลง
จนกระทั่งส่งผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย
ในช่วง 8-10 ปี หลังจากเริ่มมีอาการ และไม่ได้รับการรักษา
ผู้ป่วยจะมีอาการสมองเสื่อมรุนแรงยิ่งขึ้น
จนกระทั่งไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตร
ประจำวันตามปกติแม้กระทั่งการแปรงฟัน
ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักพบในผู้สูงอายุ 65 ปี ขึ้นไป
แต่อาจพบในผู้ที่อายุน้อยกว่าก็ได้
ซึ่งมักจะมีประวัติสมองเสื่อมในครอบครัวด้วย

โรคนี้ต่างจากอาการสมองเสื่อมที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ
ตรงที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
หากเพียงแต่ประคับประคอง ไม่ให้อาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว
การดูแลรักษาประคับประคอง เช่น การบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง
เช่น ความดันโลหิต ไขมันในเลือดสูง
และรักษาจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด เข้าร่วมสังคมสม่ำเสมอ

และที่สำคัญ คือ ออกกำลังสมอง
ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้สมองทำงาน ไม่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น


• การออกกำลังสมองคืออะไร

การออกกำลังสมอง หรือ นิวโรบิกส์ เอ็กเซอร์ไซส์ (Neurobics Exercise)
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยไม่ให้สมองเสื่อมเร็วกว่าวัย
ทั้งนี้ การออกกำลังสมอง เปรียบได้กับการออกกำลังของร่างกาย
ที่จะต้องเคลื่อนไหว เพื่อใช้กล้ามเนื้อหลายๆ ส่วนให้ทำงานเชื่อมโยงกัน
ส่งผลให้ร่างกายเราแข็งแรงขึ้น

ดังนั้น การออกกำลังสมองจึงเป็นเสมือนการฝึกให้สมองส่วนต่างๆ
มีการทำงานที่ประสานสัมพันธ์กัน
ทำให้ระบบการทำงานของสมองแข็งแรงและมีพลังขึ้น
เพราะเมื่อฝึกออกกำลังสมองบ่อยๆ
สมองจะมีการหลั่งสารที่เรียกว่า “นิวโรโทรฟินส์”
เปรียบเสมือน “อาหารสมอง”
ที่ทำให้เซลล์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ “เดนไดรต์”
ที่เชื่อมระหว่างเซลล์ ประสาททำงานดีขึ้น
จึงเป็นปัจจัยที่ทำ ให้เนื้อเซลล์เจริญเติบโตและเซลล์สมองแข็งแรง

เมื่อเซลล์สมองส่วนใหญ่แข็งแรง ก็จะทำให้เกิด “พุทธิปัญญา”
อันหมายถึง ความจำ สมาธิ การรับรู้
ที่ทำให้เกิดพฤติกรรมการแสดงออก
รวมไปถึง “การทำงานของสมองระดับสูง” คือ การคิดแก้ปัญหา
หรือการตัดสินใจ และการวางแผนที่ดีขึ้น
ทำให้การทำงานของสมองยังคงประสิทธิภาพดี
แข็งแรง และชะลอความเสื่อม เรียกง่ายๆว่า “สมองแข็งแรง”
เหมือนการออกกำลังให้ร่างกายนั่นเอง


• หลักการออกกำลังสมอง


สำหรับหลักการออกกำลังสมองนั้น
สามารถทำโดยส่งเสริมให้ประสาทสัมผัส ทั้ง 5
ได้แก่ การได้ยิน มองเห็น การได้กลิ่น ลิ้มรส และการสัมผัส
ได้ทำงานประสานเชื่อมโยงกับความพึงพอใจ
หรือที่เกี่ยวข้องกับ “อารมณ์” (Emotional Sense)
ได้ทำงานเชื่อมโยงกัน
โดยใช้กิจกรรมในชีวิตประจำวันเดิมของเรา เป็นตัวช่วย
เพียงแต่ต้องเปลี่ยนวิธีการไปจากเดิม

ยกตัวอย่างเช่น มีการทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้าง
ทำงานประสานกัน เช่น การพรวนดิน การเย็บผ้า
เนื่องจากพฤติกรรมและการรับรู้ต่างๆ
เกิดจากการทำงานประสานกันระหว่างสมองซีกซ้ายและขวา
การใช้มือข้างขวา สมองด้านซ้ายซึ่งบังคับมือขวาจะได้รับการกระตุ้น
ขณะที่สมองด้านขวา บังคับการทำ งานมือซ้าย
ดังนั้น เมื่อเราฝึกทำกิจกรรมต่างๆ
ที่ต้องใช้ร่างกายซีกซ้ายและขวาทำงานเข้าด้วยกัน
ก็เท่ากับช่วยให้สมองทั้งสองซีกได้รับการกระตุ้น
และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขึ้นด้วย


• ทำได้ทั้งในบ้านนอกบ้าน


การออกกำลังสมองนั้น สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
ซึ่งถ้าอยู่บ้านสามารถทำกิจกรรมเหล่านี้ที่บ้านได้
เช่น ในขณะฟังเพลงอาจหลับตา
เพื่อจะได้มีสมาธิจดจ่อ กับดนตรีได้ดีขึ้น
การปั้นตุ๊กตาด้วยดิน น้ำมัน หรือประดิษฐ์ดอกไม้จากแป้ง
ก็จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทางผิวหนังให้ได้รับรู้มากขึ้น

ในระหว่างเดินทางก็ฝึกสมองได้อย่างเมื่อต้องขับรถไปทำงานทุกวัน
ก็ลองเปลี่ยนเส้นทางที่ใช้อยู่เดิมบ้าง
อาจเป็นเส้นทางใหม่ที่รู้อยู่แล้ว หรือเส้นทางทดลองขับก็ได้
เพราะทั้งวิวทิวทัศน์ กลิ่น และเสียงของเส้นทางใหม่
จะช่วยกระตุ้นทั้งสมองชั้นนอก และฮิปโปแคมปัส
ให้สร้างแผนที่เส้นทางชุดใหม่ขึ้นในสมอง

หรืออาจเปลี่ยนวิธีการเดินทางบ้าง
เช่น จากที่เคยขับรถก็อาจนั่งรถเมล์หรือรถไฟฟ้ามาทำงานแทน
ส่วนความเคยชินที่เปิดแอร์ระหว่างขับรถทุกวันก็ลองเปิดกระจกขับรถบ้าง
แต่ก็ควรเลือกเส้นทางที่ มีอากาศบริสุทธิ์
เพื่อเชื่อมโยงประสาทรับกลิ่น
และเสียงภายนอกให้ทำงานประสานกันมากขึ้น

ขณะทำงานก็อาจฝึกสมองไปด้วย
เช่น เมื่อพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานใหม่ หรือคนที่ไม่ค่อยคุยด้วย
เพื่อเติมข้อมูลใหม่ๆให้กับสมอง
ทั้งการจำลักษณะใบหน้า
เสียงพูดหรืออุปนิสัยส่วนตัวของเพื่อนร่วมงานคนนั้น
หรืออาจจะชวนเพื่อนร่วมงานถกเถียง
อภิปรายหรือพูดคุยในประเด็นที่ไม่เคยพูด เพื่อเปิดรับข้อมูลใหม่ๆ

น่าดีใจที่คนไทยตื่นตัวกับความผิดปกติที่เกี่ยวกับความจำมากกว่าแต่ก่อน
ถือเป็นเรื่องดีที่ผู้ป่วยหรือญาติจะเอาใจใส่ สังเกตอาการผิดปกติมากขึ้น
ซึ่งจะส่งผลต่อการรักษา เพราะหากพบอาการผิดปกติเร็ว
ยังไม่ร้ายแรง ก็จะสามารถรักษาได้ผล มากกว่าปล่อยทิ้งไว้นาน

สำหรับท่านที่มีผู้สูงอายุในบ้านมีปัญหาความจำเสื่อมหรือความจำบกพร่อง
อยากพูดคุยปรึกษา ติดต่อได้ที่ คลินิกความจำ ร.พ.ศิริราช
ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 13.00 น.
โทร.0-2419-7101-2 ได้ทุกวันทำการค่ะ


คัดลอกจาก...ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNew ... 0000013097

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 462

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ฟังมาว่า เรียน เปียโนก็แก้ ได้...

.....................................................
"เป็นผู้เคารพยิ่งนักต่อพระสัทธรรมของสมเด็จพระผู้มีพระภาค"
ขอข้าพเจ้าพึงเป็นอติธัมมครุคือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 11:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง
ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

ขอแนะนำให้ออกกำลังกาย (กาย)
ขอแนะนำให้ออกกำลังจิต (จิต) ด้วยการเจริญภาวนาซึ่งทำได้ทุกอิริยาบท
มีเวลาให้หานำมะพร้าวมาดื่ม

ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ................ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 11:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในทางโลก อัลไซเมอร์ จัดเป็นโรคหนึ่งทางระบบประสาท ซึ่งก็อาศัยยาช่วยกระตุ้นฮอร์โมนในสมอง

แต่ในทางธรรม นั่นเป็นอาการหนึงของจิตที่หลอนคนป่วย หลอนเพราะจิตจำมาแบบนั้น เช่น จำมาว่าโดนตีที่สมอง, จิตบอกตัวเองว่า ไม่อยากจำเรื่องราวที่ทำให้เราเสียใจ เป็นต้น

แต่การที่อัลไซเมอร์ไม่ค่อยเกิดในคนหนุ่มสาว เพราะคนหนุ่มสาวยังมีไฟ มีความกระตือรือร้น จิตใจที่ถูกสภาพแวดล้อมต่างๆฝึกฝนจนสามารถรับเรื่องสะเทือนใจได้มากกว่า

แต่อีกนัยหนึ่ง คนใดก็ตามเป็นโรคอะไรยังไง เป็นที่กรรมกำหนดมาแล้วทั้งนั้น จะแก้ก็แก้ด้วยการไม่ทำอะไรที่ไม่ดี สรุปคือ ทำดี ละชั่ว อนาคตเมื่อใช้กรรมเก่าหมด วิบากแบบนั้นก็จะไม่มาเยือนอีก

ทางธรรมนี้ พิสูจน์ได้ พระที่ความจำดีมากๆ อย่างในหลวงก็ความจำดีมากๆ นั่นเพราะท่านฝึกจิตจนแกร่งกล้ามากพอจะบังคับจิตได้

จิตของทุกสิ่งในสามโลก จดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่จิตนั้นผ่านมาได้ จิตใต้สำนึกนั่นแหละค่ะ สำคัญมากๆ

กลับมาในทางโลก การฝึกสมองคือการเรียนรู้มากๆ รับเอาข้อมูลมาใส่ไว้ในสมอง ในจิตใจ แบบนี้เป็นการช่วยให้จิตได้สะสมข้อมูลมากขึ้น เมื่อมีข้อมูลมาก สมองที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้ก็สามารถประยุกต์ข้อมูลนั้นๆได้มากค่ะ

การฝึกใจได้ทางหนึ่งคือ เกมส์ที่ต้องใช้สมอง ทุกเกมส์แหละค่ะ เป็นการวัดอารมณ์ วัดจิตใจ เกมส์ประลองปัญญาต่างๆนั่น เป็นเกมส์พัฒนาจิตใจค่ะ

สรุป อัลไซเมอร์จะไม่เกิดขึ้นกับคนที่กรรมไม่ได้กำหนดมาให้เป็นแบบนั้น เราไม่มีทางรู้ได้ นอกจาก ฝึกจิต ฝึกจนได้ปัญญาญาน แล้วจะรู้ความจริง รู้กรรมของตัวเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2011, 09:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 09:11
โพสต์: 597


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุๆค่ะ ขอบพระคุณค่ะ :b8: :b8: :b8:

s006 s006 s006


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร