วันเวลาปัจจุบัน 18 พ.ค. 2025, 04:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 317 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 15:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ส.ค. 2009, 02:28
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




blumen_3.jpg
blumen_3.jpg [ 22.11 KiB | เปิดดู 5939 ครั้ง ]
tongue :b38: อนุโมทนากับบทความธรรมทานที่ท่านได้นำมาร้อยกรองไว้ค่ะ :b8: :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว




tanjaaskani_2.jpg
tanjaaskani_2.jpg [ 70.79 KiB | เปิดดู 5908 ครั้ง ]
" อิสระเสรี "

คำง่ายๆ ที่ใคร ๆ ก็ต้องการ อยากจะมี อยากจะไขว่คว้าหา ได้มาเป็นเจ้าของทั้งนั้น
ชีวิตถ้าขาดอิสระ มีกรอบต้องตีอยู่ตลอดเวลามันจะขาดสีสรรสักเท่าไหร่นะ

อิสระเสรี อยากจะโบยบินไปสุดขอบฟ้า ไปเอาเดือนดารามาไว้ที่นี่
อยากจะไปเจอวันที่แสนดีต่างจากวันนี้

อย่ากักขังใจตนไว้ต่อไปเลย ปล่อยไปเหมือนเคย
ตามเส้นทางนั้นเดินต่อไปอย่ามาขวาง นี่แหละชีวิต..." อิสระเสรี "

ปลดพันธนาการไปจากใจฉัน ปลดพันธนาการออกจากชีวิตฉัน อิสระเสรี อยู่ที่ไหน อิสระเสรี

ให้ลอยลมดอมดมอย่างเคยๆ ให้เป็นปูเป็นปลากลางท้องทุ่ง อย่าให้เป็นวัวเทียมเกวียนมีคนจูงไม่เอา

เพราะฉันแปลกๆ ..ฉันชอบแหกกฎ อย่ามากำหนด ให้ฉันเป็นอย่างใคร
เพราะฉันเถื่อนเถื่อน ไม่เหมือนคนทั่วไป ชอบเอาแต่ใจตน ปล่อยจิตให้ลอยไปนั้น...แหล่ะดี...

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




.8.bmp
.8.bmp [ 76.05 KiB | เปิดดู 5903 ครั้ง ]

แอบรักเธออยู่ในใจ
เก็บหัวใจไว้ให้เธอ
วันทั้งวันฉันมองเหม่อ
คิดถึงเธอทุกเวลา

เธอเหมือนฉันหรือเปล่า
รักคราวแรกแปลกหนักหนา
สุขสุขซึ้งซึ้งตรึงอุรา
สองสายตาประสานหวานเสียจริง

แอบรักเธอสุขเกินใคร
อยู่หนใดหมายแอบอิง
ใจฉันยังหวังเธอยิ่ง
ขอรักจริงรักเพียงเธอ

เธอเหมือนฉันหรือเปล่า
รักคราวแรกแปลกหนักหนา
สุขสุขซึ้งซึ้งตรึงอุรา
สองสายตาประสานหวานเสียจริง

แอบรักเธอสุขเกินใคร
อยู่หนใดหมายแอบอิง
ใจฉันยังหวังเธอยิ่ง
ขอรักจริงรักเพียงเธอ

ขอรักจริงรักเพียงเธอ...


http://www.imeem.com/people/j1UwtfH/music/uOXppw0E//

http://www.imeem.com/islandout/music/9IkE2rZB//



ขอให้มีความสุขกับชีวิตของตัวเองนะคะ
ชีวิตเรา .. เราเลือกได้ ....
เส้นทางนี้อีกยาวไกลค่ะ

สายน้ำ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2009, 01:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 15:57
โพสต์: 188

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




838404nq9m6qo16b.gif
838404nq9m6qo16b.gif [ 135.72 KiB | เปิดดู 5914 ครั้ง ]
"ความรักเริ่มต้นทำไมต้องสุข จุดจบทำไมต้องเศร้า"

ความรักของเราแต่ละคน อาจเริ่มต้นจากการพบกันโดยบังเอิญ
มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกันตอนไปงานเลี้ยง งานวันเกิดเพื่อนทำงานที่เดียวกัน
หรือรู้จักมักคุ้นกันตั้งแต่ยังเด็ก ฯลฯ

ไม่ว่าเราจะพบเจอกันด้วยเหตุการณ์แบบไหน
การเริ่มต้นของความรักก็มักเริ่มจากความสุขและความงดงามเสมอ
มีความทรงจำและความประทับใจในกันและกันจนต้องสานสัมพันธ์ต่อ

ทำความรู้จักตั้งแต่ผิวเผินจนมาเป็นคนรักกันในที่สุด
แต่ใครจะไปรู้ว่าความรักครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
ไม่ว่าจุดเริ่มต้นจะเป็นเช่นไร สุดท้ายก็มีแต่ความเศร้าอยู่ดี

แม้เราจะพยายามทำใจให้ยอมรับกับความไม่แน่นอนบ้างแล้วส่วนหนึ่ง
แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ ก็ไม่มีใครห้ามน้ำตาไม่ให้มันไหลได้เลยสักคน

ความรักนั้นมักถูกมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิต
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะให้ความสำคัญกับมันมากเป็นพิเศษ
และพยายามสืบเสาะหาใครคนนั้นที่จะมาเป็นคู่ชีวิต
เพื่อที่จะมาร่วมสร้างความสุข เสียงหัวเราะ มอบรอยยิ้ม
มอบสิ่งดีๆ ให้แก่กัน สร้างอนาคตที่สดใส
ใช้วันคืนและแบ่งปันความสุขความทุกข์ที่มีร่วมกัน
เมื่อถึงวันนั้นเราจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้มันอยู่กับเราไปนานๆ

แต่ความรักมันก็เหมือนเรื่องอื่นๆ ในชีวิต
ที่เราได้แต่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้น
รักกันให้ดีๆ ทำแต่สิ่งดีๆ พูดแต่สิ่งดีๆ มอบแต่สิ่งดีๆ ให้คนที่เรารัก
แต่มันจะลงเอยอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่อาจกำหนดผลได้
จะสมหวังหรือผิดหวังก็เป็นเพียงสิ่งที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง
เราคงไม่อาจไปทัดทานอะไรได้

หากเขาเป็นคนที่ใช่...สุดท้ายมันก็คือใช่
แต่หากเขาไม่ใช่...จะยื้ออย่างไรก็คงอยู่กับเราได้ไม่นานนัก
กับคำถามที่ว่าความรักมักเริ่มต้นด้วยความสุข และจุดจบจะต้องเศร้า
จึงไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป…

.....................................................
รูปภาพรูปภาพ
"สันติภาพมิได้เกิดจากสภาวะนิ่งเฉย หากแต่เกิดจากความเข้าใจ"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2009, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




.12.bmp
.12.bmp [ 120 KiB | เปิดดู 5911 ครั้ง ]

ฐานะเพื่อนสนิท
อดีตคนรู้ใจ
แค่เห็นเธอร้องไห้
ทำใจไม่ได้สักที
จะไม่ถามสักคำว่าใคร
ที่มันทำให้เธอต้องเป็น
เช่นวันนี้.........
ฉันรู้สึกไม่ดี
ฉันเป็นห่วงเธอ
เธออยากให้ฉันอยู่ด้วยไหม
อยากให้ฉันอยู่ด้วยไหมเธอ
จนกว่าที่เจ็บที่เจอมานั้น
มันจะบรรเทา
เธออยากให้ฉันอยู่กับเธอไหม
ต้องการใครสักคนหรือเปล่า
จนกว่าจะผ่านเรื่องราวที่ปวดใจ
ก็เหมือนกับเมื่อก่อน
เมื่อตอนเรารักกัน
เมื่อใดเธอไหวหวั่น
ก็ยังมีฉันทุกที
จะไม่ถามสักคำว่าใคร
ที่มันทำให้เธอต้องเป็น
เช่นวันนี้........
ฉันรู้สึกไม่ดี
ฉันเป็นห่วงเธอ
เธออยากให้ฉันอยู่ด้วยไหม
อยากให้ฉันอยู่ด้วยไหมเธอ
จนกว่าที่เจ็บที่เจอมานั้น
มันจะบรรเทา
เธออยากให้ฉันอยู่กับเธอไหม
ต้องการใครสักคนหรือเปล่า
จนกว่าจะผ่านเรื่องราวที่ปวดใจ
เธออยากให้ฉันอยู่ด้วยไหม
อยากให้ฉันอยู่ด้วยไหมเธอ
จนกว่าที่เจ็บที่เจอมานั้น
มันจะบรรเทา
เธออยากให้ฉันอยู่กับเธอไหม
ต้องการใครสักคนหรือเปล่า
จนกว่าจะผ่านเรื่องราวที่ปวดใจ
จนกว่าจะหมดเวลาของเพื่อนใจ

http://www.imeem.com/people/57ysVW/music/-z1AjNlL//

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2009, 00:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาลืมตาและสัมผัสความมีชีวิตของตัวเอง
ท่ามกลางเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่มองไปทางไหนก็มีให้เห็นมากมายเกินคณานับ
ยิ่งในที่ที่อุดมสมบูรณ์เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของเราก็ยิ่งมากมายทวีคูณเพิ่มมากขึ้น
จนวันหนึ่งเมื่อเรามองไปทางไหนก็แทบจะไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นใดที่แตกต่างจากเรา

เหตุใดใยเราต้องอาศัยกันอยู่เป็นสังคม
เหตุใดใยเราต้องอดทนอยู่ในสังคมที่แออัดยัดเยียด และมากด้วยปัญหาเช่นนี้
อาจเพราะที่นี่ง่ายต่อการดำเนินชีวิต ง่ายต่อการหาอาหารและง่ายต่อการสืบเผ่าพันธุ์
เราต่างมีวัตถุประสงค์ในการมีชีวิตเพียงแค่นี้หรอกหรือ

เราใช้ชีวิตที่แสนสั้นบนโลกใบนี้กันเพื่ออะไรกัน
เราต่อสู้กับหลายสิ่งหลายอย่างในช่วงหนึ่งชีวิตกันเพื่ออะไร
เราหายใจต่อไปเพื่อคงสถานะการมีชีวิตของเราไปเพื่อเหตุใด
คำตอบมากมายต่างพรูพรั่งออกมาอย่างมากมายมหาศาล
หลากหลายคำตอบคลับคล้ายกับการปัดที่จะตอบให้ตรงประเด็น
หลากหลายคำตอบต่างคล้ายยัดเยียด สิ่งที่ล่องลอยอยู่ตามสายลมที่ไม่สามารถจับต้องได้
ให้คล้ายเป็นคำตอบของการดำรงชีวิตอยู่ต่อไป
เพื่อเป็นกำลังใจในการเผาผลาญอากาศเฮือกต่อไปให้ดูเหมือนมีประโยชน์บ้าง

นั่งทบทวนตัวตนที่เป็นอยู่พร้อมๆ กับภาพพืชพันธุ์หนึ่งที่ใครๆ ต่างตราหน้าว่าเป็นวัชพืช
ว่าเป็นพืชพันธุ์ที่ไม่สามารถสร้างประโยชน์ได้และสุดแสนที่จะรกหูรกตา
เป็นพืชที่ตลอดช่วงชีวิตได้แต่ลอยไปลอยมา สร้างปัญหาให้แม้แต่ผู้พบเห็น
ไม่มีหัวคิดเป็นของตัวเองเป็นเพียงพืชพันธุ์ที่ล่องลอยไปอย่างเคว้งคว้างไร้ทิศทางของตัวเอง
กระแสน้ำทางไหนแรงที่น่าจะอยู่รอดได้ ก็หลั่งไหลล่องลอยกันไปแบบที่ไม่เคยคิดถึงวันพรุ่งนี้

ดำรงชีวิตลอยไปลอยมาอย่างไร้ประโยชน์ตามกระแสน้ำ
ดำเนินชีวิตตามกระแสที่ไม่รู้ว่าดีหรือเลวแต่ก็ต้องรวมกลุ่มกับส่วนใหญ่ไว้เพื่อความอยู่รอด
โดยที่ตลอดชีวิตก็ยังชูช่ออย่างชื่นบานโดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องรับรู้
ว่าใครๆ ต่างให้คำจำกัดความในการมีชีวิตของพวกมันว่า “ สวะ “

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2009, 02:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




10690.gif
10690.gif [ 13.4 KiB | เปิดดู 16747 ครั้ง ]
หนังสือเล่มหนึ่ง,,,เค้าว่าความรักเป็นเหมือนปิศาจล่องหน
ปั่นป่วนจิตใจ สร้างเรื่องราวได้สารพัด
ทั้งที่เนื้อแท้นั้น "ไร้ตัวตน"

อากาศร้อนๆตอนบ่ายๆลากความคิดให้ลุกโดดออกจากเตียง
หลังจากหมกตัวอย่างไร้ความกระฉับกระเฉงมาหลายวันเต็ม
ออกไปหาคำตอบกับเจ้าสิ่งๆนั้น
"ความรัก" มีตัวตนจริงหรือ??

หรือสุดท้าย
จะเป็นเพียง "สุญญากาศที่เจือด้วยมโนสำนึก" เท่านั้น

คิดหัวเเตก,,,,,ปัญหาโลกแตก,,,,,,
ไก่กาพอๆกับคำถามเด็กน้อย "ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน?"

หัวคิด มือเเละตายังคงซึมซับกับหนังสือเจ้าปัญหาเล่มเดิม
อ่านไป,,,,บางตอนเริ่มเห็นด้วย

ในขณะที่บางตอนอยากจะตะโกนเเย้งให้บ้านแตก!!!
ถ้าไม่ติดว่าพ่อกำลังนั่งสมาธิ
เเละแมวที่กร่างประหนึ่งเจ้าของบ้านกำลังนอนหลับ

สุดท้าย,,,,ก็ผสมกลมกลืนคำตอบออกมาเอง
เรียกว่า มั่วจนหายข้องใจก็ไม่ผิด 55 555

"ความรัก" ไม่ได้เป็นสุญญากาศที่เจือด้วยมโนสำนึก

เเต่ก็ใกล้เคียง,,,,
เป็น "อากาศ" ที่บวกกับความคิด บวกกับศรัทธาของผู้ที่มีรัก
ไม่สามารถจับต้องได้
เเต่ไม่ไร้ตัวตน

เพราะความบางเบาเช่นนี้เองมั๊ง คนถึงได้พยายามที่จะสร้างรูปร่างให้มัน
เพราะรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ จึงปรารถนาจะสัมผัสจับต้อง
หากไร้ตัวตนในสายตาของผู้คน ก็คงจะไม่ได้รับความสนใจ
และไม่ถูกแปรรูปไปมากมาย

คนสร้างตัวตนของความรัก ด้วยการมี "ผู้เป็นที่รัก"
เป็นตัวแทนของอากาศบางเบา เป็นจุดมุ่งหมาย
ที่เหมือนรวมเอาอากาศเเละศรัทธานั้น มาปั้นเป็นตัวตน

"ความรักหน้าตาประมาณไหน ความรักจะใจดีแบบเธอไหม"

ถ้าให้ตอบ คงไม่มีอะไรง่ายเท่านี้

"ความรัก...ก็หน้าเหมือนเธอผู้ถูกรักนั่นเเหละ"

หน้าตาของความรัก ในบางครั้งอาจไม่ได้สวยงาม
หรือแม้เเต่บางครั้ง ไม่จำเป็นต้องสมประกอบ

ความรักไม่ได้มีริมฝีปากสีชมพู หรือแก้มแดงระเรื่อ ไปเสียทุกครั้ง
บางทีหน้าตาของความรัก อาจเป็นใบหน้าโทรมๆเปื้อนเหงื่อ
มีเพียงริ้วรอยของกาลเวลา มากกว่ารอยประทับของเครื่องสำอางค์...

กลิ่นของความรัก,,,อาจไม่จำเป็นต้องหอมหวานเหมือนน้ำหอม
ไม่ได้ติดจมูกแบบกลิ่นดอกไม้
หรือบางทีอาจเป็นเพียงกลิ่นเหงื่อ หรือควันไฟ
เสียงของความรัก,,,,อาจไม่ใช่เสียงไพเราะจากสวรรค์
อาจไม่ใช่เสียงระฆังวิวาห์จากโบสถ์คริสต์

บางทีอาจเป็นคำว่า "ฮัลโหล" สั้นๆ ในโทรศัพท์.....เเค่นั้น

"ความรัก" ก็เเค่นั้น....

แค่บุคคลผู้ถูกรัก....ซึ่งเป็นคนธรรมดา เท่านั้นเอง

"คุณคงไม่มีวันรู้ว่าความรักหน้าตาอย่างไร หากหัวใจยังไม่มีภาพของผู้ถูกรัก"

มุมน้อยๆ ::
เมื่อเจ้าของไดอารี่เริ่มเพ้อ
จากการอ่านนิยายรักวันละหนึ่งเล่ม เล่นอินเตอร์เน็ต
นอนฝัน ไม่ออกไปพบไปเจอผู้คน
ทำให้โลกเล็กๆ อิ่มเอมกับความฝัน
วันสุดท้ายเเล้วก่อนที่พรุ่งนี้จะกลับสู่วงจรวุ่นวาย
ขอสูดความฝันให้เต็มปอดเถอะ

ซู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!! อ่าห์.....ชื่นใจ

ยังยิ้มได้
แม้เป็นช่วงเวลาที่ทำอะไรไม่ได้
กับความรู้สึกในหัวใจลึกๆ
ได้เเต่ภาวนา.....
ให้สิ่งสำคัญของเธอผู้เป็นที่รักของฉัน
กลับมาไวๆ
ฉันไม่ได้หวังอะไร...
มากกว่าให้หน้าตาความรักของฉัน
และรอยยิ้มกว้างๆ

ที่เห็นบ่อยๆ
ก็มักเป็นรักเเต่เเรกพบ รวดเร็ว รุนแรง
เเต่ในชีวิตจริง
ที่เราเห็นบ่อยๆ
ใครคนหนึ่งร้องไห้ และมีอีกคนอยู่ใกล้ๆ
เราหัวเราะ เขาก็อยู่ใกล้ๆ
รถเสีย เขาก็เป็นคนที่ขับรถมารับ
เรายิ้ม เขาก็ยิ้มไปกับเรา
เราร้องไห้...
ปากเขาบอก "จะร้องไปทำไม"
สายตาบอกเชิญร้องได้ ฉันไม่ไปไหนหรอก
ใจเราเลยเริ่มคิดดังๆ
ดีจังที่มีเธอ
เป็นตอนนั้นเองที่เราเข้าใจว่าอะไรคือ "รัก"

เห็นว่ามันน่ารักดี
เเต่หากเป็นอย่างนั้น ฉันคนนี้ก็คงยังไม่เข้าใจอยู่ดี
ว่าอะไรคือรัก

ยังรอไหวน่า....(บอกตัวเอง)
ก็วันนี้ยังไม่ได้ทำรถเสียสักหน่อยนี่นา
ก็เธอไม่ได้ทำให้ฉันคลั่งไคล้นี่นา
เธอไม่ได้ทำอะไร,,,,,สติฉันก็ยังดี
และเเค่มีความสุขที่ได้รักเธอวันนี้
แม้ไร้หน้าตาและตัวตนก็ตาม

คุณลอย..ลุงตอบ..คุณได้เท่านี้นะ...ที่เหลือคุณต้องตอบเองแล้ว..ล่ะ

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงมะตูม เมื่อ 26 ต.ค. 2009, 18:55, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2009, 03:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว




Ben-018.jpg
Ben-018.jpg [ 36.15 KiB | เปิดดู 5825 ครั้ง ]
ลุงมะตูม เขียน:
หนังสือเล่มหนึ่ง,,,เค้าว่าความรักเป็นเหมือนปิศาจล่องหน
ปั่นป่วนจิตใจ สร้างเรื่องราวได้สารพัด
ทั้งที่เนื้อแท้นั้น "ไร้ตัวตน"

ฉันคนนี้ก็คงยังไม่เข้าใจอยู่ดี.....ว่าอะไรคือ....รัก

เเค่มีความสุขที่ได้รักเธอวันนี้
แม้ไร้หน้าตาและตัวตนก็ตาม

คุณลอย..ลุงตอบ..คุณได้เท่านี้นะ...ที่เหลือคุณต้องตอบเองแล้ว..ล่ะ


ขอบคุณครับ...คุณลุง :b2: :b2:

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2009, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




2.bmp
2.bmp [ 231.83 KiB | เปิดดู 5816 ครั้ง ]
2 a.m. and the rain is falling here we are at the crossroads once again
You e tell in me you e so confused you can make up your mind
Is this meant to be you e asking me


But only love can say try again or walk away
But I believe for you and me the sun will shine one day
So Ill just play my part and pray youll have a chance of heart
But I can make you see it through thats something only love can do

In your arms as the dawn is breaking face to face and a thousand miles apart

Ive tried my best to make you see theres hope beyond the pain
If we give enough if we learn to trust



I know if I could find the words to touch you deep inside
Youd give our dream just one more chance, don let this be our last goodbye



Thats something only love can do


http://music.virginradiothailand.com/song/1449

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2009, 19:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




01212_15.jpg
01212_15.jpg [ 49.78 KiB | เปิดดู 5810 ครั้ง ]
สูงสุดแห่งพิภพ เวหา
สูงสุดยอดวิชา ทั่วแคว้น
สูงสุดยิ่งยศถา มากทรัพย์
สูงสุดสรรพสิ่งแม้น ว่าไร้ตัวตน


เล่าเรื่องจากหลวงปู่........

ความไม่เที่ยง... แม้ทางวิทยาศาสตร์เองก็ต้องยอมรับ
ผู้มีปัญญาย่อมมองเห็นแก้วที่แตกแล้วในใบที่ยังไม่แตก

เคยมีผู้กล่าวกันว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่มองโลกในแง่ร้าย เพราะไม่ว่าสิ่งใด ท่านก็ว่าไม่เที่ยงแท้แน่นอนเสียหมด แถมยังบอกว่า กาย และจิต ของเรานี้ก็ไม่เที่ยงด้วย

เรื่องกายนั้น ท่านบอกว่ามีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา หลายคนต่างเถียงในใจว่า กายของเราก็อยู่นี่ จะมาว่าเกิด ดับ ตายไปได้อย่างไร ช่างเป็นความเห็นที่พิลึกจริงๆ

แต่พอครูบาอาจารย์บอกเราว่า ขอให้เราไปเอารูปถ่ายของเราตอนอายุ 3-4 ขวบ มาดูซิ แล้วเอารูปถ่ายในเวลาปัจจุบันนี้มาเทียบ แล้วให้พิจารณาอย่างลึกซึ้งว่า เด็กคนนั้นคือเราในปัจจุบันนี้ใช่หรือไม่ หลายคนจึงจะเริ่มยอมรับว่าร่างกายของเรา หรือ รูป ของเรานี้ไม่เที่ยงจริงๆ

ทุกเวลานาที กายของเรานั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราจะมีอายุเพิ่มขึ้นทุกเวลานาทีที่ผ่านไป แถมเซลทั้งหลายในร่างกายก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และบางส่วนก็มีการตายไปเรื่อยๆด้วย เกิดแล้วก็ตายไป หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างนั้น นักวิทยาศาสตร์เองก็ยังต้องยอมรับ คนที่เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งหลายย่อมจะรู้เรื่องนี้ดี เซลผิวหนังชั้นนอกสุดของเราชั้นหนังกำพร้า มีการตายทุกวัน เราจึงต้องอาบน้ำทุกวันเพื่อขัดถูมันออก สิ่งนั้นเรียกว่าขี้ไคล้ ถ้าพูดแบบตลกๆก็คือ นั่นคือศพของเซลหลายๆ พัน หลายๆ หมื่นศพบนร่างกายของเราที่ต้องเอาออกไป เซลผิวหนังชั้นต่อไปก็งอกขึ้นมาแทนที่ นี่คือการเกิด การดับ ตลอดเวลาบนร่างกายของเรา ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่เรียนทางหมอก็น่าจะรู้ดีว่า ผนังลำไส้ชั้นในสุดของเรา ก็มีการหลุดลอกล้มตายแล้วเกิดใหม่ทดแทนภายใน 2 -3 วันอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ส่วนเซลอื่นๆ ที่เหลือแม้ยังไม่ตายก็จะเสื่อมถอยไปเรื่อยๆ สรุปแล้วร่างกายของเรา หรือกายของเราซึ่งเป็นที่ชุมนุมของ รูปกลาป

ตามคำที่เรียกในพระไตรปิฎกนั้น มีการเกิดการตายอยู่ตลอดเวลาจริง และนักวิทยาศาสตร์ก็รู้เรื่องนี้ดี

กายของเราจึงมีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลาจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะเกิดดับไม่พร้อมกันทั้งหมดก็ตาม แล้ววันหนึ่งก็จะถึงวันตายครั้งใหญ่ ตายแบบที่เราเห็นๆกัน คือตายทั้งร่าง คงอยู่ไม่ได้ ทุกอย่างไม่ทำงาน ท่านว่ากายแตกลงดิน เหมือนวันที่ดอกไม้กลีบสุดท้ายต้องร่วงลงสู่พื้นดิน เมื่อกายมีการตายครั้งใหญ่ จิต ที่อยู่คู่กันจำต้องไปหาบ้านแห่งใหม่

ส่วนจิตนั้นเล่า เป็นอย่างไร ท่านว่า จิตนี้ก็ไม่เที่ยง มีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา เพียงชั่วหนึ่งลัดนิ้วมือ จิตมีการเกิดดับไปนับครั้งไม่ถ้วน เรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์กันไม่ได้ เพราะยังมึนงงอยู่ว่า จิต นั้นอยู่ตรงไหน คงจะอีกยาวไกล กว่านักวิทยาศาสตร์จะยอมรับและเข้าใจเรื่องนี้ แต่ พระพุทธองค์รู้สิ่งเหล่านี้มาถึง 2500 ปี และอธิบายเรื่องจิตเสียละเอียดละออ

หลวงปู่ท่านว่า
เมื่อเรามองดูดอกไม้ เราก็ควรรู้ว่าสักวันหนึ่งมันจะแปรเปลี่ยนเป็นขยะ เส้นทางของมันเป็นเช่นนั้นเสมอ

หลวงปู่ชาท่านเมตตาเสริมว่า
เมื่อเรามองเห็นแก้วน้ำตั้งอยู่ เราควรจะรับรู้ว่า แก้วนั้นได้แตกไปแล้ว
เพราะมันจะเป็นเช่นนั้น ผู้มีปัญญาย่อมมองเห็นแก้วที่แตกแล้วในใบที่ยังไม่แตก

"อนิจจังมันไม่เที่ยง"
ความไม่เที่ยง จึงเป็นความจริง แม้จะมองเฉพาะเรื่องของรูปกายที่เราเห็นๆกัน
นี่คือความจริงของชีวิต ที่ไม่มีใครจะปฎิเสธได้ นี่ไม่ใช่การมองในแง่ร้าย
แต่มันเป็นความจริงแท้ของชีวิตเรา และไม่ว่าหลวงปู่... หรือหลวงปู่ชา ก็กล่าวเหมือนกัน
กล่าวถึงความจริงแท้อันเดียวกัน คือ "ทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง "

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 05 ต.ค. 2009, 20:24, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2009, 22:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




crw_0803.jpg
crw_0803.jpg [ 94.78 KiB | เปิดดู 5793 ครั้ง ]
เมื่อคนในโลกรู้จักความสวยว่าสวย
ความน่าเกลียดก็อุบัติขึ้น
เมื่อคนในโลกรู้จักความดีว่าดี
ความชั่วก็อุบัติขึ้น

มีกับไม่มีเกิดขึ้นด้วยการรับรู้
ยากกับง่ายเกิดขึ้นด้วยความรู้สึก
ยาวกับสั้นเกิดขึ้นด้วยการเปรียบเทียบ
สูงกับต่ำเกิดขึ้นด้วยการเทียบเคียง
เสียงดนตรีกับเสียงสามัญเกิดขึ้นด้วยการรับฟัง
หน้ากับหลังเกิดขึ้นด้วยการนึกคิด

ดังนั้นปราชญ์ย่อม
กระทำด้วยการไม่กระทำ
เทศนาด้วยการไม่เอ่ยวาจา
การงานทั้งหลายก็สำเร็จลุล่วงลง

ท่านให้ชีวิตแก่สรรพสิ่ง
แต่มิได้ถือตัวว่าเป็นเจ้าของ
ประกอบกิจยิ่งใหญ่
แค่มิได้ประกาศให้โลกรู้
เหตุที่ท่านไม่ปรารถนาในเกียรติคุณ
เกียรติคุณของท่านจึงดำรงอยู่ไม่สูญสลาย

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 00:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




020.jpg
020.jpg [ 25.43 KiB | เปิดดู 5780 ครั้ง ]
วันนี้ตรงหน้าฟ้าช่างสวยแจ่ม
เมฆแต้มนวลนภาอ่อนหวาน
หลังพายุฝนลมแรงพัดราน
โลกก็ผ่านมาอีกวันให้ฝันไกล

ฤดูแปรฤดีเปลี่ยนวนเวียนว่าย
ทั้งดีร้ายสอนใจตนเริ่มต้นใหม่
เพียงลำพังอย่าฝากฝันที่ผู้ใด
วันพรากไกลจากจบรอพบพาน

ยามแรกคบเพื่อนรำพันราวน้ำผึ้ง
หลอกให้หลงจิตตรึงในคำหวาน
ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้หลายคราผ่าน
ต่างสาดรานสาดร้าวเข้าใส่กัน

สุดท้าย..ปลายทางภักดิ์
สิ้นรักสิ้นเสน่หากรวดน้ำคว่ำขัน
สัจจะอธิษฐานมั่นดั่งสัญญานิรันดร์
เพียงแค่ฝันชั่วคราหนาวเหน็บใจ

รักพระพุทธามิ่งมณีดีที่สุด
รู้หยุดตามรอยทางสว่างไสว
รู้เมตตารู้ค่าคำให้อภัย
รู้ลมหายใจสั้นยาวก็เท่านั้น

เลิกหลงทางว่ายวนปลูกปักรัก
ทุกข์แสนหนักยิ่งพาไกลจากสวรรค์
หากเคยมีหนี้เก่าชดใช้กัน
ให้คืนวันที่ได้พบ..
จบด้วยคำ..ขอ..อโหสิกรรม....!

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 08 ต.ค. 2009, 00:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




spa001.jpg
spa001.jpg [ 119.2 KiB | เปิดดู 5676 ครั้ง ]
"เพราะความคิด ... เพาะความรู้สึก
เพราะความรู้สึก ... เพาะการกระทำ
เพราะการกระทำ ... เพาะก่อให้สร้างนิสัย
เพราะนิสัย ... สร้างให้เพาะเป็นบุคลิก
เพราะบุคลิก ... เพาะกำหนดชะตากรรมตน
เพราะการ .. เพาะหว่าน ... เสร็จสิ้น
เพราะผล .. การเพาะ ... ย่อมน้อมนำให้เกิด...
... มีนิสัย บุคลิก และชะตากรรม เช่นนี้ ... ต่ออนาคตตน"


:b36: เพราะ...แปลว่า... ด้วย , เหตุ

:b36: เพาะ...แปลว่า...ปลูก , ทำให้เกิด

ขอบคุณค่ะ..ที่ลงบทความดีๆ ไว้ให้พิจารณา... :b8: :b8:

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"


แก้ไขล่าสุดโดย COMA! เมื่อ 13 ต.ค. 2009, 14:30, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2009, 00:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว




104-monk.jpg
104-monk.jpg [ 36.83 KiB | เปิดดู 5733 ครั้ง ]
เราไม่ควรพิจารณาตัดสินใจหรือพิพากษาใคร
เพียงเพราะรูปร่างภายนอกที่เรามองเห็นหรือได้ฟัง
เพราะมันเป็นการบ่งบอกให้รู้ว่าผู้นั้นยังมิได้ถูกขัดเกลา
หรือพัฒนาสติปัญญาและจิตใจให้สูงขึ้น
เช่นเดียวกัน...ผู้ที่มีการศึกษาที่สูงส่ง
ก็มิได้หมายความว่าจะมีสติปัญญาคิดได้ดีกว่าผู้อื่นเสมอไป
หากแต่ใจที่มีเหตุและผลสามารถยอมรับความแตกต่างได้ต่างหากเล่า
คือผู้ที่ถูกขัดเกลาแล้วอย่างแท้จริง

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"


แก้ไขล่าสุดโดย บุหลัน..เลื่อนลอย เมื่อ 10 ต.ค. 2009, 00:39, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2009, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


จริยธรรม

เป็นเพียงสิ่งที่ควรเพรียกหา ให้กับสังคมและชีวิตเท่านั้นหรือ ?

มือที่ถือปืนกับดอกไม้แตกต่างกันมากหรือไร ?

สันติสุขจำเป็นขนาดไหนกับชีวิต ?

คนดีจำเป็นหรือเปล่าที่จะต้องยิ่งใหญ่ ?

คนรวยแล้วไม่โกงมีจริงหรือในโลกนี้ ?

ทั้งๆที่แต่และคนต่างมีศาสนาแต่ทำมัยต้องห่ำหั่นกันด้วยเล่า ?

ความพอเพียงและเพียงพอจะมีได้จริงหรือเปล่า ?

ชีวิตคนเราปรารถนาเพียงแค่ความสุข กับความสบายเท่านั้นหรือ ?

มีมั้ยคำตอบจากสายลม ?

มีมั้ยคำตอบจากสายน้ำ ?

มีมั้ยคำตอบจากสายรุ้ง ?

มีมั้ยคำตอบจากดวงดาว ?

มีมั้ยคำตอบจากฟากฟ้า ?

มีมั้ยคำตอบจากผืนดิน ?

มีมั้ยคำตอบจากใจเพื่อน ?

นี่ ฉันถามอะไรโง่ๆ ออกมารึเปล่า ??????

จาก..ลานเทวา

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 317 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร